ทริป เริง ร่า ท้า ลม ชม ดอก กระ เจียว ตอน2 เขื่อนป่าสัก ทุ่งดอกกระเจียว

. . . กว่าจะกลับมาเขียนต่อได้แทบแย่เลยครับเจอหวัดเล่นงาน แล้วต้องรีบหายด้วยเพราะต้องเดินทางไปหัวหินอาทิตย์นี้

. . .ใครเน็ตไม่แรงขออภัย โหลนานหน่อยนะครับ

. . . ต่อเลยนะครับทริปนี้ก็แวะไปเรื่อยแหละครับ ถ้าสถานที่เที่ยวไม่ไกลจากถนนหลักจนเกินไป

. . . ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 21 ถ้ามาช่วงปลายปีน่าจะได้เห็นทุ่งดอกทานตะวัน ริมถนนแน่ๆ

. . . ไหนๆก็ทางผ่านเขื่อนป่าสักอยู่แล้วขอแวะไปถ่ายรูปหน่อยละกัน เนืองจากยังพอมีเวลา ผมเลย

เลือกใช้เส้นทางสายรอง ไปเขื่อน คือรถจะน้อยแล้วก็สองข้างทางจะเป็นทุ่งหญ้าหรือไม่ก็นาข้าว แต่ต้องระวังเรื่องวัวข้ามถนนด้วนนะครับ

. . . แต่รอบนี้ไม่เจอวัวเจอแต่ นี่ครับ แล้วก็โดนแพะล้อมไว้หมดแล้ว นี่แหละครับ บรรยากาศของถนนสายรอง



. . . ระหว่างทางเข้าเขื่อน จะผ่านร้านอาหาร มากมาย หน้าร้านก็จะมีเด็กโบกรถ เชิญชวนให้เข้าร้านของตนเอง โดยที่ร้านนึงจะใส่สีแดงก็แดงทั้งหมด เหลืองก็เหลืองทั้งหมด ลีลาการโบกก็สุดยอดครับ โค้งศีรษะหัวแทบโขกพื้น ดูแล้วก็ขำดี

. . . 9.30น. ขบวนรถมาจอดรอนักท่องเที่ยวแล้ว ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเสียค่าตั๋วรถผู้ใหญ่ คนละ 20 บาท นะครับ ก็จะพาไปชมสันเขื่อน นั่งรับลมเย็นๆ น่าจะไปสุดทางที่พระองค์ขาวมั้งครับ เนื่องจากเคยไปมารอบนึงแล้ว เลยขอเดินเล่นแถวๆนี้ก็พอ






. . . ได้มองออกไปไกล้ๆนี่มัน ชื่นหัวใจจริงๆครับ







. . . ในบริเวณเขื่อนมาพิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก ด้วยนะครับ ด้านในมีจัดแสดง ประวัติความเป็นมา แล้วก็มีโครงกระดูกมนุษย์ยุคก่อน รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ โบราณ แหวน กำไล สงสัยจะมาคนแรกอีกแล้ว ด้านในเลยเงียบมาก อยู่กะโครงกระดูก 2 ต่อ 2 ก็รู้สึก วังเวงเหมือนกันนะเนี่ยะ ภายในก็มืดๆด้วย







. . . เนื่องจากห้ามถ่ายภาพภายในศูนย์ จึงไม่มีภาพมาฝากครับ

. . . กลับออกมาจากเขื่อนป่าสักก็ใช้เส้นทางสาย 21 ต่อ ตรงไปเรื่อยๆแล้วก็เลี้ยวขวาเข้า อ.ชัยบาดาล แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้า สาย 205 ไป อ.ลำสนธิ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสาย 2260 ไป อช.ป่าหินงาม

. . . ตอนแรกว่าจะแวะ น้ำตกเทพประทาน แต่ขับเลยทางเข้า ก็เลยเก็บไว้แวะขากลับ

. . . 12.00 น. ถึงแล้วคร๊าบ อช. ป่าหินงาม ข้างบนแดดแรงนะครับ แต่อากาศก็เย็นสบายกำลังดี ลานจอดรถเต็มไปด้วยรถบัส รถส่วนตัวเต็มลานเลยครับ เห็นคนเยอะขนาดนี้ตอนแรกก็ กลัวว่าจะไม่มีที่กางเต้นท์ แต่ส่วนใหญ่กจะมาแบบเช้า-เย็นกลับ มากกว่า หรือลงไปพักรีสอร์ทข้างล่างกัน



. . . ( มื้อกลางวัน ) ตรง อช.มีร้านอาหารจำหน่ายด้วยนะครับ แต่ รสชาติ ไม่ผ่านเลยครับ ส้มตำที่ว่าพื้นๆแล้ว จืดสนิท แอบเห็นหลายๆโต๊ะ เหลือแบบ ครึ่งจานทั้งนั้น

. . . มื้อเย็นก็เลยต้องไปฝากท้องกับร้านข้างนอก อช. เดินออกมานิดเดียวก็ถึงแล้วครับ อยู่แถวๆที่ขาย ต้นไม้ครับ วิวก็ดี นั่งรับลมเย็นๆ รายการอาหารก็ทั้วไปครับ ต้มยำสารพัด ปลาช่อนลุยสวน ส้มตำ ยำ ย่าง ปลาเผา ทุกรายการที่สั้งมา อร่อยทุกอย่าง แถมราคาถูกไม่น่าเชื่อครับ ราคาอาหารก็ 60-100 บาท มื้อนี้กินกัน 10 คน 600 บาท แบบอิ่มๆ เดินกันแทบไม่ไหว

. . . แนะนำนิดนึงครับว่าใครที่จะมากางเต้นท์ ก็เลี้ยวไปจอดรถแถวลานกางเต้นท์ได้เลยครับ

. . . ตอนไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ขอกางเต้นท์ เจ้าหน้าที่บอกให้เลือกทำเลได้ตามใจชอบเลยครับ แล้วเดี๋ยวตอนค่ำๆจะมีเจ้าหน้าที่ไปเก็บ ค่าบำรุง อช. ปรกติที่อื่นคิดเป็นรายหัว แต่ที่นี่เขาคิดเป็นเต้นท์ครับ กาง 2 หลัง เสียไป 60 บาท นอนกันตั้งหลายคน ประหยัดไปเยอะเลย แต่ก็เช่าบ้านไว้หลังนึงเหมือนกันครับ เอาไว้อาบน้ำกัน

. . . มองจาก อช. จะเห็นจุดจอดรถ เดินขึ้นไปชมป่าหินอยู่ไกลๆ




. . . 13.30 น. ไปดูดอกกระเจียวกันดีกว่าครับ

. . . ที่นี่เขามีบริการรถสองแถวบริการ รับส่ง ที่ อช.-ทุ่งดอกกระเจียว-ป่าหินงาม บริการครับ ค่ารถคนละ 10 บาท จะขึ้นคันไหนก็ได้ครับ ตอนกลับจะกลับอีกคันก็ได้ เพราะรถ จะหมุนเวียน รับส่ง ตลอดเวลา ใช้บริการรถสองแถวก็สะดวกดีครับ การจราจรก็คล่องตัว


. . .หรือถ้ามาเป็นหมู่คณะ เหมารถแบบนี้ไปก็ได้ ( คันเล็กนะครับ )





. . .เวทีการแสดง แต่ไม่เห็นมีการแสดงเลยนอกจากพิธีกรพูดอยู่คนเดียว


. . .มัคุเทศน้อยคอยอธิบายจุดสำคัญในตำแหน่งต่างๆให้นักท่องเที่ยวฟังระหว่างนั่งรถไปชมทุ่งดอกกระเจียว


. . .ก่อนไปชมทุ่งดอกกระเจียวรถจะมาส่งบริเวณสุดแผ่นดินสองภาคเป็นจุดเดินจุดแรกครับ
-จากป้ายตรงไปเป็นจุดชมวิวเขาพังเหย
-ขวามือไปผาก่อรัก
-ซ้ายมือไปทุ่งดอกกระเจียว


. . .จุดชมวิวเขาพังเหย


. . .เรียนเชิญคนกล้าไปท้าความเสียว


. . . ข้างบนลมแรงมากๆเลย


. . . ไปผาก่อรักกันครับ เดินไม่ไกลครับสบายๆธรรมชาตดีด้วย







. . . หน้าผาสำหรับโรยตัวลงไป แต่วันนี้ปิด ไม่เจ้าหน้าที่ เลยไม่ได้ลอง


. . .แล้วก็เดินย้อนกลับมาทางเดิมบริเวณป้ายสองแผ่นดิน



. . .เดินลัดเลาะไปตามริมผารับลมเย็นๆไปเรื่อยๆสบายครับบริเวณนี้ครึ้มไปด้วยต้นไม้รับรองไม่ร้อนครับ

. . .ระหว่างทางอาจเจอกิ้งกือตัวใหญ่เป็นเพื่อนร่วมทางก็ได้นะครับ(ไม่ขอลงรูปนะบางคนอาจจะกลัว)

. . .เดินมาสัก350เมตรก็ถึงสะพานทางเดินชมทุ่งดอกกระเจียวแล้ว


. . .ทางเดินทำไว้ดีแล้วครับไม่จำเป็นต้องลงไปเดินข้างล่างให้ลำบากเลยครับ และจะได้ไม่ไปเหยียบหน่อของดอกกระเจียวด้วย ( ดอกกระเจียวเป็นพืชพันธุ์เดียวกับพวกขิง ข่า )


. . .เพราะถ้าใครลงเดินนอกเส้นทางที่จัดไว้แล้วเจ้าหน้าที่เห็นก็จะใช้โทรโข่งตะโกนเรียกให้ขึ้นมา จะเขินกันเปล่าๆครับ

. . .ชมภาพไปเรื่อยๆละกันนะครับ












. . . มาเดี่ยว


. . . มาเป็นคู่ก็มี


. . . โดนเจาะซะแล้ว



. . .พอมาสุดทางก็คอยโบกรถสองแถวเพื่อไปต่อกันที่ป่าหินงามครับ


. . .รถจมาจอดบริเวณอาคารนิทรรศการป่าหินงามครับขากลับก็ขึ้นรถบริเวณนี้ด้วย


. . .แต่วันนี้ปิดครับงั้นก็ไปดูหินรูปร่างแปลกๆกันเลยดีกว่า

. . .เดินพอให้เหนื่อยเดี๋ยวก็เห็นแล้วครับ


. . .หินถ้วยฟุตบอลโลกถ้าจะสัมผัสใกล้ๆก็เดินเลี้ยวซ้ายพร้อมปีนป่ายเล็กน้อยครับ




. . .หินรูปไก่ต้องเดินหามุมหน่อยนะครับถึงจะเหมือน


. . .หินรูปช้างแต่งวงหักไปแล้วครับ




. . . มองกลับไปที่หินถ้วยฟุตบอลโลกอีกครั้ง


. . .ทางซ้ายมือมีรูปปั้นพระที่คอยปกปักรักษาผืนป่าแห่งนี้


. . .ถ้าเดินตรงไปอีก100ม.ก็จะไปทะลุกับทุ่งดอกกระเจียวที่เราไปดูมาเมื่อตะกี้

. . .เดินกลับเข้ากลุ่งป่าหินอีกครั้ง


. . .หินรูปเรด้าเป็นสัญญลักษ์ของป่าหินงามเลยทีเดียว


. . .ขึ้นมาที่สูงแบบนี้ก้อนเมฆอยู่ใกล้แค่เอื้อมเลยละครับ


. . . ต้นอะไรอะ ใบเป็นกงจักรเลย สวยดี


. . .หมดแล้วครับจุดท่องเที่ยวบริเวณป่าหินงาม

. . .กลับลงไปด้านล่างตรงจุดที่รถสองแถวจอดจะเจอกับหมู่บ้านมอญโบราณ ญัฮกุร จำลองวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ด้วย
. . . มีสาธิตย่างไก่แบบโบราณให้ดูด้วย ใครอยากลองกินก็สั่งไว้ได้เลยครับ เดินเล่นแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาเอา


. . .ถ้าไม่รีบไปไหนก็แวะพูดคุยกะน้องๆหน่อยนะครับเป็นลูกหลานชาวมอญแท้ๆ


. . .เพราะน้องๆเตรียมการแสดงมาด้วย นักดนตรีเหรอครับนี้เลยมีไม่กี่ชิ้นแต่ก็สร้างความบันเทิงได้


. . . เราก็เลยแสดงกายกรรมให้เด็กๆดูซะเลย ( เก่งตรงไหนว๊าเนียะ )



. . .ชาวมอญที่นี้มีภาษาพูดเป็นของตัวเองนะครับแต่ไม่มีภาษาเขียนเลยต้องยืมตัวเขียนไทยมาเทียบเสียงเอา


. . .เนื่องจากในปัจจุบันมีการใช้ภาษามอญโบราณน้อยลงจึงมีการอนุรักษ์โดยเพิ่มเข้าไปในชั่วโมงเรียนให้กับเด็กๆและลูกหลานชาวมอญใด้สืบทอดกันต่อไป

. . .คุณครูที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหมู่บ้านมอญกับนักท่องเที่ยวที่สนใจ


. . .รองเท้าไม้ ทำมาจากเปลือกไม้ ตัดให้ได้ขนาดแล้วเอาหินทับไว้จนกว่าไม้จะคลายตัว


. . .ขึ้นไปชมบนบ้านก็ได้ครับเขาให้ขึ้นไปชมได้ แต่ไงก็ขออนุญาตเขาสักหน่อยนะครับ


. . .บนบ้านปูด้วยไม้ไผ่ที่ผ่าครึ่งแล้วทุบไห้แบนๆแผ่ออกไปเวลาเดินแล้วรู้สึกนุ่มเท้ามากๆเลยครับ

. . .ที่นี้ยังใช้เตาถ่านอยู่เลยครับหุงหาทำอาหารกันบนบ้านเลย


. . .การเลี้ยงหมูหลุมปรกติเล้าหมูทั่วไปจะมีกลิ่นแต่วิธีการเลี้ยงแบบนี้แทบจะไม่ได้กลิ่นเลยครับ




. . .ออกมาด้านนอกก็จะเป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึกครับ


. . .เลือกเป็นของฝากได้ตามใจชอบครับ ราคาก็รับได้


. . .เย็นแล้วยังไม่ได้กางเต้นท์กันเลยครับ

. . .แต่ไปหาไรกินกันก่อนดีกว่า

. . .ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารเลยครับมัวแต่กิน

. . .กินเสร็จก็มาเดินดูดอกไม้ที่เอามาจำหน่ายด้านนอกอุทยานครับเป็นช่อหลายชั้นสวยจริงๆ เรียกว่าดอกบัวสวรรค


. . .ก็จะจำหน่ายถึงช่วงเดือน ส.ค.นี้เท่านั้นครับ















. . .กลับมากางเต้นท์นอนสบายครับอากาศเย็นๆไม่ถึงกับหนาวมาก สบายๆ

. . .ตอนเช้าผมขึ้นไปดูทุ่งดอกกระเจียวอีกรอบ กะว่าน่าจะเจอหมอกบ้าง แต่น่เสียดายที่เมื่อคืนฝนไม่ตก ตอนเช้าเลยไม่ได้ไล่จับหมอกเลย

. . .ยืนรับลมหนาวๆแทน




. . .ขากลับแวะน้ำตกเทพประทาน ทางเข้าไปยังตัวน้ำตกก็ร่มรื่นดีครับแดดไม่ร้อน






. . .ฟ้าใสดีจัง


. . .ช่วงนี้น้ำน้อยไปหน่อยครับแต่ก็สวยดีนี่ขนาดผ่านหน้าฝนมาบ้างแล้วนะ


. . .เห็นสายรุ้งไหมครับ




. . .ผีเสื้อสวยๆเยอะนะแต่กว่าจะจับใส่กล้องได้



. . .แถมส่งท้ายขากลับน้ำตกเจ็ดสาวน้อยอยู่ อ.มวกเหล็กจ.สระบุรีครับ


. . .น้ำตกที่นี่คนมากมายครับไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบไปเที่ยวที่เงียบๆ




. . .ปิดท้ายครับชื่อภาพ สบายเขาหละ



. . .พบกันตอนหน้า จ.ตราดที่เกาะกูด ณ.รีสอร์ทกัปตันฮุ๊ก กับทริปเริงร่าท้าลมมรสุม จะรีบเอามาลงเร็วๆนี้คร๊าบ


. . .หลับฝันดีทุกท่านครับ . . .

Create Date : 01 กันยายน 2550		8 comments
Last Update : 10 กันยายน 2550 19:15:03 น.
Counter : 3602 Pageviews.
Share Tweet