เพลิงวารี & คชสีห์ ฿ Babylonia
 
สิงหาคม 2560
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 สิงหาคม 2560
 
 

ร้ายนักรักลวง ตอนที่ 1 คุณชาย



  เสียงเพลงลูกทุ่งสากลดังลั่น ชายหนุ่มผมยาวนั่งดื่มเหล้า เคาะเรียกเครื่องดื่มเป็นระยะ สักพักมีหญิงสาวท้องถิ่นผมสีทอง รูปร่างได้สัดส่วน เข้ามาทักทายเขา เขาโอบเอวพูดคุยด้วยอย่างสนิทสนม ก่อนถูกผู้ชายร่างยักษ์เข้ามากระชากหญิงสาวไปอย่างแรง


“เด็กฉันโว๊ย!!! ไอ้ลิงเหลือง”

“พูดอะไรก็กรุณาระวังปากด้วยนะครับ ถึงเป็นแค่คนงานแต่การพูดสุภาพทำให้เราแตกต่างกับคนเถื่อนได้” ชายหนุ่มเอเชียพูดแล้วยิ้มเยาะที่มุมปาก สายตาดูถูกชัดเจน แต่ก็มองโดยรอบ เพื่อดูว่ามีพวกของอันธพาลสักกี่คน

“อย่าน่า พีท อย่าหาเรื่อง ไท” โจชัวรีบห้าม ไม่งั้นบาร์เขาเละแน่

“ไม่สนใจ โว๊ย จีบเด็กฉันต้องเจอดี” พีทเงื้อมือขึ้นเตรียมชกเต็มเหนี่ยว

พอออกหมัดเท่านั้น ชายหนุ่มเอเชียถอยไปตั้งหลัก แต่ก็ระวังอีกสองคนที่เขาระแวงอยู่ก่อนแล้ว จึงคว้าเอาผ้าเช็ดโต๊ะผืนพอประมาณใกล้มือมาพันหมัด แล้วเริ่มตั้งท่าเตรียมรับการชก เมื่อโดนรุม เขาตอบโต้ด้วยมวยไทย ใส่เข่าใส่ศอก ถองด้วยฝ่าเท้า ฟาดแข้งใส่ไปหลายคน ตัวเขาถือว่าผอมบาง ไม่มีกล้ามเนื้อใหญ่โตเหมือนคนอเมริกันทั่วไป แต่กล้ามเนื้อเขาแข็งแกร่ง

“ขอโทษนะ โจ” ชายหนุ่มคนนั้นพูดขึ้น หลังเอาผ้าพันหมัดออก ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาอีก

จริงๆ แล้ว ถ้าใครมาเที่ยวที่นี่บ่อยๆ จะรู้ว่าชายหนุ่มเอเชียคนนี้เป็นคนที่ไม่ควรยุ่งด้วย ผู้หญิงชอบมองเพราะดวงหน้าหล่อเหลาคมคาย

“ค่าเสียหายลงบัญชีนายนะ สิ้นเดือนจ่ายด้วย” โจชัวบอกอย่างปลงๆ

“คิดฉันคนเดียวก็ไม่ยุติธรรมสิ” ชายหนุ่มเอเชียส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่แน่นอน ฉันจะคิดค่าเสียหายมันทุกคนที่มีเรื่องในร้านฉัน” โจชัวบอกแล้วพยักหน้ากับเพื่อนๆ ให้ทวงเงินค่าเสียหายจากอันธพาลทั้งหลาย

สักพักทุกคนก็หันไปมองหญิงสาวผมแสงสุดแสนเซ็กซี่ สวมเสื้อนอกหนาสีแดงสั้น หล่อนถอดแว่นตากันแดด

“ไทไปกันเถอะ” น้ำเสียงเด็ดขาด ท่าทางหยิ่งผยอง

“โอเค” ชายหนุ่มเอเชียวางผ้าเปื้อนเลือดลงที่เคาน์เตอร์ก่อนบอกเจ้าของร้าน “สิ้นเดือนจะมาจ่ายนะ”

“เออ” โจชัวเอาผ้าเก็บแล้วเช็ดเคาน์เตอร์ของเขาให้สะอาด

ชายหนุ่มเอเชียเดินเข้าไปโอบเอวสาวสวยสุด จูบดูดดื่มแล้วพากันออกจากร้าน

เสียงหอบหายใจดังเป็นจังหวะ ระหว่างทางไปยังรถเหมือนจะไกล เพราะทั้งสองกำลังวุ่นวายกับกันและกัน จูบกันอย่างร้อนแรง ก่อนเขาจูงมือเธอไปที่รถแล้วจูบกันต่อ

“ขอโทษที่มาช้า” หญิงสาวพูดขึ้น

“ไม่เป็นไร รอได้เสมอ” ชายหนุ่มเปิดประตูรถสปอร์ตที่หล่อนขับมา และรับกุญแจรถจากหล่อน แล้วนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ก่อนออกรถอย่างรวดเร็ว ตรงไปตามถนนสายเปลี่ยวที่มีแต่สวนผลไม้

เมืองบ้านนอกแบบนี้เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงมาอยู่ในที่แบบนี้ แต่เมื่อไรเธอว่างก็ต้องหาเวลามาเยี่ยมเขาอยู่เสมอ เขาเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที และเพื่อนของเธอคนนี้ก็เป็นนายจ้างของเขาอีกด้วย ท่าทางเย็นชาเงียบขรึมของเขาแตกต่างกับเวลาส่วนตัวที่แสนร้อนแรง

รถเลี้ยวเข้าไปที่ประตูสวนผลไม้ที่กว้างขวาง ขับผ่านไปจนเลยบริเวณบ้านหลังใหญ่ ตรงไปยังรถเทลเลอร์ที่จอดอยู่ในสนามกว้าง เขาจอดรถและล็อกรถไว้หน้าเทลเลอร์ จากนั้นก็กอดจูบนัวเนียกับหญิงสาว แล้วเมื่อปิดประตูรถเทลเลอร์แล้วพอหญิงสาวจะนั่งที่โซฟาตัวเดิม เขาก็นึกขึ้นได้แล้วอุ้มเธอไว้

“ไปที่ห้องเถอะ” ชายหนุ่มปล่อยหญิงสาวยืนแล้วดันเข้าไปด้านใน

“ใครน่ะ” หญิงสาวถาม

“ไม่ต้องไปสนใจหรอกน่า ซู” ชายหนุ่มประคองร่างบางเข้าไปในห้อง เห็นท่าทีสงสัยของเธอก็อธิบายอ้อมๆ “เด็กน่ะ เธอก็รู้ว่าฉันไม่แตะต้องเด็กสาวๆ อีกอย่างหล่อนเมาหลับน่ะ ก็เลยปล่อยนอนไปอย่างนั้นเอง”

“อ๋อ มานี่เถอะ” ซูซานเชยคางเขาแล้วถอยหลังเข้าไปในห้องนอน

ชายหนุ่มเข้ามาแล้วใช้เท้ายันปิดประตูแล้วถอดเสื้อนอกออก มองหญิงสาวที่หันหลังแล้วหันมาส่งสายตาให้เขาอย่างเย้ายวนยั่วยวน เมื่อถอดเสื้อนอกออก ก็เผยผิวขาวในชุดชั้นในลูกไม้สีดำที่แทบจะปิดอะไรไม่ได้เลย ในห้องมีแสงไฟสลัวยิ่งชวนให้รู้สึกยั่วยวนมากขึ้น

“ชอบไหม” ซูซานยกเท้าขึ้นวางบนเตียงก่อนกวักมือชักชวน

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ รู้ว่าค่ำคืนนี้อีกยาวไกลนัก ต่อให้ทำงานหนักมาทั้งวัน เขาก็ไม่เหนื่อยจนไม่สามารถบรรเลงเพลงรักแสนสนุกที่ทำให้หญิงสาวหลายคนติดใจมานักต่อนัก หากเขาไม่ใส่ใจมากความ แค่ต้องการเก็บเกี่ยวความสนุกสนานในวัยหนุ่มให้ได้มากที่สุด

***********************

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องที่เพิ่งสงบ ชายหนุ่มลืมตาตื่น แล้วคว้ามือถือมาก่อนกดรับ

“ครับ” ภาษาไทยชัดเจนหลังได้ยินเสียงทักจากปลายสาย

“ไทใช่ไหม ลูก” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนดังผ่านสาย

“ครับแม่” เทพไทตั้งสติ แล้วลุกไปหยิบเสื้อคลุมมาสวม ก่อนออกไปจากห้องนอน ก็มาเจอผู้หญิงอยู่ที่ด้านนอกอีก จึงออกไปคุยที่นอกรถเทลเลอร์ “แม่มีอะไรเหรอครับ พ่อเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ท่านพ่อไม่เป็นอะไรหรอก ลูก แต่ท่านย่าของลูกโทรมาหาท่านพ่อ ท่านปู่ของลูกสั่งความไว้ก่อนสิ้นพระชนม์ ถ้าลูกไม่กลับจากอเมริกาภายในเจ็ดปี ให้มอบจดหมายให้ลูกน่ะสิ” จรรยาบอกเล่าให้ลูกชายฟัง เพราะสามียังคิดอยู่ว่าจะบอกหรือไม่บอกดี

“ไม่พูดแบบจักรๆ วงศ์ๆ ได้ไหมครับ แค่ฟังก็เมื่อยแล้ว” เทพไทถอนหายใจยาว

“แต่ลูกรัก ลูกคงต้องทำใจให้ชิน” จรรยาถอนหายใจยาว พอคาดเดาได้ว่าลูกต้องใช้แน่ในอนาคต

“มีอะไรเหรอครับ” เทพไทเปลี่ยนเรื่องแล้วถามแทน

“ปัญหาเยอะจริงๆ เอาเป็นว่าแม่อยากให้ลูกกลับมาเมืองไทย ท่านย่าลูกดูกลุ้มใจมาก จริงๆ การที่ไม่ไปวุ่นวายกับวังเทพินทร์ก็เป็นเรื่องดี ท่านพ่อลูกไม่พูดเรื่องนี้กับลูก เพราะเกรงใจลูก ตอนที่ท่านพ่อปฏิเสธมรดกจากท่านปู่ของลูก แล้วยกให้ท่านย่าของลูกแทน หลังจากนั้นปัญหามันเยอะ” จรรยาพยายามอธิบายให้ลูกชายเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้

“ท่านพ่อจะรู้สึกผิดทำไมครับ ผมไม่อยากได้อะไรจากพวกเขาหรอก เราก็อยู่ของเรามาได้ตั้งนานแล้วครับ” เทพไทตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เรื่องเงินทองของนอกกาย เขาหาได้เท่าไรก็แบ่งส่งกลับบ้านแล้วเก็บไว้ใช้ส่วนตัว

แม่เขาเป็นแค่แม่ค้าขายขนมตาล ตายายเป็นเจ้าของสวนตาลแสนธรรมดา แต่ปัญหาของเขาคือญาติทางพ่อต่างหาก พ่อเขาเป็นท่านชายองค์สุดท้องของวังเทพินทร์ กำเนิดมาในราชสกุลเทพินทร์ สืบสายเลือดที่สูงส่ง และเขาไม่รู้ว่าพ่อได้ตกลงอะไรกับปู่เขา แต่ก็ทำให้ได้แต่งงานกับแม่เขา

แม่เขาจึงกลายเป็นหม่อมไปโดยปริยาย แต่ก็ได้ใช้ชีวิตสงบสุขอยู่นอกวังเทพินทร์ มีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขในสวนตาล ทำงานตามความถนัดของครอบครัว เห็นว่าสมัยก่อนตาของเขาต้องขนตาลลงเรือไปขายในพระนครด้วย

“แม่ขอร้องให้ลูกกลับเมืองไทย ท่านพ่อจะได้ไม่เครียด ยังไงก็ต้องห่วงใยสุขภาพของท่านพ่อนะลูก ท่านย่าก็ชันษามากแล้ว ลูกก็เป็นหลักเดียวให้ท่านพ่อกับแม่นะ” จรรยาอยากแก้ปัญหาให้สามีและแม่สามีในเวลาเดียวกัน

“ผมขอเวลาจัดการเรื่องงานกับการเงินให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะกลับไปครับ” เทพไทให้สัญญากับแม่

“แม่บอกท่านพ่อลูกได้ใช่ไหม” จรรยาดีใจที่ลูกจะกลับมา เรื่องวันหน้าค่อยว่ากันอีกที

“ตามสบายเถอะครับ บอกให้ท่านพ่อสบายใจเถอะครับ แต่ผมบอกก่อนครับ ถ้าผมกลับไปอยู่บ้านเรา ผมจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก” เทพไทไม่ชอบพูดอะไรที่เป็นทางการแบบนี้

“ไว้กลับมาค่อยว่ากันจ๊ะ” จรรยาได้คำสัญญาของลูกชายแล้วก็สบายใจ

“งั้นเดี๋ยวผมโทรบอกอีกทีนะครับว่าจะกลับเมื่อไร” เทพไทดูเวลาแล้วอีกไม่นานเขาต้องตื่นไปทำงาน จึงวางสายจากแม่แล้วกลับไปในรถเทลเลอร์ของเขา

เขาหยุดยืนมองแม่สาวที่นอนอยู่บนโซฟาของเขา แล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะกลับไปขึ้นเตียงในห้อง นอนกอดหญิงสาวสุดเซ็กซี่ที่เขาพอใจแทน

***********************

เช้าเสียงทุบประตูก็ดังลั่น จนเขาต้องออกมาจากห้องน้ำ แล้วเปิดประตู เห็นเพื่อนขมวดคิ้วยืนกอดอกมอง

“อะไร จอร์จ” เทพไทมองเพื่อนอย่างสงสัย

จอร์จมองเข้าไปในห้องรถเทลเลอร์ของเพื่อน เห็นน้องสาวนอนหลับอยู่ที่โซฟา จึงถามเพื่อน “เมื่อคืนแกนอนกับใคร”

“ไม่ได้นอนกับน้องนายก็แล้วกัน อุ้มกลับไปที่บ้านที จะออกไปทำงานแล้ว” เทพไทกลับไปแต่งตัวให้เรียบร้อย เพื่อไปทำงาน ซึ่งก็เป็นงานในไร่ของเพื่อนเขานี่เอง

จอร์จเข้าไปอุ้มน้องสาว แล้วถามอีกรอบ “ทำอะไรลงไป”

“วางยานอนหลับ สายๆ คงตื่น” เทพไทบอกเล่าแล้วไม่สนใจอะไร เข้าไปในห้องนอนแล้วคว้าเสื้อในตู้

จอร์จเห็นความวุ่นวายในห้องแล้วก็พอรู้ ออกไปเห็นรถก็ยิ่งรู้ว่าใครที่เพื่อนนอนด้วย เมื่อรู้จากคนงานก็ตกใจมากไปหน่อย เพราะคนงานเห็นรถเทลเลอร์ขย่มอยู่นานมาก กลัวเพื่อนรักทำน้องสาวเขาหลง จึงรีบมาทุบประตูเรียก ลืมมองรถสีแดงที่จอดหลบอยู่ จึงรู้ว่าเพื่อนนอนกับใคร

ซูซานน่าก็คือเพื่อนของเขาอีกคน ถึงไม่สนิทกันนัก แต่ก็พอได้พูดคุยกันบ้าง ซูซานน่าเป็นไฮโซสาวสุดเซ็กซี่ที่หลงใหลเพื่อนเขามาก ไม่ถึงกับจริงจัง แต่เพื่อนรักเขาก็พัวพันผู้หญิงหลายคน นับตั้งแต่เลิกกับแฟนสมัยมัธยมไป

เมื่อรถเทลเลอร์อยู่ในความสงบแล้ว เทพไทก็แต่งตัวไปทำงาน ก่อนทำงานก็จูบคู่ควงดูดดื่มแล้วไปที่ออฟฟิศ ทำงานแทนเพื่อนทุกอย่าง เพราะรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันมา

เสียงเปิดประตูดังขึ้น เมื่อเงยหน้าก็เห็นสีหน้าไม่พอใจของน้องสาวเพื่อน แต่ก็เฉยชาแล้วก้มลงทำงาน ก่อนถาม “มีอะไรเหรอ เจน”

“ทำไม” เจนนิเฟอร์ถามตามตรง

“ตอบเหมือนทุกครั้ง” เทพไททำงานต่อ

“มันไม่ใช่เหตุผล” เจนนิเฟอร์แย้งอย่างขัดใจ

“มันใช่เหตุผลเลยล่ะ” เทพไทไม่หนักใจอะไร ก่อนจะกดเรียกผู้ช่วย “ดันแคน เดี๋ยวผมจะลงไปทำงานในไร่นะ”

“ผมจะเตรียมตัวครับ” ผู้ช่วยตอบรับและจะลงไปด้วย เพราะต้องไปตามจดรายละเอียดต่างๆ

เทพไททำงานทุกอย่างภายในไร่ เพราะเพื่อนคนนี้ที่ทำให้เขามีเงินเรียนจนจบ ดังนั้นเขาจึงทำทุกอย่างในไร่ ตั้งแต่ทำบัญชี ดูแลคนงาน บางทีก็ทำงานในไร่ บริหารงานทุกอย่างในไร่ เขาทำงานเท่าคนหลายคน ดังนั้นเขาจึงรับเงินเดือนเท่ากับคนหลายคน ขณะเดียวกันเขาก็จ้างผู้ช่วยมาดูแลเรื่องจุกจิกของเขาเช่นกัน

“ไทคบกับผู้หญิงตั้งหลายคน ทำไมถึงคบฉันไม่ได้” เจนนิเฟอร์ขอเอาคำตอบ

เมื่อเธอเจอหนุ่มเอเชียครั้งแรก ไม่ชอบอย่างมาก ออกแนวดูถูกหนุ่มเอเชียคนนี้มากเสียด้วยซ้ำ เพราะพี่ชายชวนมาทำงาน แต่เจอเขาอยู่กับผู้หญิงหลายคน เวลาถอดเสื้อเผยท่อนบนก็ดูเซ็กซี่ ยิ่งมองยิ่งชอบ ยิ่งมองยิ่งติดตา นิสัยมีน้ำใจนำพี่ชายเธอเข้าที่เข้าทางอีกต่างหาก พ่อแม่เธอจึงไว้ใจมาก

“ออกไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน” เทพไทออกปากไล่ แต่เจนนิเฟอร์กวนประสาทด้วยการนั่งลงที่เก้าอี้ต้อนรับแขกของเทพไท เขาจึงเปลี่ยนเป็นโทรศัพท์แทน “เฮ้ย จอร์จ น้องสาวนายรบกวนเวลาทำงานของฉัน”

“เออ เดี๋ยวลงไป” จอร์จยังนอนทำสปาอยู่ ก็ต้องมาวุ่นวายเรื่องน้องสาวที่ไม่ยอมทำงานของเขา

เทพไทวางสายแล้วมองเจนนิเฟอร์ที่ไม่ยอมออกไปจากห้อง เขาก็ไม่สนใจทำงานของเขาให้เสร็จ แล้วดันแคนก็เปิดประตูเข้ามา ก่อนหน้าจอร์จแค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น

“นี่แกจะมาตามตื้อไททำไม เดี๋ยวถ้าพ่อแม่กลับมา พี่จะฟ้องให้หมดเลย” จอร์จขู่น้องสาวแล้วจับข้อมือลากออกไปจากห้องทำงานของเพื่อน

“เดี๋ยวก่อน นายมาก็ดีแล้ว ดันแคนคุณไม่ต้องออกไปหรอก คืออย่างนี้ผมตัดสินใจจะกลับเมืองไทย จอร์จ นายต้องมาเรียนรู้งานด้วย แล้วก็เริ่มจ้างคนมาทำงานแทนที่ฉัน ส่วนเรื่องบัญชีจ้างบริษัทมาดูแลแล้วกัน ส่วนเรื่องในไร่ก็ให้ดันแคนช่วยนายดูแล ดันแคนทำงานกับฉันมานาน เขาก็เข้าใจระบบมากด้วย” เทพไทคิดอย่างละเอียด

เขาก็ส่งเงินกลับบ้านมากพอ และตัวเขาเองก็มีเงินอยู่พอสมควร อยู่เมืองไทยได้ไม่ลำบากแน่นอน ของนอกไม่ต้องใช้ ของไทยใช้ได้ก็ไม่แพง เขาเชื่อว่าเขาอยู่ได้แน่

“เฮ้ยๆๆ กะทันหันไปไหม” จอร์จแย้งเพื่อนทันที ก่อนผลักน้องสาวออกไปจากห้องแล้วปิดห้องคุย

“แม่เพิ่งโทรมาเมื่อคืน ย่าของฉันมีเรื่องให้กลับไปจัดการ อีกอย่างแกจะมาขังฉันไว้ที่นี่ตลอดไปไม่ได้หรอก ใจคอจะไม่คิดดูแลกิจการของตัวเองด้วยตัวเองหรือยังไง” เทพไทเป็นคนพูดตรงอยู่แล้ว จึงพูดได้อย่างไม่ต้องเกรงใจ

“มันก็ใช่ แต่ฉันจะทำยังไง” จอร์จยังคิดไม่ออก

“ก็เรียนรู้งานซะ ฉันให้เวลาหนึ่งเดือน” เทพไทให้กำหนดเวลา เพราะเขายังต้องเตรียมความพร้อมให้กับคนในไร่แห่งนี้อีกด้วย

“เออๆ พูดซะเครียดเลย ไปสปาต่อดีกว่า เย็นนี้ต้องไปทานมื้อค่ำกับโซเฟียด้วย ไปล่ะๆ” จอร์จกำจัดปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

เทพไทรู้ดีว่าไม่มีวันเตรียมให้เพื่อนพร้อมได้อย่างรวดเร็วแน่ แต่เขาก็ไม่มีวันยอมให้อะไรๆ ผิดแผนที่วางไว้แน่นอน จริงๆ เขาวางแผนเอาไว้นานแล้วว่าจะกลับเมืองไทยมาพักใหญ่

“ผมขอตามไปเมืองไทยด้วยนะครับ” ดันแคนพูดขึ้น เขาก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเช่นกัน

“เออนะ ไปกันหมด อืม สอนงานให้จอห์นด้วยแล้วกัน” จอร์จก็ไม่รู้จะเอาอะไรมารั้ง เพราะดันแคนเป็นคนไม่ชอบอยู่ติดที่ แต่เพราะเทพไทใจนักเลงชอบช่วยเหลือคน ทำให้มีคนยอมติดตามมาทำงานอยู่หลายคนด้วยกัน

ดันแคนเป็นหนึ่งในนั้น ทั้งยังไม่มีห่วงติดตัวด้วย อยากไปไหนก็ไป ยอมอยู่ที่นี่สองปีก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกแล้ว

“ผมแนะนำคนอื่นที่ไม่ใช่จอห์นได้ไหม” ดันแคนเสนอขึ้นมา

“ใครล่ะ” จอร์จมองอย่างงุนงง

“ผมเสนอโมนิก้า” ดันแคนพูดขึ้น และยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าจอร์จ

“หา!!! ไม่เอา” จอร์จรู้ว่าจะต้องโดนลงแส้แน่ ถ้าผู้หญิงคนนี้เข้ามาเป็นผู้ช่วยเขา

“โมนิก้าเก่งและฉลาด ที่สำคัญไม่ตามใจคุณนะ จอร์จ ผมแนะนำเพราะจะเป็นผลดีกับคุณมากๆ และหล่อนจะต้องมีประโยชน์กับสวนแห่งนี้แน่นอน” ดันแคนยิ้ม เพราะโมนิก้าเป็นเพื่อนของจอร์จตั้งแต่เด็ก และเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก อีกทั้งพ่อแม่จอร์จก็ยอมรับโมนิก้าที่ชอบบังคับจอร์จให้อยู่กับร่องกับรอยได้ดีแน่นอน

“ตามนั้น นายอย่ามีปัญหาหน่อยเลยน่า” เทพไทตัดบท แล้วพยักหน้ากับดันแคนแล้วชวนกันไปทำงานในไร่

“สิ้นเดือนหน้านายค่อยออกแล้วกันนะ นี่เพิ่งจะต้นเดือนนี้ ฉันจะได้มีเวลาเรียนรู้งานมากๆ ไม่งั้นยัยโมนิก้าต้องด่าฉันวันเว้นวันแน่” จอร์จถอนหายใจยาว รู้ว่าเพื่อนเตรียมการกลับเมืองไทยมาพักใหญ่ แต่ยังไม่ได้เวลาเหมาะ ทีนี้ที่บ้านโทรมาตามก็คงต้องกลับไป

ถึงเพื่อนจะไม่ค่อยเล่าเรื่องที่บ้าน แต่คิดว่าคงมีอะไรอยู่บ้าง เพื่อนจึงไม่ค่อยพูดมาก เฉยชาและเฉยเมย ทำงานแต่งานทั้งวัน และมีผู้หญิงสับเปลี่ยนมาเยี่ยมรถเทลเลอร์ที่จอร์จซื้อให้เพื่อนพัก แทนที่เพื่อนจะต้องคอยกังวลว่าน้องสาวเขาจะเข้าหาเมื่อไร และอดใจไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าห้ามเพื่อนไม่ให้ไปอย่างเห็นแก่ตัว

เทพไทไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัวมากนัก คนอื่นอาจมองว่าเขากวนประสาท และหยิ่งยโส แต่งานหนักงานเบา เทพไทไม่เคยปฏิเสธ ยกเว้นงานเสียเกียรติเริงรมย์เท่านั้น ที่เทพไทจะไม่มีวันทำ

***********************

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีแต่ผู้คนมากมาย ทั้งเดินทางเข้าออก แต่ชายหนุ่มผมยาวกลับใจสงบ ไร้ความวุ่นวายใจใดๆ ไม่ได้กลับเมืองไทยมาเจ็ดปี เมืองไทยก็มีแต่ความวุ่นวายและดูจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงยังไงก็คงไม่วุ่นวายเท่ามหานครนิวยอร์กหรอก

หากพอเห็นป้ายบอกชื่อเขานี่แหละ เขาถึงได้ถอนหายใจยาว ก่อนหันไปเรียกดันแคน แล้วไปหยุดยืนที่ราวกั้นตรงหน้าคนถือป้าย คนถือป้ายมองหน้าที่มองสองคนที่มาหยุดอยู่อย่างแปลกใจ คนหนึ่งผมยาวตรงสีนิลสลวย อีกคนผมสีน้ำตาลแดงธรรมชาติ รูปร่างสูงใหญ่ แต่ทั้งคู่สวมแว่นตากันแดดเหมือนกัน

“จอม” เทพไทเรียกชายหนุ่มคนนั้น

“คุณชายเหรอครับ” พลพรรคมองแล้วมองอีก

“ใช่สิ” เทพไทต้องถอดแว่นตากันแดดออก คล้องไว้ที่คอเสื้อแทนแล้วแนะนำ “นี่ดันแคน แม็คคอล หม่อมแม่บอกเหรอว่าให้มารับ”

“เปล่าครับ ท่านหญิงบัวขอให้พ่อผมส่งผมมารับคุณชาย” พลพรรคเดินไปตามราวกั้น จนถึงจุดที่ผู้โดยสารขาเข้าออกมากัน ก่อนจะช่วยเข็นรถเข็น แต่เทพไทห้าม

“คนเราเสมอภาคกัน อย่าวุ่นวายไปหน่อยเลย” เทพไทเข็นรถของเขาเอง เพราะมีแต่เสื้อผ้าเท่านั้น ของอื่นเขาส่งมาทางเรือ คิดว่าเดือนหน้าคงมาถึง แต่เขาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะมีข้าวของอีกไม่เยอะ

“ท่านหญิงบัว ท่านชายเล็ก กับหม่อมจรรยารออยู่เลยครับ” พลพรรคก็ทำตัวไม่ค่อยถูก รู้แต่เทพไทไม่ค่อยชอบพิธีการต่างๆ เท่าไร

“อืม” เทพไทไม่พูดอะไรมาก เข็นรถไปเรื่อยๆ

“แวะรับคุณพ่อก่อนนะครับ ท่านอยู่ร้านกาแฟ ผมกลัวรอนาน ท่านก็อายุมากแล้ว กลัวจะยืนไม่ไหว” พลพรรคอธิบายความ แล้วเดินตรงไปยังร้านกาแฟ

“เฮ้อ จะมาทำไมนะ ลุงพลน่าจะไปรอที่วังมากกว่า” เทพไทพูดด้วยความเป็นห่วง

“คุณพ่อคงไม่อยากเครียดอยู่ท่ามกลาง ท่านชายใหญ่กับท่านชายเล็กมากกว่าครับ ก็อย่างที่รู้กัน คุณชายใหญ่รออยู่ว่าจะมีข้อความอะไรในจดหมาย คิดว่าท่านหญิงบัวคงบอกท่านชายใหญ่น่ะครับ” พลพรรคบอกเล่าแล้วถอนหายใจ

เทพไทแค่ฟังเพื่อรับรู้เท่านั้น ก่อนหันไปพยักหน้ากับดันแคนให้เดินตามมา พอถึงร้านกาแฟแล้วก็เข้าไปยกมือไหว้ชายสูงวัยที่หันมามองทางเขาแล้วยิ้มต้อนรับ

“สวัสดีครับ คุณชาย ผมดีใจจริงๆ ที่คุณชายตัดสินใจกลับเมืองไทย” วีรพลค่อยโล่งอก เพราะหน้าที่ของเขาจะได้เสร็จสิ้นเสียที

“เตรียมจะกลับมาได้สักระยะแล้วครับ พอสบโอกาสก็กลับมาเลย” เทพไทรับกาแฟที่ดันแคนนำมาส่งให้แล้วพยักหน้าชวนกันกลับ เขาไม่เดินไปดื่มไปเหมือนดันแคน แต่รอจนกระทั่งถึงรถแล้วขึ้นรถค่อยดื่ม

“คุณชายกลับมาคราวนี้ ตั้งใจจะทำงานที่ไหนครับ” วีรพลถามขณะที่ลูกชายเป็นคนขับรถพาทุกคนเดินทางสู่วังเทพินทร์

“ก็ตั้งใจว่าจะไปทำสวนอย่างที่ถนัดนั่นแหละครับ” เทพไทตอบแล้วมองความวุ่นวายนอกรถ เขาไม่อยากนำพาตัวเองมาสู่ความวุ่นวาย

วีรพลได้แต่มอง นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าดันแคนเป็นอะไรกับเทพไท แอบหวั่นใจเล็กน้อย เพราะรู้ว่าท่านหญิงบัวมีแผนไว้สำหรับหลานชาย แต่ทั้งสองคนก็นั่งห่างกัน เรียกว่าไม่น่าใช่คนรู้ใจ แต่เขาก็อดหวั่นใจไม่ได้ เพราะทั้งสองเดินทางมาด้วยกันนั่นเอง

สมัยนี้อะไรๆ ก็ไม่น่าไว้ใจ เห็นเป็นชายแท้ก็ไม่พ้นแอบมีใจให้ผู้ชายเหมือนกัน

***********************

เมื่อรถจอดเทียบที่หน้าตัวตึกเรียบร้อยแล้ว เทพไทก็พยักหน้ากับดันแคนให้ตามเขาเข้าไปในบ้าน คนสนิทของย่าเขาก็มารออยู่ พร้อมทั้งยกมือไหว้ทักทายเขาที่มีศักดิ์สูงกว่า

“คุณกำไลช่วยพาเพื่อนผมไปนั่งรอก่อนนะครับ คิดว่าคุยกับท่านย่าคงไม่นาน ผมไม่รู้ว่าท่านพ่อกับหม่อมแม่จองโรงแรมไหน” เทพไทบ่นตามธรรมดาเท่านั้น

“ท่านหญิงสั่งให้จัดเรือนรับรองด้านหลังให้แขกของคุณชายแล้วค่ะ” กำไลรายงานตามมารยาท

“มีเครื่องปรับอากาศใช่ไหมครับ” เทพไทถามกำไล ค่อนข้างเกรงใจอยู่มาก

“มีค่ะ คุณชาย รีบเข้าไปพบท่านหญิงเถอะค่ะ” กำไลผายมือเชิญหลังเปิดประตูห้องรับแขก

เทพไทหันไปบอกดันแคนแทน “คุณตามผู้หญิงคนนี้ไปเถอะ เขาจัดที่พักไว้ให้คุณแล้วล่ะ”

“เดี๋ยวผมไปช่วยเองครับ จะได้เป็นล่ามให้ด้วย อีกอย่างเรื่องที่จะคุยกันก็ไม่เกี่ยวกับผม มาครับ คุณดันแคน” พลพรรครับหน้าแทนเทพไท

“อรพาคุณไปที่พักเถอะ” กำไลผายมือเชิญ ก่อนเดินไปเปิดประตูห้องรับแขกแล้วเชิญเทพไทเข้าไปอย่างมีพิธีการ

ดันแคนเดินตามพลพรรคไป โดยไม่คิดมาก เพราะเทพไทก็คาดการณ์เอาไว้อยู่บ้างเรื่องที่อาจต้องพักที่บ้านของย่า เพียงไม่คิดว่าบ้านของเทพไทจะดูเก่าแก่และมีประวัติยาวนาน ความที่เทพไทไม่เคยบอกเล่าอะไรมาก นอกจากบอกแค่ว่ามีพ่อแม่เป็นชาวสวนเท่านั้นเอง

เทพไทเห็นทุกคนรออยู่ เมื่อเดินเข้ามาในระยะหนึ่งก็คุกเข่าและเดินเข่าเข้าไปกราบตักย่าเขา

“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองชายเถอะนะ ดูเถอะเหงื่อเต็มหน้า อากาศร้อนมากหรือยังไง” ท่านหญิงบงกชทักทายหลานชายของเธอด้วยรอยยิ้ม

เทพไทค่อยๆ คลานเข่าไปกราบลุงกับป้า แล้วค่อยวกกลับมาหาพ่อแม่ ให้เบื่อมารยาทแบบนี้ยังไงก็คงต้องทำ

“ขึ้นมานั่งข้างบนกับพ่อเถอะ ลูก” เทพธรรมขยับให้ลูกชายนั่งตรงกลางระหว่างเขากับภริยา “ลำบากมาตั้งนาน ดูสิ ผอมไปนะ สำหรับคนที่อยู่เมืองนอก”

“ทำงานหนักเหรอ ลูก จริงๆ อยู่บ้านเราก็ไม่ได้ลำบากอะไร ก็กลับมาอยู่บ้านเราถาวรเลยนะ” จรรยาลูบหน้าลูกชายคนเดียวหัวแก้วหัวแหวน จะได้เป็นเรี่ยวแรงให้กับครอบครัวต่อไป

“เอาล่ะๆ ทักทายกันมาพอแล้ว ส่งจดหมายให้เทพไทเสียสิ” ท่านหญิงบัวหันไปบอกวีรพลที่ไม่ยอมมอบจดหมายให้ใครนอกจากเทพไทคนเดียวเท่านั้น

เทพไทมองจดหมายของท่านปู่แล้วก็คาดเดาได้ว่าต้องมีอะไรแน่นอน ไม่อย่างนั้นลุงกับป้าเขาก็คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยอีก เป็นเรื่องที่พอจะคาดเดาได้จริงๆ

เมื่ออ่านจดหมายจบ เขาก็ถอนหายใจยาว เมื่อก่อนเขาก็ไม่ค่อยได้สนใจฟังพินัยกรรมของท่านปู่เขาเท่าไรนัก พออ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว เรื่องที่ไม่ได้เอ่ยถึงในการเปิดพินัยกรรมครั้งก่อนก็กระจ่างขึ้นมา

“ท่านปู่ประทานวังเทพินทร์ให้ผมครับ” เทพไทเดินเข่าไปหาย่าเขาแล้วมอบจดหมายให้อ่าน

ท่านหญิงบัวอ่านแล้วส่งให้ลูกเลี้ยง ที่มีสีหน้าถอดสีทันที และไม่ค่อยพอใจนัก

“ท่านพ่อทำแบบนี้ไม่ถูก เจ็ดปีมานี่ค่าใช้จ่ายในบ้านฉันเป็นคนออกทั้งหมดแล้วอยู่ๆ ก็จะยกวังให้เทพไทเป็นไปได้ยังไง” เทพสถิตแย้งขึ้นมาทันที กำมือแน่นแล้วก็มองหน้าหลานชายอย่างไม่พอใจนัก

“แต่นั่นเป็นรับสั่งของท่านพ่อ ชายใหญ่จะไม่ยอมรับอย่างนั้นเหรอ” ท่านหญิงบัวถามลูกเลี้ยงแล้วถอนหายใจยาว ความกังวลของสามีทำให้เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องรออีกเจ็ดปี จึงค่อยเปิดพินัยกรรมอีกฉบับ

“แล้วจะให้ลูกทำยังไง” เทพสถิตพยายามข่มใจให้ได้มากที่สุด

“ลูกต้องยอมรับการตัดสินใจของท่านพ่อลูก ท่านพ่อของลูกต้องการให้วังตกอยู่ในมือของคนในราชสกุล” ท่านหญิงบัวพอเข้าใจความคิดของสามี

เธอสมรสตอนอายุยี่สิบสอง หลังได้งานครูที่โรงเรียน เลี้ยงดูเทพสถิตตั้งแต่อายุสองขวบร่วมสิบขวบ เพราะญาติผู้พี่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่เทพสถิตอายุได้สองขวบ กว่าจะสมรสกับสามีก็ผ่านไปร่วมสิบปีแล้ว จึงสนิทสนมกับเทพสถิตมากจนปัญหาระหว่างมารดาเลี้ยงกับลูกเลี้ยงไม่เกิดขึ้น

เธอรู้ดีกว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ มาจากเงินกลองกลาง ซึ่งเธอถือครองไว้ แต่ไม่อยากหักหน้าลูกเลี้ยง จึงไม่ได้พูดออกไป แม้จะลำบากใจแต่ก็ยากจะหักหาญน้ำใจของบุตรคนโต เมื่อนึกถึงบุตรคนเล็กก็ปวดใจยิ่งนัก หลังจากสมรสกับจรรยาแล้วก็ย้ายออกจากวังไปอยู่ห่างไกลจากมารดา แต่เพราะฐานะและหน้าที่ จึงต้องอยู่ดูแลวังเทพินทร์เคียงคู่สามี

“ไม่ถามความต้องการของผมบ้างหรือครับ” เทพไทพูดขึ้น หลังจากไม่มีใครให้คำตอบอะไร ทุกคนจึงหันไปมองเขา

เทพธรรมไม่รู้เลยว่าลูกชายจะพูดว่าอะไร แต่เท่าที่เขารู้จักลูกชาย ลูกชายไม่เคยต้องการอะไรมากไปกว่าที่ตนเองมี และเป็นศักดิ์ศรีเดียวกับที่พ่อตาเขามีเช่นกัน

“แล้วชายต้องการอะไร” ท่านหญิงบัวถามหลานชาย

“ผมไม่ต้องการวังเทพินทร์ เพราะไม่รู้จะต้องการไปทำไม แต่ผมก็จะรับไว้เพื่อสนองความประสงค์ของท่านปู่ ผมจะกลับไปอยู่บ้านสวนของผม” เทพไทบอกทุกคนให้ชัดเจนว่าเขาไม่มีความต้องการอยู่ที่นี่

“ไม่ได้นะ ถ้าวังนี้เป็นของเธอแล้วลุงก็ยังต้องจ่ายค่าใช้จ่ายอีกเหรอ” เทพสถิตถามขึ้น รู้สึกไม่เป็นธรรม

“ผมทราบมาว่า ท่านปู่ได้จัดการเงินกองกลางซื้อสามารถจ่ายค่าใช้จ่ายในวังได้ถึงสามสิบปี นี่เพิ่งจะผ่านไปเพียงเจ็ดปีแล้วเงินตรงนั้นหายไปไหนหมดครับ” เทพไทถามตรงประเด็นจี้จุดทุกคนเงียบกริบ

ท่านหญิงบัวรู้ว่าหลานชายจะต้องพูดขึ้นมา เพียงแต่ไม่คิดว่าจะพูดขึ้นมาในตอนนี้ ก่อนมองลูกเลี้ยงแล้วถอนหายใจยาว “ตอนนี้อะไรๆ ก็แพงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นเรื่อยๆ”

“เงินไม่ใช่หลักแสนแต่หลักสิบล้าน มันจะหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนเอาไปลงทุนได้อย่างไรล่ะครับ ท่านย่า” เทพไทพูดชี้ประเด็น และสะกิดปมของลุงเขาได้อย่างไม่ยากนัก

“อยากได้วังนักก็เอาไป” เทพสถิตได้แต่ตัดใจพูดแบบนั้น “แล้วฉันก็จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ ในวังนี้อีก”

“ผมจะใช้เงินกองกลางนั่นแหละครับ ดูแลวังที่ทรุดโทรมแห่งนี้” เทพไททำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร และพูดให้ชัดเจน

ท่านหญิงบัวคิดว่าถึงเวลาที่ต้องบอกหลานชายเสียที จึงตัดใจบอกออกไป “เทพไท ย่าคาดว่าเงินกองกลางนั้น จะอยู่ได้อีกไม่เกินสองปี สามปีก่อนลุงของหลานได้ขอให้ย่านำเงินกองกลางออกมาให้เขาไปลงทุน ซึ่งย่าก็ได้ตามใจลุงของหลาน แต่ผลการลงทุนไม่สู้ดีเท่าไรนัก ลุงของหลานยังเสียทรัพย์สินส่วนตัวไปหมด และเป็นหนี้สินอีกจำนวนมาก ซึ่งย่าได้ใช้เงินกองกลางจ่ายหนี้สินเหล่านั้นมาตลอดสามปีที่ผ่านมา ย่าพูดแค่นี้หลานเข้าใจสถานการณ์แล้วหรือยัง”

เทพไทถอนหายใจแล้วแกล้งมองออกไปที่นอกหน้าต่าง

“ย่าจะนำเงินกองกลางมาจ่ายภาษีมรดกให้หลานและการโอนวังนี้ให้หลานด้วย” ท่านหญิงบัวเอ่ยบอกหลานชาย

เทพไทถอนหายใจยาว ก่อนพูดขึ้น “ท่านลุงน่าจะพูดขอโทษท่านพ่อของผมบ้างนะครับ หลังจากที่ทำอะไรลับหลังน้องชายตัวเองแบบนี้ ตอนท่านปู่สิ้นพระชนม์ ท่านไม่ได้ประทานเงินให้ท่านพ่อสักบาท แต่มอบให้ท่านลุง ยังที่ทางต่างๆ อีก ไม่คิดเลยว่าท่านลุงจะเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ท่านปู่ประทานให้ไปถลุงเสียหมดในเวลาแค่เจ็ดปี”

“หยุดนะ!! อย่ามาก้าวร้าวต่อฉัน ถึงอย่างไรฉันก็เป็นลุงของเธอ” เทพสถิตโกรธหลานชายที่ทวงถามเอาคำขอโทษจากเขา

“คนที่ควรหยุดคือท่านลุงมากกว่า” เทพไทหันไปสบตาแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมใคร

“ย่าขอร้อง อย่าให้มีเรื่องผิดใจกันอีกเลย” ท่านหญิงบัวก็เคยคิดว่าสามีไม่ยุติธรรมต่อลูกตน แต่มาวันนี้จึงได้ทราบว่ามีแต่ความยุติธรรม เมื่อหลานชายได้รับประทานวังเทพินทร์แห่งนี้

“ท่านย่าได้นำเงินส่วนพระองค์ประทานให้ท่านลุงด้วยหรือไม่ครับ” เทพไทถามย่าทันที เป็นผลให้ต่างเงียบงันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเทพไทคาดเดาได้

คาดว่าลุงเขาคงถลุงเงินหมดแล้วเป็นแน่...

***********************




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2560
0 comments
Last Update : 23 สิงหาคม 2560 17:00:34 น.
Counter : 1026 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

เพลิงวารี
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ไหดองเหล็กไหล
New Comments
[Add เพลิงวารี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com