การจะไปนิพพานได้ ต้องขอให้บรรดาพุทธบริษัททุกท่านสนใจกับ บารมี ๑๐
บารมี ๑๐ อย่างนี้ ควรจะจดเอาไว้ให้มองให้เห็นทุกวัน เช้าขึ้นมาเราก็นั่งไล่เบี้ย บารมี ๑๐ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี ว่าจิตใจของเราบกพร่องในบารมีข้อไหนบ้าง เราทำข้อนั้นให้เต็ม
แล้วก็ประการที่ ๒ บรรดาท่านพุทธบริษัทต้องสนใจในสังโยชน์ ๑๐
สังโยชน์ ๑๐ กับบารมี ๑๐ นี่ต้องสนใจทำให้คล่อง
สำหรับบารมี ๑๐ ตั้งใจให้เกิดขึ้น
สังโยชน์ ๑๐ ตัดให้หมดไป
ถ้าบารมี ๑๐ มีความเข้มข้นมากเท่าไร สังโยชน์ ๑๐ มันก็จะจางตัวไปมากเท่านั้น
บารมีทั้งหมดนี้ให้ใช้กำลังใจ สร้างกำลังใจให้มันทรงอยู่ในใจทั้งหมด ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่มีอะไรบกพร่อง คือ
- จิตของเราพร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ
- จิตพร้อมในการทรงศีล นี่ซิบรรดาพุทธบริษัท พร้อมในการทรงศีลเป็นปกติ ไม่ใช่ปล่อยให้ศีลมันหล่นไป
- จิตพร้อมในการทรงเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะก็แปลว่าการถือบวช บวชผมยาว บวชผมสั้น บวชโกนหัว ไม่โกนหัว ได้ทั้งนั้น
- จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารอุปาทานให้พินาศไป
- วิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ
- ขันติ มีทั้งอดทั้งทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์
- สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลาว่าเราจะจริงทุกอย่าง ไม่มีอะไรในคำว่าไม่จริงสำหรับใจเรา ในด้านของการทำความดี
- อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ
- เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดีไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น
- อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ ในเมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว อย่างที่เธอเป็นวันนี้ อุเบกขาบารมีตัวนี้ พระองค์ทรงตรัสว่า ตรงกับภาษาไทยที่ใช้กันเป็นปกติว่า ช่างมัน ขันติบารมีนี่ก็เหมือนกันใช้คำว่าช่างมัน ตรงตัวดี
คนที่มี บารมีต้น นี่นะ เขาเก่งแค่ทานกับศีลอย่างเก่ง ถ้าอุปบารมี ก็เก่งแค่ฌานสมาบัติ จิตใจพอใจมาก แต่พูดเรื่องนิพพานไม่เอาด้วย คนที่มีบารมีเข้าถึง ปรมัตถบารมีเท่านั้น จึงจะพอใจในนิพพาน.
อ้างอิงจาก : หนังสือ พ่อรักลูก ๒ หน้าที่ ๔๘-๕๑ หัวข้อ บารมี ๑๐