มีนาคม 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ความคิดที่แตกต่าง


 เมื่อรุ่นลูกคิดหรือทำไม่เหมือนรุ่นพ่อแม่ แล้วเรียกว่า กบฎ

ก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกสิ่งที่พ่อแม่คิด พ่อแม่ทำเป็น norm หรือบรรทัดฐานที่ถูกต้องเสมอไปค่ะ พ่อแม่เกิดมาก่อน ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาก่อน มีประสบการณ์มากกว่าจริงอยู่ค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่เกิดทีหลังจะมีประสบการณ์ที่แตกต่าง หรือคิดต่างไม่ได้นะคะ

ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง มีประสบการณ์เป็นของตัวเอง มีสิทธิในการเรียนรู้และผ่านร้อนผ่านหนาวของชีวิตได้ด้วยตัวเองค่ะ พ่อแม่เป็นผู้นำทางได้ สนับสนุนเบื้องหลังได้ค่ะ แต่อย่าชี้นำ เพราะนั่นจะทำให้ลูกไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง หรือลงมือทำอะไรเองไม่ได้เลย ท้ายที่สุดก็จะหนีไม่พ้นพ่อแม่ที่ต้องมาทำให้ลูก แก้ปัญหาให้ลูกอยู่ร่ำไป ... อย่าลืมนะคะ ทุกคนเกิดมาก็ดับไป ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าค่ะ

และพ่อแม่อย่างเราต้องยอมรับสิ่งหนึ่งค่ะ เราทุกคนล้วนเคยคิดผิด ทำพลาด รวมถึงมีโอกาสที่จะคิดผิดและทำพลาดอีกนับครั้งไม่ถ้วนในอนาคต ลูกก็ไม่ต่างจากเราค่ะ มีโอกาสที่จะคิดผิด ทำพลาดได้ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่น้อยนิด


 photo Feb_2014-41.jpg


แต่ให้ลูกเรียนรู้ที่จะผิดเพื่อให้ลูกเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา และลูกจะได้รับรู้ถึงความภูมิใจในการใช้ชีวิตของตัวเอง จากการคิดอะไรด้วยตัวเอง ทำอะไรด้วยตัวเองและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ

สิ่งหนึ่งในตอนนี้ที่แม่เกศกำลังเผชิญอยู่คือ การย้ายโรงเรียนให้ลูก ที่ใครหลายคนอาจมองว่า กำลังทำอะไรผิดพลาดอยู่แน่นอน

เพราะความผิดพลาดที่ดูเหมือนการเป็นกบฎทางความคิดและสืบเนื่องมาด้วยการกระทำ แค่กบฎทางความคิดบางครั้งก็อาจจะแย่แล้ว แต่ลงมือกระทำจริงด้วยสิคะ อาจทำให้หลายคนรอบตัวอึ้งกิมกี่ไปเยอะเหมือนกัน

เยอะของคนอื่นก็คือ ความเสียดาย ความไม่น่าจะเป็นไปได้ และท้ายที่สุดคงหนีไม่พ้น พ่อแม่อย่างเราคิดผิดพลาดเป็นแน่แท้


 photo March_2014-31.jpg


ผิดพลาดในสายตาและความคิดของคนอื่นก็คือ จากโรงเรียนกระแสหลักที่พูดชื่อไปก็ร้องอ๋อ และไปเรียนโฮมสคูลที่พูดชื่อไปก็คิ้วขมวด งงกันไปทั้งบาง

เรามองว่า การศึกษาที่เน้นจากตัวเด็กก่อน สร้างคุณภาพคน child center แบบจริงๆ ไม่ได้แค่เพียงพูดไปเพื่อความเท่ คือการสร้างอนาคตของชาติได้อย่างมีประสิทธภาพพค่ะ การศึกษาบ้านเรา เด็กส่วนใหญ่เรียนหนักกันมากตั้งแต่เล็กและเรียนหนักไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง ม.6 เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง พอเข้าไปได้บางคนก็ยังเรียนหนักต่อไปอยู่ หรือบางคนก็เริ่มสบายๆ กันแล้ว เหมือนบรรลุสิ่งที่ใฝ่ฝันแล้วยังไงก็ไม่อาจทราบได้ บางคนเหนื่อยกับการเรียนมาหนักตลอดระยะเวลาก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ความกระตือรือร้นลดหายลงไปเยอะก็มีค่ะ เหมือนที่แม่เกศเคยเขียนไว้ในบล๊อคตอนนี้ ทหารหน่ายสงคราม

เพราะแม่เกศคิดแบบนั้น เด็กบ้านแม่เกศจึงเดินเข้าสู่รั้วโรงเรียนแห่งแรกในรูปแบบของโรงเรียนอนุบาลบูรณาการ วิถีพุทธ เน้นสนุกสนานและเรียนรู้ตามวัย สิ่งที่แม่เกศเห็นคือ ลูกมีความสุขมาก มีทัศนคติที่ดีกับการเรียนรู้ ซึ่งส่งผลดีกับการที่ลูกต้องเรียนจบเพียงแค่ อ.2 แล้วเข้าไปสู่รั้วโรงเรียนประถมที่เป็นโรงเรียนวิชาการ โรงเรียนกระแสหลักด้วยอายุที่ถึงเกณฑ์ ทำให้เด็กจบ อ.2 กลายเป็นเด็ก ป.1 ที่อายุน้อยแถมมาจากโรงเรียนอนุบาลแนวนี้อีก แรกเริ่มการใช้ชีวิตที่โรงเรียนจึงดูติดขัดเยอะมาก แต่ลูกก็ใช้เวลาปรับตัวกันเพียง 2 เดือนกว่าๆ ก็เข้าไปอยู่และกลมกลืนกับเพื่อนๆ ร่วมชั้นได้อย่างดี มีการเรียนรู้ที่ดี มีการปรับตัวดี และยังคงมีความใฝ่รู้ที่ดีเรื่อยมา แต่จากระบบการเรียนการสอนภายในโรงเรียนที่ลูกเรียนมาตลอด ทำให้เรามองว่า ไม่ใช่ และก็ยังคงไม่ใช่เรื่อยมา เราจึงคิดถึงการย้ายโรงเรียนให้ลูกกลับมาเรียนในสิ่งที่เราคิดว่า ใช่


 photo March_2014-32.jpg


การย้ายโรงเรียนในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิด เป็นหลายครั้งที่เราคิดและทบทวนกันมานานมากแล้ว แต่เรายังไม่พร้อมที่จะทำด้วยเหตุผลทางการเงินของครอบครัวจึงทำให้เราเดินช้าไป 3 ปี แต่การเดินช้าไม่ได้หมายความว่าเราจะหยุดเดินค่ะ

การย้ายโรงเรียนให้ลูกยังคงประทับใจความคิดเราเสมอมา ยิ่งลูกเราไปโรงเรียนทุกวัน ยิ่งทำให้สะท้อนความเป็นจริงที่ว่า เราไม่เหมาะกับการให้ลูกเรียนที่นี่ ดรงเรียนที่ลูกเรียนอยู่ไม่ใช่ไม่ดี เพียงแต่ไม่เหมาะกับรูปแบบการสอน รูปแบบการเลี้ยงดู รูปแบบการเติบโตเพื่อเดินไปสู่อนาคตที่เรามองไว้ให้ลูก

 photo March_2014-33.jpg


จนมาในวันนี้ถามว่าพร้อมแล้วจริงหรือที่จะย้ายโรงเรียนให้กับลูก ยอมรับว่าพร้อมมากขึ้น และเป็นความพร้อมทางด้านจิตใจที่มีมากมายเต็มเปี่ยม ความพร้อมที่เกิดจากการมองเห็น ต้นทุนชีวิตในอนาคตที่เราเลือกให้ลูกได้ มองเห็นเส้นทางที่ลูกจะยืนในอีก 20 ปีข้างหน้า และการหาเงินมาให้ลูกเรียนรู้จะเป็นสิ่งที่จะยืนยันกับตัวเราและลูกได้ว่า "ปัญหาไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม" อย่างแท้จริง ลูกจะได้เรียนรู้ไปพร้อมกับสิ่งที่พ่อแม่เรียนรู้ และการเรียนรู้เหล่านี้ล่ะค่ะ ที่แม่เกศมองว่า เป็นประโยชน์และเป็นประสบการณ์ที่จะต่อยอดทางความคิดให้กับลูกผ่านการกระบวนการคิด การแลกเปลี่ยนพูดคุย และการลงมือทำจริง ครอบครัวเราเน้นคุยและพูดถึงเรื่องลูกกันเป็นหลัก และลูกมักจะได้ยินพ่อแม่พูดคุยถึงเรื่องการทำงาน การแก้ไขปัญหาด้วยเสมอ เมื่อลูกถามหรือไม่ได้ถาม เราก็จะอธิบายให้ลูกได้รู้และเข้าใจถึงที่มาและที่ไปของมัน การที่ลูกจะได้เรียนในที่ที่เราคิดว่าเหมาะสมในครั้งนี้จะเป็นการลงทุนที่คิดว่าจะได้ผลที่ดี แม้จะไม่ได้ผลที่เยี่ยมที่สุดแต่ก็คิดว่าจะใกล้เคียงกับวิถีชีวิตของครอบครัวเรา ด้วยเหตุนี้เองล่ะค่ะที่หลายคนรอบตัวของแม่เกศยังมองไม่เห็นและไม่ยอมรับในความคิดนี้ เพราะส่วนใหญ่คิดว่า การเรียนในโรงเรียนเดิมยังไงก็ย่อมดีกว่า ทางเลือกในอีก 20 ปีข้างหน้าก็ย่อมดีกว่า

คำว่า ดีกว่า ของแต่ละคนมันเปรียบเทียบด้วยอะไร ... ดีกว่า ที่แปลความหมายคือ อนาคตของลูก ... อนาคตที่จะเราไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ล้วนคิดเองแทนเด็กทั้งสิ้นค่ะ แม้จะบอกว่า ให้ลูกเลือกเองก็เถอะค่ะ ลึกๆ แม่เกศเชื่อว่า ภายใต้การปล่อยให้ลูกคิดเอง พ่อแม่รวมถึงบรรดาญาติทั้งหลายก็จะมีกรอบความคิดเล็กๆ ที่ขีดเส้นให้ลูกหลายเดิน เพียงแต่กรอบนั้นจะปล่อยให้มีอิสระทางความคิดกับเด็กมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

เส้นทางที่เราวางให้ลูกเดินในครั้งนี้เรามีความเชื่อว่า จะทำให้เรามองเห็นศักยภาพที่มีอยู่ในตัวลูกมากขึ้น เดินได้ตรงตามทางที่ลูกควรจะเดินมากกว่า และสร้างความสามารถในการเอาตัวรอดในการใช้ชีวิตจริงที่ผ่านการคิด การมองเห็นผ่านประสบการณ์ของคนอื่นและได้ลงมือทำด้วยตัวลูกเอง สุดท้ายแล้วสิ่งที่คาดหวังว่าลูกจะเป็นคือ ลูกเรียนรู้ที่จะคิดเอง ทำเอง รู้จักการทำผิด ไม่กลัวที่จะแก้ปัญหา มีกรอบความคิดที่อิสระมากขึ้น มีทัศนคติที่ดีกับการเรียนรู้ มีทักษะที่ดีกับการใฝ่รู้ต่อไป เพราะสิ่งเหล่านี้แม่เกศคิดว่า เป็นพื้นฐานที่ลูกควรมี ควรได้และเป็นประโยชน์กับตัวลูกจริงๆ


 photo November2013_33.jpg


ณ วันนี้เราจึงขอเลือกในสิ่งที่เราคิดว่าเหมาะสมกับความคิดในการเลี้ยงดูลูกของเรา เหมาะสมกับครอบครัวเรา ความเหมาะสมที่เราคิดว่า เราที่เป็นพ่อแม่น่าจะรู้และเข้าใจดีที่สุดมากกว่าใคร

เส้นทางการสร้างเด็กในวันนี้ให้เป็นผู้ใหญ่ในวันหน้าของพ่อแม่อาจจะไม่ได้ราบรื่นนัก แต่คิดว่ามันใช่และถูกต้องในแบบของเราค่ะ

สักวันลูกจะเข้าใจในสิ่งที่พ่อแม่เลือกให้ในวันนี้ ตามที่พ่อชอบพูดให้แม่ฟัง "การเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยก็ดีตรงที่พี่จะได้เห็นความหลากหลายของเด็ก ที่ทำให้พี่มาตระหนักถึงอนาคตของลูก บางอย่างที่พี่มองแล้วจะไม่ให้ลูกเป็นแบบนี้ บางอย่างที่พี่มองแล้วจะไม่ให้ลูกเดินมาจากแนวทางนี้ ทุกสิ่งที่พี่เห็นมันสะท้อนให้พี่รู้ว่า เด็กสมัยใหม่ที่เรียนในสถานศึกษาที่ดี (ยัง) เป็นได้แบบนี้ และเด็กสมัยใหม่อีก 20 ข้างหน้าจะเป็นยังไง"  

และนี่คือเหตุของการเป็นคิดต่าง ทำไม่เหมือน ส่วนผลจากการคิดต่าง ทำไม่เหมือนจะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามดูไปตลอดชีวิตลูกนับจากวันนี้ไปค่ะ


 photo November2013_13.jpg


สุดท้ายแล้ว พ่อแม่อย่างเราจะคิดผิดหรือเปล่าก็คงต้องรอดูต่อไปค่ะ เพราะทุกคนล้วนคิดผิด ทำพลาดได้ แต่การตัดสินใจในครั้งนี้เราไม่ได้คิดแค่ลวกๆ ตัดสินใจกันฉับพลัน เราคิดมานาน ตัดสินใจอยู่นานแล้วจึงได้ลงมือทำ ถ้าต่อไปจะเกิดปัญหาอะไร เราก็จะแก้ไขไปตามนั้น และเราก็จะตอบตัวเองได้เมื่อย้อนกลับมาดูว่า ทำไมวันนั้นเราจึงคิดและทำลงไปอย่างนั้นล่ะค่ะ






Create Date : 10 มีนาคม 2557
Last Update : 10 มีนาคม 2557 3:02:24 น.
Counter : 1000 Pageviews.

10 comments
  
เรื่องการตัดสินใจสำหรับลูก คงไม่มีใครตัดสินหรือทำได้ดีไปกว่าผู้เป็นพ่อแม่หรอกนะคะ ... ส่วนตัวเชื่อว่าเด็กแต่ละคน ผู้ปกครองแต่ละครอบครัว มีความชอบและระเบียบในการดำเนินชีวิต ต่าง ๆ กันไป ... สิ่งที่ดีสำหรับครอบครัวหนึ่ง อาจไม่เข้ากับอีกครอบครัวหนึ่งก็ได้นะคะ ... ขอให้คุณหนูมีความสุขมาก ๆ ในโรงเรียนใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ นี้คะ :))
โดย: Tristy วันที่: 10 มีนาคม 2557 เวลา:3:18:34 น.
  
สวัสดีค่ะคุณเกศ

เด็กในวัยนี้ ก็ต้องเป็นพ่อแม่ล่ะค่ะ ช่วยตัดสินใจไปก่อน แต่ทั้งหมดทั้งมวล เราคงตั้งอยู่ในสมมติฐานเดียวกัน ลูกต้องมีความสุข...กับกิจวัตร ชีวิตประจำวันของเค้า

พ่อแม่ทุกคน พยายามเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับลูกอยู่แล้วค่ะ ในแต่ละครอบครัวก็ไม่เหมือนกันเนาะ

บรรทัดสุดท้ายที่คุณเกศเขียน...สุดท้ายแล้ว....

เชื่อว่ากระบวนการคิดแบบนี้ คุณเกศต้องไตร่ตรองมาแล้วอย่างดี และพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่จะเกิดตามมา...

***เด็กๆ น่ารักดีค่ะ พี่สาวคิ้วเข้ม สวยเชียวลูก
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 10 มีนาคม 2557 เวลา:6:50:06 น.
  
สวัสดียามเช้าครับ


โหวตบล็อกครอบครัวให้เลยนะครับ

อ่านจบก็เห็นแนวทางการเลี้ยงลูกที่น่าสนใจมากครับ

พ่อแม่ตอนนี้ที่ผมรู้จักหลายคน
แค่การย้ายโรงเรียนให้ลูก
กลายเป็นเรื่องใหญ่มากจนน่ากลัวครับ
พ่อแม่คิดต่างกันแทบจะทะเลาะไม่มองหน้ากัน
เพราะเชื่อในแนวทางของการเรียนรู้ที่ต่างกัน

แต่ผมว่าเด็กส่วนใหญ่จะปรับตัวง่ายอยู่แล้วนะครับ
ถ้าให้เวลาเค้าสักนิด เดี๋ยวก็ปรับตัวได้แน่นอน
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มีนาคม 2557 เวลา:6:55:13 น.
  
ปล. ผมก็ใจร้อนมากนะครับ
แล้วคนที่จะถูกผมดุบ่อยมาก คือ หมิงหมิงครับ 555


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มีนาคม 2557 เวลา:6:55:53 น.
  

Like ให้เป็นคนที่ 1
เราต้องหาทุกอย่างที่คิดว่าดีสำหรับลูกเน๊าะ
แล้วจะมารออ่านว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรบ้าง
เห็นด้วยกับน้องก๋า
ให้เวลาสักหน่อยแล้วน้องๆ จะปรับตัวได้ค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 10 มีนาคม 2557 เวลา:7:58:49 น.
  
สวัสดีค่ะน้องเกศ
เมื่อลูกยังเล็ก ยังไม่มีวุฒิภาวะหรือคิดตัดสินใจเลือกให้กับตัวเองได้
พี่เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอค่ะ
เหตุผล ความคิด ความเชื่อ และความต้องการของแต่ละครอบครัวแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นคงพูดไม่ได้ว่าใครถูกใครผิดนะคะ
เด็ก ๆ ปรับตัวได้ง่ายค่ะ และหวังว่าเขาจะเรียนรู้อย่างมีความสุข
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
โดย: เนินน้ำ วันที่: 10 มีนาคม 2557 เวลา:9:19:42 น.
  
ถ้าดุด้วยความรัก
ผมว่าลูกเข้าใจนะครับ
หมิงหมิงเวลาโดนดุก็จะรู้ตัวเสมอ
ว่าผมดุเพราะรัก
ถ้าไม่รักก็จะไม่ดุ
อธิบายให้เค้าฟัง เค้าก็จำครับ


เรื่องโรงเรียนผมก็ต้องตอบคำถามเยอะครับ
เพราะหมิงหมิงเรียน รร.ทางเลือก
ตอนนี้ผมให้เรียนต่อที่เดิมไปจนจบ ป.6
ผู้ปกครองส่วนใหญ่กังวลครับ
ว่าเด็กจะเรียนต่อ รร. ในระบบได้อย่างไร

ผมเชื่อครับว่าเด็กปรับตัวง่าย
ไม่ว่าจะเรียนระบบไหน
เค้าก็เรียนได้ เพียงแต่พ่อแม่น่าจะช่วยเสริม

ให้เด็กมีความสุขกับการเรียนรู้ครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มีนาคม 2557 เวลา:12:26:21 น.
  
มาอ่านครับคุณเกศ

เด็กเล็กๆควรเรียนและเล่นให้สนุกนะครับ

พอโตหน่อยถ้าไม่คิดจะเข้าระบบก็เลือกเรียนโรงเรียนทางเลือกได้
แต่ถ้าเข้าระบบเพื่อไปสายอาชีพที่ยากๆเช่นแพทย์ พยาบาล เภสัช วิศวะ อื่นๆ ก็ต้องเข้าในระบบนะครับ ผมคิดว่าอย่างนั้น

ผมอยู่ในระบบแต่ไม่ถูกระบบครอบงำ เมื่อออกมาทำงานแล้ว
การศึกษาปฏิบัติธรรมะสามารถทำให้เรามากระตือรือร้นสนใจสิ่งรอบตัว
มีน้ำใจ ช่วยเหลือผู้อื่นได้นะครับ ขอเสนอแนวความคิดนิดนึงนะครับ อิอิ ^^

ป.ล.

ครับคุณเกศการได้พบเพื่อนๆที่ไม่ได้เจอหน้ากันเลย ก็ทำให้เรามีความสุขเหมือนได้พบเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานเลยครับ 555++
ถ้ามีโอกาศก็มาร่วมงานได้นะครับ
โดย: วนารักษ์ วันที่: 10 มีนาคม 2557 เวลา:15:14:43 น.
  
แนวคิดรุ่นลูกต้องฉีกออกไปจากพ่อแม่ โลกเราจึงพัฒนาเนอะ ฉันใดก็ฉันนั้น การเติบโตของสิ่งมีชีวิตจะแตกต่างไปจากต้นแบบเล็กน้อย นั่นทำให้เกิดวิวัฒนาการครับ (และทำให้เกิดมะเร็งด้วย ...เฮ้ย!)
เด็กหลายคนไฟหมดหลังเข้ามหาลัยได้จริงๆครับ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นละมั้ง เพราะ ม.ปลายมันเข้มข้นและกดดันเกินไป โดยมีเป้าหมายว่าจะต้องสอบเข้ามหาลัยให้ได้นั่นแหละ แล้วเราเรียนอะไรต่อมิอะไรก็เยอะแยะไปหมดตั้งแต่เด็ก เอาไปใช้ได้จริงน้อยยิ่งกว่าน้อย เห็นจำนวนชั่วโมงเรียนที่สูงกว่าชาติอื่นๆ แต่คุณภาพการศึกษาสู้คนอื่นไม่ได้แล้วช้ำใจนะครับ
หาเส้นทางที่เหมาะสมกับลูกและครอบครัว ดีกว่าเลือกเส้นทางที่ตัวเองต้องการให้ลูกแน่นอนครับ
โหวตครอบครัวให้กับบล็อกคุณเกศที่กลับมาจ้า สู้ๆ ทั้งการบ้านและการสวน
โดย: ชีริว วันที่: 10 มีนาคม 2557 เวลา:21:54:23 น.
  
สวัสดียามเช้าครับคุณเกศ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 มีนาคม 2557 เวลา:6:35:20 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Dondaran
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]