Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
5 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
บทที่2 ในคำรำลึก


แฮร์รี่เลือดออก กุมมือขวาไว้ด้วยมือซ้ายแล้วสบถเงียบๆ เขาใช้ไหล่ผลักประตูเปิดออก มีเศษกระเบื้องแตกอยู่หน้าห้อง เขาเพิ่งเหยียบลงบนแก้วใส่น้้าชาเย็นชืดที่วางไว้หน้าห้องนอน
“อะไรน -“
เขามองไปรอบๆ ทางเดินในบ้านเลขที่สี่ ซอยพรีเว็ตว่างเปล่า แก้วน้้าชาอาจเป็นความคิดวางกับดักของดัดลีย์ก็ได้ แฮร์รี่ยกมือข้างที่เลือดออกเอาไว้ขณะที่ใช้มืออีกข้างหนึ่งหยิบเศษแก้วแล้วโยนใส่ถังขยะที่เต็มแล้วในห้องนอนของเขา แล้วก็เดินไปห้องน้้าเพื่อล้างมือ
เป็นเรื่องที่โง่เง่า ไร้สาระ และน่าโมโหเกินกว่าจะเชื่อได้ ที่เขายังเหลืออีกสี่
วันก่อนที่จะสามารถใช้เวทมนตร์ได้... แต่กลับต้องยอมรับว่าต้องยอมแพ้ให้กับแผลที่นิ้วมือ เขาไม่เคยเรียนวิธีการรักษาแผล และเมื่อคิดเช่นนี้ได้ - - โดยเฉพาะในช่วงแผนการของเขา– - - นี่ดูเหมือนจะเป็นจุดบอดอย่างร้ายแรงในระบบการศึกษาของพ่อมดแม่มด ขณะที่คิดว่าจะถามเฮอร์ไมโอนี่ว่าควรจะท้าอย่างไร เขาก็ใช้กระดาษช้าระจ้านวนมากเช็ดน้้าชาที่หกอยู่เท่าที่จะท้าได้ ก่อนจะกลับเข้าไปในห้องแล้วเหวี่ยงประตูปิด เขาใช้เวลาตลอดช่วงเช้าในการเอาของออกจากหีบใส่ของไปโรงเรียนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่จัดของเมื่อหกปีก่อน ทุกๆ ต้นปีการศึกษาเขาจะเอาของเพียงสามในสี่ของหีบออกแล้วใส่ของใหม่ลงไป ทิ้งขยะทั่วๆไปไว้ใต้สุด เช่น ปากกาขนนกเก่าๆ ตาแมลงเปลือกแข็งแห้งๆ ถุงเท้าที่เล็กเกินกว่าจะใส่ได้แล้ว เป็นต้น ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งใช้มือล้วงเข้าไปในกองขยะนี้แล้วรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่นิ้วก้อยมือขวา จึงดึงมือออกมาแล้วเห็นเลือด ขณะนี้เขาก็ด้าเนินการต่อโดยระมัดระวังมากขึ้น คุกเข่าลงข้างหีบของอีกครั้ง แล้วใช้มือช้อนของจากก้นหีบ หลังจากได้เข็มกลัดเก่าๆ ที่เปลี่ยนข้อความไปมาระหว่าง ร่วมเชียร์เซดริก ดิกกอรี่ กับ พอตเตอร์ห่วย สนีกโคสโคปที่แตกแล้ว ล็อกเก็ตทองที่มีโน้ตลงชื่อ ร.อ.บ. ซ่อนอยู่ ออกมาแล้ว เขาก็เห็นของที่บาดนิ้วมือในที่สุด เขาจ้าได้ในทันทีว่าเป็นกระจกวิเศษขนาดยาวสองนิ้วที่ซิเรียสพ่อทูนหัวผู้ล่วงลับให้เขาไว้ แฮร์รี่ล้วงมือเข้าไปหาของอื่นๆ แต่เจอเพียงแค่เศษกระจกที่เป็นของขวัญจากพ่อทูนหัวเป็นประกายระยิบระยับอยู่ที่ก้นหีบ เขาลูกขึ้นนั่งพิจารณาเศษกระจกที่บาดนิ้วมือเขาเอง แต่ไม่เห็นอะไรนอกจากดวงตาสีเขียวสดใสสะท้อนกลับออกมา แล้วเขาก็วางเศษกระจกไว้บนหนังสือพิมพ์เดลี่ พรอเฟ็ตฉบับเช้าวันนั้น ที่เขาวางทิ้งไว้บนเตียงโดยไม่ได้อ่าน แล้วพยายามข่มความทรงจ้าอันขมขื่นและความรู้สึกโศกเศร้าและโหยหาที่ทิ่มแทงเข้ามาจากการพบกระจกบานนั้น ด้วยการจัดการกับขยะที่เหลืออยู่ในหีบ
เขาใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงในการเอาของทั้งหมดออกมา โยนของที่ไร้ประโยชน์ทิ้ง แล้วจัดของที่เหลืออยู่เป็นกองตามความต้องการของเขาต่อจากนี้ในคำรำลึกไป ชุดแข่งควิดดิช หม้อใหญ่ กระดาษม้วน ปากกาขนนก และหนังสือเรียนส่วนมากวางกองไว้ที่มุมห้อง เตรียมทิ้งเอาไว้ เขาสงสัยว่าลุงกับป้าของเขาจะท้าอย่างไรกับของพวกนี้ อาจจะเผาทิ้งกลางดึกราวกันเป็นหลักฐานในอาชญากรรมร้ายแรงที่ตนเองก่อ ชุดแบบมักเกิ้ล ผ้าคลุมล่องหน ชุดปรุงยา หนังสือบางเล่ม อัลบั้มรูปที่แฮกริดให้เขาไว้ กองจดหมาย และไม้กายสิทธิ์ นั้นจัดใส่กระเป๋าเป้ใบเก่าไว้แล้ว กระเป๋าหน้ามีแผนที่ตัวกวน และล็อกเก็ตที่มีโน้ตลงชื่อ ร.อ.บ. เก็บไว้ ล็อกเก็ตนั้นได้อยู่ในที่ส้าคัญนี้ไม่ใช่เพราะว่ามันมีค่า -- ในความเป็นจริงดูจะไร้ประโยชน์ด้วยซ้้า -- แต่เพราะว่ามันมีราคาที่แลกได้มา เหลือเพียงแต่กองหนังสือพิมพ์วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ นกฮูกหิมะเฮ็ดวิก จ้านวนฉบับตามวันที่เขาใช้เวลาอยู่ที่บ้านซอยพรีเว็ตหน้าร้อนนี้ เขาลุกขึ้นจากพื้น บิดขี้เกียจ แล้วเดินไปที่โต๊ะ เฮ็ดวิกไม่ขยับตัวขณะที่เขาเปิดพลิกหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับ แล้วโยนไปในกองขยะทีละเล่ม นกฮูกของเขาหลับอยู่ หรือไม่ก็แกล้งหลับ เพราะมันโมโหแฮร์รี่ที่จ้ากัดเวลาให้มันอยู่นอกกรงในช่วงนั้น เมื่อกองหนังสือพิมพ์ใกล้จะหมด แฮร์รี่ก็เปิดช้าลง หาฉบับหนึ่งที่ได้รับเมื่อไม่นานจากที่เขากลับมาอยู่ที่บ้านในหน้าร้อนนี้ เขาจ้าได้ว่ามีหัวข่าวเกี่ยวกับการลาออกของชาริตี้ เบอร์เบจ อาจารย์สอนวิชามักเกิ้ลศึกษาที่ฮอกวอตส์ ในที่สุดเขาก็เจอ เขาพลิกไปที่หน้าสิบ นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วอ่านบทความที่ตามหาอยู่ซ้้าอีกรอบ ร้าลึกถึงดัมเบิลดอร์ โดยเอลฟายอัส โดจ
ข้าพเจ้าพบกับอัลบัส ดัมเบิลดอร์เป็นครั้งแรกเมื่ออายุสิบเอ็ดปี ในวันแรกที่เราเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ ไม่ต้องสงสัยว่าความรู้สึกที่ดึงดูดให้เราพบกันนั้นคือการที่เราต่างก็รู้สึกว่าตนเองเป็นคนนอก ข้าพเจ้าติดเชื้ออีสุกอีใสไม่นานก่อนไปโรงเรียน และแม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้อยู่ในช่วงพาหะแล้วแต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลและผิวที่ออกเขียวท้าให้
นักเรียนส่วนมากไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนอัลบัสนั้น เขามาถึงฮอกวอตส์พร้อมกับแบกชื่อเสียงในทางลบติดตัวมา ไม่ถึงปีก่อนหน้านั้น เพอร์ซิวาล บิดาของเขาถูกตัดสินให้มีความผิดในคดีท้าร้ายมักเกิ้ลสามคน อัลบัสไม่เคยปฏิเสธว่าบิดาของเขา (ซึ่งเสียชีวิตในคุกอัซคาบัน) ไม่ได้เป็นผู้ก่ออาชญากรรม ตรงกันข้าม เมื่อข้าพเจ้ารวบรวมความกล้าเพื่อถามเขา เขากลับยืนยันว่าเขารู้ดีว่าบิดาของเขามีความผิดจริง นอกเหนือไปกว่านั้น ดัมเบิลดอร์หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องเศร้านั้น แม้ว่าหลายคนจะพยายามถามถึงก็ตาม ท้าให้มีบางคนสรุปเอาว่าเขายกย่องบิดาของเขาและเขาเองก็เกลียดมักเกิ้ลเช่นกัน คงไม่มีอะไรที่จะผิดไปจากความจริงไปกว่านั้นแล้ว เพราะใครก็ตามที่รู้จักอัลบัสจะยืนยันว่าเขาไม่เคยแสดงว่าตนเองต่อต้านมักเกิ้ลเลยแม้แต่นิดเดียว กลับเป็นว่าความมุ่งมั่นในการสนับสนุนสิทธิมักเกิ้ลของเขาได้สร้างศัตรูมากมายในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่เดือน ชื่อเสียงของเขาเองก็เริ่มบดบังของบิดาของเขา ท้ายปีแรกเขาก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักกันในนามลูกชายของพวกเกลียดมักเกิ้ล แต่กลับกลายเป็นนักเรียนที่ปราดเปรื่องที่สุดเท่าที่โรงเรียนเคยมีมา พวกเราที่ได้รับสิทธิพิเศษเป็นเพื่อนของเขานั้นได้รับประโยชน์จากตัวอย่างของเขา ไม่ต้องพูดถึงความช่วยเหลือและก้าลังใจ ที่เขามีให้อยู่เสมอ เขาสารภาพกับข้าพเจ้าในภายหลังว่าเขารู้ตัวเองว่าเขามีความสุขมากที่สุดในการสอนหนังสือ
เขาไม่เพียงแต่จะได้รับรางวัลอะไรก็ตามที่โรงเรียนมีให้ แต่เขายังได้เป็นผู้ที่ติดต่อกับพ่อมดแม่มดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งยุค เช่น นักเล่นแร่แปรธาตุผู้มีชื่อเสียงนิโคลัส แฟลมเมล นักประวัติศาสตร์บาธิลดา แบ็กช็อต และนักทฤษฎีเวทมนตร์อดัลเบิร์ต วัฟฟลิง จดหมายหลายฉบับของเขาได้ออกตีพิมพ์ในที่สุด เช่นในการแปลงร่างวันนี้ คาถาท้าทาย และนักปรุงยาภาคปฏิบัติ ดูเหมือนว่าอาชีพในอนาคตของดัมเบิลดอร์จะเป็นที่น่าจดจ้า และค้าถามเดียวคงจะเป็นว่าเมื่อไหร่เขาจะได้เป็นรัฐมนตรี
กระทรวงเวทมนตร์ แม้ว่าหลายปีต่อมาจะมีการคาดการณ์หลายครั้งว่าเขาก้าลังจะได้เป็นรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยอยากรับอาชีพนี้เลย สามปีหลังจากที่เราเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ อาเบอร์ฟอร์ธ น้องชายของดัมเบิลดอร์ก็ได้เข้าเรียน ทั้งสองนั้นแตกต่างกัน อาเบอร์ฟอร์ธนั้นไม่ใช่หนอนหนังสือและชอบที่จะแก้ข้อขัดแย้งด้วยการประลองมากกว่าถกด้วยปัญญา อย่างไรก็ตาม ไม่ถูกที่จะกล่าวว่าทั้งสองไม่เป็นมิตรต่อกัน ทั้งคู่นั้นเข้ากันได้ดีเท่าที่คนสองคนที่ต่างกันขนาดนั้นจะเข้ากันได้ ส้าหรับอาเบอร์ฟอร์ธที่อยู่ในเงาของอัลบัสมาตลอดคงจะไม่ใช่สิ่งที่น่าสบายใจเลย การถูกเปรียบเทียบอยู่ตลอดนั้นท้าให้ไม่มีใครกล้าเป็นเพื่อนกับเขามากนัก เมื่ออัลบัสกับข้าพเจ้าจบจากฮอกวอตส์ เราตั้งใจจะท่องเที่ยวทั่วโลกตามประเพณีไปด้วยกัน พบปะและศึกษาพ่อมดแม่มดต่างชาติ ก่อนที่จะไปประกอบอาชีพจากกัน อย่างไรก็ตามเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดมาขัดขวาง ช่วงปลายของการเดินทางของเรานั้น เคนดรา มารดาของอัลบัสได้เสียชีวิตลง ทิ้งให้อัลบัสเป็นหัวหน้าและผู้หาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียวของครอบครัว ข้าพเจ้ารั้งเวลาการเดินทางออกไปนานพอที่จะได้เข้าร่วมพิธีศพของเคนดรา แล้วออกเดินทางตามล้าพัง เนื่องจากมีน้องชายและน้องสาวต้องดูแล คงจะไม่มีค้าถามว่าท้าไมอัลบัสไม่สามารถร่วมเดินทางไปกับข้าพเจ้าได้อีกต่อไป
นั่นเป็นช่วงชีวิตที่เราได้ติดต่อกันน้อยที่สุด ข้าพเจ้าได้เขียนบรรยายถึงความพิศวงในการเดินทางของข้าพเจ้า ตั้งแต่การหลบหนีไคมีร่าอย่างเฉียดฉิวที่กรีซ จนถึงการทดลองเล่นแร่แปรธาตุในอิยิปต์ ในจดหมายจากอัลบัสนั้นบรรยายชีวิตประจ้าวันของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้าพเจ้าเดาว่าเป็นเพราะความน่าเบื่อหน่ายอย่างน่าหงุดหงิดส้าหรับพ่อมดที่ปราดเปรื่องเช่นนั้น ขณะที่ข้าพเจ้าหมกมุ่นอยู่กับประสบการณ์ของข้าพเจ้าเอง โศกนาฏกรรมก็โถมเข้าใส่ครอบครัวดัมเบิลดอร์อีกครั้งหนึ่ง นั่นก็คือการเสียชีวิตของน้องสาวของเขา อาเรียนา แม้ว่าอาเรียนาจะมีสุขภาพไม่แข็งแรงมานานแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นไม่นานหลังจากการสูญเสียมารดานั้นมีผลกระทบอย่างมากต่อสองพี่น้อง คนที่ใกล้ชิดอัลบัสที่สุด -- ที่ข้าพเจ้านับรวมตัวเองเข้าในกลุ่มผู้โชคดีนั้นด้วย -- เชื่อตรงกันว่าการสูญเสียอาเรียนาและความรู้สึกรับผิดชอบ (ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ความผิดของเขา) ได้ทิ้งรอยแผลไว้กับเขาตลอดมา ข้าพเจ้ากลับมาพบกับชายหนุ่มที่ได้เผชิญกับความล้าบากของคนที่อายุมากกว่านั้นมาก อัลบัสดูเก็บตัวมากกว่าเมื่อก่อน และดูสนุกสนานน้อยลง นอกจากความโศกเศร้าแล้ว การสูญเสียอาเรียนาท้าให้ความใกล้ชิดของอัลบัสกับอาเบอร์ฟอร์ธเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นความบาดหมาง (แต่หลังจากนั้นหลายปีได้เปลี่ยนแปลงกลับเป็นความห่วงใย) อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเขาก็ไม่ค่อยพูดถึงพ่อแม่ของเขาหรืออาเรียนาอีก และเพื่อนๆ ก็รู้ว่าไม่ควรจะพูดถึงด้วยเช่นกัน คนอื่นๆ จะบรรยายถึงความส้าเร็จในหลายปีต่อมาของเขา ดัมเบิลดอร์ได้มอบความรู้มากมายให้กับสังคมผู้วิเศษ รวมถึงการค้นพบวิธีการใช้เลือดมังกรสิบสองวิธี นั้นจะมีประโยชน์ในอีกหลายรุ่นต่อมา เช่นเดียวกับสติปัญญาที่เขาแสดงออกมาในการตัดสินในฐานะหัวหน้าพ่อมดแห่งศาลวิเซนกาม็อต และยังกล่าวกันว่าไม่มีการประลองเวทครั้งใดที่เคยยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับการประลองระหว่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์เมื่อปี 1945 ผู้สังเกตการณ์ได้บรรยายถึงความน่าสะพรึงกลัวและความตื่นตาตื่นใจที่ได้รับขณะที่เฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างพ่อมดที่ไม่ธรรมดาทั้งสองคนนี้ ชัยชนะของดัมเบิลดอร์และผลที่ตามมานั้นถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่ส้าคัญของประวัติศาสตร์เวทมนตร์ เทียบเท่ากับการตั้งบัญญัติรักษาความลับหรือการหมดอ้านาจของผู้ที่ต้องไม่เอ่ยนาม
อัลบัส ดัมเบิลดอร์ไม่เคยหยิ่งยโส เขาสามารถหาคุณค่าในตัวของทุกๆ คนแม้ว่าคนนั้นจะไม่ส้าคัญหรือเคราะห์ร้ายเพียงใด และข้าพเจ้าเชื่อว่าความสูญเสียในวัยหนุ่มนั้นท้าให้เขามีมนุษยธรรมและความเห็นใจต่อผู้คนอย่างมากมาย ข้าพเจ้าอาลัยต่อมิตรภาพของเขาเกินกว่าจะบรรยายได้ แต่ความสูญเสียที่มีต่อตัวข้าพเจ้าเองนั้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความสูญเสียของโลกเวทมนตร์ การเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่และเป็นที่รักที่สุดในเหล่าอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์นั้นไม่สามารถลบล้างได้ เขาจากไปเมื่อยังมีชีวิตอยู่และท้าเพื่อความดีที่ยิ่งใหญ่กว่า และเมื่อยังเต็มใจที่จะยื่นมือเข้าหาเด็กน้อยที่เป็นโรคอีสุกอีใสเช่นเดียวกับวันที่ข้าพเจ้าพบกับเขาจวบจนวาระสุดท้าย แฮร์รี่อ่านจบแล้วแต่ยังจ้องมองไปยังรูปภาพประกอบข่าวมรณกรรมนั้น ดัมเบิลดอร์ยิ้มด้วยร้อยยิ้มใจดีที่คุ้นเคย พร้อมกับมองเหนือแว่นตารูปจันทร์เสี้ยวนั้นแม้แต่อยู่ในหนังสือพิมพ์ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนก้าลังเอกซ์เรย์แฮร์รี่ ซึ่งรู้สึกโศกเศร้าปนเปไปกับความรู้สึกเหมือนถูกเยาะเย้ย เขาคิดว่าตนเองรู้จักดัมเบิลดอร์ดีแล้ว แต่ตั้งแต่ได้อ่านข่าวนี้ก็รู้ว่าตนแทบจะไม่รู้จักเขาเลย ไม่เคยแม้กระทั่งจินตนาการถึงดัมเบิลดอร์ในวัยเด็กหรือวัยหนุ่ม ราวกับว่าเขาปรากฏตัวออกมาเป็นดัมเบิลดอร์ที่เขารู้จัก ที่น่าเคารพนับถือ และมีผมยาวสีเงิน ความคิดถึงดัมเบิลดอร์ในวัยรุ่นนั้นออกดูแปลก เหมือนพยายามคิดถึงเฮอร์ไมโอนี่โง่หรือสกรู๊ตประทุไฟเชื่อง
เขาไม่เคยคิดจะถามดัมเบิลดอร์เกี่ยวกับอดีตของเขา ไม่ต้องสงสัยว่าถ้าเอ่ยถามแล้วคงจะให้ความรู้สึกแปลกและเสียมารยาท แม้ว่าการประลองที่เป็นต้านานระหว่างดัมเบิลดอร์กับกรินเดลวัลด์จะเป็นความรู้ทั่วไป แต่แฮร์รี่ก็ไม่เคยคิดจะถามว่าการประลองครั้งนั้นเป็นอย่างไร หรือถามถึงความส้าเร็จใดๆ ของเขาเลย เขาพูดกันเพียงแต่เรื่องของแฮร์รี่ อดีตของแฮร์รี่ อนาคตของแฮร์รี่ แผนของแฮร์รี่... และแม้ว่าอนาคตของเขานั้นจะอันตรายและไม่แน่นอนเหลือเกิน ก็ยังดูเหมือนว่าเขาพลาดโอกาสที่หาไม่ได้อีกมากที่จะถามเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา ค้าถามส่วนตัวเพียงค้าถามเดียวที่เขาเคยถามเป็นค้าถามเดียวที่เขาสงสัยว่าดัมเบิลดอร์ไม่ได้ตอบตามความจริง “อาจารย์เห็นอะไรเมื่ออาจารย์ส่องกระจกครับ” “ฉันเรอะ ฉันเห็นตัวเองถือถุงเท้าขนสัตว์หนาๆ คู่หนึ่ง” หลังจากคิดอยู่หลายนาที แฮร์รี่ก็ฉีกข่าวนั้นออกจากพรอเฟ็ต พับอย่างบรรจงแล้วสอดไว้ในหนังสือเวทมนตร์ป้องกันตัวภาคปฏิบัติและการใช้ป้องกันศาสตร์มืด แล้วโยนหนังสือพิมพ์ส่วนที่เหลือไปที่กองขยะแล้วหันมองรอบๆห้อง ห้องดูสะอาดขึ้นมากแล้ว เหลือเพียงอย่างเดียวที่ดูไม่เข้าที่ก็คือหนังสือพิมพ์เดลี่ พรอเฟ็ตวันนี้ที่วางอยู่บนเตียง กับกระจกที่อยู่บนหนังสือพิมพ์อีกที แฮร์รี่เดินไปหยิบหนังสือพิมพ์คลี่แล้วเปิดอ่าน เขาแทบจะไม่ได้ช้าเลืองมองหัวข้อข่าวเมื่อได้รับจากนกฮูกเมื่อเช้านี้เพราะว่าไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับโวลเดอมอร์ แฮร์รี่มั่นใจว่ากระทรวงแทรกแซงไม่ให้พรอเฟ็ตออกข่าวเกี่ยวกับโวลเดอมอร์ ท้าให้เขาเพิ่งเห็นหัวข่าวนี้ที่เขาพลาดไป ครึ่งล่างของหน้าแรก มีหัวข้อข่าวเล็กๆ ที่มีรูปดัมเบิลดอร์เดินไปมาท่าทางกังวลใจเขียนว่า ดัมเบิลดอร์ -- ความจริงในที่สุด? วางแผงสัปดาห์หน้า เรื่องราวน่าตกใจของอัจฉริยะที่ว่ากันว่าเป็นพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค ฉีกหน้ากากของพ่อมดทรงปัญญาเคราสีเงินดูน่าเลื่อมใส ริต้า สกีตเตอร์เผยถึงวัยเด็กที่มีปัญหา วัยรุ่นนักแหกกฎ ความอาฆาตตลอดชีวิต และความลับที่ดัมเบิลดอร์พาลงหลุมไปด้วย ท้าไมชายที่คาดกันว่าจะได้ครองต้าแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์กลับพอใจเพียงแค่เป็นอาจารย์ใหญ่ อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงขององค์กรลับที่ชื่อภาคีนกฟีนิกซ์ ดัมเบิลดอร์พบกับจุดจบได้อย่างไร พบกับค้าตอบของค้าถามเหล่านี้ได้ในชีวประวัติเล่มใหม่ ชีวิตและเรื่องโกหกของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ โดยริต้า สกีตเตอร์ สัมภาษณ์โดยเบตตี้ เบรธเวท
แฮร์รี่เปิดข้ามไปจนถึงหน้าสิบสาม บทความนั้นมีอีกรูปที่คุ้นเคยอยู่ด้านบน รูปผู้หญิงสวมแว่นตาประดับเพชร ผมสีบลอนด์หยิกสวย ฉีกยิ้มเห็นฟัน แกว่งนิ้วให้เขา แฮร์รี่อ่านพร้อมกับพยายามไม่สนใจรูปที่ชวนให้คลื่นไส้นี้ ริต้า สกีตเตอร์นั้นดูอบอุ่นและนุ่มนวลกว่าฝีปากกาขนนกที่จัดจ้าน ของเธอ เธอต้อนรับผู้สัมภาษณ์จากห้องโถงในบ้านที่น่าอยู่ แล้วเชิญเข้าไปดื่มชาและเค้กในห้องครัว พร้อมกับเรื่องราวซุบซิบสดใหม่ “แน่นอนว่าดัมเบิลดอร์เป็นฝันของนักเขียนชีวประวัติ” สกีตเตอร์พูด “ชีวิตที่ยาวนานและน่สนใจอย่างนั้นน่ะ ฉันเชื่อว่าหนังสือนี้จะเป็นเล่มแรกของอีกหลายๆเล่ม” สกีตเตอร์ทันต่อเหตุการณ์อย่างน่าทึ่ง หนังสือหนาเก้าร้อยหน้าเสร็จสิ้นภายในเพียงสี่สัปดาห์หลังจากการเสียชีวิตที่น่าสงสัยเมื่อเดือนมิถุนายน ผู้สัมภาษณ์ถามถึงวิธีที่เธอเขียนได้อย่างรวดเร็วนี้ “อ้อ ถ้าคุณเป็นนักหนังสือพิมพ์มานานเท่าฉันแล้วละก็ การท้างานให้ตรงเวลาจะกลายเป็นธรรมชาติเองแหละ ฉันรู้ว่าโลกเวทมนตร์นั้นร้องเรียกเรื่องราวเต็มๆ มานานแล้ว ฉันเลยอยากจะเป็นคนแรกที่สนองความต้องการนั้น” ผู้สัมภาษณ์กล่าวถึงข้อเขียนของเอลฟายอัส โดจ ที่ปรึกษาพิเศษศาลสูงวิเซนกาม็อต และเพื่อนที่ยาวนานของดัมเบิลดอร์ ที่ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ว่า “หนังสือของสกีตเตอร์มีความจริงน้อยกว่าการ์ดกบช็อกโกแล็ตเสียอีก” สกีตเตอร์ส่ายหัวแล้วหัวเราะ “ดอดจี้ที่รัก! ฉันจ้าการสัมภาษณ์เขาเมื่อไม่กี่ปีมาก่อนได้ เกี่ยวกับสิทธิชาวเงือก เลอะเลือนหมดแล้วเหมือนจะคิดว่าตัวเองอยู่ก้นแม่น้้า วินเดอเมียร์ คอยบอกให้ฉันหลบปลาเทราต์อยู่ตลอดเลย”
แต่ค้ากล่าวหาถึงความไม่แม่นย้าในข้อมูลยังกล่าวถึงในหลายที่ สกีตเตอร์คิดหรือไม่ว่าเพียงสี่สัปดาห์นั้นเพียงพอที่จะเขียนชีวิตอันยาวนานและไม่ธรรมดาของดัมเบิลดอร์ “โอ้ที่รัก” สกีตเตอร์ยิ้มกว้าง “เธอก็รู้ดีเท่ากับฉันว่าข้อมูลนั้นสร้างมาดได้ด้วยถุงทองแกลเลียนถุงใหญ่ๆ ปฏิเสธที่จะฟังค้าว่า “ไม่” และปากกาขนนกจดทันใจดีๆ สักด้าม! ทุกคนเข้าคิวรอที่จะประนามดัมเบิลดอร์แล้ว ไม่ใช่ทุกคนจะคิดว่าเขาวิเศษวิโสอะไรหรอกนะ เขานะไปพูดจาเสียหายใครต่อใครไว้เยอะ แต่พ่อดอดจี้ โดจจะได้หยุดท้าเป็นรู้มากซะที เพราะฉันได้เข้าถึงแหล่งข้อมูลดีๆ คนที่ไม่เคยพูดออกสาธารณะและก็รู้เรื่องดัมเบิลดอร์ในวัยเด็กที่มีปัญหา ชีวประวัติโดยสกีตเตอร์นี้จะบอกอย่างแน่นอนว่าจะมีเรื่องราวน่าตกใจอีกมากส้าหรับคนที่คิดว่าดัมเบิลดอร์ไม่มีมลทินใดๆเลย ผู้สัมภาษณ์ถามว่าเรื่องอะไรที่น่าตกใจมากที่สุดเกี่ยวกับที่คุ้ยมาได้ “อย่าเลยน่าเบตตี้ ฉันไม่บอกไฮไลต์ไปก่อนที่ใครจะได้อ่านหนังสือหรอก!” สกีตเตอร์หัวเราะ “แต่ฉันสัญญาว่าใครก็ตามที่คิดว่าดัมเบิลดอร์นั้นสะอาดเหมือนกับเคราขาวๆ ของเขาละก็จะต้องตะลึงกับเรื่องจริง! ง่ายๆ คือคงไม่มีใครที่เห็นเขาต่อสู้กับคนที่คุณก็รู้ว่าใครจะวาดฝันว่าเขาเองหมกมุ่นกับศาสตร์มืดเองตั้งแต่เด็กๆแล้ว! และที่เห็นว่าเขาคอยเรียกร้องความเห็นใจต่อคนอื่นๆ ที่จริงตัวเองก็ไม่ได้ใจกว้างอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆหรอกนะ! ดัมเบิลดอร์มีอดีตที่ขุ่นมัวและยังมีครอบครัวที่น่าสงสัยที่คอยปกปิดมานาน” ผู้สัมภาษณ์ถามว่าสกีตเตอร์ก้าลังกล่าวอ้างถึงอาเบอร์ฟอร์ธอยู่หรือเปล่า น้องชายของดัมเบิลดอร์ที่ถูกกล่าวหาจากศาลวิเซนกาม็อตเรื่องการใช้เวทมนตร์ในทางที่ผิด และก่อให้เกิดเรื่องอื้อฉาวเล็กๆเมื่อสิบห้าปีก่อน
“อ้อ อาเบอร์ฟอร์ธเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย” สกีตเตอร์หัวเราะ “ไม่ ไม่ ฉันพูดถึงอะไรที่มากกว่าน้องชายหรือพ่อที่ท้าร้ายมักเกิ้ล -- ดัมเบิลดอร์ปิดเรื่องพวกนี้ไว้ไม่ได้ และทั้งคู่ก็ถูกตัดสินว่าผิดโดยวิเซนกาม็อต ที่จะ
พูดถึงคือแม่และน้องสาวต่างหาก และหลังจากขุดคุ้ยสักหน่อยก็เจอเรื่องร้ายกาจเลยล่ะ -- แต่คุณคงต้องรอถึงบทที่เก้าและสิบสองส้าหรับรายละเอียดนะ เท่าที่ฉันพูดได้ตอนนี้คือ ดัมเบิลดอร์ไม่เคยเล่าว่าท้าไมจมูกถึงหัก” นอกจากเรื่องครอบครัวล่ะ สกีตเตอร์ปฏิเสธความปราดเปรื่องที่ท้าให้ดัมเบิลดอร์ค้นพบอะไรมากมายนั่นเหรอ “เขามีสมองน่ะ” เธอสรุป “ถึงตอนนี้ยังมีค้าถามอีกมากว่าเขาควรจะได้รับชื่อในผลงานนั่นทั้งหมดรึเปล่า ตามที่ฉันเขียนไว้ในบทที่สิบหก ไอเวอร์ ดิลลันส์บายบอกว่าคือพบวิธีใช้เลือดมังกรถึงแปดวิธีแล้วก่อนที่ดัมเบิลดอร์จะมา “ยืม” ผลงานของเขาไป ผู้สัมภาษณ์ถามว่าความส้าคัญของความส้าเร็จของดัมเบิลดอร์ก็ปฏิเสธไม่ได้ไม่ใช่เหรอ เช่นการเอาชนะกรินเดลวัลด์ “อ้อ ฉันดีใจจังที่คุณเอ่ยถึงกรินเดลวัลด์” สกีตเตอร์พูดพร้อมรอยยิ้มน่าหลงไหล “ฉันกลัวว่าใครที่ปลาบปลื้มกับชัยชนะของดัมเบิลดอร์จะต้องรอรับข่าวร้ายได้เลย เรื่องสกปรกด้วยซ้้า เท่าที่พูดได้ก็คือ อย่ามั่นใจมากว่าเป็นการประลองที่เป็นต้านาน หลังจากที่อ่านหนังสือของฉันแล้วจะต้องคิดได้ว่ากรินเดลวัลด์แค่เสกผ้าเช็ดหน้าขาวแล้วยอมแพ้เฉยๆด้วยซ้้า สกีตเตอร์ปฏิเสธจะพูดอะไรเพิ่มเติมในเรื่องนี้ ผู้สัมภาษณ์เลยหันไปถามเรื่องความสัมพันธ์ที่เป็นที่ชื่อชอบของผู้อ่านบทความของเธอ “อ้อ ใช่” สกีตเตอร์พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ฉันมอบบทนึงเต็มๆให้อะไรความสัมพันธ์ พอตเตอร์-ดัมเบิลดอร์ อีกครั้งที่ผู้อ่านจะต้องซื้อหนังสือของฉันเพื่ออ่านเรื่องทั้งหมด แต่ไม่มีข้อสงสัยว่าดัมเบิลดอร์มีความสนใจอย่างไม่ธรรมดาต่อตัวพอตเตอร์ เราจะได้เห็นว่าพอตเตอร์เป็นวัยรุ่นมีปัญหา”
ผู้สัมภาษณ์ถามว่าสกีตเตอร์ยังติดต่อกับแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่หรือเปล่าจากที่เธอได้สัมภาษณ์พอตเตอร์ปีที่แล้วเกี่ยวกับการกลับมาของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร “อ้อ แน่นอน เราสนิทกันเลยล่ะ” สกีตเตอร์พูด “พอตเตอร์ที่น่าสงสารนั่นมีเพื่อนจริงๆ น้อยมาก และเราก็พบกันในช่วงเวลาพิสูจน์ตัวเองที่ส้าคัญที่สุดในชีวิตเขาเลย การประลองเวทไตรภาคี ฉันอาจเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีชีวิตอยู่ที่พูดได้เต็มปากว่ารู้จักตัวจริงๆ ของแฮร์รี่ พอตเตอร์” น้าไปสู่ข่าวลือมากมายเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของดัมเบิลดอร์ สกีตเตอร์เชื่อหรือไม่ว่าพอตเตอร์อยู่ตรงนั้นตอนที่ดัมเบิลดอร์ตาย “ฉันไม่อยากพูดอะไรมาก -- มันอยู่ในหนังสือหมดแล้ว -- แต่พยานที่อยู่ในฮอกวอตส์เห็นพอตเตอร์วิ่งหนีตอนที่ดัมเบิลดอร์กระโดดหรือถูกผลักตกลงมา ตอนหลังพอตเตอร์กล่าวหาเซเวอร์รัส สเนป คนที่ไม่ชอบหน้าเขามาตลอด ทุกอย่างเป็นเหมือนที่เห็นหรือไม่ คงต้องให้ชุมชนพ่อมดแม่มดตัดสินเอง -- หลังจากได้อ่านหนังสือของฉันแล้ว” หลังจากนั้นผู้สัมภาษณ์ก็กลับออกมา ไม่ต้องสงสัยว่าสกีตเตอร์ได้เขียนหนังสือติดอันดับอย่างแน่นอน แต่ผู้ชื่นชอบดัมเบิลดอร์คงต้องตัวสั่นไปกับเรื่องราวของวีรบุรุษของเขาเอง แฮร์รี่อื่นถึงท้ายบทความ แต่ยังคงจ้องมองหน้ากระดาษอย่างว่างเปล่า ความขยะแขยงและความโกรธเคืองโถมออกมาเหมือนส้ารอก เขาขย้าหนังสือพิมพ์แล้วโยนมันใส่ก้าแพงสุดแรง ให้มันกองรวมกับขยะอื่นๆ เขาออกเดินวนไปมาในห้อง เปิดลิ้นชักเปล่าๆ และหยิบหนังสือขึ้นแล้ววางลงที่เดิม แทบไม่รู้ตัวในสิ่งที่ท้าอยู่ วลีต่างๆจากบทความของริต้าก้องอยู่ในหัว บทนึงเต็มๆให้อะไรความสัมพันธ์ พอตเตอร์-ดัมเบิลดอร์ ... หมกมุ่นกับศาสตร์มืดเองตั้งแต่เด็กๆ ... ได้เข้าถึงแหล่งข้อมูลดีๆ “โกหก!” แฮร์รี่ตะโกน แล้วเขาก็เห็นเพื่อนบ้านหยุดเครื่องตัดหญ้าแล้วมองมาอย่างกระวนกระวาย
แฮร์รี่นั่งลงบนเตียง เศษกระจกแตกนั้นกระเด็นออกไปจากตัว เขาหยิบขึ้นมาแล้วพลิกไปมาบนนิ้ว คิด คิดถึงดัมเบิลดอร์และค้าโกหกที่ริต้า สกีตเตอร์ใช้ลบเกียรติ... แสงวาบสีฟ้าใส แฮร์รี่ตัวแข็ง นิ้วที่เป็นแผลเลื่อนผ่านขอบคมของกระจกอีกครั้ง เขาคิดไปเอง เขาต้องคิดไปเอง เขามองกลับไปข้างหลัง แต่ก้าแพงเป็นสีลูกพีชตามที่ป้าเพ็ดทูเนียเลือก ไม่มีอะไรสีฟ้าจะสะท้อนกับกระจกได้เลย เขามองไปที่เศษกระจกอีกครั้ง แต่ก็เห็นเพียงแค่แววตาสีเขียวสดใสมองกลับมา เขาต้องจินตนาการไปเองแน่ๆ ไม่มีค้าอธิบายอื่นอีก จินตนาการไปเอง เพราะเขาคิดถึงอาจารย์ใหญ่ผู้ล่วงลับ สิ่งที่แน่นอนคงมีแค่ ดวงตาสีฟ้าสดใสของอัลบัส ดัมเบิลดอร์จะไม่มองทะลุตัวเขาอีกแล้ว


หมายเหตุ : หากมักเกิ้ลคนไหนอ่านเอกสารนี้แล้วไม่ซื้อหนังสือของลิขสิทธิ์ ขอสาปให้เป็นหนอนฟลอบเบอร ์











Create Date : 05 สิงหาคม 2550
Last Update : 27 สิงหาคม 2550 2:41:50 น. 3 comments
Counter : 454 Pageviews.

 
เอ๋า.........

แต่..เราโชคดีที่ไม่ใช่มักเกิ้ล


โดย: WhileLife วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:11:47:16 น.  

 
รอตอนต่อไปอยู่นะครับ
อ่านภาษาอังกิดลำบากมั่กๆT-T


โดย: dream (nudream21 ) วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:3:33:25 น.  

 


โดย: mukgu วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:18:33:46 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Aemmee Berry
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นแค่ผู้หญิงที่สับสนในตัวเอง ไม่แน่ใจว่าจะหวาน จะเปรี้ยว หรือจะห้าว ก้อมันแล้วแต่อารมณ์นะ

ถามจิงจิงแอมกะน้องเหมือนกันปละ (ดูรูปข้างบนเลย) อิอิ

ปั่นบล๊อคคุณให้ Hot สุดๆ ที่ BlogYellow.com คลิ๊กโลด
Friends' blogs
[Add Aemmee Berry's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.