ปกติไม่ค่อยชอบสีเขียว แต่ชอบสีห้องน้ำนี้มากๆ สีดูหวานๆพาสเทลสุดๆ
ในห้องน้ำเป็นสีม่วงหม่นๆโทนเข้ม ดูอบอุ่น ผนังเป็นกระจก
มีม่านกั้นด้านนอกค่ะ ห้องนี้ จะวางโถชักโครก ติดผนัง
แล้วส่วนของตู้เสื้อผ้าอยู่ด้านนอกแทน แต่โดยรวมก็คล้ายๆห้องสีชมพู
และเดินขึ้นบันไดไปจนถึงห้องชั้นบนสุด
ห้องนี้ เป็นห้องที่มีขนาดเล็กที่สุด แต่มีบริเวณระเบียงห้อง ใหญ่ที่สุด
เหมาะที่เอาไว้นั่งชมวิวที่สุด คือห้องสีฟ้า - วันศุกร์ค่ะ ห้องนี้เน้นโทนขาวฟ้า
มีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างครบเช่นเดียวกับห้องอื่น
ห้องนี้จะดูแคบที่สุดในบรรดาทุกห้อง เป็นห้องไซส์เล็กค่ะ
แต่ก็มี ทีวี เครื่องเล่น DVD อะไรครบหมดเหมือนกับห้องอื่นๆเลย
ลายกราฟฟิคห้องนี้ สีฟ้าสด มีดวงตาของสาวสวยอยู่หัวเตียงค่ะ
ห้องนี้ไฮไลท์น่าจะอยู่ที่ระเบียงห้องค่ะ
เป็นส่วนเก้าอี้นั่งสบายที่สุดในบรรดาทุกห้องเลย
ชมวิวตึกรามบ้านช่องแถวนั้นได้เลย
กลับเข้าห้องไปดูห้องน้ำกันค่ะ
ห้องน้ำสีหวานมากๆ แต่จะแคบว่าห้องอื่นๆหน่อย
จากหน้าห้องสีฟ้า จะมีบันไดลิงเล็กๆขึ้นไปชั้นดาดฟ้าเล็กๆได้ด้วยค่ะ
ส่วนนี้สามารถเดินขึ้นไปได้ทุกคนนะคะ เพราะเป็นส่วนที่สามารถเดินทะลุขึ้นไปได้เลย
ไม่ใช่ดาดฟ้าส่วนตัวของห้องใดห้องหนึ่ง
เท่าที่ได้สำรวจมา ทุกๆห้องจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกัน แต่อาจจะแตกต่างที่ขนาด
และการตกแต่งเพียงเท่านั้น ที่วากรี๊ดมากคือ หมอน ผ้าห่ม และผ้าปูที่นอน เนื้อละเอียดนอนหลับสบายมาก
รวมทั้งผ้าเช็ดตัวด้วย มารู้ตอนเช้าจากคุณเจนว่า ใช้ผ้าเกรดเดียวกับโรงแรมหรูๆในกรุงเทพฯ
บินไปเลือกเองที่อเมริกา ซึ่งไม่ได้มีราคาแพง แต่คุณภาพแน่นมาก ถึงกับลองนอนเอง
เอาที่คิดว่าตัวเองชอบและนอนสบายที่สุด เลือกเหมือนซื้อให้ตัวเองกันเลยทีเดียว
มี iPod dock ให้ในทุกๆห้องด้วยค่ะ
เมื่อเข้า Check-in จะได้รับ กุญแจห้อง แผนที่ นามบัตร คีย์การ์ดเข้าประตูด้านล่าง
ถ้าเป็นแขกต่างชาติ จะมีโทรศัพท์มือถือ (ถ้าลูกค้าไม่มี) และซิมการ์ดของเมืองไทย
เอาไว้ให้แขกด้วย เพื่อเอาไว้ติดต่อสอบถามได้ตลอด ถ้ามีปัญหา เช่นตอนเรียก Taxi
สั่งอาหารทาน หรือต้องการไปสถานที่ท่องเที่ยว เผื่อคุยกันไม่รู้เรื่องก็ต่อสายให้คุยกับทางโรงแรมได้เลย
ซึ่งทาง Seven ต้องการให้แขกที่มาพัก ได้รับความสะดวกสบาย เป็นกันเอง
และให้รู้สึกเหมือน มีเพื่อนอยู่ที่เมืองไทย สิ่งที่วารู้สึกว่าไม่โอเค ก็คือน้ำเปล่าที่มีให้ในห้องค่ะ เป็นน้ำแบบนี้เท่าที่เห็น
คือไม่มีน้ำในขวดแบบ พลาสเจอร์ไรซ์ใดใด อยู่ในห้องอีก และห้องพักไม่มีตู้เย็น
คือ สารภาพตามตรงว่า เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า มันถูกตั้งอยู่แบบนี้มานานเท่าไหร่
หรือมีเอามาตั้ง ก็ต่อเมื่อมีคนเช็คอิน หรือ เป็นน้ำอะไร มาจากที่ไหน ยังไง
คิดเอาว่าน่าจะเพิ่งมีมาตอนมีคนจะเข้าพัก เพราะไปถ่ายรูปห้องอื่น "ไม่เห็น"
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ไม่กล้าเอามาทานค่ะ ไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำนี้ด้วยค่ะ
วาก็ไม่ได้คิดว่ามันสลักสำคัญอะไร แต่ที่เขียนถึง เพราะเท่าที่ไปพักมาหลายๆโรงแรม ไม่มี
มีส้มอยู่ในตระกร้าประมาณ 3 ลูก น่าจะเป็น เวลคัม ฟรุ๊ต ค่ะ
ตกเย็นเดินออกไปแถวๆซอยสุขุมวิท 33 ข้างๆ มี 7-11 ให้ซื้อขนมได้
และมีร้านขายอาหารตามสั่ง ข้าวมันไก่ บะหมี่เกี๊ยว อยู่ด้วย อาหารการกินสมบูรณ์ดีค่ะ
เลยได้ฝากท้องตรงร้านข้าวหน้า 7-11 นั่นเอง
อาหารเช้าที่นี่มีเวลาบอกไว้ แต่สามารถโทรลงมาแจ้งได้ว่า จะลงมาทานเช้าสายขนาดไหน
เนื่องจากที่นี่ไม่มีครัว ไม่มีบริการอาหาร ใดใด อาหารเช้าจึงเรียบง่าย คือ กาแฟ ผลไม้ ขนมปัง
และโยเกิตใส่ผลไม้ ถึงขนมปังจะค่อนข้างเยอะ ต่างชาติจะรู้สึกยังไงวาไม่ทราบนะคะ
แต่วาที่ทานอาหารเช้าเป็นมื้อหนัก รู้สึกไม่อิ่ม เท่าไหร่ (ขนมปังในรูปสำหรับ 2 ท่านนะคะ)
สรุปโรงแรมนี้ ห้องพักสวยมาก ไม่น่าเชื่อว่าด้านนอกเป็นตึกแถวดูธรรมดามาก
ด้านในจะตกแต่งสวยงามได้ถึงขนาดนี้ ชอบทุกๆห้อง เพราะแต่ละห้องมีความน่ารักแตกต่างกันไป
เสียดายที่ไม่ได้ชมห้องสีเหลือง คิดว่าน่าจะสวยไม่แพ้ห้องอื่นๆ
เรื่องราคาที่พัก เรตจะอยู่ที่ ประมาณ 3000 บาท (กว่าๆ) ซึ่งแต่ละห้อง ราคาไม่เท่ากัน
บังเอิญเห็นป้ายที่ติดอยู่ที่ล๊อบบี้ แต่มีหลายเรท หลายห้อง และช่วงเวลา
จำได้ว่าเห็นเลข 2 พันปลายๆ และเลข 3พันกลางๆค่ะ นอกจากขายความสวยงามแล้ว
น่าจะขายทำเลด้วย เรตเลยแอบสูงซักนิดนึง (ความเห็นส่วนตัวนะคะ)
เรื่องการตกแต่ง สีสรรที่ลงตัว Concept ที่สัมผัสได้ และบริการที่เป็นกันเอง
ทำให้ Boutique Hotel กลางกรุงเทพ แห่งนี้เป็นอีกที่ๆน่าสนใจทีเดียวค่ะ