Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
เศษเสน่หา - บทที่ ๑.๒ สังเวียนเลือด

lozocat


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


หลอดไฟดาวน์ไลท์สีนวลตาส่องสว่างไปทั่วห้องนอนสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์พิเศษนำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น แต่กระนั้นความสวยงานภายในห้องจะชวนให้ใครต่อใครต่างหลับฝันอย่างง่ายดาย หากนั่นก็ไม่ใช่กับร่างแบบบางที่อยู่ในห้องที่เดินวนไปมาราวกับหนูติดจั่น


ตู้เสื้อผ้าริมผนังเต็มไปด้วยราวไม้แขวนเสื้อผ้านับหลายร้อยตัว ลิ้นชักชั้นล่างบางชั้นเปิดแง้มค้างไว้หลังจากที่หญิงสาววุ่นวายรื้อนู่นรื้อนี่ทุกซอกทุกมุมแล้วทิ้งมันไว้เช่นนั้นอย่างไม่ใส่ใจ แม้กระทั่งโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ชิดริมหน้าต่างบานที่เคยเป็นระเบียบเรียบร้อย ในตอนนี้กลับระเกะระกะไปด้วยแฟ้มเอกสาร สมุดบันทึก และหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่ล้วนแล้วแต่เป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจทั้งสิ้น บางกรอบข่าวนั้นถูกตัดออกมาด้วยกรรไกรคมๆ เหมือนกับเจ้าตัวต้องการเก็บมันเอาไว้ ส่วนด้านปลายเตียงมีโต๊ะเครื่องแป้งเต็มไปด้วยกองขวดครีมบำรุงผิวสารพัดยี่ห้อ น้ำหอมแบรนด์ดังเรียงรายกันเป็นตับราวกับยกเคาน์เตอร์ห้างมาวางไว้ให้เลือกสรร

เสียงถอนหายใจหนักๆอย่างไม่อาจนับครั้งได้ว่ามากเท่าไหร่ถูกพ่นออกมาทางสันปลายจมูกโด่งเล็กอีกระลอกก่อนที่ร่างบางแต่เต็มตึงไปด้วยความสะพรั่งของวัยสาวจะเอนตัวล้มลงไปนอนหลับตาพักหนึ่ง ทว่าไม่นานก็พลิกตัวขลุกขลักไปมาบนกลางเตียงกว้างไม่หยุด นานกว่าสองชั่วโมงแล้วทว่าเจ้าของห้องก็ยังไม่สามารถข่มเปลือกตาลงได้เลย


แสงสลัวๆที่ลอดผ่านช่องประตูออกมาทำให้เท้าใหญ่ใต้รองเท้าสลิปเปอร์เนื้อนุ่มต้องหยุดชะงักมองประตูหน้าห้องนั้นด้วยความหนักใจไม่แพ้กัน เกือบครบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขากับมิชาอาศัยอยู่ที่นี้แต่ดูเหมือนว่าน้อง เขาเหมือนยังปรับตัวกับที่นี่ตัวไม่ได้เลย

“ไมนซ์พี่เข้าไปนะ” ชายหนุ่มส่งเสียง แล้วหมุนลูกบิดหน้าออกเปิดประตูเข้าไปอย่างเคยชินว่าหญิงสาวไม่เคยล็อคประตูห้องมาแต่ไหนแต่ไร

“ทำไมยังไม่หลับอีก ไม่สบายใจเหรอ?” น้ำหนักจากร่างสูงที่นั่งลงมาจนที่นอนด้านข้างยุบลง ทำให้คนที่พยายามแสร้งหลับค่อยๆขยับตัวขึ้นมานั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ถ้าไมนซ์สะกดจิตตัวเองได้ก็คงดี บางทีอาจจะได้รู้สึกเจ็บปวดน้อยลงกว่านี้”
ดวงตาคู่สวยแฝงประกายเศร้ายามหยิบกรอบรูปข้างเตียงลงมามอง ภาพถ่ายเดิมเคยเป็นสีแต่กาลเวลาทำให้สีสันบางส่วนซีดเหลืองและขาดไปบ้าง ทว่ายังพอมองเห็นใบหน้าของชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะแขนขวาและซ้ายตระกองกอดบุตรสาวและบุตรชายด้วยใบหน้านั้นอิ่มเอิบเต็มไปด้วยความสุขจนน่าอิจฉา

ลมหายใจมิคาเอลขัดแน่นอยู่ในอก การได้รู้ว่าบิดาได้จากไปโดยฝีมือคนชั่วเขาทั้งเสียใจและเจ็บปวดไม่แพ้กัน แต่การได้เห็นคนตรงหน้าที่เขารักยิ่งอะไรทั้งปวงต้องทุกข์ทรมานมาตลอด ใจของเขายิ่งเจ็บกว่าถูกมีดกรีดเป็นพันครั้งๆ

“พี่เล่านิทานให้ฟังมั้ย?...”


“ไมนซ์อายุยี่สิบสามแล้วนะคะ” ร่างบนเตียงกว้างหันหน้ามาทำเสียงเข้ม ย่นจมูกมุ่ยใส่ผู้พี่พี่ชายคล้ายแง่งอนที่เขายังมองเห็นตนเองเป็นเด็ก แต่เมื่อเสียงทุ้มเอื่อยๆเริ่มเล่านิทานให้ก็ล้มตัวนอนราบอย่างเชื่อฟัง นัยน์ตาสีควันทอดมองใบหน้าหวานกึ่งกลางหมอน ขนตางอนยาวค่อยๆปรือปิดลงช้าๆ ขณะที่ฝ่ามือใหญ่คอยลูบศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยนไม่ห่างเหมือนเห่กล่อมเด็กทารก ไม่เช้าร่างที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาเกือบยี่สิบปีก็เข้าสู่นิทรารมย์

ชายหนุ่มก้มหน้าลงจุมพิตแผ่วเบาบนหน้าผากเนียนเกลี้ยงด้วยความรักและเอ็นดู พร้อมกับจับกรอบรูปที่หญิงสาวกอดแนบอกกลับขึ้นมาตั้งวางไว้บนโต๊ะเช่นเก่าอย่างเบามือ หลังจากนั้นเขาจึงดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมห่มให้แล้วเดินจากห้องไปเพื่อพักผ่อน


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


แสงแดดแรงจัดสาดส่องไปทั่วห้องทำงานใหญ่เหนือชั้นบนสุดของอาคารสูงตระหง่านฟ้าใจกลางเกาะฮ่องกง ร่างเพรียวบางในชุดเดรสคล้องสั้นคอสีไวน์แดงเผยให้เห็นผิวเนียนและเนินหน้าอกอิ่มขาวละเอียดดุจผิวไข่มุกน่าสัมผัส ยืนประจันหน้ากับหน้ากระจกใสในห้องทำงานใหญ่ของตนสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบอ่าวแบบพาโรนาม่า ทว่าใบหน้าหวานงดงามซึ่งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ชั้นนำกลับสะท้อนภาพความเศร้าหม่นยามเหม่อมองลงไปถนนเบื้องล่างและตึกรามอาคารที่โอบล้อมรอบพื้นที่แห่งนี้ไม่ต่ำกว่า 50 แห่ง


ไม่เคยมีวันใดเลยที่หล่อนจะไม่เห็นผู้คนเดินไปมาขวักไขว่สวนกับรถราบนถนนสายสำคัญอย่าง ถนนนาธานแห่งนี้ เพราะไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย ค่ำ ทั้งผู้คน ทั้งยวดยานพาหนะใหญ่เล็กก็ยังคงแล่นไปมาอยู่บนถนนซึ่งเทด้วยยางมะตอยสีดำอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะหลายปีที่ผ่านมานี้ปริมาณทั้งนักท่องเที่ยวจากแถบยุโรปเริ่มพุ่งสูงขึ้นเข่งกับนักท่องเที่ยวในแถบเอเชียซึ่งเป็นฐานเดิมที่หลั่งไหลเข้ามาในฮ่องกงเป็นประจำ ทำให้เกิดมีกลุ่มนักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนในที่นี่มากขึ้นตาม จนหลายบริษัทในฮ่องกงถูกนักธุรกิจต่างชาติเข้ามามีบทบาทรวมถึงเปลี่ยนมือไป

เสียงเคาะประตูจากด้านนอกเรียกสายตาติดภวังค์ของหญิงสาวเลื่อนกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

หล่อนตวัดมองร่างชายหนุ่มร่างสูงเพรียวสวมด้วยชุดสูทสีดำรีดเรียบคมกริบที่เข้ามาขัดจังหวะความสงบทันที จนเจ้าของร่างนั้นต้องก้มหน้านิ่ง ไม่ต้องเอ่ยบอกหล่อนก็อ่านท่าทางของคนสนิทได้ทันทีว่าต้องมีปัญหาบางอย่างถึงได้ขืนคำสั่งที่หล่อนห้ามใครรบกวนเข้ามา

“มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย?”

ริมฝีปากบางระบายด้วยสีชมพูระเรื่อเน้นความอ่อนหวานขยับถามเบาๆเมื่อรู้สึกว่าว่าเลขาฯหนุ่มเงียบไปถนัด ก่อนหันมาพบว่าใบหน้าของเขากำลังซีดเผือด ดวงตาทั้งสองข้างถลนมองรอยหยดเลือดบนพื้นห้องเหมือนหล่อนได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง

“ถ้าสนใจสิ่งที่อยู่บนพื้นห้องมากกว่าตอบคำถามฉัน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ก็ลงไปทำตำแหน่งผู้ช่วยแม่บ้านได้ซะสิ ฉันอนุญาต”
ชายหนุ่มรีบเงยหน้า กระแอมคอกลบเกลื่อน รีบเอื้อนเอ่ยทันที

“เอ่อ...ขอโทษครับบอส...ผมว่าผมอยู่ช่วยบอสดีกว่าครับเพราะผมทำความสะอาดไม่เก่ง คือตอนนี้ห้องประชุมกำลังมีปัญหา...” เสียงปลายประโยคสุดท้ายหลบอยู่ในริมฝีปากที่กำลังขบเม้มกันอย่างอึดอัด เขาทำงานกับหล่อนมาเกือบสามปีแล้ว หากระยะเวลาไม่ได้ทำให้เขาสามารถวางตัวสบายๆต่อหน้าหล่อนได้เลยสักครั้ง เพราะถึงว่าหล่อนดูสวยเย้ายวนแค่ไหน แต่หล่อนคือผู้หญิงไร้หัวใจและสามารถปลิดลมหายใจคนได้อย่างเลือดเย็นที่สุด

“แต่ฉันไม่ได้เป็นคนเรียกประชุม”
มิชาเอ่ยเสียงเรียบ ทว่านัยน์ตากลมโตคู่เดิมกลับมีรอยเกรี้ยวกราดขึ้นมาแทนที่


“ผมรู้ครับว่าไม่ใช่บอส แต่พวกเขา-- “ ชายหนุ่มก้มหน้าไม่รู้จะต่อประโยคที่เหลืออย่างไรดี สองมือที่กำแฟ้มเอกสารเย็นเฉียบยามพบมีดพับซึ่งตกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากปลายเท้ามาก

“ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี จู่ๆพวกกรรมการอาวุโสในบริษัทเราน่ะครับรวมกลุ่มกันเรียกทุกฝ่ายเข้าประชุม ซึ่งหัวข้อนั้นผมว่าบอสต้องไปดูเองด้วยตาดีกว่าครับ” สิ้นคำรายงานเลขาฯหนุ่มก็รีบกรูดออกไปทันทีเมื่อเห็นแววตาวาวโรจน์ของนายสาว เขารู้ได้เลยว่าวันนี้จะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ เผลอๆเขาอาจพลอยโดนหางเลขอารมณ์ของหล่อนด้วยเช่นกันที่ไม่อาจควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้

เสียงฝีเท้าของพนักงานเดินสวนผ่านตามทางโถงทางเดินไปมาอย่างวุ่นวายผิดปกติ ทำให้มิชาที่ก้าวตามหลังออกมาต้องชะงักฝีเท้า หยุดมองภาพตรงหน้าด้วยความสงสัย ปกติในสัปดาห์สุดท้ายของการทำงานที่นี่จะสงบเงียบพนักงานทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตากันทำงานที่คั่งค้างที่เสร็จเพื่อจะได้ใช้ชีวิตผ่อนคลายอย่างเต็มที่ในวันหยุดสองวัน ทว่าวันนี้ทุกคนไม่ว่าระดับล่างหรือสูงต่างดูร้อนรนเหมือนมีปัญหาใหญ่โตเกิดขึ้นในบริษัท

ทันใดนั้นหญิงสาวจึงหันไปหาเลขาฯหนุ่มซึ่งบัดนี้ยืนรอหล่อนอยู่แล้ว หน้าประตูไม้โอ้กบานคู่ ข้างทางเข้ามีบอดี้การ์ดยืนอยู่ราวหกคนยืนขนาบซ้ายขวา และจากความเชี่ยวชาญในการจดจำคนเก่ง หล่อนบอกตัวเองได้เลยว่าจำนวนหกคนนั้นไม่ใช่คนของหล่อนแน่

แล้ว...คนของหล่อนหายไปไหนกันหมด


ขาก้าวออกไปข้างหน้า หญิงสาวก็เริ่มรู้สึกประหม่าไม่มั่นคงขึ้นมาจนอยากหยุดนิ่งอยู่ที่เหมือนรูปปั้นริมผนัง ใจหนึ่งหล่อนอยากละทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง อยากเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยมีเงินทองล้นฟ้า ขอแค่สามารถใช้ชีวิตไปอย่างไม่ต้องคอยระแวงใครต่อใคร แต่ใจหนึ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่ได้รับหลังเสียบิดาผู้อันเป็นที่รักไปมันกลับทำให้หล่อนตัดใจละทิ้งสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ไม่ได้ การตายของบิดาหล่อนไม่ใช่แค่อุบัติเหตุอย่างที่กรมตำรวจตัดสิน แต่เป็นการฆาตกรรมอย่างโหดร้าย ความสูญเสียที่เกิดขึ้นนี้ต้องมีผู้ชดใช้และหล่อนจะให้มันผู้นั้นชดใช้อย่างสาสม!!

หญิงสาวพร่ำบอกตัวเองในใจให้ก้าวต่อไปอย่างอดทนและกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมที่ตนเองผู้เลือกให้ได้ แล้วริมฝีปากสีกุหลาบก็เหยียดยิ้มออกมาด้วยความสะอิดสะเอียนเมื่อสายตากระทบกับพรมหนาสีแดงเข้มซึ่งถูกปูยาวไปตามโถงทางเดินรองรับส้นรองเท้าที่เหยียบย้ำลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูแล้วช่างเหมือนสีเลือดเจิ่งนองบนพื้นห้องหล่อนไม่มีผิด

มือเรียวขาวกำเข้าหากันแน่นจนปลายเล็บยาวที่เพ้นท์อย่างสวยงามจิกเข้ากลางฝ่ามือจนเป็นรอยลึก
เพื่อระงับความสับสนภายในใจ หล่อนเลือกแล้วที่จะเดินเข้ามาในเส้นทางนี้แล้ว หล่อนจะต้องเดินต่อไป ต่อให้ข้างหน้าจะมืดมนแค่ไหนหล่อนจะหันกลับไม่ได้เด็ดขาด!!

มิชาเดินมาอยู่เบื้องหน้าประตูไม้แกะสลักบานใหญ่และหนาหนักจนข่มร่างหล่อนให้ดูเล็กเหมือนมดกระจ้อย หลังจากหยุดยืนนิ่งเพียงไม่กี่นาที บานประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดกว้างออก

บรรยากาศในห้องที่อึมครึมมาหลายนาทีเหมือนจะแตกลั่นราวสายฟ้าฟาดหลังจากหญิงสาวก้าวเข้ามาถึง ดวงตากลมโตกวาดมองใบหน้าตึงเครียดของผู้บริหารอาวุโสและหุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัทที่นั่งอยู่รอบห้องกำลังทยอยลุกขึ้นยืนทำความเคารพตนเองช้าๆอย่างไม่ค่อยเต็มใจกันนัก

ผู้บริหารหลายคนลงความเห็นว่าการที่หญิงสาวขึ้นมาบริหารงานแทน 'นายใหญ่' นั้นไม่เหมาะสมทุกคนรู้ว่า หญิงสาวและมิคาเอลผู้เป็นพี่ชายไม่ได้เป็นทายาทแท้ๆของเจียงจินเฉิง แต่เป็นเพียงแค่บุตรบุญธรรมที่เจียงจินเฉิงรับเลี้ยงมา แต่กลับได้รับความไว้วางใจให้ดูแลกิจการทุกอย่างทั้งท่าเรือ บริษัทและกิจการต่างๆที่มีอยู่ทั่วฮ่องกง สรุปก็คืออำนาจทุกอย่างตกอยู่ในมือสองพี่น้องคู่นี้หมด ผิดกับลูกชายแท้ๆอย่างหลี่เซินและหลี่หมิงที่ไม่ได้อะไรเลย แต่ทว่าเหตุผลนี้ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ผู้บริหารอาวุโสหลายคนเข้ามาร่วมการประชุมวันนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการมากกว่าการทวงสิทธิ์นั้นคืนนั่นก็คือ......


ทำให้หญิงสาวออกไปให้พ้นจากเก้าอี้ประธานบริษัทนี้ซะ!!

“อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะคะ ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่คะ”


“พวกเราที่อยู่ในที่นี้ต้องการให้คุณออกไปจากที่นี่ซะ” หนึ่งในบรรดาผู้ร่วมประชุมลุกขึ้นเอ่ยอย่างขึงขัง ท่าทางและน้ำเสียงของเขาทำให้หญิงสาวต้องเบนสายตาไปมองอย่างสนใจ ในบรรดาที่นั่งหน้าสลอนอยู่ในนี้หล่อนคุ้นเคยเกือบหมด ยกเว้นคนๆนี้ เขาสวมสูทผ้าวูลสีเบจเข้าชุดกับกางเกง ไม่เหมือนคนอื่นที่สวมแต่สีทึมเทากับดำ เขาดูแตกต่างกับทุกคนที่มาที่นี้มาก ทั้งการแต่งตัวที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยเพราะแม้จะสวมสูทแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวในของเขากลับปลดกระดุมลงมาจนถึงกลางอกเผยให้เห็นผิวเนื้อสีแทนเนียนอวดกล้ามมัดภายในและจี้ทองลวดลายแปลกตาขนาดใหญ่ซึ่งดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

“ที่คุณพูดเป็นคำสั่งคุณลุงจินเฉิงหรือเปล่า?! ถ้าไม่ใช่ฉันก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้องต่อนะคะ “ พูดจบหญิงสาวหมุนตัวเตรียมออกไปทันที หากยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าพ้นขอบธรณี บานประตูด้านหน้าก็ถูกปิดลงเสียงดังรับกับเสียงของใครคนหนึ่ง ซึ่งหล่อนรู้สึกคุ้นหูแต่นึกไม่ออกนอกจากหันหลังกลับมาช้าๆ

“แกจะไปไหนไมได้ทั้งนั้น!!” ร่างสูงโปร่งที่เร้นอยู่เบื้องหลังกรายร่างออกมาจากม่านบังฉาก ท่าทางของเขาราวกับแมวที่เห็นหนูหลงเข้ามาติดกับดัก

“วินเซนต์!!.”

ดวงตากลมโตแสนเยือกเย็นเบิกกว้างอย่างตระหนก ริมฝีปากบางเผลอหลุดร้องชื่ออีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึงว่าเขามาปรากฏตัวขึ้นที่นี่อีกครั้ง หลี่เซิน หรืออีกชื่อทั้งคือเขาชอบให้คนเรียกขานมากกว่าคือ วินเซนต์ เขาเป็นบุตรชายคนโตของเจียงจินเฉิงที่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารดูแลงานในบริษัทนี้มาก่อน แต่ก็เกือบหนึ่งปีกว่าที่เขาออกไปจากที่นี่ แล้วเขากลับมาทำไมอีก? คงไม่ใช่ถูกเรียกกลับมาทำงานแน่

แต่....หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างค้นหาระคนว้าวุ่นใจ ลางสังหรณ์บอกให้หล่อนรู้อยู่ลึกๆกับสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลในขณะนี้


“หึ! ตกใจละซิ..แกคิดว่ากำจัดคนอย่างฉันไปได้แล้ว ทุกอย่างจะจบงั้นเหรอ? ฉันจะไม่ปล่อยให้คนอย่างแกสมใจหรอก” เจ้าของชื่อลากไล้สายตามาหยุดตรงใบหน้าสวยหวาน มุมปากของเขาเหยียดยิ้มเยาะยามเห็นสีหน้าตกตะลึงของคนตรงหน้าที่แม้จะเกิดขึ้นแค่แวบเดียว แต่สำหรับคนที่ขึ้นชื่อว่ายากจะแสดงอารมณ์ออกมาให้ใครเห็นแล้ว มันทำให้เขาสะใจเป็นอย่างยิ่ง!!


“ต้องกันอะไรกันแน่วินเซนต์” มิชากอดอกสูดหายใจลึกผ่อนความตึงเครียดในหัว ก่อนถามกลับไปตรงๆอยากต้องการรู้เจตนาอีกฝ่าย ในเมื่อชายหนุ่มไม่มีบทบาทอะไรนี่ที่แล้วแต่ทำไมผู้อาวุโสและหุ้นส่วนบางคนถึงมารวมตัวที่นี่พร้อมกับเขา


วินเซนต์ไม่สนใจตอบคำถามหญิงสาว เขาทำเพียงแต่ปรายตามองไปทางเจ้าของร่างชวนน่าอิจฉาแล้วแสยะยิ้มอย่างดูแคลน ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำแฝงความคลั่งแค้นอย่างเปี่ยมล้นว่า “ได้เห็นหน้าตาของแกแล้วคฤหาสน์หลังใหญ่บนวิคเตอเรียพีคคงจะทำให้แกมีความสุขมากสินะ แต่กามันก็คือกาอยู่วันยังค่ำ จะให้ผลัดขนกี่ครั้งก็ขึ้นแท่นบัลลังก์แทนหงส์มันคงพิลึกพิกลน่าดูแกว่ามั้ย?”

“ไม่ต้องอ้อมค้อมวินเซนต์ พูดเข้าประเด็นเลยดีกว่า ต้องการอะไร!”

“ทีแรกเรื่องที่พี่ชายแกได้ครอบครองกิจการท่าเรือของหลี่หมิงแล้ว ฉันก็อุตส่าห์ทำใจเพราะคิดว่าคงมูลค่าของมันคงพอจะทำให้พวกแกสูบใช้กันอย่างสบายไปตลอดชีวิตแล้ว แต่ที่แท้มันกลับไม่เลย พวกแกสองพี่น้องยังคงละโมบ อยากได้ที่นี่! ที่เป็นของๆฉันอีก ”


ถ้อยคำกล่าวหาดั่งกล่าวเรียกประกายแสงในดวงตาสีอำพันขึ้นทันควัน

“ฉันกับพี่ไรน์ไม่ได้เคยคิดแบบนั้น!!”

“ไม่คิดแต่ทำเลยใช่มั้ย! อย่ามาปฏิเสธหน้าตายหน่อยเลย พวกกาฝากอย่างแกคงจะอิจฉาที่ฉันกับหลี่หมิงมีทุกอย่าง แต่แกกลับไม่มีก็เลยพยายามจะฮุบทุกอย่างที่เป็นของฉันกับหลี่หมิงไป ” อารมณ์และความรู้สึกที่สั่งสมมานานนับหลายปีทำให้โทนเสียงของเขาเริ่มไต่ระดับความดังขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นตะคอก

เรียวปากบางสวยของมิชาเม้มแน่นมากขึ้นด้วยอารมณ์ที่เริ่มกรุ่นๆขึ้นมา ความกดดันจากสายตาหลายสิบคู่ภายในห้องไม่ได้ทำให้หล่อนรู้สึกหงุดหงิดเลยหากเทียบกับคนที่ยืนว่าหล่อนปาวๆโดยใช้อารมณ์ส่วนตัวในเวลานี้ หล่อนกับพี่ชายคือกาฝากมาอาศัยรังตระกูลเจียงนั่นคือสิ่งที่เถียงไม่ได้ แต่คิดว่าหล่อนกับมิคาเอลชอบนักเหรอที่ต้องมายืนในจุดที่เสมือนโซ่ตรวนจองจำ ไร้อิสรภาพ มีแต่การห่ำหั่น หวาดระแวงกันทุกวินาที

“จะมากเกินไปแล้วนะวินเซนต์ ที่ฉันทำงานที่นี่ก็เพราะคุณลุงให้ฉันมาทำ” เสียงหวานถูกเค้นออกมาช้าๆด้วยความลำบาก มันยากเหลือเกินที่หล่อนพยายามสะกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้ข้างใน และควบคุมให้ตัวเองให้ยืนอยู่นิ่งๆเป็นเป้าให้วินเซนต์สาดคำพูดดูถูกเหยียดยามเข้ามายั้งทั้งๆที่ไม่จริงสักอย่าง

เจียงจินเฉิง..พ่อบุญธรรมหล่อนยังคงความเป็นนักธุรกิจจนถึงตอนนี้ แม้จะประกาศมอบกิจการเหล่านี้ให้พวกหล่อนดูแลได้มาหลายปีดีดัก แต่ทรัพย์สินพวกนี้มีแค่ชื่อหล่อนกับพี่ชายเป็นไม้ประดับหน้าฉากสื่อเท่านั้น เพราะทั้งหุ้น เงินลงทุน เอกสารผลประโยชน์ทุกอย่าง ถูกส่งไปถึงท่านทุกวัน หากจะให้ยอมรับอย่างเต็มปากสิ่งที่ท่านได้ยกอะไรให้หล่อนกับพี่ชายโดยถาวรแท้แล้วก็มีแค่สามสิ่ง ชีวิต ความรู้และที่อยู่เท่านั้น

“อย่ามาทำเป็นพูดดีอ้างคุณพ่อหน่อยเลย ถ้าไม่ใช่เพราะแกมันเจ้าเล่ห์เลียแข้งเลียขาจนคุณพ่อหลง คุณพ่อก็ไม่มีทางยกที่นี่ที่เป็นสมบัติของครอบครัวให้แกบริหารหรอก ” ทรวงอกใต้เชิ้ตเนื้อบางหอบสะท้อนแรงถี่ หลายปีก่อนหน้านี้เขาเคยทำโปรเจคเสนอขอเงินลงทุนทำคอนโดแถบวิคเตอเรียพีคไป แต่พ่อเขาอ่านไม่กี่หน้าก็ปามันทิ้งลงถังขยะทันที หาว่าเขาคิดแต่เรื่องสิ้นเปลือง แต่พอกับสองพี่น้องคู่นี้ พ่อเขากลับควักเงินกว้านซื้อที่ดินจากคนเก่าแก่แถวนั้นให้แถมยังปลูกคฤหาสน์สไตส์ยุโรปหลังใหญ่โตให้เป็นของขวัญอย่างไม่เสียดาย และจากราคาที่เขาสืบรู้มาค่าที่ดินไม่รวมการก่อสร้างและตกแต่งภายในสูงกว่าโรงแรมชื่อดังแถวจิมซาโจ่ยด้วยซ้ำ

“ฉันว่าก่อนที่คุณจะคิดว่าใครเขานะวินเซนต์ คุณน่าจะลองย้อนมองตัวเองก่อนเถอะ ทำไมคุณเป็นลูกแท้ๆแต่คุณลุงกลับไม่เคยให้ความวางไว้ใจกับคุณเหมือนกับกาฝากอย่างฉัน แต่ถ้าคุณไม่รู้ฉันก็จะบอกให้ว่าเพราะคุณ..โง่...ไงวินเซนต์ คุณเอาแต่คิดๆและก็สั่ง แต่คุณไม่เคยมองผลข้างหน้าเลยว่ามันจะเป็นยังไง คนอย่างคุณถึงจะเป็นหงส์แต่ก็เป็นได้แค่หงส์ที่ลอยอยู่ตามสระน้ำเท่านั้นล่ะ” หล่อนสวนกลับ บิดยิ้มร้ายบนริมฝีปากในแบบที่คนเห็นต้องตื่นตระหนก

”และบริษัทนี้ฉันขอบอกให้ทุกคนทราบไว้เลยว่าที่นี่เกือบจะปิดไปก็เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเกือบสามครั้ง” สิ้นเสียงของหญิงสาว คนในห้องต่างพากันส่งเสียงฮือฮาขึ้นมากับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ เนื่องจากเรื่องนี้ไม่มีใครได้รู้เลยนอกจากหญิงสาวกับเจียงจินเฉิงผู้เป็นบิดาของวินเซนต์

“อ๊ะ…เดี๋ยวนะ “ หล่อนทำเสียงตกอกตกใจอย่างมีจริตก้าน ดวงตากลมโตที่สบกับสายตาชิงชังของวินเซนต์อย่างไม่ลดละค่อยๆหรี่ลงเหมือนนกเหยี่ยวพร้อมพุ่งตระครุบเหยื่อ “เหมือนจะนึกออกว่าคุณยังทำเป็นอยู่อีกอย่างหนึ่งนอกจากผลาญเงินแล้วก็คือเรื่องผู้ชาย” หล่อนเน้นคำหลังดังเป็นพิเศษ ก่อนจะจบประโยคที่ทำเอาคนฟังถึงกับเต้นผาง ” ได้ยินว่ากิจการดีขนาดขยายสาขาบาร์เกย์ไปในจีนหลายที่แล้วใช่มั้ย?! ”

ใบหน้าคมขาวของวินเซนต์ในยามนี้ร้อนวาบราวกับถูกตบด้วยมือปริศนานับสิบคู่ หัวใจเต้นเร่าๆในอกจนจับจังหวะไม่ถูก นอกจากจะฉีกหน้าหญิงสาวต่อหน้าทุกคนในห้องไม่ได้แล้ว เขากลับถูกแฉกลับให้อับอายหลายเท่าตัวอีก

“อะไรนะ!!” เสียงฮือฮาดังแซ่ซ้องขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่หลายต่อหลายคนที่ทำท่าจะสนับสนุนวินเซนต์หน้าเริ่มถอดสี แน่นอนว่าการมีบาร์เกย์มันไม่ได้เลวร้ายเท่ากับการผลาญเงินบริษัทเลย เพราะก่อนที่เจียงจินเฉิงจะมาถึงจุดทุกคนต่างรู้ว่าเขาก็เริ่มต้นจากการเปิดคลับ บาร์ ตามตรอกซอยต่างๆ มาเหมือนกัน แต่ที่ทุกคนรู้สึกแปลกใจนั้นก็คือ ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่า ชายหนุ่มท่าทางดูดีตรงหน้านี้จะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปทางนั้น

“นังมิชา!!” วินเซนต์เข่นเขี้ยวคำรามจนตัวสั่นเทิ้ม นิ้วชี้ตรงไปยังหน้าผากเนียนเกลี้ยงหญิงสาวด้วยสีหน้าเดือดดาลสุดขีด


“ฉันว่าก่อนที่คุณจะแสดงความโกรธออกมา ทุกคนในที่นี้น่าจะได้ฟังเรื่องราวของคุณต่อให้จบก่อนนะ” ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มเย็นชาเชือดเฉือน หากเขาคิดว่าตัวเองมีปากด่าทอครหาให้หล่อนได้เจ็บแสบเพียงฝ่ายเดียวล่ะก็เขาคิดผิดไปถนัด ใบหน้างามกระจ่างหันหน้าไปมองคนในห้องประชุม ก่อนเดินนวยนาดมาหยุดกลางโต๊ะรูปตัวแอล

“คนๆนี้ที่พวกคุณสนับสนุนเคยเอาเงินส่วนกลางที่ใช้หมุนเวียนในบริษัทไปเที่ยวผลาญจนเกือบหมด แต่นั่นยังไม่เลวร้ายเท่ากับการที่เอาข้อมูลภายในบริษัทไปขายให้กับบริษัทตงฟางทั้งๆที่รู้ว่าบริษัทนั่นเป็นคู่แข่งบริษัทตัวเอง” ประกาศกร้าวไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งนั้น หล่อนไว้หน้าอีกฝ่ายมาโดยตลอด เพราะถือว่าเขาคือบุตรชายของผู้มีพระคุณ แต่ตอนนี้ความอดทนหล่อนถึงจุดสิ้นสุดแล้ว


“คุณวินเซนต์ คุณทำอย่างนี้จริงๆเหรอ?”
ผู้บริหารอาวุโสรายหนึ่งหมุนเก้าอี้ไปถามชายหนุ่มอย่างคาดคั้นค้นหา

“ไง...เกิดอายคำตอบของตัวเองขึ้นมาเหรอวินเซนต์....” หญิงสาวลากเสียงเสียดสี ก่อนเรียวคิ้วสวยจะเลิกขึ้นท้าทายใส่มุมปากที่เต้นกระตุกคล้ายอยากจะพูดแต่พูดไม่ออกของอีกฝ่าย

ความจริงที่มิชาโยนใส่หน้ามาไม่ยั้ง ทำให้วินเซนต์ได้แต่กำรวบมือตัวเองแน่น ใจเจ็บจนแทบกระอักออกมาลิ่มเลือดใ ความพยายามและระยะเวลาที่เขารอคอยมาหลายเดือนในการโน้มน้าวให้ผู้บริหารอาวุโสกับหุ้นส่วนหลายคนไว้ใจสนับสนุนเขากลับมาดู J.J Pacific อีกครั้งพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี เขานึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวจะติดตามการเคลื่อนไหวของเขาราวกับเงาติดตามตัวขนาดนี้ ทั้งกิจการบาร์รวมถึงเรื่องข้อมูลบริษัทที่เขาแอบใช้คนในขโมยมาขายให้กับคู่แข่งเพื่อแกล้งอีกฝ่าย

“ใช่! ฉันทำแล้วจะทำไม ที่ฉันทำก็เพราะแกนั่นล่ะนังมิชา ฉันเกลียดแก” ถูกต้อนจนมุมเขาก็ยอมรับออกมาโดยไม่แยแสแผนการที่อุตส่าห์วางมานับหลายเดือนอีกเลย

“ถึงคุณจะเกลียดชังฉันจนเข้ากระดูกดำแต่คุณก็ไม่ควรนำข้อมูลของบริษัทนี้ออกไปให้คนอื่น คุณรู้หรือเปล่า?ว่าการกระทำของคุณในครั้งนั้นมันทำคุณลุงรู้สึกผิดหวังกับคุณมากแค่ไหน”

“แกอย่ามาทำตัวสั่งสอนฉัน ตกลงแกจะยอมลาออกหรือไม่ลาออก” ร่างสูงโปร่งโก่งคอตะคอก

หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ฉันขอบอกทุกคนในที่นี่รวมถึงคุณด้วยนะวินเซนต์ ฉัน...มิชา..คนนี้จะไม่ลาออกไปไหนทั้งนั้น ถ้ายังยืนกรานที่จะให้ฉันออกให้ได้ก็ขอให้หาเหตุผลมาว่าทำไมฉันสมควรจะต้องลาออกไปจากที่นี่! ถ้าพวกคุณหามาได้ฉันก็จะไปทันทีโดยไม่มีข้อโต้แย้ง!” หล่อนกล่าวเสียงนิ่งสงบ ไม่สนใจสายตาที่แทบจะเปล่งไฟได้ของวินเซนต์

“ผมได้ข้อมูลมาว่า คุณโกงเอาหุ้นส่วนที่เหลือของคุณวินเซนต์ไปจริงหรือไม่?”

ร่างบางเหลียวไปมองหน้าชายอาวุโสคนหนึ่งด้วยสายตาเย็นเยียบ เรื่องที่หล่อนกับพี่ชายได้เป็นลูกบุตรบุญธรรมนี้ ถูกเสียดสีมาตลอดนับตั้งแต่ย่างก้าวเข้าตระกูลเจียงแล้ว ทั้งจากวินเซนต์เองและบรรดาคณาญาติสายตรงของพ่อบุญธรรมหล่อนที่ไม่พอใจ ถึงกับเอ่ยไม่ขอนับร่วมสกุลด้วยทำให้หล่อนกับพี่ชายถึงยังได้ใช้นามสกุล ชาง ติดตัวอยู่ทุกวัน แต่ในเรื่องนี้หล่อนไม่ได้สนใจ เพราะไม่ว่าอย่างไรเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวหล่อนก็ยังเป็นคนของสกุลชางอย่างเข้มข้น


ใบหน้าสวยหวานที่ไม่ปรากฏรอยยิ้มอีกเลย เล่นเอาผู้ร่วมเข้าประชุมขนลุกซู่ไปทั้งร่าง เพราะต่างรู้ว่าบุตรบุญธรรมของเจียงจินเฉิงคนนี้ถ้าได้เอาจริงเมื่อไหร่ อย่าหวังว่าใครจะเหลือเงาหัวเดินออกไป


“โกง?” ปากบางเหยียดยิ้มอยู่อึดใจก็หัวเราะ

วินเซนต์ถึงกับตาวาว ร่างแทบดิ้นสั่นเป็นเจ้าเข้า“นั่น...นั่นไงยอมรับแล้วใช่มั้ยนังหน้าด้าน แกเอาตำแหน่งใหญ่ในที่นี่ไปไม่พอ แกยังมาโกงเอาหุ้นส่วนที่เป็นของฉันด้วย” ปลายนิ้วเรียวยาวเรียกชี้ที่หน้าหญิงสาวอีกครั้งอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ


“วินเซนต์...คุณรู้มั้ย หงส์กับห่านมีลักษณะคล้ายคลึงกันถึงจะโตแค่ไหนมันก็ยังชูคอลอยอยู่ในน้ำตามฝูงอยู่ที่เก่า แต่นกกาเมื่อมันโตแล้วมันก็ยังบินขึ้นฟ้าได้“ หล่อนทำเสียงนุ่ม รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอ่อนหวาน หากนัยน์ตาสีอำพันกลับไม่ได้ยิ้มตามไปกับมันเลยแม้แต่น้อย

”หุ้นนั่นน่ะไม่ใช่การโกงเลย ตามกฎบริษัทตอนนั้นถึงคุณจะพ้นตำแหน่งผู้บริหารที่นี่แล้ว แต่คุณเป็นลูกชายของคุณลุงที่ถือครองหุ้นของที่นี่เช่นเดียวกับคุณหลี่หมิง ผลประโยชน์จึงไม่ผันแปรไปไหนอยู่แล้ว แต่เพราะคุณอยากรนหาเรื่องขโมยความลับไปขายให้คู่แข่งเอง คุณลุงรู้และโกรธมาก ท่านเลยสั่งให้ฉันนำหุ้นส่วนของคุณคืนมาเก็บไว้ หวังว่ากระจ่างใจคุณและทุกๆคนในที่นี้นะคะ ”

“ไม่จริง!! คุณพ่อไม่มีทางทำแบบนั้นกับฉัน”
เขากัดปากจนห้อช้ำ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ

“ถ้าไม่เชื่อที่ฉันพูดคุณไม่เชื่อก็ไปถามท่านที่บ้านเองสิ!”

“แกต้องปั่นหัวคุณพ่อ ใส่ร้ายป้ายสีเรื่องฉันกับคุณพ่อแน่ๆ ฉันไม่เชื่อว่าคุณพ่อจะเป็นต้นเรื่องคิดพวกนี้ ต้องเป็นแก....แกแน่ๆ นังมิชา..แกมันนางปิศาจ” ความรู้สึกโกรธและผิดหวังในตัวบิดากรีดลึกกลับเข้าไปในจิตใจวินเซนต์อีกครั้งที่ผู้เป็นพ่อให้ความวางใจคนนอกสายเลือดมากกว่าลูกในไส้ เขาเป็นถึงบุตรชายคนโตไม่ว่ามองจากมุมไหนเขาก็คือทายาทและสมควรจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประธาน J.J Pacific แต่บิดาเขาช่างอยุติธรรมและใจดำเหลือเกิน ยกกิจการของครอบครัวให้พี่น้องกาฝากพวกนี้ดูแลเหมือนคนหน้ามืดหน้ามัวไม่พอ ยังยึดหุ้นในส่วนของเขาไปให้พวกมันถือครองไว้โดยไม่สนใจใยดีความรู้สึกคนเป็นลูกอย่างเขาสักนิด

ดวงตารีเรียวโหมไหม้ไปด้วยเพลิงริษยาดำทะมึนถลึงจ้องหน้าหญิงสาวอย่างหมายมาดฝากรอยแค้นไว้หลายนาที ก่อนเซถอยออกมาสองก้าวราวกับนกที่ถูกนายพรานจับหักปีกจนสิ้นคราบ เมื่อหันไปหาคนที่เหลือโดยรอบห้องที่ถึงกับพากับถอนใจส่ายหน้าอย่างผิดหวังในตัวเขา

“จะเชื่อรึไม่เชื่อก็แล้วแต่....ส่วนท่านผู้อาวุโสและหุ้นส่วนทุกท่าน ถ้าไม่มีอะไรกันแล้ว ดิฉันขอตัวกลับไปห้องทำงานก่อนนะคะ”

“ทำกับฉันแบบนี้แล้วคิดจะหนีอย่างนั้นเหรอ!!” เขาแผดเสียงสุดคอด้วยความแค้นเกินควบคุม มือเรียวตามมาจิกผมหญิงสาวกลับมาอย่างคนไม่ยอมพ่ายแพ้แม้ในวาระสุดท้าย จนคนไม่ทันระวังตัวแทบผงะผงาย


“โอ้ย..ทำบ้าอะไรน่ะวินเซนต์ ปล่อย!” เจ้าของร่างร้องขึ้น พร้อมหมุนตัวกลับมาเผชิญกับร่างสูงที่ยังคงดึงผมยาวสลวยไม่ยอมปล่อย ด้านวินเซนต์พอเห็นหญิงสาวหันกลับมา เขาก็ใช้ฝ่ามือฉาดเข้าที่พวงแก้มนวลเต็มแรงอย่างไม่รอรั้ง

เพี๊ยะ!


“วินเซนต์!!/บอส!!” ในห้องส่งเสียงเรียกทั้งคุ่ด้วยความตะลึง

“โอ้ย…” แต่คราวนี้ไม่ใช่เสียงมิชาอีก หากกลายเป็นเสียงของวินเซนต์ที่ร้องโอดโอยขึ้นมาแทน เมื่อถูกหญิงสาวสวนหมัดเข้าที่หน้าท้องและปากคืนอย่างคล่องแคล่ว

เขาค่อยๆถลาร่างออกห่างจากหญิงสาวลูบเลือดริมปากตัวเองอย่างเจ็บปวด

“นังบ้า!” ตวาดและพยายามจะกรากร่างเข้าไปอีกครั้ง หวังดันหญิงสาวไปยังผนังเพื่อที่จะได้บีบเค้นคอให้สาแก่ใจ แต่ยังไม่ทันได้ทำตามอย่างที่คิด ร่างสูงโปร่งกลับปลิวหวือไปกระแทกกับผนังแทนโดยฝีมือเลขาหนุ่มของหญิงสาว และในนาทีต่อมากลุ่มบอดี้การ์ดหน้าห้องก็ถูกคณะกรรมการคนหนึ่งเรียกเข้ามาช่วยจับเขาให้ออกไปสงบสติอารมณ์ด้านนอก

“มันจะไม่จบแค่นนี้แน่ แกจำเอาไว้ มันจะไม่จบแค่นี้!!” วินเซนต์ตะโกนลอยผ่านหน้าหญิงสาว โดยเท้าก็ถีบแตะอากาศไปตลอดโถงทางเดินอย่างบ้าคลั่งเมื่อชายสองคนหิ้วปีกไปที่ลิฟต์

เสียงโวยวายลั่นอาคารอย่างสติแตกของชายหนุ่มทำให้ผู้ที่มาเข้าร่วมประชุมได้แต่หันหน้าสบตากันไปมาด้วยสีหน้าอิลักอิเหลื่อคล้ายถามกันว่าจะเอาอย่างไรต่อดี เพราะสถานการณ์ที่ใครต่อใครก็เชื่อว่าทายาทหนุ่มคนนี้คือไพ่ตายที่เหนือกว่าจะจบลงในรูปแบบที่น่าอดสูใจเช่นนี้

“บะ...บอสเป็นยังไงบ้างครับ ”


“แค่นี้ฉันไม่เป็นไรหรอก แต่ขอบใจนะที่ช่วย” ดวงตากลมโตแลมองไปยังผู้คนในห้องต่างถอยกรูดออกไปราวกับมดแดงที่ถูกน้ำร้อนสาดแล้วคลี่ยิ้มเย้ยหยันที่เจ้าตัวมักชอบทำ ก่อนจะเช็ดรอยเลือดที่มุมปากด้วยปลายนิ้วเรียวสวย เล่นเอาคนมองอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือก

“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว แต่บอสไม่เป็นไรแน่....นะครับ” เลขาหนุ่มถามเสียงแผ่วด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ถึงรอยเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากหญิงสาวจะไม่มาก แต่รอยแดงที่พาดผ่านบนผิวแก้มสวยๆนั่นมันทำให้เขารู้สึกวาบลึกในอก เขาไม่น่าตกใจจนปล่อยให้วินเซนต์เข้ามาทำร้ายได้หญิงสาวถึงตัวได้ขนาดนี้เลย ถ้าเกิดมิคาเอลผู้มีพระคุณของเขาเห็นเข้าคงโกรธเขามากแน่ๆ

หญิงสาวก้มลงมองพื้นพรม แล้วพูดขึ้นลอยๆ “เคยไปที่ Elgin Club บ้างหรือเปล่า?”

“หา...เอ่อผมเคยไปประมาณสองครั้งเองครับ ตอนนั้นผมเองยังเป็นแค่ลูกน้องติดสอยห้อยตามคุณไรน์อยู่เลยครับ” เสียงชายหนุ่มตอบไปทั้งที่ยังงวยงง เพราะอุตส่าห์เตรียมตัวไว้ว่าต้องโดนอย่างเต็มที่ แต่หญิงสาวกลับมาเปลี่ยนเรื่องเสียเฉยๆ

“’คืนนี้ฉันจะไปที่นั่นสองทุ่มครึ่ง ฉันหวังว่าจะเจอคุณมาก่อนในนั้นนะ”


“แต่บอสครับ...ผะ...ผม” สีหน้าของเลขาหนุ่มซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด เขาก้มหน้าลงอย่างไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไรดีกับคำเชิญชวนเหนือความคาดหมาย ถ้าสิ่งเขาได้ยินนี้มันเกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงก่อนเขาคงดีใจไม่น้อยเมื่อเจ้านายที่เขาตั้งใจว่าจะจงรักภักดีดุจชีวิตบอกให้เขาไปในคลับแห่งนี้ ซึ่งสำหรับลูกน้องทุกคนแล้วนั่นหมายถึงการยอมรับของเจ้านาย แต่ว่านี้ไม่ใช่เลยเขาเพิ่งทำให้หล่อนโดนตบหน้าท่ามกลางผู้คนนับสิบมาหมาดๆ!!


“ถ้ากลัวเรื่องตอนเข้า ก็บอกการ์ดด้านนอกว่าฉันสั่งให้มา คนที่นั่นรู้งานดีว่าควรจะทำอะไร”





Create Date : 24 มกราคม 2555
Last Update : 24 มกราคม 2555 2:05:33 น. 0 comments
Counter : 665 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

cheery_princess
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




★ถ้าเราไม่รู้จักสูญเสียบางอย่างไป เราก็จะไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งนั้น★ Never lie,cheat or steal,always strike a fair deal






MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com





Friends' blogs
[Add cheery_princess's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.