กาลครั้งหนึ่งนานมา....แล้ว (ทวารยังหวานอยู่)
สวัสดี ดี ดี ดี <-- เอ๊กโค่
บล๊อกก่อนดิฉันพูดถึงเรื่องการโบกรถเที่ยว หูย คุณขามันเป็นเวลาดึกดำบรรพ์นาน มากกกกก นั่นก็คือเมื่อสิบกว่าปีมาแล้วนะคะ
ดิฉันไปขุดค้นรูปจากกรุมา ได้มาสองภาพ เพราะรูปเก่าๆ อยู่ที่เมืองไทยหมด ไม่ได้โหลดเก็บไว้ มีสองภาพนี้แหล่ะค่ะ ที่ฉันเคยส่งให้ลุงระ ก็เลยมีให้เห็นว่าสมัย ดิฉันยังละอ่อนนะ ชอบโชว์ขาอ่อน น่องสั้นๆ แบบนี้แหล่ะค่ะ
อ่ะนะ ชุดโบกรถต้องประมาณนี้แหล่ะค่ะ 
v v v

ภาพนี้จากเกาะช้างเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ดิฉันและผองเพื่อน ชอบแบกเป้เที่ยวค่ะ สะ หนุก มากกกก ขอบอก เกาะช้างเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ยังไม่พลุกพล่านเหมือนเช่นตอนนี้ รีสอร์ทสวยๆ ยังไม่เกิดหรอกค่ะ มีแต่บังกะโลคืนละไม่กี่ร้อย อัดกันเข้าไปอยู่ได้เกือบสิบ นอนก่ายกันไปมานั่นแหล่ะ
แต่พวกดิฉันชอบเช่าเต้นท์นอนกันค่ะ เช่าบังกะโลเอาไว้อาบน้ำพอ ขาไปนั่งรถทัวร์ค่ะ ข้าวของพะรุงพะรัง เพราะเราตุนของกินกับน้ำไปเยอะ แบกกกันหลังอาน จากท่ารถเอกมัยตอนประมาณเที่ยงคืน ไปถึงตราด นั่งสองแถวต่อไปที่แหลมงอบ มีท่าเดียวสมัยก่อน
พอไปถึงเกาะช้างนั่งสองแถวไปหาที่พักแถวหาดทรายแก้ว บังกะโลเยอะแยะ ถูกๆ เหมาะสมกับราคานักเรียน หนุ่มเทคนิค สาวพาณิชย์ อะไรประมาณนั้น
ตกดึกนั่งก่อกองไฟ ล้อมวงเล่นกีตาร์ร้องเพลง นับดาวอะไรก็ว่ากันไป ถึงแม้บรรยากาศจะโรแมนติกชวนฟัน เอ้ย ชวนฝัน ขนาดไหน ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ เพราะมีแต่เพื่อนๆ กัน ไม่มีใครคิดจะปั้นน้ำเป็นตัวกันเลยค่ะ ถึงบางคู่จะเป็นแฟนกันก็ตาม
กินนอนกันแบบสมบุกสมบันมาก ประหนึ่งว่าเหมือนไปเข้าค่ายลูกเสือ เพราะมีการเดินทางไกลกันด้วย ที่เกาะช้างมีอะไรให้เที่ยวเราก็ย่ำสองเท้า กันไปเป็นฝูงกันแบบนั้นแหล่ะค่ะ ทั้งน้ำตก ป่าเขา ลำเนาไพร
พอกินเที่ยวกันหนำใจ ตังหมดก็กลับบ้านค่ะ ไปกันเป็นสิบ แต่พอขากลับ เอาเงินมากองรวมกันดันไม่พอค่ารถ ทำไงหล่ะทีนี้ ก็ต้องโบกรถกลับสิคะ จากตราด ก็ล่องมาเรื่อย เขาไปลงไหนเราก็ไปลงนั่นแหล่ะค่ะ แค่ทางครึ่งทางก็ยังดี คันแรกไปแค่ระยอง ถึงระยองโบกต่อไปพัทยาชลบุรี จากนั้นหารถเข้ากรุงเทพไม่ยาก พวกเราทั้งสิบถึงกรุงเทพปลอดภัย
เงินที่เหลือแบ่งกันเป็นค่ารถเมล์กลับบ้านใครบ้านมัน นอกจากทริปเกาะช้าง ก็เคยมีทริปไปภูกระดึง กาญจนบุรี จริงๆ ทริปภูกระดึงนี่ไม่ได้ตั้งใจจะโบก เพราะมีเงินเหลือนั่งรถกลับ แต่รถทัวร์ดันไปเสียกลางทาง คนขับกับเด็กรถไม่มีความรับผิดชอบ ปล่อยผู้โดยสารทั้งหมดลงกลางทางเฉยเลย
ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่แถวไหน เพราะมันเป็นตอนกลางคืน เขาไล่ลงก็ลงหล่ะโว้ยยย แม่มมม ยังเคืองไม่หาย จะอะไรหล่ะคะคุณขา ก็เงินมีแค่ค่ารถเที่ยวนั้นเที่ยวเดียว เล่นมาปล่อยกันกลางทางแบบนี้ จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายอีกหล่ะ
ทีนี้ก็ต้องโบกสิคะ มืดก็มืด ทริปนั้นเป็นสามสาวกับหนึ่งหนุ่ม เส้นทางสายนั้นมีแต่รถสิบล้อวิ่งผ่าน เอาไงเอากันคนขับคนเดียว เรามีสี่คน คงไม่เป็นไร สิบล้อก็สิบล้อวะ โบกกกก ค่ะพี่น้อง
แต่พี่สิบล้อใจดี ไปส่งพวกเราได้แค่สระบุรี ก็ขอบคุณค่ะ จากนั้นก็โบกต่อจากสระบุรี หาเอาพวกรถปิ๊กอัพ คนขับบางคน ก็ไม่กล้ารับพวกเราหรอกค่ะ ดึกดื่นปานนั้น แต่ก็ยังมีคนใจถึง กำลังจะขับไปกรุงเทพฯ พอดี พวกเราก็เลยรอดปลอดภัยกลับบ้านอีก
ส่วนทริปเมืองกาญนี่ เสี่ยงหน่อยค่ะ เพราะพวกเราได้รถปิ๊กอัพ ที่มีหนุ่มๆ วัยคนองร่วมทางมาด้วยเกือบเต็ม เป็นเด็กในพื้นที่ ของเราถึงแม้จะมีหนุ่มๆ หนีบไปด้วย แต่ก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าเกิดการรุมขึ้นมา แต่มันช่วยได้ในเรื่องของเซนส์ที่ผู้ชายมีค่ะ
เพราะหนุ่มๆ ที่อยู่บนรถนั้นเวลาพูดจาแทะโลมอะไรออกมา ผู้ชายฝ่ายเราจะรับรู้ได้ทันที จากสัญชาตญาณผู้ชายร้ายเล่มเกวียนเหมือนกัน จำได้ว่า หนุ่มๆ ในรถนั้นบอกกับพวกเราว่าก่อนจะขับพาพวกเรา ไปส่งขอแวะไปหาขุดหน่อไม้ก่อน แล้วก็ขับรถพาออกไปอีกเส้นทางหนึ่ง ไอ้พวกผู้ชายของพวกเราไหวตัวทันค่ะ
รู้ได้ทันทีถึงสัญญาณอันตรายว่า ไอ้เวรพวกนั้นกำลังคิดไม่ซื่อ จะพาสาวๆ ไปขุดหน่อไม้ด้วย พวกเราเลยต้องขอจอดแล้วก็บอกลา ลงจากรถทันที เพราะถ้าขืนตามไปขุดหน่อไม้กับพวกมันด้วย สงสัยป่านนี้ ดิฉันคงไม่ได้มานั่งเขียนบล๊อกอยู่นี่หรอกค่ะ
คงจะกลายเป็นผีเฝ้าหน่อไม้อยู่แถวเมืองกาญ นั่นแหล่ะ 
คำเตือน การโบกรถเที่ยวไม่ควรมีแต่สาวๆ เพราะอาจจะเป็นอันตรายได้
ปิดท้ายกันด้วยเพลงสนุกๆ เพื่อรื้อฟื้นถึงวันวานยังหวานอยู่ด้วยเพลงนี้
" สาวเทคนิค " ของ ฌามาค่ะ
Create Date : 17 กรกฎาคม 2551 |
|
30 comments |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2551 16:54:37 น. |
Counter : 1202 Pageviews. |
|
 |
|
ยิ่งเป็นสมัยนี้ ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เลยค่ะป้ามะลิ...
ปอเอากาแฟมาฝากค่ะ
สวัสดีวันพระใหญ่นะคะ งุงิ