www.facebook.com/ibehindyou
ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว
คำนิยมจาก คงเดช (ผู้กำกับ กอด , สยิว ฯลฯ) ที่มีให้หนังสือ 'มากกว่าที่ตาเห็น'
... เป็นแฟนหนังของคุณคงเดช จากหนังเรื่อง เฉิ่ม แล้วก็มีโอกาสได้เจอตัวจริงตอนไปเป็นวิทยากรบนเวทีเดียวกันในงาน มองรักผ่านจอ ที่จุฬา ทำให้รู้ว่า คุณคงเดชแกก็ตามอ่านกระทู้ของเราที่เขียนไว้ในพันทิปเหมือนกันเราปลื้มผลงานของเขา ส่วนเขาก็ติดตามอ่านงานของเรา เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เลยคิดว่าขอคำนิยมจากแกมาด้วยเลยดีกว่าหลังจากต้นฉบับเสร็จ จึงส่งตัวอย่างไปทั้งเล่ม และ นี่คือ คำนิยมที่คุณคงเดชใจดีส่งให้มาตีพิมพ์ในหนังสือเล่มที่ 4 ของ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"คำนิยมจาก คงเดช (ผู้กำกับกอด , เฉิ่ม ฯลฯ)ผมจำไม่ได้แน่ชัดว่าเริ่มรู้จักคุณหมอผ่านตัวหนังสือตั้งแต่เมื่อไหร่ เรียนตามตรงผมไม่ใช่นักท่องเว็บตัวยง ว่างๆก็แวะเวียนไปอ่านกระทู้ที่ห้องเฉลิมไทยบ้าง ไม่ถึงกับตั้งเป็นกฏเกณฑ์กับตัวเอง เรียกง่ายๆว่าผมค่อนข้างเป็นพวก โล-เทคด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว จู่ๆจิตใต้สำนึกของผมก็สั่งนิ้วให้คลิ๊กกระทู้ที่มักจะมีข้อความนำว่า ดูแล้วมาคุยกัน... และต่อท้ายด้วยชื่อเจ้าของกระทู้คือ ผมอยู่ข้างหลังคุณจำได้ว่าเห็นชื่อนี้ทีไรจะยิ้มและบ่นกับตัวเองว่า ชื่อนี้มันโรคจิตดีแท้ น่าจะเป็นหมออะไรสักอย่างพอมารู้เอาทีหลังว่า เจ้าของนามปากกานี้เป็น คุณหมอทางจิตแพทย์จริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะอยากให้ความสามารถในการเดาส่งของตัวเองนั้นใช้ได้กับการแทงหวยบ้างแต่รู้ตัวอีกทีผมก็ตกอยู่ใต้อำนาจการชักจูงของคุณหมอครั้งแล้วครั้งเล่า จนกลายเป็นแฟนประจำกระทู้คุณหมอไปแล้ว ในสังคมไทยนั้นการไปพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาต่างๆในชีวิตยังเป็นเรื่องที่ไม่นิยมนัก เรียกอีกอย่างว่ายังไม่เป็นที่ยอมรับเลยก็ว่าได้ การจะบอกใครต่อใครว่า ฉันไปพบจิตแพทย์มานั้น เป็นเรื่องน่าอายด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงน่าอาย หรือเรื่องขนาดความหนาบางบนใบหน้าของชาวไทยนั้นขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ ด้วยคำตามที่แสนจะclicheว่า คนไทยก็อย่างงี้แหละการไปศัลยกรรม น่าอายกว่า การไปพบจิตแพทย์แท้ๆหรือเราลอกหน้าขัดผิวจนหน้ามันบางไปแล้วจริงๆแต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเราก็ยังต้องยอมรับว่า ลึกๆแล้ว เราทุกคนต่างต้องการคำปรึกษาทั้งนั้น ดัชนีบ่งชี้ชัดเจนนั้นก็คือ จำนวนตัวเลขและอันดับยอดนิยมของผู้เข้าไปเยี่ยมชมบล๊อกของคุณหมอนั้น เข้าข่ายฮิตติดชาร์ตตลอดกาลเพราะบทความของคุณหมอนั้น นอกจากจะสะท้อนความคิดเห็นอันลึกซึ้งที่มีต่อตัวภาพยนตร์แล้ว ยังย้อนกลับมาชำแหละลึกถึงปมต่างๆในจิตใจ เผลอตัวทีไรก็พบว่า ตัวเองกำลังได้รับการบำบัดอยู่ทุกทีนี่ยังไม่นับรวมไปถึง การไปห้ามมวยตามกระทู้เป็นเรื่องต่างๆหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งวิธีห้ามมวยของคุณหมอนั้น ก็ช่างละมุนละม่อม แต่เสียดแสบ ราวกับการรักษาจิตป่วยของคู่มวยแต่ละคู่ดีแท้ภาพยนตร์นั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือบำบัดของผมแน่ๆ แต่ต่อให้ไม่ต้องพูดถึงภาพยนตร์ ตัวหนังสือของคุณหมอก็ช่วยบำบัดผู้คนได้เช่นกันเขียนมายืดยาว ผมเพิ่งหาคำนิยามสั้นๆให้ได้ตัวหนังสือของคุณหมอคือยาชนิดหนึ่งครับคงเดช จาตุรันต์รัศมีหนึ่งในผู้เข้ารับการบำบัด หนังสือเปิดตัวในงานหนังสือที่ โซน C1 บูธ N45 สนพ.4-letter word ศูนย์ประชุมสิริกิติติ์ แวะมาพบปะทักทายผู้เขียน ได้ตามวันเวลานี้เน้อ วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม และ เสาร์ที่ 4 เมษายน เวลาบ่ายสองโมง
พื้นที่แนะนำผลงาน{ตัวเอง}(คลิกที่รูปหนังสือ เพื่อ อ่าน หรือ แสดงความเห็น ต่อหนังสือแต่ละเล่มได้เลยครับ) ผมอยู่ข้างหลังคุณ ขอนำเสนอหนังสือเล่มล่าสุดในแนวส่งเสริมกำลังใจและเข้าใจชีวิต ที่รวบรวมประโยคดีๆ เรื่องราวดีๆ ภายใต้แกนของ 'ความรักและกำลังใจ' ผ่านแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ ในหนังสือที่ชื่อว่าเมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป หรือจะเป็นผลงานสองเล่มก่อน จากสองปีที่ผ่านมา "หนังสือรัก" หนังสือที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม กับ องศาที่ 361 หนังสือที่อาสาช่วยคุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยอาศัย'หนัง'เป็นสะพานพาไปเข้าใจตัวเองมีขายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่ เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านทั่วไปไม่ได้ "หนังสือรัก" ยังมีขายที่ ศูนย์หนังสือจุฬา , คิโนคุนิยะ พารากอน หรือ เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม