เที่ยวปารีส จริงหรอกับเมืองในฝัน?? ฉ.ย่อ ฝรั่งเศส France>>> Paris



****click right on Destop Version
Paris เมืองในฝันของใครอีกหลายๆคน ที่ว่าก่อนตายต้องขอมาดูหอไอเฟลให้ได้ซักครั้ง
Paris ในฝันของช้านนนน.....รถติดตั้งแต่เช้า ฟ้าครื้ม...มีทีท่าว่าฝนตั้งเค้ากำลังจะตกหนัก เราติดอยู่ในรถร่วมสองชั่วโมงได้ ภาพ Paris ในฝัน กลายเป็นเมืองที่น่าอยู่น้อยที่สุดในบรรดา การมายุโรปครั้งนี้ Paris เมืองที่มีประชากรมากกว่า 10ล้านคนอาศัยอยู่กันแบบแออัด มีทั้งคนจน คนรวย คนทุกๆชนชาติ ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งตาน้ำข้าว คนเอเชีย คนลาติน หรือแม้กระทั้งคนผิวสี จากแอฟริกา ปะปนอยู่ทั่วทุกมุมในเมืองๆนี้ มหานครปารีส



 Paris (ปารีส) เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส France ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำแซน Seine ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีอิทธิพลต่อแฟชั่น ศิลปะ ประวัติศาสตร์และการเมืองของโลก และแล้วเราก็มาถึงซักที ที่แรกที่เราไปนั่นคือ ย่านมงมาร์ต Montmarte เป็นย่านที่มีภูมิประเทศสูงที่สุดในมหานครปารีส ด้านบนสุดของเขาลูกนี้ เป็นที่ตั้งของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวปารีสซี่ มีชื่อว่า Basilique du Sacré-Cœur de Montmartre หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม วิหารพลีชีพ ด้านในเป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมันยุคไบเซนไทน์ (ใครไม่อยากเดินขึ้นก็มีลิฟต์เสียตังค์ให้บริการด้วย) ระหว่างทางขึ้นไปยังวิหารนี้จะมีร้านค้าขายของฝาก ร้านsex toy รวมถึงระบำเปลื้องผ้า หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Moulin Rouge (มูแลงรูจ) ถึงตรงนี้ก็รู้สึกได้ถึงความ แปลกของเมืองปารีสแล้วล่ะ ว่าทำไม๊..ทำไม ถึงเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของประเทศมาอยู่กับร้านพวกนี้ได้..





หลังจากเดินเที่ยวได้ไม่นานก็ถึงเวลาที่ไม่อยากรอคอย ฝนเม็ดใหญ่ตกลงมากลางกะหม่อมถึงกับต้องวิ่งหลบฝนอยู่ตามซอกร้านอาหารกันเลยทีเดียว อุณหภูมิ 10กว่าองศา กับการเที่ยวแบบฝนตกหนักโดยไม่มีร่ม มันเป็นประสบการณ์ที่ อื้มมมม......ต้องลองซักครั้งในชีวิต! เช ไกด์ประจำทริปของเราวิ่งลุยฝนหน้าตาแตกตื่นตัวเปียกโชก 'พี่ พี่ (เสียงหอบ) โจกำลังขับรถมารับ รีบขึ้นรถนะ เพราะแถวนี้เป็นเขตห้ามจอด' (ใครยังไม่รู้จัก Joe โจ ต้องย้อนอ่านทริปเบลเยี่ยม)  
       แต่ก่อนอื่นต้องขอเล่าเรื่องของ เช เชเป็นผู้ชายรูปร่างสูง เข้ม เป็นไกด์มาแล้วร่วมสิบปี เน้นแถบยุโรปและสแกนดิเนเวีย ความสามารถพิเศษของเชคือ ถามอะไรรู้หมด ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ การเมือง หรือทุกซอกทุกมุมของยุโรป รวมทั้งเรื่องแฟชั่น กระเป๋ามาใหม่ ซื้อที่ไหนช่วงเวลาไหนถูก เคลมTax ให้เร็วหรือเอาเข้า ตม. ยังไง เชตอบได้หมด เชเป็นทั้งเพื่อนชายและเพื่อนสาวร่วมทริปที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว..... ด้วยเนื้อตัวเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ ก็ทำให้อดสงสารเชไม่ได้





 ต้อนรับฝนฝรั่งเศสแล้ว (เจอทั้งทริป) ถึงเวลา Shopping ของสาวหลายๆคน เราต่อกันด้วยการเดินเที่่ยวห้างสรรพสินค้า Galeries Lafayette (กาเลอรี่ ลาฟาแยต) ส่วนตัวแล้วคิดว่าเหมือนห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป ถ้านึกไม่ออกก็จะคล้ายๆ Emquarter บ้านเรา.... แต่ละชั้นก็มีของขายต่างกันไป ข้อแตกต่างของห้างนี้คือมีหลายตึก หากจะซื้อพวกของกินก็ต้องเดินข้ามถนนไปซื้ออีกตึกหนึ่ง... อีกทั้งเป็นห้างที่คนต่อแถวซื้อแบรนด์เนมกันเหมือนแจกฟรี  แบรนด์ที่ต่อคิวกันเยอะๆ เช่น LV, Chanel, Gucci โดยใช้เวลา 15-30นาทีต่อคน 




บรรยากาศคนรอต่อแถวซื้อแบรนด์เนม เกือบ 80% ใน Lafayette เป็นคนจีน


ชั้นบนสุดของห้างยังมีดาดฟ้า ที่เห็นวิวเมืองปารีสและหอไอเฟลอีกด้วย



เดินห้างจนเบื่อก็ขอเดินไปเที่ยวนอกห้างบ้าง เราเดินเที่ยวตามสถานีรถไฟใต้ดินใกล้ๆ เรานั่งจิบกาแฟบ้าง ถ่ายรูปนั้นนี่บ้าง จนเดินมาถึงโรงโอเปร่าชื่อว่า Academie Nationale De Musique เป็นสถาปัตยกรรมชื่อเอกของสถาปนิกท่านหนึ่งชาวฝรั่งเศส สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม หน้ากากแฟนธ่อม The Phantom และ!! เชบอกมาอีกแล้ว!!! นางบอกว่าเป็นสถานที่ที่ผีเยอะที่สุดในปารีส (จะเชื่อดีไหม) ก็เพราะใต้ดินของโรงละครแห่งนี้เป็นตาน้ำ ทำให้เกิดการถล่มของตัวอาคารในระหว่างการก่อสร้างซึ่งคร่าชีวิตคนงานมานับไม่ถ้วน หลังจากที่สร้างเสร็จได้ไม่นาน ก็เกิดเพลิงไหม้จนไม่เหลือซาก และเมื่อบูรณะเสร็จ โคมระย้ายักษ์ก็ตกลงมาใส่ผู้ชมที่นั่งดูการแสดงอีกซะงั้น ซวยซ้ำซวยช้อน! จากคำขู่ของเช ก็ต้องไปดูซักครั้ง ข้างในโรงอุปรากรณ์นี้มีทั้งโซนจ่ายเงินและโซนเข้าฟรี สำหรับครั้งนี้ ไปคนเดียวเข้าฟรีถือว่าดีที่สุด บรรยายกาศภายในถือว่าสุดบรรยาย บรรยากาศเสียวสันหลังวาบ ภายในมีดนตรีโอเปร่าเปิดคลอเบาๆ ไฟสลัวๆอากาศเย็นยะเยือก หลังจากเดินดูได้ไม่นานก็ขอตัวออกก่อนมาดีกว่า...






        หลังจากเดินเล่นอยู่ในเมืองหลายชั่วโมง ถามทางชาวบ้านไปมารวมทั้ง รปภ.ในห้างก็รู้เลยว่า คนฝรั่งเศส น้อยคนนักทีพูดภาษาอังกฤษได้ ( เรียกได้ว่า French in Paris จริงๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต่างด้าวมาเที่ยวกรุง ภาษาอังกฤษก็ใช้ไม่ได้ ภาษาฝรั่งเศสก็พูดไม่เป็น นอกจากคำว่า Bonjour กับ Merci --'') เดินจนเหนื่อยและแล้วก็ได้ฝากท้องไว้กันร้านอาหารฝรั่งเศสที่จำชื่อไม่ได้ร้านหนึ่ง มาถึงฝรั่งเศส ก็ต้องกินหอยนางรม Oysters ซี้ (ใช่รึป่าว หรือว่าทึกทักไปเอง555) โดยรวมคิดว่าอาหารที่นี่อร่อยกว่า3ประเทศที่ไปมา แต่ก็ตามนั้น กินเพื่ออยู่ เที่ยวเพื่อเรียนรู้ 



ได้ฤกษ์ไม่รอช้า เราก็มาถึงซักที Effiel Tower หอไอเฟลลลลลลล สถานที่ที่ทุกคนทั่วโลกรู้จักดีและครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาให้ได้ หอไอเฟลถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์การเฉลิมฉลองการปฏิวัติฝรั่งเศส และก่อนการก่อสร้างนี้ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวปารีสว่า เจ้าโครงเหล็ก10,000ตันจะเป็นสิ่งอัปลักษณ์ให้แก่มหานคร แต่แล้วในที่สุดหอคอยอัปลักษณ์แห่งนี้ก็ได้กลายเป็น Landmark สำคัญแก่ประเทศฝรั่งเศสในเวลาต่อมา... แต่ถึงกระนั้นกระนี้หลังจากมาถึง จุดถ่ายรูปได้ไม่นาน ฝนก็ตกลงมาอีกแล้วท่านผู้ชม เพลีย!!! จุดนี้มีนักท่องเที่ยวและคนดำอยู่เยอะมาก ซึ่งเป็นทั้งมิจฉาชีพและคนขายพวกกุญแจอยู่ปะปนกัน แต่เท่าที่สำรวจมาพบว่า พวงกุญแจของที่ระลึก ที่นี่ขายถูกสุด มีตั้งแต่ 7-15 พวง/1ยูโร แล้วแต่ความสามารถการต่อรอง (ปล. คนดำที่นี่พูดภาษาจีนและภาษาไทยได้ อย่าได้นินทาเชียว) 



ในเมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ ก็ทำไงได้ เข้าโรงแรมสิ ครั้งนี้เราพักโรงแรมในตัวเมืองฝรั่งเศส เป็นโรงแรมเล็กๆ มีบาร์อยู่ด้านล่าง... หลังจากอาบน้ำ สระฝนเสร็จ ก็พร้อมแล้วสำหรับการโดสยาแก้หวัด ถูกต้องเลยยยยย!!! กินเบียร์กันเถอะ!!! ทริปยุโรปครั้งนี้ เราเจอทั้งอากาศหนาว ทั้งฝน ทั้งลม... แต่ทว่า เราได้ยาดี นั่นก็คือ การดื่มแอลกอฮอล์เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย วันนี้ตั้งใจดื่มเบียร์ฝรั่งเศสให้หายหนาว หลังจากเดินลงมาถึงชั้นล่าง ก็มีโจ(ฝรั่งขับรถที่เราได้ฝากชีวิตไว้ตลอดทริป) เช (ไกด์แสนรู้) และเพื่อนร่วมทริปอีก 5-6 คน นั่งอยู่ที่บาร์เหมือนไม่ได้นัดหมาย.... และแล้ว.... ปาร์ตี้ก็เริ่มแล้วสินะ!!! จากเบียร์ก็กลายเป็นแชมเปญ โจบอกว่ามาถึงฝรั่งเศสต้องกินแชมเปญ และสุดท้ายก็จบด้วยแชมเปญ7ขวด ตามต่อด้วยไวน์อีกสอง จากการเดินทางกว่าหนึ่งอาทิตย์ เราพึ่งเริ่มรู้จักกันจริงๆก็คืนนี้แหล่ะ และเจ้ามืองานนี้ก็เป็นใครไปอีกไม่ได้นอกจาก 'โจ' (โชว์เฟอร์ผ่าไฟแดงของเรา) พึ่งรู้ว่าฝรั่งเมามันเป็นหยั่งนี้นี่เอง ป๋าจริงๆ) 
บทสรุปวันแรกของฝรั่งเศสและรัตติกาลแรกในปารีสนั้นก็ไม่เคยลืมเลือน... ได้ที่ ตีหนึ่งแล้ว นอนกันเถอะ!(กินเหมือนพรุ่งนี้จะไม่เที่ยว)



        รุ่งอรุณเช้าวันใหม่ ฟ้าฝนไม่เป็นใจอย่างเคย but we never let the rain ruin our days.... ทำไงได้ ก็เที่ยวต่อสิคะ เรายังเที่ยววนๆอยู่ในปารีส (ที่จริงแล้วก็มาแค่ปารีสนะ --'') ครั้งนี้มาเที่ยวสถานที่ที่อยากไปมากที่สุด นั่นคือ.... Louvre Museum พิพิธภัณฑ์ลูฟ หากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Dan Brown จะอินมาก สถานที่ที่มีพิระมิดแก้วนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของหายากทั่วโลกมารวมกันและจัดแสดงขึ้นในพิพิธภัณฑ์ใต้ดินที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่ชื่อว่า Louvre และผลงานที่โดดเด่นที่สุดในลูฟก็คือ ภาพวาด Monalisa ของศิลปินเอก Leonardo Davinci (แต่โชคดีในความโชคร้าย การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ต้องใช้เวลาขั้นต่ำอย่างน้อย 2ชั่วโมง(แบบเดินเร็ว) ไม่รวบถึงการต่อแถวซื้อตั๋วและสแกนกระเป๋า เนื่องด้วยเวลาไม่เป็นใจทำให้เราพลาดโอกาสในการเข้าดูพิพิธภัณฑ์อย่างหน้าเสียดาย (แต่ไม่เป็นไร...คิดว่ารอบหน้ายังมี)) เราเดินเล่นรอบพิพิธภัณฑ์ชั้นบนรวมไปถึงพระราชวังลูฟ Louvre Palace จนอิ่มหนำ 









อากาศหนาวแบบนี้ต้องกินไอตีม (เกี่ยวกันไหมเนี่ย) ....Creme Brule Gelato มันสุดยอดไปเลย 10/10 



          จากนั้นก็ถึงเวลาล่องเรือต่อ เรือที่เราจะล่องนั่นคือ เรือบาโตมูส Bateaux Mouches เป็นเรือท่องเที่ยวในแม่น้ำแซน Seine ของประเทศฝรั่งเศส โดยจะล่องผ่านจุดสำคัญต่างๆไม่ว่าจะเป็น หอไอเฟล, พระราชวัง, สะพานอเล็กซานเดอร์, รัฐสภา,จตุรัส la concorde รวมถึงโบสถ์สำคัญๆต่างๆ แนะนำว่า เป็นสิ่งที่ Must try อย่างยิ่งสำหรับการท่องเที่ยวปารีส.....













Paris ยิ่งค่ำ ยิ่วสวย 'นี่คือเรื่องจริงของมหานครปารีส' ตราบใดแสงไฟนีออนสว่างขึ้น เมืองนี้ก็กลายเป็นเมืองที่สุดแสนจะโรแมนติกเมืองหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ เห็นแล้วจะร้องไห้ ชั้นควรมากับแฟนสิ! หลังจากใข้เวลากับอาหารเย็นนานพอสมควรก็ถึงเวลา City Tour อีกรอบ (city tour ดึกมาเนื่องจากความขี้เกียจ) เราลัดเลาะไปตามถนนต่างๆ แวะเที่ยว Place de la concorde หรือจตุรัสคองคอร์ด, รัฐสภา รวมถึงลอดอุโมงค์ที่เจ้าหญิงไดอานาสิ้นพระชนม์และแมนชั่นสุดหรูในปารีสของ Versace เวอร์ซาเซ่ ก่อนเสียชีวิต (อันนี้โจแถมให้ สงสัยยังไม่หายแฮงค์จากเมื่อคืน)







จากนั้นเราเดินทางไปยังประตูชัย Arc De Triomphe อ่านว่า อาร์ค เดอร์ ทรียงฟ์(ออกเสียง ฟ ฟัน ตามหลังด้วย...รู้สึกตัวเองเป็น French นิดๆ แต่ว่าเรียกประตูชัยอะดีแล้ว อ่านยากเกิน) เป็นประตูชัยที่อยู่ใจกลางมหานครปารีส สร้างในสมัยกษัตริย์นโปเลียนเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะจากสงคราม ต่อมามีการแสดงเครื่องบินลอดผ่านช่องประตูนี้เพื่อเฉลิมฉลอง WW I (ข้อมูลจากเชอีกแล้ว เจ๋งจริงๆ) ประตูชัยนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นถนนสายหลักอีกหลายสายของปารีส อย่างเช่น ถนนฌองเซลิเซ่ champs elyseés อีกด้วย ถัดจากนั้นเราไปที่มหาวิหารที่เป็นที่รู้จักกันดีในนาม Cathédrale Notre-Dame de Paris มหาวิหารน็อท ดาร์ม เป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในฝรั่งเศส หน้ามหาวิหารแห่งนี้มีหลักหมุดกิโลเมตรที่ศูนย์ฝังอยู่ เชื่อว่าใครที่ได้เหยียบหลักหมุนนี้จะได้กลับมาอีก ....ด้วยอากับกิริยาที่ไม่รอช้า ก็ต้องรีบเหยียบกันซิคะ รออะไร.....






        เวลาล่วงเลยใกล้สองทุ่ม และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย การเปิดไฟกระพริบที่หอไอเฟล ตอนแรกกะจะดูกันที่จตุรัสคองคอร์ด แต่ด้วยโจบอกว่า ดูให้สวยต้องดูใกล้ๆ (โจเลยพาขับรถมาจอดใต้หอคอยยักษ์แห่งนี้ Effiel Tower  พอไฟชุดแรกเปิดขึ้นแค่นั้นแหล่ะ มันสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก......แบบตาไม่กระพริบ นักท่องเที่ยวที่อยู่ระแวกนั้นยืนมองกันแบบอึ้งๆ ก่อนที่จะรัวถ่ายรูปก่อนไฟกระพริบจะจางหายไป... เวลา 15 นาทีผ่านไปเร็วมาก และภาพสุดท้ายของวันนี้ก็จบแบบสวยงาม
I LOVE YOU, PARIS 



ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ฉบับหน้า I wanna pee and someone wanna poo ..... เอากระทั่งฝรั่งหัวเราะน้ำตาไหลเป็นยังไง ฉบับหน้ามีต่อจ้า.....





Create Date : 10 มิถุนายน 2560
Last Update : 18 มิถุนายน 2560 1:15:56 น.
Counter : 2457 Pageviews.

1 comments
  
Good Review
โดย: Nice one IP: 49.228.242.235 วันที่: 9 สิงหาคม 2560 เวลา:21:40:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมูเดินทาง
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Group Admin : Travel Club
Instagram : julagottravel
Travel: Don't listen what they say GO SEE!
มิถุนายน 2560

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30