Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 

'บุ๋ม ปนัดดา' ม่ายทรงเครื่อง!

ช่วงตั้งแต่ต้นปีจนมาถึงช่วงใกล้จะสิ้นปี ในปี นี้เรียกว่าวงการบันเทิงบ้านเรามีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน และอดีตนางสาวไทยอย่าง “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” สาวที่ได้ชื่อว่าเป็นหญิงแกร่งคนนี้ ที่ออกมารับกับผู้สื่อข่าวว่าชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวนั้น สาเหตุเพราะความต่าง และถึงวันนี้เธอกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง กับวันที่ต้องทำงานเพื่อตัวเองและลูก



บุ๋มใช้ชีวิตคู่มากี่ปี ?

“อยู่กันมา 3 ปี ก็นานอย่างน้อยก็ยั้งคำของหมอลักษณ์ได้เพราะหมอลักษณ์บอกว่า 2 ปี”

ปีแรกที่แต่งเป็นอย่างไรบ้าง ?

“มันก็ต้องมีปรับเปลี่ยนอะไรกันเยอะ เพราะ ว่าชีวิตบุ๋มเองเมื่อก่อนจากที่จะเข้าบ้านก็เข้า คืออยาก จะทำอะไรก็ทำ จะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาคิดถึงคำว่า “เรา” แต่พอแต่งงานจากคนเดียวก็ต้องมาเป็นเรามากขึ้น ตอนนั้นคุณวีกับบุ๋มเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาเองก็ให้เวลากับบุ๋มเยอะ แต่ช่วงหลัง ๆ คือเราเริ่มมารู้จักตัวตนกันมากขึ้น คือการเป็นดารามันดีอย่างและก็ไม่ดีอย่าง ดีตรงที่มันได้เจอคนดี ๆ เยอะ แต่ทำไม่ได้ ที่แบบจะได้ศึกษาดูใจกันมาก ๆ อย่างคนอื่น ๆ ดังนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเวลาที่เขาอยู่ที่บ้านเขาเป็นยังไง เราไม่รู้เลย มันก็เลยต้องมาเรียนรู้กันตอนที่หลังจากแต่งงาน

จากผู้ชายที่เคยโทรฯหาเราตอนเที่ยงคืนด้วยเสียงสดใสส่งเรากลับบ้าน เราก็รู้สึกว่ามันดีนะเป็นคนนอนดึกเหมือนเรา แล้วพอถึงวันหนึ่งเรากลับมาบ้านเราเจอผู้ชายคนที่นอนตอน 3 ทุ่มก็หลับแล้ว ผู้ชายคนนั้นหายไปไหน ซึ่งตรงนี้ ปัญหาจากตัวบุ๋มเองด้วย คือบุ๋มเองก็ยังรับงานเหมือนเดิม บุ๋มก็ไม่ได้เปลี่ยนชีวิตของบุ๋มเลย ชีวิตที่บุ๋มเห็นก็คือว่าเดินเข้าไปในบ้านเขาหลับแล้วอยู่ในชุดนอน อย่างที่บอกว่าไลฟ์สไตล์มันต่างกันเขาเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน สามสี่ทุ่มก็นอนแล้วตื่นตอนเจ็ดแปดโมง แต่เที่ยงคืนบุ๋มยังทำงานอยู่”



นอกจากปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตที่ต่างกันแล้ว มีแรงกดดันจากทางอื่นบ้างมั้ยคะ?

“อืม...แม้ว่าบุ๋มจะให้เขาตามไปที่กองฯ ก็ตาม ไปเห็นการถ่ายแบบของบุ๋มก็ตาม ถ่ายเอฟเอช เอ็มก็ให้เขาไปดูว่าบุ๋มถ่ายยังไง หนังวีซีดีเลิฟซีนถ่าย ยังไง เป็นอย่างนี้นะรับได้ไหม ถ้ารับได้ก็โอเคบุ๋มก็แต่ง เมื่อบอกว่ารับได้บุ๋มก็แฮปปี้ แต่คือช่วงหลัง ๆ ในส่วนของเรื่องงานเขาไม่มีปัญหา แต่ญาติ ๆ เขามี ถ่ายแบบอย่างเช่น บอดี้เพนท์มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกว่าเราจะไปแก้ผ้าให้เขาเพนท์ แต่ผู้ใหญ่เขาไม่เข้าใจโดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่ญาติ

ซึ่งเราก็เข้าใจมันเป็นอะไรที่แรงแล้วคนก็จะรับกันไม่ค่อยได้ เรารู้อยู่ว่าเราไม่ได้แก้ผ้า สามีเราก็ยืนถ่ายภาพเบื้องหลังเอาไว้ว่าเราใส่เสื้อผ้ายังไง คน 8 คนยืนเพนท์ ตัวเรามันเป็นงานศิลปะยังไง มันเป็นเส้นบาง ๆ ของความเข้าใจเท่านั้นเอง แต่ทีนี้ถามว่าขอแค่คนคนเดียวเข้าใจเรา มันใช้คำนี้ได้ไหม คือผู้หญิงที่ไปอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าประมาณเป็นสิบ ๆ คนในตระกูลที่เขามีความคิดเดียวกัน สะใภ้ทุกคนก็เป็นแม่บ้าน เราเป็นคนเดียวที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ มันเลยทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเราอึดอัด”

แล้วเวลาที่ถูกต่อว่า บุ๋มทำยังไง ?

“ก็ทำเป็นมึน ๆ ทำเป็นไม่ได้ยิน เห็นบุ๋มเป็นอย่างนี้นะแต่กับผู้ใหญ่บุ๋มไม่เคยเถียงหรือว่าอะไรแต่เป็นคนที่พูดเสียงดังฟังชัดมันก็เลยดูเหมือนมีอารมณ์เข้ามาร่วมหรือเปล่า แต่จริง ๆ แล้วเปล่า ถ้าเกิดพูด ไม่ได้เราก็ไม่พูดดีกว่าบุ๋มจะเป็นอย่างนี้ เราไม่เคยตอแหลอยู่แล้ว ทำก็คือทำ ไม่ทำก็คือไม่ทำ บุ๋มจะเป็นอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นบุ๋มก็แค่พยักหน้าแล้วเดินหนี”



ตอนนั้นคิดอยากจะย้ายมาอยู่ข้างนอกกับคุณวีด้วยกันไหม ?

“ก็เคยคุย ๆ กันแต่ก็ด้วยจุดยืนที่เขาต้องทำธุรกิจตรงนั้น เขาเป็นเหมือนกับกลุ่มหลัก ๆ เลยล่ะในการดูแลธุรกิจที่บ้านเขา เขาออกมาไม่ได้หรอก แต่ก่อนที่เราจะแยกกันขาด ตอนนั้นเราก็แยกบ้านอยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งตัวบุ๋มเองบุ๋มก็เคยอยู่เมืองนอกคนเดียวมาตั้งแต่เด็กตั้งแต่ 17 ดังนั้นชีวิตบุ๋มคือพอแต่งงานมันก็น่าจะเพียงพอแล้ว ที่มีผู้ชายคนเดียวมาเดินอยู่ภายในบริเวณที่ส่วนตัวของเรา เพราะข้างนอกบุ๋มเจอผู้คนมามากมายแล้ว ฉะนั้น พอกลับถึงบ้าน เราก็สามารถ ที่จะมีโลกส่วนตัวของเราบ้าง แต่มันทำไม่ได้ คนนั้นเดินเข้าคนนี้เดินออก คือเนื้อที่ของเราอยู่ไหน โลกของเราอยู่ไหนไม่มีแล้ว บุ๋มรู้สึกว่าตัวเองไม่มีที่อยู่แล้วบุ๋มก็เลยต้องออกมา”

อารมณ์ตอนที่เราแยกกับสามีตรงนั้นมันเป็นอย่างไร ?

“ตอนแรกเราแยกห้องนอนกันก่อน ไม่ได้อยู่ ๆ ก็ขนของออกมาเลยนะ บุ๋มกับคุณวีเริ่มจะคุยกันไม่รู้เรื่อง มันมีมุมมองเรื่องของการเลี้ยงลูก อะไรหลาย ๆ อย่าง ตอนนั้นก็คิดว่าทำไมไม่เข้าใจ แต่บอกได้เลยว่าบุ๋มกับคุณวีเรายังรักกัน กอดกันได้เสมอแต่พอเป็นเรื่องปัญหาทำให้เราต้องถอยออกมาคนละก้าว แล้วแทนที่จะมาทะเลาะกันบุ๋มสู้มานั่งคิดกันดีกว่าว่าเราจะหาทางออกกันยังไง ไม่ชอบทะเลาะเพราะมันไม่ได้มีทางออกที่ดีให้กับลูกได้เลย แล้วงานก็เสียอีก อะไรก็ได้แต่ห้ามเสียเรื่องงาน ตอนนั้นเราพยายามที่จะแก้ปัญหากันอยู่ ก็ประมาณสองสามเดือน แต่ก็ไม่ได้ เลยต้องออกมาเพราะบุ๋มว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”



ณ วันนั้นถึงวันนี้นานแค่ไหนแล้ว ที่เดินออกมาจากบ้านหลังนั้น ?

“สองเดือนแล้วนะที่ถอดแหวน แต่เราก็ยังรักกัน เรายังคุยกันเวลาเจอกัน เรายังมีความห่วงหากันแล้วเขาก็ยังเป็นพ่อของลูก แต่ก็ปล่อยเขานะถ้าหากเขาไปเจอคนอื่น ถ้าเขาเจอคนที่โอเคสามารถรอเขากลับบ้านได้ทำกับข้าวได้ หรือว่าเป็นคนที่ดูแลเขาได้เราก็โอเค ถึงแม้ว่าเราจะยังรักเขาอยู่มันก็ขึ้นอยู่กับอนาคตว่าถ้ากลับไปเราต้องเครียดอีกไหม”

ถึงวันนี้ บุ๋มคิดว่าบุ๋มล้มเหลวในชีวิตคู่หรือเปล่า ?

“จริง ๆ บุ๋มไม่เคยคิดว่าจะได้แต่งงาน ไม่เคยมองว่าตัวเองสวย ไม่เคยมองว่าตัวเองเก่ง ทำอะไรผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ มันก็เลยเหมือนกับว่ายังอยากจะเรียนรู้อะไรไปเรื่อย ๆ บุ๋มเป็นผู้หญิงที่ยังอยากจะเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่ก็ต้องขอขอบคุณที่เขายังชมว่าเราสวย เราเก่ง เราแกร่ง ก็เหมือนกับว่าเราก็พยายามเป็นอย่างที่เขาว่าให้ได้จริง ๆ

คนอาจจะเห็นว่าบุ๋มเป็นมังกรบินอยู่บนฟ้า แต่จริง ๆแล้วบุ๋มอาจจะเป็นแค่แมวตัวหนึ่งที่ชอบนอนขดอยู่ที่บ้าน แต่ไม่มีใครรู้ ณ วันนี้ประสบความสำเร็จไหม บุ๋มว่าบุ๋มประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิดตั้งแต่สมัยก่อนเยอะมาก ไม่เคยคิดว่าจะอยู่ในวงการได้นานขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าจะมีเครื่องสำอางเป็นยี่ห้อของตัวเอง ไม่เคยคิดว่าจะได้มาแต่งงานกับผู้ชายคนนี้มีลูกที่น่ารักคนหนึ่ง แล้ววันนี้เรามีแล้ว และถ้าชีวิตการแต่งงานมาขีดชีวิตบุ๋มล่ะก็ บุ๋มไม่ยอม ยังไงก็จะเดินไปข้างหน้าต่อ มันอาจจะมีรวนบ้างไปทางซ้ายบ้างขวาบ้างแต่ก็จะดึงตัวเองกลับมาให้ได้ บุ๋มบอกได้เลยว่าบุ๋มรักตัวเองมากที่สุด

กับน้องอันดามัน ถ้าเขาโตขึ้นเราจะบอกกับเขาว่ายังไง ?

“ก็บอกว่าคุณแม่ก็ต้องทำงานอยู่ตรงนี้ และคุณพ่อก็ต้องทำงานอยู่ตรงโน้น แต่บุ๋มเชื่อว่าบุ๋มมองเห็นภาพอะไรหลายครั้งที่พ่อแม่ทะเลาะกัน การมีความรักแบบนั้นมันก็ไม่มีความสุข สู้อย่างนี้ที่เราไม่ทะเลาะกันแล้วเรายังเติมเต็ม คนนี้เลี้ยงคนโน้นก็เลี้ยง เขาอยู่บ้านไหนก็ได้เขามีหลายบ้านเขาก็วิ่งเล่นได้ เขามีบ้านคุณตาบ้าง บ้านคุณปู่บ้าง ซึ่งบุ๋มว่าอย่างนี้เขามีความสุขมากกว่า การที่มานั่งเห็นพ่อแม่หมางเมินกันไม่คุยกัน



พอกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง มีหนุ่ม ๆ เข้ามาขายขนมจีบบ้างไหม ?

“ก็มีบ้างที่โทรฯมาคุย แต่บุ๋มยังอยากทำงานก่อน แล้วเราก็ยังรู้สึกดี ๆ อยู่กับคุณวี อีกอย่างผู้หญิงมีลูกแล้วอายุก็ 30 แล้วมันจะหาสามีใหม่ง่าย ๆ อย่างนั้นเลยหรือ คือบุ๋มเป็นคนที่ไม่เชื่อและไม่ได้มั่นใจตัวเองขนาดนั้น คนที่เข้ามาเพราะว่าเราแค่เป็นดาราหรือเปล่า ต้องระมัดระวังมากกว่าเดิมเพราะเราก็มีลูกแล้ว มันคิดอะไรหนักกว่าเดิมเยอะ”

บุ๋มอยากจะฝากอะไรถึงผู้หญิงที่กำลังประสบปัญหาอย่างที่บุ๋มเคยเจอบ้างไหม ?

“อยากจะให้กำลังใจกับคนที่เป็นแม่คน ถ้าเกิดมีปัญหาบางคนบอกว่ายังทนอยู่ในครอบครัวได้บุ๋มก็ชื่นชมในความอดทนในความแกร่งของคุณ และขอโทษด้วยที่ไม่สามารถเป็นตัวอย่างของครอบครัวที่สมบูรณ์แบบได้ แต่บุ๋มก็แค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง เป็นแค่ผู้หญิงที่อยากจะทำงานไม่ได้เป็นผู้หญิงเก่งไม่ได้แกร่งอย่างที่ใคร ๆ คิด ร้องไห้เยอะเหมือนกันเพียงแต่ว่าบุ๋มเองพยายามใช้สติในการทำงานของบุ๋ม ก็อยากให้ทุกคนแบ่งให้ถูก ส่วนตัวคือส่วนตัว งานก็คืองาน ไม่งั้นคุณจะไม่เหลืออะไรยึดเหนี่ยวเลย ณ วันนี้บุ๋มเอางาน เอาลูกเป็นตัวยึดเหนี่ยว ดังนั้นบุ๋มยังเดินไปไหนมาไหนได้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนทั้งเรื่องงาน สุขภาพ ความรักครอบครัว บุ๋มเชื่อว่ามันต้องมีทางออกแต่บางทีเราต้องใช้เวลาและสติ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ”

ว่าไปแล้วอดีตนางสาวไทยคนนี้ ก็ยังมีมุมที่เราไม่เคยทราบมาก่อนเหมือนกัน กับมุมเศร้า ๆ ที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นจากผู้หญิงที่ชื่อ ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เท่าไรนัก และวันนี้เราก็ขอเป็นกำลังใจให้เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุข.


ที่มา
เดลินิวส์




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2550
1 comments
Last Update : 31 ธันวาคม 2550 1:43:00 น.
Counter : 6905 Pageviews.

 

เราชอบคุณบุ๋มนะ เราว่าเธอเปิดเผย และเป็นคนตรงๆ ดี

 

โดย: Tenjo_Utena 3 กุมภาพันธ์ 2551 11:44:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.