“เขาค้อ” ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งซึ่งมีบรรยากาศอันเงียบสงบ สวยงาม และอากาศบริสุทธิ์จนได้รับการขนานนามว่า “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” แม้ว่าในอดีตในเขตพื้นที่อำเภอเขาค้อนี้จะเคยเป็นดินแดนแห่งสมรภูมิเลือดระหว่างผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) กับรัฐบาลซึ่งดำรงอำนาจอยู่ในยุคสมัยนั้น (พ.ศ. 2511 – 2524) แต่ปัจจุบัน “เขาค้อ” ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนาจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่งของ จ.เพชรบูรณ์ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงสถานที่สำคัญซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การสู้รบในครั้งอดีตเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้อีกด้วย (เช่น ครกกระเดื่องพลังน้ำบริเวณน้ำตกศรีดิษฐ์ ,ฐานอิทธิ และอนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ เป็นต้น)
|
บรรยากาศหนาวเย็นยามเช้าที่จุดชมทิวทัศน์หน้าเรือนพักผู้ติดตาม ข้างพระตำหนักเขาค้อ |
|
ยามเช้ากับทะเลหมอกสวย ๆ บรรยากาศสบาย ๆ |
|
การชุมนุมย่อย ๆ ที่พระตำหนักเขาค้อ "่ไม่ได้เรียกร้องอะำไรนะ!!นอกจากขอชมธรรมชาติอย่างสงบก็พอ" |
|
แสงอ่อน ๆ ยามเช้า ค่อย ๆ ปลุกทุกชีวิตบนเขาแห่งนี้ให้ตื่นจากการหลับไหล |
“พระตำหนักเขาค้อ” เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดหมายสำคัญของผู้ที่เดินทางมาพักผ่อนตากอากาศบนเขาค้อ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2527 – 2528 เพื่อเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ,สมเด็จพระบรมราชินีนาถ รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ยามที่เสด็จมาประกอบพระราชกรณียกิจต่าง ๆในโครงการพระราชดำริและทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในเขต อ.เขาค้อ ตัวพระตำหนักตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,100 เมตร สร้างเป็นอาคารคอนกรีต 2 ชั้นเรียงตัวเชื่อมต่อกันในลักษณะครึ่งวงกลมดูแปลกตา โดยรอบบริเวณตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด ในช่วงฤดูหนาวดอกไม้เหล่านี้จะบานสะพรั่งอวดโฉมดูสวยงามยิ่ง นักท่องเที่ยวซึ่งต้องการชมสวนดอกไม้และตัวพระตำหนักจำเป็นต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยและจะได้รับอนุญาตให้เดินชมเฉพาะส่วนภายนอกตัวอาคารพระตำหนักเท่านั้น หากเป็นช่วงที่มีการเสด็จแปรพระราชฐานจะไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมชม
|
เหล่าทิวสนเรียงตัวตามแนวเินินเขาด้านข้างพระตำหนักเขาค้อ |
บริเวณด้านข้างพระตำหนักเขาค้อเป็นที่ตั้งของ “เรือนพักผู้ติดตาม” ซึ่งเป็นอาคารเรือนแถวไม้ 2 ชั้นสร้างติดต่อกันเป็นแถวยาว นักท่องเที่ยวซึ่งต้องการค้างแรมในบริเวณใกล้พระตำหนักสามารถติดต่อขอเช่าห้องพักที่นี่ได้ (ลักษณะห้องพักเหมือนเรือนนอนทหารทั่วไป ไม่ค่อยสะดวกสบายนัก กรุณาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อ hotel/resort review อีกครั้งครับ) หรือหากอยากจะกางเต็นท์ก็สามารถทำได้เช่นกันแต่ต้องเตรียมเต็นท์และนำเครื่องนอนมาเองให้พร้อม (มีห้องน้ำและโทรศัพท์สาธารณะให้บริการ) นอกจากนั้นยังห้ามนักท่องเที่ยวซึ่งพักค้างแรมในเขตพระตำหนักนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/สุรา/ของมึนเมาต่างๆเข้ามาภายในบริเวณ และห้ามส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่นภายในเขตพระราชฐานอีกด้วย
นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งซึ่งต้องการชมความงดงามของพระอาทิตย์ยามเช้าจะตัดสินใจค้างแรมในเขตพระตำหนักเขาค้อ เนื่องจากบริเวณด้านหน้าของเรือนพักผู้ติดตามนั้นหันเข้าสู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จึงทำให้บริเวณดังกล่าวกลายเป็น “จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น” ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเขต อ.เขาค้อ ภาพของสายหมอกสีขาวจาง ๆ ลอยคลอเคลียอยู่เหนือทิวเขาท่ามกลางแสงสีแสดแดงที่ค่อย ๆเปลี่ยนเป็นสีทองเจิดจ้ายามดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยสูงขึ้นจากเส้นขอบฟ้า เป็นภาพซึ่งทำให้หลาย ๆคนอดทนกัดฟันลุกขึ้นจากที่นอนอันอบอุ่น ออกมาเผชิญกับความหนาวเหน็บเยียบเย็นภายนอกที่พักเพียงเพื่อจะได้เก็บภาพความงดงามในชั่วขณะเวลาเล็ก ๆนี้ไว้ สำหรับจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณด้านหน้าเรือนพักผู้ติดตามนี้จะมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลหมอกอยู่ไกลลิบ ๆแตกต่างจากบริเวณ “ศาลาชมทิวทัศน์เขาค้อ” ซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2196 จะสามารถมองเห็นทะเลหมอกลอยตัวอยู่เหนืออ่างเก็บน้ำบ้านรัตนัยได้ในระยะใกล้ (แต่การไปชมทะเลหมอกบริเวณ “ศาลาชมทิวทัศน์เขาค้อ” จะไม่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้ เนื่องจากศาลาชมทิวทัศน์ดังกล่าวหันหน้าไปทางอ่างเก็บน้ำบ้านรัตนัยซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก กรุณาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในหัวข้อท่องเที่ยว จ.เพชรบูรณ์ “จุดชมทะเลหมอกเขาค้อ” ครับ) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมทั้งความงดงามยามพระอาทิตย์แย้มตัวเบิกฟ้าและสัมผัสกับบรรยากาศทะเลหมอกแบบเต็ม ๆตาด้วย ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) แนะนำว่าให้มาชมพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณหน้าเรือนพักผู้ติดตามก่อน แล้วให้กลับลงจากเขตพระตำหนักไม่เกินเวลา 07.30 น. เพื่อมุ่งตรงไปชมทะเลหมอกบริเวณศาลาชมทิวทัศน์ก็ยังทัน (ส่วนใหญ่ในช่วงฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกลอยอยู่เหนืออ่างเก็บน้ำบ้านรัตนัยจนถึงเวลาประมาณ 9.00 – 9.30 น.เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะขึ้นมาชมพระอาทิตย์ทอแสงยามเช้า ณ พระตำหนักก่อน ก็ยังสามารถกลับลงไปดูทะเลหมอกบริเวณศาลาชมทิวทัศน์เขาค้อแบบใกล้ชิดได้ทันอยู่ดี)
|
แมลงหน้าตาประหลาดและดอกไม้งามระหว่างทางปีนป่ายขึ้นสู่ยอดเขาย่า (ภาพที่ 2 ,3 จากซ้าย) |
|
บนยอดเขาย่ามีศาลาที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีเคยเสด็จมาประทับ เพื่อทอดพระเนตรทิวทัศน์ของขุนเขาอันสลับซับซ้อนเบื้องล่าง อ.เขาค้อ (ปัจจุบันอยู่ในสถาพทรุดโทรม) |
|
จากยอดเขาย่าสามารถมองเห็นพระตำหนักเขาค้อเป็นอาคารรูปครึ่งทรงกลมอยู่ไกล ๆได้ |
|
บรรยากาศโดยรอบอาคารพระตำหนักเขาค้อ |
นอกจากการ “ชมทะเลหมอก/พระอาทิตย์ขึ้น” และ “การชมสวนดอกไม้โดยรอบบริเวณพระตำหนักเขาค้อ” แล้ว นักท่องเที่ยวซึ่งมีเวลาว่างเหลือเฟือจนไม่รู้ว่าจะไปทำกิจกรรมอะไรที่ไหนต่อดี หรืออาจจะอยากได้ชื่อว่ามาเที่ยวพระตำหนักเขาค้อแบบครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ก็สามารถเลือกกิจกรรมเดินทรหดพิชิต “ยอดเขาย่า” ได้ โดยทางขึ้นยอดเขาย่าจะอยู่ติดกับ “ร้านค้าสวัสดิการ” ของพระตำหนักเขาค้อ ระยะทางจากร้านค้าสวัสดิการจนถึงยอดเขาประมาณ 700 เมตรใช้เวลาในการเดินประมาณ 45 นาที – 1 ชม. เส้นทางเดินขึ้นสู่ยอดเขาย่าเป็นเส้นทางซึ่งค่อนข้างสูงชันนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทรหดพิชิตยอดเขาย่าจึงควรมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง บนยอดเขาย่านี้เป็นจุดชมทิวทัศน์ของพระตำหนักเขาค้อในมุมสูง อยู่เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,305 เมตร เมื่อมองจากยอดเขาย่าลงมาทางด้านล่างจะเห็นแนวเทือกเขาอันสลับซับซ้อนของ อ.เขาค้อ และเห็นอาคารพระตำหนักเขาค้อซึ่งเรียงตัวเป็นรูปครึ่งทรงกลมดูสวยงาม บริเวณยอดเขาย่านี้ยังมีศาลาที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีเคยเสด็จขึ้นไปประทับเพื่อทอดพระเนตรทิวทัศน์โดยรอบ อ.เขาค้อตั้งอยู่ด้วย ปัจจุบันศาลาดังกล่าวข้างต้นอยู่ในสภาพทรุดโทรม สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดซึ่งเดินทรหดพิชิตยอดเขาย่าได้สำเร็จสามารถติดต่อขอซื้อประกาศนียบัตรรับรองการขึ้นยอดเขาย่าได้ที่ร้านค้าสวัสดิการ ค่าใช้จ่ายใบละ 20 บาท
เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวแห่งสำคัญต่าง ๆภายในเขตพระตำหนักเขาค้ออยู่ห่างกันไม่มากนัก นักท่องเที่ยวจึงสามารถใช้เวลาในการเยี่ยมชมจนครบทุกสถานที่ได้ในระยะเวลาไม่เกิน ½ – 1 วัน
|
Swan Plant ดอกไม้ซึ่งหาชมได้ยาก (ภาพที่ 2 ,3 จากซ้าย) และดอกแดงสยาม (ภาพขวาสุด) |
|
ไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวหลากหลายสายพันธุ์รวมกันอยู่ในสวนด้านหน้าพระตำหนักเขาค้อ |
การเดินทาง : รถยนต์ส่วนบุคคล จากตัว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ให้ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 มุ่งหน้าไปทาง อ.หล่มสัก เมื่อถึงสามแยกนางั่วให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2258 ผ่านตลาดพืชผลทางการเกษตรไปจนถึงสี่แยกรื่นฤดี ให้ขับรถตรงผ่านสี่แยกไปอีกประมาณ 1 กม.กว่า ๆจะพบทางแยกซ้ายมือขึ้นสู่พระตำหนักเขาค้อ ทางขึ้นพระตำหนักค่อนข้างสูงชันควรใช้รถยนต์ซึ่งมีกำลังดีขับขึ้น รถโดยสารประจำทาง นั่งรถสายเพชรบูรณ์ – เขาค้อ ไปลงบริเวณสี่แยกรื่นฤดีแล้วให้รอโบกรถที่จะขึ้นไปยังพระตำหนักเขาค้อต่อ (วิธีนี้ค่อนข้างลำบาก แนะนำให้เหมารถสองแถวเที่ยวรอบเขาค้อราคาประมาณวันละ 1,000 – 1,500 บาทจะสะดวกกว่า)
ฤดูท่องเที่ยว : กลางเดือน มิ.ย. – ต้นเดือน ก.พ. จะเป็นช่วงที่มีหมอกบนเขาค้อมากสามารถชมทิวทัศน์ทะเลหมอกได้สวยงาม กรณีที่ฝนตกต้องขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง (จริง ๆแล้วสามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี แต่ในช่วงฤดูร้อนทัศนียภาพจะไม่สวยงามเท่ากับช่วงอื่น ๆครับ) หากต้องการชมดอกไม้ช่วงปลายเดือน ธ.ค. - ต้นเดือน ก.พ.จะเป็นช่วงที่สวยงามที่สุด
โทรศัพท์ติดต่อพระตำหนักเขาค้อ : (056) 722 – 011 หรือ (056) 721 – 700
หมายเหตุ : ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมเก็บข้อมูลพระตำหนักเขาค้อ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อ ธ.ค. 2552
ขอขอบคุณ : ข้อมูลพระตำหนักเขาค้อบางส่วนจากหนังสือ “เที่ยวทั่วไทยไปกับนายรอบรู้” จ.เพชรบูรณ์ ของสำนักพิมพ์สารคดี
This lovely and affordable 100% down comforter is made with impeccable quality and durabilty. Wrap yourself in this comforter that is truly a dream to sleep with. You will surely relax and enjoy the rich, soft and luxurious feeling of 100% down.