เบลเยี่ยมจ๋า พี่มาแล้ว Belgium; Antwerp, Brussels, Atomium, Grong Pras, Saint Micahel Cathedral

****click right on Destop Version

ว่าด้วยประเทศในฝั่งยุโรปแล้วประเทศขึ้นชื่อด้าน "ระฆังดัง!" ก็คงหนีไม่พ้น....ประเทศ เบลเยี่ยม! ( Bellเยี่ยม = ระฆังดัง 5555) ประเทศที่หลายคนรู้จักแต่คงไม่รู้ว่าประเทศนี้มันมีอะไรให้น่าเที่ยวกันวะ .......วันนี้มาถึงครึ่งทางของทริปสั้นๆในยุโรป เราเดินทางจากเนเธอร์แลนด์ จากเมือง Amesterdamสู่Rotterdam ต่อด้วย Brenda แล้วเข้าสู่เมืองเบลเยี่ยม Belgium

ประเทศนี้มีจุดเด่นคือความเว่อร์วังอลังการของสถาปัตยกรรมโดยเฉพาะ Baroque, Gothic, Neo-Gothic ใครชอบแนวนี้มีฟิน

โดยเมืองแรกของเบลเยี่ยม Belgium ที่เราแวะชื่อว่า Antwerp อ่านว่า แอนท์เวิร์ป ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Scheldt สเกลท์ ดูจากแผนที่แล้วเมืองนี้มีลักษณะโครงสร้างคล้ายกับ กรุงเทพบ้านเรามากกกกก.... เป็นเมืองท่าสู่ปากอ่าวที่สำคัญเมืองหนึ่งของเบลเยี่ยม มีความเจริญด้านการค้าตั้งแต่อดีตทำให้เมืองนี้มีสถาปัตยกรรมเกี่ยวกับการค้าหลงเหลืออยู่มากมาย โดยเฉพาะย่าน Grote Markt ที่เดินไปทางไหนก็ต้องเจอแต่ตึกสมาคมเก่าๆ หรือที่เรียกว่า Guildhalls อย่างเช่น สมาคมพ่อค้าเขียงหมู (เรียกให้เหมือนบ้านเรา.....ขอแก้เป็นพ่อค้าขายหมูแทนจะดีกว่า) สมาคมค้าเพชร ค้าทอง ค้าชีส ค้าปลา (พูดเป็นเล่นน่า) หรือแม้กระทั่ง Guildhalls ที่เกี่ยวกับศาสนจักร

นอกจากนี้ Antwerp ยังมีสิ่งที่โดนเด่นอีกมาก ได้แก่ อนุสาวรีย์ Silvius Brabo นักรบตามปรัมปราที่ต่อสู้กับยักษ์เพื่อรักษาเมือง อีกทั้งยังมีวิหารที่ชื่อว่า Church of our Lady ที่ถือว่าเป็นวิหารแนว Gothic Style (ต้องใส่สำเนียงดัดจริตไปหน่อย) ที่ใหญ่ที่สุดในเบลเยี่ยม...... รวมถึงรูปปั้นตามมุมเมืองอีกมากมาย

และมาถึงเมืองนี้แล้วก็คงหนี้ไม่พ้น เบียร์ ๆ ๆ และก็เบียร์ ฺBeer เราชิลอยู่ที่เมืองนี้ด้วยอุณหภูมิ 10C ลมเย็นๆพัดมาจากปากอ่าว(คงไม่ชิลละมั้ง) จนต้องหาที่หลบหนาวเป็นร้านอาหารเบลเยี่ยมร้านหนึ่่งที่มีพนักงานไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย พอรับเมนูมาอ่านเท่านั้นแหล่ะท่านผู้ช้มมม... อิชั้นถึงกับตาเหลือก (เพราะไม่มีภาษาอังกฤษประทับและอิชั้นก็อ่านภาษาดัชไม่ออกซักตัว 55555) แค่เมนูเบียร์ก็ปาไปกว่า30ชนิดแล้ว(จะเยอะไปไหน) แต่เดชะบุญที่เหลือบไปเห็นป้ายโฆษณา เบียร์พร้อมรางวัล winner award2016 มาสดร้อนๆ......และแล้วประโยคที่ว่า Could we have this? (มือชี้ไปที่ป้าย) ก็ทำให้เรารอดตายแล้วจ้า..... ในที่สุดเบียร์ที่ชั้นต้องการก็เสิร์ฟถึงมือ ...... อื้มมมม ของเขาอร่อยจริงๆ

ชี้มั่วด้วยแก้วที่สองงง....ที่อร่อยไม่แพ้กัน และแล้วก็จบทริป Antwerp ไว้ที่เธอทั้งสอง

Atomium สถานที่จัดงาน Expo ขนาดใหญ่เปรียบได้กับเมืองทองธานีบ้านเรานี่แหล่ะ Atomium สำคัญยังไง? …… อาคารรูปร่างประหลาดนี้สร้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์ยุคใหญ่หลังสงครามโลกจากการรวมของสหภาพยุโรปหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ EU ภายในมีห้องการแสดงและห้องอาหารไว้สำหรับงานนิทรรศการโดยเฉพาะปัจจุบันเจ้าตึกรูปร่างคล้ายอะตอมนี้กลายเป็นแลนมาร์คสำคัญของ Brussels ไปโดยปริยาย ต่อจากAtomium เราลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน (คนขับรถที่ชื่อว่า Joe) บอกว่าเป็นเส้นทางหนีรถติดแต่จากการขับของโจแล้ว น่าจะหนีโจรมากกว่า การเดินทางมายุโรปในครั้งนี้เราได้คนขับรถประจำทริปซึ่งกินอยู่กับเราตลอดทริปชื่อว่า Joe เป็นชาวเบลเยี่ยมแต่กำเนิด ทำงานอยู่ที่อิตาลีมานานกว่า20ปี โจบอกว่า มาเฟียอิตาลีเค้าก็ขับรถกันแบบนี้แหล่ะ (นึกภาพรถเมล์เขียวบ้านเรา) จากการขับรถข้ามประเทศมาหลายวัน โจผ่าไฟแดงมากกว่า5จุด(ตรุนี่เสียว) แล้วทุกครั้งนางก็หันมายิ้มพร้อมบอกว่า อิตาเลี่ยนสไตล์.... (เฮ้ออ...เพลียจุงงงงง ใครบอกยุโรปกฏหมายโหด)

Brussels เมืองหลวงของประเทศเบลเยี่ยม เมืองนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเมืองหลวงอื่นเท่าไหร่ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอาคาร สำนักงานใหญ่ๆ แต่จุดเด่นของที่นี่คือ จัตุรัสใจกลางเมืองที่มีชื่อว่า Grong Plas กรองค์ปราซ หรือ Grand Palace เป็นสถานที่โอบล้อมไปด้วยตึกสถาปัตยกรรมแบบ 360องศาแนวบาร๊อค..บารอคและโกธิคที่เน้นความอลังการงานสร้าง ถือว่าเป็นจัตุรัสที่สวยติดอันดับโลกจนได้รางวัลUNESCO มาครอง ด้านในมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก แต่! ระวังไว้ให้ดีครั้งนี้เราเจอคนดำและขอทานแล้ว เป็นครั้งแรกในทริปที่เราเจอกลุ่มนี้ ทางที่ดีที่สุดคือ ignore แล้วเก็บของมีค่าไว้ใกล้ตัว ในขณะเดียวกัน ถึงจะมีทหารรูปหล่อเดินตรวจอยู่เป็นระยะๆก็เหอะ

Chocolate ช็อกโกแลตตตตตตต……. ใช่แล้ว มาถึงเบลเยี่ยม เราต้องไม่พลาด ถนนชอปปิ้งถัดจากกรองค์ปราซมีช็อกโกแลตให้เลือกเยอะมากกกตั้งแต่แบรนด์ที่เราไม่รู้จักไปจนถึงแบรนด์ดังระดับโลก และแล้วเราก็ไม่พลาดที่จะลองGoldiva แบบ Strawberry fondue(พารากอนก็มี ตรุมากินอะไรที่นี่) ก็เพราะมัน originalไง….555 ตามด้วย waffle ที่ต้องยืนต่อคิวนานมาก…พูดได้คำเดียวเลยว่า เริ่ดดดด......(แต่ราคาไม่เริ่ดตามนาจา)

Manneken Pis อนุสาวารีย์หนูน้อยที่ชื่อว่ามานิเกนพีซ(โถๆ...ป้าหลงเข้าใจตั้งนานนึกว่าหนูคือ คิวปิด)เด็กคนนี้มีความสำคัญต่อเมืองบรัซเซลมาก ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเนื่องด้วยเจ้าหนูนี้เดินไปเจอสายชนวนระเบิดที่กำลังติดไฟอยู่ด้วยความที่พ่อแม่สอนมาดีไง ว่าเจอไฟต้องเอาน้ำดับเจ้าหนูคนนี้ก็เลยยืนฉี่ใส่ลูกระเบิดซะงั้นจนทำให้ระเบิดด้านและกลายเป็นวีรบุรุษที่ปกป้องเมืองนี้ทั้งเมืองจากการระเบิดในครั้งนั้นไว้ได้(อันนี้เรื่องจริงไม่ได้โม้...) ส่วนหนูน้อยจะตัวโตขนาดไหนดูในรูปเอาเองละกัน

CathédraleSaints-Michel-et-Gudule มหาวิหารเซนท์มิคาเอลและกูดูลา ไม่ใช่ไมเคิลกับกูดูเล่… บางครั้งภาษาก็ทำให้เราสับสนเหมือนกันดูจากภายนอกแล้วก็เป็นโบสถ์คริสธรรมดาที่ไม่ต่างจากโบสถ์ในยุโรปทั่วไป แต่พอเดินเข้ามาแค่นั้นแหล่ะถึงกะ Stunned กับรูปปั้นซึ่งน่าจะเป็นนักบวชที่ประดับอยู่กลางโบสถ์ของเสาแต่ละต้นขนาดประมาณ2.50-3เมตรพอจะได้ (ดูในภาพอาจจะเล็ก)

แต่ในใจอยากจะร้องว่า Holy! นี่ใช่ไหมสิ่งที่ผู้คนในยุคกลางสร้างขึ้นเพื่อศาสนจักรข้างในยังมีของมีค่าอีกมากมายหากตามอ่านประวัติแล้วคงจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันแน่ๆก็เลยได้แต่ถ่ายภาพแล้วสอบถามประวัติพอสังเขปจากเจ้าหน้าที่ได้ใจความว่าเป็นนักบวชและอัศวินที่เกี่ยวกับการต่อสู้กับมังกร(ดูจากรูปปั้นสีทอง)แต่ถึงกระนั้นกระนี้เอาเป็นว่า หากใครได้มา Brussels อย่าพลาดที่จะมาที่นี่

อาหารขึ้นชื่อของที่นี่อีกอย่างคือหอยยยยย…… หอยแมลงภู่Mussels หรือ Mosselen มอสเซเล่อร์ ของชาวดัชเป็นหอยแมลงภู่อบในหม้อ มีน้ำซอสให้เลือก ครั้งนี้เราเลือก Garlic Sauce ค่าเสียหาย28euro (ถือว่าโหดมาก)ส่วนรสชาตินะหรอ….. หอยมีความสด หวานอร่อย แต่ซอสอาจจะไม่ถูกปากคนไทยเท่าไหร่หากใส่เกลือไปอีกนิด ถือว่าพอใช้ได้.....อิอิ