Group Blog All Blog
|
[ Review ] กันแดด นีเวีย สูตรเซรั่ม ที่มาพร้อมกับ สารป้องกันแสงแดด UVA1 [ หน้า 2 ] ทดสอบประสิทธิภาพ ความมัน
อั้มทดสอบด้วยการจับเวลา และ บีบครีมกันแดดลงไปบนกระดาษซับมันชนิดฟิล์ม ทดสอบ 15 นาที (โดยประมาณ) หลังจากทดสอบ จะเห็นได้ว่า ครีมกันแดด แอบมีความมันเล็กน้อย บนกระดาษซับมัน ซึ่งในตอนแรกที่บีบลงไป ยังไม่เห็นความมันเท่าไหร่ แต่ทิ้งไว้สักระยะ ความมันจะค่อย ๆ กระจายออก แต่ที่แปลกคือ ทาลงบนผิวหน้า กลับไม่ทำให้หน้ามันเหมือนในการทดสอบ บนกระดาษซับมัน เนื้อครีมซึมสู่ผิวได้ไว และ หลังทา รู้สึกไม่หนักหน้า ไม่เหนียว เหนอะหนะ ------------------------------------------------ ทดสอบประสิทธิภาพ การกันแดด เริ่มแรก อั้มใช้ กระดาษกาวทำเป็นช่อง ๆ สำหรับทดสอบ เซรั่มกันแดดตัวนี้ โดยทากันแดดใน นีเวีย ในช่องที่ 2 หลังทาแล้ว อั้มก็ขับรถตากแดดไป จังหวัดนครปฐม ประมาณ 1.30 ชั่วโมง ------------------------------------------------ สรุปผลหลังการทดลอง :: 1. อั้มขับรถโดยใช้แขนฝั่งที่ทำการทดสอบ ตากแดดเป็นระยะเวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง 2. เมื่อครบกำหนด อั้มก็แกะกระดาษกาวออก จะเห็นเลยว่า ช่องที่ 1 ที่ไม่ได้ทากันแดด นีเวีย นั้น มีสีที่คล้ำลง เนื่องจากโดนแสงแดด แต่ช่องที่ 2 ที่ทากันแดดนีเวีย จะเห็นว่า เป็นสีขาว ๆ อยู่ นั่นเพราะ เป็นสีของกันแดด ที่เป็นเมคอัพเบส ในตัว 3. อั้มอยากรู้ว่า มันช่วยปกป้องแสงแดดได้หรือไม่ ก็ใช้ทิชชู่เปียก เช็ด กันแดดออก 4. เมื่อเช็ดออกจนหมดจะสังเกตุเห็นเลยว่า สีไม่คล้ำเท่าช่องที่ 1 นั่นคือ กันแดดตัวนี้ สามารถปกป้อง รังสี UV จากแสงแดดได้ ------------------------------------------------ มาลองทดสอบการเป็น Make-up base กันดูบ้าง :: ลองสังเกตุดูใบหน้าก่อนแต่งของอั้ม จะเห็นได้เลยว่า หน้าไม่ได้ขาวสดใสอะไร และไม่ได้เรียบเนียน แต่พอทาเมคอัพเบส ของนีเวีย ลงไป ซึ่ง เป็นสีที่เหมาะกับผิวขาวอมชมพู แต่มันก็สามารถกลมกลืน กับสีผิวได้ ไม่ทำให้หน้าขาวลอย มันสามารถกลืนไปกับสีผิวได้ หลังจากนั้น อั้มก็ใช้แป้งผสมรองพื้น ทาทับลงไปเลย โดยแบ่งเป็น อีกฝั่งนั้นทากันแดดก่อน ลงแป้ง ส่วนอีกฝั่งไม่ได้ทา แล้วลงแป้งเลย พอทาเสร็จก็เขียนคิ้วทาปากแบบปกติ สังเกตุเห็นไหมว่า ผิวข้างที่ทากันแดดนั้น ไม่ได้ทำให้หน้ามันวาว แต่ประการใด และ หน้าดูเรียบเนียนกว่าอีกข้างหนึ่งด้วยซ้ำ และหลังจากผ่านไปประมาณ 4 ชั่วโมง หน้าก็ยังไม่ได้มันเพิ่ม ------------------------------------------------
หลังทดลองใช้ อั้มรู้สึกว่า :: ชอบตรงที่มี SPF 50 PA+++ และ สามารถป้องกัน UVA / UVB / UVA 1 ได้ ซึ่ง ตัว UVA 1 นี่อันตรายมาก เพราะ มันสามารถเข้าไปถึงชั้นหนังแท้ก่อกวนโครงสร้างของชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดรอยย่นและฝ้า ซึ่งรักษาหายยาก ดังนี้แล้วควรเอาใจใส่ระมัดระวังไว้ หากเรามีครีมกันแดดที่ป้องกันได้แบบนี้ก็หายห่วง ซึ่งปกติในประเทศไทยยังไม่ค่อยเห็นมีที่ปกกัน UVA1 ได้โดยตรงแบบ Nivea ตัวนี้ เลยค่ะ และชอบอีกอย่างตรงที่สามารถเป็น Make-up base ได้อีกด้วย ทำให้เหมือนเราประหยัดเวลา ในการแต่งหน้าขึ้นอีก ใช้กันแดดตัวนี้ แล้วลงแป้ง ผิวหน้าก็ดูเรียบเนียน และยังไม่เป็นคราบอีกด้วย และหลังใช้ระหว่างวัน หน้าก็ไม่เปลี่ยนสี หรือหมองคล้ำลง เนื้อกันแดด ซึมสู่ผิวได้เร็ว แล้วก็กลืนเข้ากับสีผิว ดูไม่หลอก ไม่ลอย ผิวมันอย่างอั้มก็ใช้ได้ เพราะมันซึมไว และหน้าไม่มันเพิ่ม เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเลือกครีมกันแดดค่ะ แสงแดดเป็นตัวการทำลายผิวที่สำคัญ ทำให้เกิดผิวหนังไหม้ คล้ำ เกิดกระ ฝ้า หรือรอยเหี่ยวย่น และอาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ แม้ช่วงนี้จะย่างเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว แต่แสงแดดก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป ยังคงแผดเผาทำลายผิวของเราทุกวัน คนส่วนใหญ่จึงมักป้องกันผิวไม่ให้ถูกทำลายจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดด แต่จะทราบได้อย่างไรว่าครีมกันแดดที่เลือกเหมาะสมแล้วหรือไม่ และต้องทามากน้อยแค่ไหนจึงจะป้องกันได้ จะซื้อครีมกันแดดต้องพิจารณาอะไรบ้างในปัจจุบันมีครีมกันแดดให้เลือกซื้ออย่างมากมายในท้องตลาด การเลือกครีมกันแดดที่ดีจะต้องพิจารณาถึง ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด โดยดูจากค่า SPF (sun protection factor) ซึ่งก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารังสียูวีในแดดมีอยู่ 2 ชนิด คือ UVA ซึ่งเป็นรังสีที่มีอยู่ตลอดทั้งวันตั้งแต่เริ่มมีแสงไปจนถึงพระอาทิตย์ตก และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอยต่างๆ เมื่ออายุมากขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ออกไปตากแดด แต่หากนั่งทำงานริมหน้าต่าง ก็มีโอกาสได้รับรังสี UVA ได้ รังสีอีกชนิดคือ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวไหม้แดดและหมองคล้ำ สามารถส่งผลให้เห็นได้ภายใน 24-48 ชั่วโมง โดยทั่วไปแล้ว การทาครีมที่มี SPF จะสามารถปกป้องได้เฉพาะรังสี UVB เท่านั้น แต่ไม่สามารถป้องกันรังสี UVA ที่ทำให้เกิดริ้วรอยได้ การเลือกซื้อครีมกันแดดที่ดีจะต้องเลือกชนิดที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB โดยสังเกตจากข้อมูลที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ คนส่วนใหญ่มักมีคำถามเกี่ยวกับการเลือก SPF ว่าสูงหรือต่ำจึงจะดีกว่ากัน ในความเป็นจริงแล้ว SPF ที่มากกว่า 30 ขึ้นไปให้ฤทธิ์ของการปกป้องแสงแดดแตกต่างกันน้อยมาก โดย SPF 15 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 93% SPF 30 ป้องกันได้ 97% ในขณะที่ SPF มากกว่า 50 ป้องกันได้ 98% ซึ่งแตกต่างกันเพียง 1% จึงอาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงๆ ความเข้ากันได้และเหมาะสมกับสภาพผิว ครีมกันแดดที่ดีจะต้องเข้าได้กับสภาพผิวหน้าของเรา สามารถกระจายได้ดี ไม่ทำให้เกิดคราบ ครีมกันแดดในปัจจุบันมีในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อครีม เจล หรือโลชั่น ซึ่งจะเหมาะกับคนที่มีสภาพผิวต่างๆ กัน เช่น คนผิวมันควรเลือกชนิดที่เป็นเจลหรือโลชั่น เป็นต้น ใช้ครีมกันแดดแค่ไหนถึงป้องกันแสงแดดได้ปริมาณครีมกันแดดที่ใช้เป็นเรื่องสำคัญ โดยส่วนใหญ่แล้วคนเรามักใช้ปริมาณครีมกันแดดน้อยกว่าปกติ ซึ่งทำให้ผลในการปกป้องผิวจากแสงแดดลดน้อยลงไปด้วย ในทางทฤษฎีแล้ว การทาครีมกันแดดให้ได้ผลจะต้องใช้ปริมาณ 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตร นั่นหมายถึง การทาครีมกันแดดบนใบหน้า 1 ครั้งจะต้องใช้ครีมกันแดด 1 กรัม และการทาครีมกันแดดทั่วตัวจะต้องใช้ปริมาณครีมกันแดด 35 มิลลิลิตร หากเปรียบเทียบโดยการใช้ช้อนกาแฟเป็นตัววัดปริมาณ การทาครีมกันแดดบนใบหน้าจะต้องใช้ครีมกันแดดในขนาดครึ่งช้อนชา หรือประมาณ 2 ข้อของปลายนิ้วกลาง จึงจะเพียงพอต่อการป้องกันแสงแดด อย่างไรก็ดี แม้ตามหลักของการทาครีมกันแดดจะแนะนำให้ทามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในชีวิตประจำวันอาจเป็นการยากที่จ ะใช้ครีมกันแดดในปริมาณมากๆ ดังนั้น การเลือกครีมกันแดดที่ดีตามปัจจัยดังกล่าวข้างต้นจึงมี ความสำคัญที่จะช่วยปกป้องผิวสวยๆ จากแสงแดดได้ ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ :: เรียบเรียงโดย นายแพทย์รัฐภรณ์ อึ๊งภากรณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง หัวหน้าศูนย์ผิวหนัง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ //www.bumrungrad.com/healthspot/may-2013/how-to-choose-a-sunscreen ----------------------------------------------------------------- วิธีเลือกใช้ครีมกันแดด สำหรับคนเอเชีย เช่น คนไทย ซึ่งไม่นิยมผิวคล้ำ และการอาบแดด การป้องกันอันตรายจากแสงแดดที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ในช่วงเวลา 9.00-15.00 น., สวมเสื้อผ้าปกคลุมมิดชิด, แว่นกันแดด, หมวกปีกกว้าง, หรือกางร่มเสมอ แต่ในกรณีที่ทำงาน หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง, เด็ก หรือการท่องเที่ยวทางน้ำ มีความจำเป็นต้องใช้ยากันแดด ควรเลือกดังนี้ 1. ที่มีค่า SPF สูงกว่า 15 2. มีสารเคมีที่กัน UVA ได้ดีอย่างน้อย 2 ชนิด เช่น Oxybenzone + TiO2 หรือ Parsol 1789 + ZnO เป็นต้น 3. กันน้ำได้ ( water resistance, หรือ water proof) 4. มีการทดลองว่า ไม่สลายจากแสง (photo stable) ควรทายากันแดดให้หนาเพียงพอ 15 นาที ก่อนอยู่กลางแดด และอาจทาซ้ำทุก 15 นาที หลังจากทาครั้งแรก หรือทุก 1-2 ชม. ถ้าว่ายน้ำ หรืออยู่กลางแดดจัด เนื่องจากการทายากันแดดซ้ำ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการกันแดด ได้อีก 2-3 เท่า เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ มักทายากันแดดในปริมาณน้อยกว่าที่ควร สำหรับการใช้ยากันแดด ประจำวัน ในผู้ที่ทำงานในร่ม และใช้เวลานอกอาคาร หรือรถยนต์ เฉพาะช่วงเช้า ก่อน 9 นาฬิกา และหลังจาก 15 นาฬิกา อาจไม่มีความจำเป็น เนื่องจากแสง UVB, UVA สามารถผ่านกระจกรถ ที่ติดฟิล์มกรองแสง ได้น้อยกว่า 5% และแสง UV ในช่วงเวลาเช้าตรู่ และเย็น มีปริมาณน้อย วิธีทดสอบการแพ้ครีมกันแดด ให้ทาครีมกันแดดบริเวณใต้ท้องแขนทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วสังเกตว่ามีอาการบวม แดงหรือไม่ ถ้าปรากฏอาการดังกล่าวแสดงว่าแพ้สารเคมีชนิดหนึ่ง อย่างไรก็ตามคนบางประเภท (delay sensitivity) จะใช้เวลานานกว่าจะปรากฏอาการแพ้ ดังนั้นจึงควรรอดูอาการถึง 24 ชั่วโมง หรือ 72 ชั่วโมง จึงจะสรุปได้ว่าไม่มีอาการแพ้จริงๆ ครีมกันแดดที่กันน้ำได้ เลือกที่มีส่วนผสมของ Silicone หรือระบุในฉลากว่ากันน้ำได้ มีวิธีการทดสอบด้วยตนเองโดยทาครีมให้ทั่วแขนแล้วจุ่ม โดยไม่มีน้ำเกาะติดกับผิวเหมือนที่ไม่ได้ทาครีมกันแด ที่มา //guru.sanook.com ---------------------------------------------------- Sponsor :: Nivea Thailand ---------------------------------------------------- ฝากเพจ อั้มด้วยนะคะ |
AUM BELLEZZA
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 74 คน [?] หมายเหตุ :: ด้วยสภาพผิวที่ต่างกัน ไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตที่ต่างกัน กรรมพันธ์ สภาพสีผิว สีผม รูขุมขน อาหารการกิน และความชอบที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลิ่น สี รสสัมผัส ฯลฯ ล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล เพราะฉะนั้น ถ้าอยากรู้ว่าสิ่งที่รีวิวนั้น ดีไหม จะเหมาะกับตัวเองหรือไม่ อั้มอยากแนะนำให้ลองด้วยตัวเองนะคะ จะเป็นคำตอบ ที่ดีที่สุดค่ะ |