Wacko? No, he is a good father

Part 1 - แอร์ริโกะ (หม่าฮั่น)
Part 2 - Narzizuz (เจ้าหู่ศักดิ์)
Part 3 - P.S.T. (Pretty Small Thing หรือหวังเฉา)

Part 1: แปลโดยแอร์ริโกะ

เทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งในรอบปีของครอบครัวชาวอเมริกัน ไก่งวงพร้อมเครื่องเคียงและพายฟักทองเป็นอาหารประจำมื้อค่ำในคืนวันขอบคุณพระเจ้าของทุก ๆ บ้านในสหรัฐ ฯ มันเป็นเหมือนธรรมเนียมของวันขอบคุณพระเจ้าที่ผมทำมาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กับครอบครัวหนึ่งที่มีลักษณะแตกต่างจากครอบครัวชาวอเมริกันทั่วไป แขกที่ร่วมเดินทางที่จะเดินทางไปบ้านเพื่อนของผมด้วยกันในนิวเจอร์ซีย์คือ ไมเคิล แจ๊คสัน และลูกชายวัย 5 ขวบ ของเขา ปริ๊นซ์ ไมเคิล ที่ 1 และ ลูกสาววัย 3 ปี ปารีส

ถูกต้องแล้ว เขาคือไมเคิล แจ๊คสัน คนเดียวกับไมเคิล คนที่อุ้มลูกคนเล็กของเขา ปริ๊นซ์ ไมเคิลที่สอง ห้อยลงมาจากระเบียงสูง 60 ฟุต ในกรุงเบอร์ลิน ทำให้คนทั้งโลกตัดสินเขาว่า เป็นพ่อที่แย่ที่สุด แม้ว่าไมเคิล แจ๊คสันจะออกมาแสดงความขอโทษอย่างสุดซึ้งกับสิ่งที่เขาทำลงไปในวันนั้น แต่ก็มีนักสังคมสงเคราะห์คนหนึ่งบอกกับผมว่า หากเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในประเทศนี้ (สหรัฐ ฯ) ลูก ๆ ทั้งสามคนของเขา อาจจะถูกแยกเพื่อไปรับการดูแล

หลังจากที่ผมใช้เวลา 4 เดือน ร่วมกับไมเคิล แจ๊คสัน และลูกสองคนแรกของเขาในช่วงก่อนและหลังเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ผมก็ได้ข้อสรุปที่ออกจะขัดแย้งกับคนทั้งโลกว่า จริง ๆ แล้ว ไมเคิลห่างไกลจากคำว่าคุณพ่อที่ไม่ดีอย่างมาก ไม่เพียงแค่นั้น แต่จากการที่ได้สัมผัสกับเด็กทั้ง 2 อย่าง ปริ๊นซ์ ไมเคิล ที่ 1 และปารีส ผมก็พบว่า ลูกทั้ง 2 ของไมเคิล เป็นเด็กที่มีนิสัยดีมาก ไมใช่เด็กเอาแต่ใจ และเป็นเด็กที่มีความสมดุลย์ในชีวิตสูงมาก

ตลอดช่วงเวลาของผมที่ใช้เวลาร่วมกับลูก ๆ ของไมเคิล ทำให้ผมได้รู้จักกับพวกเขามากขึ้น ผมอ่านหนังสือให้เด็ก ๆ ฟัง ในขณะที่ปารีสนอนอยู่บนตัก และปริ๊นซ์นั่งอยู่ข้าง ๆ ของผม ผมเคยดุปริ๊นซ์เรื่องที่เขาเอารถแทร๊กเตอร์ของเล่นมาวิ่งบนเท้าของผม (ปริ๊นซ์กล่าวขอโทษด้วยท่าทีสุภาพ โดยที่ไมเคิลก็กล่าวขอโทษผมอีกครั้ง เนื่องจากเขาคิดว่า การขอโทษครั้งแรก ยังไม่เพียงพอ)

เด็ก ๆ ไม่มีนิสัยเอาแต่ใจ หรือมีพฤติกรรมที่ไม่ดีใด ๆ อย่างที่ผมคิดเอาไว้ ในทางตรงข้าม ผมกลับได้พบเห็นเรื่องราวอื่น ๆ ที่ทำให้ต้องประหลาดใจ มีข่าวมากมายบอกว่าลูกของไมเคิลมีพฤติกรรมแปลกแยกจากคนอื่น และปฏิเสธที่จะเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ แต่สิ่งที่ผมเห็น คือลูก ๆ ของไมเคิล ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเล่นกับเพื่อน ๆ

มีข่าวลือกันหนาหูอีกว่า ของเล่นของลูก ๆ ไมเคิลจะถูกทำลายทิ้งวันต่อวัน เพื่อป้องกันเชื้อโรค แต่สิ่งที่ผมเห็น คือพวกเด็ก ๆ ทั้งกอดรัดฟัดเหวี่ยง ทั้งเอาของเล่นพลาสติกที่ดูไม่สะอาดเข้าปากเหมือนเช่นที่เด็กคนอื่น ๆ ทำกัน

ผมเคยไปเดินในร้านขายของเล่นกับปริ๊นซ์และปารีส ระหว่างการเดินทางไปช้อปปิ้งส่วนตัวของไมเคิล เราไปถึงร้านตอนประมาณ 1 ทุ่ม แต่การเลือกซื้อของเป็นไปอย่างสั้น ๆ เพราะว่าใกล้เวลาเข้านอนของพวกเด็ก ๆ และไมเคิลอนุญาตให้ลูกของเขาซื้อของ คนละหนึ่งชิ้น

ไมเคิลอาจจะดูเป็นผู้มีปัญหาทางประสาท ผิดปกติ และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมือนคนอื่นโดยสิ้นเชิง แต่ปริ๊นซ์ และปารีส เป็นเด็กฉลาด มั่นใจในตัวเอง ให้ความรัก และคำนึงถึงความรู้สึกของคนรอบข้าง ก่อนมื้ออาหาร เด็ก ๆ จะกล่าวคำขอบคุณ เป็นประโยค ไม่ใช่พูดเพียงคำสั้น ๆ การพูดตะโกน หรือพูดหยาบคาย เหมือนเด็กอเมริกันทั่วไป เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับลูก ๆ ของไมเคิล

ปริ๊นซ์อาจจะมีใบหน้าที่เคร่งขรึม ดูเอาจริงเอาจัง แต่แท้จริงแล้ว เขาเป็นเด็กซน และช่างสงสัย แม้ว่าปริ๊นซ์จะถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่คอยแต่จะประจบเอาใจไมเคิล แต่เด็กชายไม่เคยแสดงท่าทีถือตัว หรือดูถูกคนแต่อย่างใด

............

Part 2: แปลโดย NarzizuZ

ปารีสยังเล็กอยู่ตอนที่ผมรู้จักเธอ ด้วยใบหน้าน้อย ๆ ที่น่ารัก เรียวแหลม เธอจะแข่งกันกับปริ๊นซ์ว่าใครจะกระโดดขึ้นตักแด๊ดดี้ก่อนกัน ตั้งแต่แจ็คสันหย่ากับแม่ของเด็ก ๆ คือนางเด็บบี้ โรว์ พวกเด็ก ๆ ก็ถูกเลี้ยงดูโดยพี่เลี้ยงเด็ก เกรซ เป็นหญิงสเปน ที่จะคอยอยู่เป็นเบื้องหลัง เธอจะคอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดเสมอ ผมไม่เชื่อว่าจะมีอะไรทำให้เธอละไปจากการดูแลอย่างรักใคร่นี้ และหากเธอยังคงเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่ ผมกลัวที่จะคิดว่าเธอจะต่อว่าต่อขานนายจ้างของเธอขนาดไหนสำหรับเรื่องไร้สาระบนระเบียงนี้

ดูเหมือนว่าไมเคิลจะดูแลเรื่องหาเสื้อผ้าให้กับปริ๊นซ์ และพี้เลี้ยงเกรซดูแลเสื้อผ้าของปารีส ในโอกาสพิเศษ ปริ๊นซ์จะถูกแต่งให้เป็นแบบ ลอร์ด ฟอนเติลรอย <เหมือนลอร์ด วอลเดอมอร์ในแฮรี่มะเนี่ย? / NarzizuZ> ปารีสก็ดูจะใส่แบบงดงาม เป็นชุดกำมะหยี่แบบเก่านิดหน่อยมีลูกไม้

ในฐานะที่เป็นป๊ะป๋าลูกสาม ผมเห็นว่าปริ๊นซ์และปารีสจะแลกเปลี่ยนการโต้เถียงกันอย่างพี่ ๆ น้อง ๆ อยู่บ่อย ๆ ในช่วงอาหารมื้อหนึ่ง ปริ๊นซ์เห็นว่าปารีสแอบนำเอาผ้าห่มของเธอขึ้นมาบนโต๊ะ "ว๊าย ปารีสติดผ้าห่ม ติดผ้าห่ม" เขาล้อ ไมเคิลบอกกับปริ๊นซ์ว่าเขาไม่ควรหัวเราะเยาะเพราะตัวเองก็ติดผ้าห่มเหมือนกันแหละ เจ้าเด็กน้อยดูเหมือนถูกลงโทษและแอบอายที่ถูกเอาเรื่องนี้มาพูด 30 วินาทีต่อมา คราวนี้มาเงียบ ๆ ปริ๊นซ์ก็เริ่มอีกรอบ "ว๊าย..ปา..รี.สติด.ผ้า..ห่ม" ปารีสทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่ <อ่านแล้วเห็นภาพเลย ฮาอ่ะ / P.S.T.>

ความแปลกประหลาดหลายอย่างของไมเคิลต้องย้อนไปที่การฝึกฝนที่แข็งกร้าวของพ่อของเค้า แต่กับลูก ๆ ของไมเคิลนั้นเค้าก็เข้มอยู่เหมือนกันแต่อยู่ในการคิดพิจารณาครั้งแล้วครั้งเล่า แบบมีมนุษยธรรม เค้าจะไม่ตีลูกเด็ดขาด และที่ไหนซักแห่งภายใต้หมอกควันที่มืดมนของอะไรก็ตามที่เป็นสิ่งบดบังจิตใจที่รุนแรงของเค้าคือความมุ่งมั่นที่ว่าลูก ๆ ของเค้าควรจะได้รับการอบรมสั่งสอนที่ปกติธรรมดาที่สุดเท่าที่จะทำได้

เขากังวลมากเป็นพิเศษว่า เมื่อพวกลูก ๆ โตเป็นวัยรุ่น เค้าควรจะห่างไกลยาเสพติดและเรื่องบันเทิงเริงรื่นที่ทำให้ใจไขว้เขว เค้าย้ำว่า "ไม่" คือ "ไม่" แต่ข้อบังคับจะต้องถูกดำเนินการโดยปราศจากความโกรธเคืองและการตะโกนใส่ เมื่อเด็ก ๆ ซุกซนหรือร้ายใส่กัน เค้าจะใช้วิธีริบข้าวของจากเด็ก ๆ และให้พวกเขายืนที่มุมห้องแทน

ที่บ้านในเนเวอร์แลนด์ เค้าให้เด็ก ๆ แบ่งกันเล่น พวกเค้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้พูดว่าของเล่นนี่ "ของชั้น" เมื่อพวกเค้ามีเพื่อน ๆ มาบ้าน และถูกสอนว่าเหตุผลข้อเดียวของการมีเงินคือเพื่อการแบ่งปันประโยชน์ของมันให้กับผู้อื่น ค่อนข้างน่าประหลาดใจ ไมเคิลสอนถึงการลดระดับความหลงตัวเองลงให้มากด้วย เค้าเล่าว่าเค้าได้ยินว่าอย่างไรตอนที่ปริ๊นซ์หวีผมอยู่หน้ากระจกและพูดว่า "ผมดูดี๊ ดูดี" ไมเคิลแก้คำใหม่ให้โดยพูดว่า "คุณดูใช้ได้แล้ว"

พริ๊นส์และพารีสยังถูกสอนในเรื่องเกี่ยวกับการเจรราต่อรอง เพียงแต่อย่าพูดปด แม้แต่โกหกเพื่อเลี่ยงความลำบากใจก็ไม่ถูกต้องตามที่พ่อพวกเค้าสอน เค้าชอบที่จะสอนลูกให้มองสรรพสิ่งในมิติที่แตกต่างมากกว่า

..............

Part 3: แปลโดย P.S.T. (Pretty Small Thing)

ตัวอย่างเช่น ปริ๊นซ์จะกลัวสภาพบรรยากาศแปรปรวนบนเครื่องบิน ไมเคิลอธิบายว่า ถ้าคุณแกล้งบอกเขาว่าเขาไม่ได้อยู่บนเครื่องบินหรอกนะ แต่อยู่บนรถไฟเหาะตีลังกาต่างหาก เขาจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องโกหก แต่ถ้าคุณพูดว่าเรากำลังอยู่บนเครื่องบิน แต่ให้คิดเสียว่ามันเป็นรถไฟเหาะตีลังกา มันจะกลายเป็นเรื่องของมุมมองวิธีคิดแทน

ไมเคิลก็เข้มงวดกับตนเองด้วยเช่นกัน วันหนึ่งเมื่อเขากำลังอัดเสียงสำหรับอัลบั้มสุดท้ายของเขา ปริ๊นซ์มาที่สตูดิโอและทำข้าวโพดคั่วหกบนพื้น ไมเคิลยืนกรานว่าเขาจะทำความสะอาดพื้นด้วยตัวเอง “ลูกชายผมเป็นคนทำเลอะเทอะ ผมจะเก็บกวาดมันเอง” เขาบอกกับพวกนักดนตรีที่พากันงงงวยเมื่อเห็นเขาก้มลงไปเก็บกวาดพื้นด้วยมือของเขาเอง

แร็บไบ ชมูเลย์ โบทีค <แม้ว่าเราจะ ban หนังสือของเขาอยู่ แต่ในข้อความนี้ไม่มีอะไรเสียหาย เลยปล่อยผ่านเข้ามาด้วยนะคะ / P.S.T.> เพื่อนคนหนึ่งของไมเคิล และเป็นเจ้าบ้านสำหรับอาหารมื้อค่ำของพวกเราในวันขอบคุณพระเจ้า เชื่อว่านักร้องดังคนนี้เข้าใจจิตใจของเด็ก ๆ ได้โดยสัญชาตญาณในแบบที่หาไม่ได้ง่าย ๆ ซึ่งน่าจะมาจากการที่เขาไม่ยอมโตเป็นผู้ใหญ่ เขาเล่าให้ฟังถึงตอนที่ลูกสาววัยแปดขวบของเขาหลงทางในบ้านเนเวอร์แลนด์ เมื่อเขาพบว่าเธอร้องไห้ สัญชาตญาณสั่งให้เขาดุเธอว่าอย่าทำโง่ ๆ เช่นนั้น แต่ไมเคิลก็ห้ามเขาไว้และพูดว่า “ผมรู้ว่าหนูรู้สึกยังไง ผมจำได้ว่าสิ่งนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับผมเมื่อตอนที่ผมเป็นเด็ก” ผมได้เห็นเมตตาจิตเช่นนี้หลายต่อหลายครั้ง ไมเคิลพูดกับเด็ก ๆ ทุกคนประหนึ่งว่าพวกเขาคือผู้ใหญ่ เขาจะไม่ยอมให้เด็ก ๆ พูดแทรกขึ้นมาในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังคุยกัน แต่เขามักจะตั้งใจฟังเสียงของเด็ก ๆ ในยามที่พวกเขาถามคำถาม ในขณะที่พวกเราส่วนใหญ่เลือกที่จะทำเป็นไม่ได้ยิน เขากลัวสุนัขแต่เขาก็ยอมซื้อสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ตัวหนึ่งให้ลูก ๆ ของเขา เพราะเขาคิดว่ามันไม่ถูกต้องที่จะถ่ายทอดความอคติอย่างไร้เหตุผลของเขาไปยังลูก ๆ ด้วย เขายังเกลียดการตอบคำถามแบบมั่ว ๆ ต่อคำถามยาก ๆ ที่เด็ก ๆ ถามอีกด้วย เขาชอบที่จะเข้าไปค้นคว้าหาคำตอบที่ถูกต้องจากห้องสมุดส่วนตัวอันกว้างใหญ่ไพศาลของเขามากกว่า

เช่นนั้นแล้ว ไมเคิล แจ๊คสันกำลังทำอะไรกันแน่ในภาพข่าวบนระเบียงที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ อะไรกันที่ทำให้ชายผู้หมกมุ่นอยู่กับความหวาดระแวงต่อความปลอดภัยของลูก ๆ กลับทำให้ลูกน้อยต้องตกอยู่ในภาวะอันตรายโดยไม่จำเป็น ผมคงคาดเดาได้เพียงว่า เขาคงกำลังสอนลูก ๆ เกี่ยวกับกฏอีกข้อหนึ่ง ด้วยวิธีการที่อาจจะไม่ฉลาดนัก ว่าลูก ๆ ของเขาจะต้องไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด เขาบอกกับผมในมื้ออาหารค่ำว่าเขารักการผจญอันตราย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม

เป็นการยากที่จะยอมรับว่าคำอธิบายดังกล่าวนี้มีน้ำหนักมากพอสำหรับเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ที่ไมเคิลอาจจะต้องเผชิญหน้าด้วย หากมีเหตุการณ์ดังเช่นที่เบอร์ลินเกิดขึ้นอีก แต่บางที พวกเขาน่าจะได้ฟังท่อนหนึ่งของบทสุนทรพจน์ที่เขากล่าวเกี่ยวกับวัยเด็กและลูก ๆ ของเขาเมื่อปีก่อนที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด

“จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาเติบโตขึ้นและไม่พอใจผม และทางเลือกของผมจะมีผลกระทบอย่างไรต่อวัยเด็กของพวกเขา? พวกเขาอาจจะถามว่า “ทำไมพวกเราถึงไม่มีวัยเด็กในแบบปกติทั่ว ๆ ไปเหมือนเด็กคนอื่น ๆ?” และในช่วงเวลานั้นผมคงจะสวดภาวนาให้เด็ก ๆ ยอมให้อภัยและเข้าใจในตัวผม ว่าพวกเขาจะบอกกับตัวเองว่า “คุณพ่อของพวกเราทำดีที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้แล้ว ในท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ผิดแปลกกว่าคนอื่นที่เขาต้องเผชิญ”

“ผมหวังว่า” เขากล่าวสรุป “พวกเขาจะพยายามนึกถึงแต่ในสิ่งที่ดี ๆ เสมอ ในแง่ของความเสียสละที่ผมได้ทุ่มเทให้กับพวกเขา และจะไม่พูดตำหนิถึงสิ่งที่พวกเขาต้องยอมสละ หรือความผิดพลาดต่าง ๆ ที่ผมได้เคยทำ และจะยังคงทำอยู่ต่อไปในระหว่างที่เลี้ยงดูพวกเขาอยู่นี้ เพราะพวกเราทุกคนต่างก็เป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ของเราด้วยเช่นกัน และเราต่างก็รู้ดีว่า แม้จะได้วางแผนไว้อย่างดีและพยายามมากแค่ไหน แต่ก็ยังมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะพวกเราเป็นมนุษย์”


Credit to MJ Club@pantip.com




Create Date : 21 ตุลาคม 2552
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2554 17:25:03 น. 0 comments
Counter : 347 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ritsu31
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Ritsu31's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.