เที่ยว Netherlands; Zaanse Schans, Dam Square, Amsterdam ล่องเรือ


จากทริปยุโรปสั้นๆครั้งนี้ที่ใช้เวลาอีกไม่กี่วันก็ครึ่งเดือน (ไม่น่าจะสั้น555) เรามุ่งหน้าต่อไปที่ประเทศเนเธอแลนด์ ครั้งนี้เราเดินทางกันด้วยรถยนต์ เป็นเส้นทางถนนไฮเวย์4เลนสลับ8เลน จากเยอรมันถึงเมืองดัช มากกว่า 200 กิโลเมตร (ถนนดีมาก) สร้างขึ้นในยุคฮิตเลอร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่2 เพื่อลำเลียงเสบียงและวุทโธปกรณ์ เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมประเทศกลุ่มเชงเก้นถึงไม่ต้องใช้วีซ่าหลายใบให้วุ่นวาย เนื่องจากเส้นทางเชื่อมต่อกันมันสะดวกมาก ไม่มีด่าน ตม กั้น คิดแล้วก็คล้ายๆมอเตอร์เวย์กรุงเทพไปพัทยาบ้านเรา 



และแล้วก็มาถึงซักที่ เมืองหลวงของ Netherlands ที่มีชื่อว่า Amsterdam เป็นเมืองหลวงที่มีสภาพภูมิประเทศอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะล .....แล้วอยู่กันยังไงล่ะ? หลายคนอาจสงสัย ใช่แล้วพวกเค้าอยู่โดยการสร้างเขื่อนกั้นล้อมรอบและขุดคลองเพื่อระบายน้ำ ทำให้เมืองนี้มีคลองหรือ Canals มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก น้ำใน Canals สะอาดมาก ไม่มีกลิ่น สารพิษ หรือขยะเหมือนบ้านเรา ทั้งๆที่มีประชากรมากกว่าล้านคนในเมืองนี้  สอบถามจากคนที่นี่ ได้ความว่า ทุกๆเดือนจะมีการใส่สาร***(จำไม่ได้) ที่เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมเพื่อบำบัดน้ำเสีย ทำให้คลองนี้ไม่มีปลาอาศัยอยู่ ที่เราเห็นกันก็จะมีพวกเป็ด ห่าน เท่านั้น นอกจากนี้ชาวดัชในเมืองยังใช้จักรยานกันเป็นหลัก ปั่นกันเร็วมาก บอกเลยยยยย.....เลนจักรยานมีขนาดกว้างกว่าเลนฟุตบาท ถ้าใครได้ไปเที่ยวต้องดูเลนจักรยานให้ดีๆ เพราะกฎหมายที่นี่ระบุไว้ว่า หากจักรยานเฉี่ยวชนใครในเลนเค้า เราเจ็บ เค้าเจ็บ จักรยานพัง แต่! เราจ่าย
ส่วนรสชาติของอาหารที่นี่ ถึงจะกินถูกกินแพง พูดเป็นเสียงเดียวเลยว่า จืด!









มาถึง Amsterdam แล้ว คงไม่พ้นเรื่องสุรา นารี กัญชา  ถั่วโต้ม!!!! ประเทศนี้อนุญาตให้ขายกัญชาและสตรีบริการทางเพศ
แบบถูกกฎหมาย ถือว่า Amazing มากสำหรับประเทศพัฒนาแล้วแบบนี้ แต่ก็มีคำพูดของฝรั่งคนหนึ่งบอกว่า
 We have the right, but it doesn't mean everyone has to do 
ใช่เลย ทุกคนมีสิทธิเลือก ส่วนมากคนที่ใช้บริการเหล่านี้จะเป็นนักท่องเที่ยวซะส่วนใหญ่ (detail ลึกมาก555) 
ไหนๆไปแล้ว ก็เลยซื้อลูกอมที่มีส่วนผสมของเจ้าต้นเขียวๆอยู่น้อยนิด มาชิมพอให้รู้รสชาติ....
เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต เน้อะ? แอบถ่ายผลิตภัณฑ์จากกัญชามาด้วย
 ส่วนถนน Red light หรือโคมแดงนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยจ้าา ไม่มีความสามารถในการใช้บริการจริงๆ 



ต่อมาเดินทางกันไปที่ City Hall ที่นี่ลมแรงและหนาวมากกก มีป้ายขนาดใหญ่ที่หลายคนรู้จักดีที่เขียนว่า I amsterdam
 แต่ก็นะ....ภาพในความคิดกับของจริงมันต่างกันลิบลับ ส่วนมากคนมาเที่ยวที่นี่จะเป็นคู่รัก 
มีคู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่งเจอกันโดยบังเอิญยื่นไอโฟนเก่าหน้าจอแตก มาเราถ่ายให้รูปคู่ให้ 
พอถ่ายเสร็จนางก็โผกอดเราบอกว่า คุณถ่ายรูปสวยจริงๆ ....(ได้ยินเป็นต้องเคลิ้ม5555 นี่ฝีมือหรือฟลุควะ)



จากนั้นเรานั่งรถลัดเลาะไปตามคลอง จนไปถึงท่าเรือ ตรงข้ามเป็นพิพิธภัณฑ์เบียร์ Heineken ซึ่งแต่ก่อนเป็นโรงงานหลังแรก 
ปัจจุบันกลางเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว ค่าเข้าก็ไม่แพงมาก แค่ 20กว่ายูโร จิ๊บๆเหงื่อตก (เก็บตังค์ไปซื้อเบียร์กินที่บ้านได้เป็นลัง) 
แต่ด้วยอะไรก็ช่างคนต่อคิดเข้าแถว เพื่อดูพิพิธภัณฑ์นี้ยาวมาก สภาพอากาศหนาว ลมแรง 
ยืนเป็นชั่วโมง มันต้องมีอะไรดีบ้างละ ส่วนตัวแล้ว ขอ... 'เอาไว้ก่อน'




บรรยากาศการล่องเรือมันช่างโรแมนติกอะไรขนาดนั้น ชั้นควรมากับแฟนสิ...ช่างทำร้ายกันชัดๆ 
เรานั่งเรือผ่านพิพิธภัณฑ์ ที่สำคัญของชาวฮอล์แลนด์อีกที่หนึ่งคือ บ้านของ
Anna Frank หญิงสาวชาวยิวที่หลบหนีการจับกุมของทหารฮิตเลอร์
เธออาศัยอยู่ในห้องลับแคบๆในบ้านนานเป็นปีๆ ตั้งแต่วัยรุ่นสู่วัยสาว(คิดดู)
โดยได้เขียนเรื่องเล่าในแต่ละวันในไดอารี่ของเธอจนถึงวันที่โดนจับ หลังจากนั้น
นานกว่าทศวรรษ ไดอารี่ของเธอก็ได้ถูกเปิดขึ้น จนกลายเป็นสมบัติของชาติที่เล่า
ถึงชีวิตอันขมขื่นของ WWII และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์จนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก



ที่สุดท้ายของการล่องเรือ เราวนมาถึงปากอ่าวที่พาไปสู่ทะเล ด้านขวามือเป็นสถนีรถไฟขนาดใหญ่ 
ส่วนด้านซ้ายมือเป็นพิพิธภัณฑ์ NEMO ไม่ใช่พิพิธฯปลานะ แต่เป็นพิพิธฯศิลปะต่างหาก 
แต่ที่ Amazing กว่า คือ ใต้พื้นน้ำที่เรากำลังล่องเรืออยู่นั้นเป็นอุโมงค์ยักษ์ขนาดใหญ่ 
ใช้เป็นถนนสัญจรข้ามระหว่าง Amsterdam ไปยังชานเมือง





รุ่งอรุณ เช้าวันฝนตก ในเมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ ก็เที่ยวมันยังงี้แหล่ะ
ออกจากนอกเมืองมาประมาณ 20 นาทีก็ถือหมู่บ้าน Zaanse Schans (ซานสคันซ์) 
หมู่บ้านมรดกโลกของชาวฮอล์แลนด์ ที่ยังมีกังหันลมหลงเหลืออยู่.....
ดูไกลๆแล้วเจ้ากังหันลมเหล่านี้แทบจะไม่มีจุดน่าสนใจอะไรเลย 
แต่พอเสียตังค์เท่านั้นแหล่ะ ความสนใจมาทันที



เราเสียเงินประมาณ 8ยูโร เพื่อขึ้นไปดูขั้นตอนการทำงานของกังหันลม แต่เดิมชาวฮอล์แลนด์
ใช้เจ้าพลังยักษ์ที่หนักกว่า 15 ตัน ที่มีชื่อว่า Windmills หรือกังหันลมสำหรับวิดน้ำและบนแป้ง 
ต่อมาถูกพัฒนาเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้า ปัจจุบันนี้ยังมีกังหันลมโบราณหลงเหลืออยู่
และใช้ได้เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น เมืองชานสคันซ์ จึงกลายเป็นเมืองอนุรักษ์กังหันลมโดยปริยาย...



หลังจากเดินสะท้านกับลมแรงและความหนาวอยู่เป็นชั่วโมง ถึงเวลาต้องกินนนนนๆๆ ครั้งนี้มาแวะที่ร้านขายของฝากที่ว่าด้วยเรื่อง Cheese (ชีส) ชีสของชาวดัชอร่อยมาก การันตีด้วยรางวัลหลายสำนัก มีหลายรสชาติให้เลือก และส่วนมากทำมาจากนมแพะ ซึ่งอาจจะเป็นเคล็ดลับความอร่อย ก็ว่าได้..... แอบถ่ายสาวดัชมาด้วย นางน่ารักมาก 





Create Date : 24 พฤษภาคม 2560
Last Update : 18 มิถุนายน 2560 1:16:38 น.
Counter : 1140 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมูเดินทาง
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Group Admin : Travel Club
Instagram : julagottravel
Travel: Don't listen what they say GO SEE!
พฤษภาคม 2560

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
31