"Someday you'll know"
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
3 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
"อุดมการณ์เป็นสิ่งสมมติ แต่ชีวิตมนุษย์เป็นของจริง"

...

ท่านอานันทไมตรี พระมหาเถระผู้เป็นนักปราชญ์ของศรีลังการูปหนึ่ง
ได้เขียนนิทาน "พุทธปรัชญา" เอาไว้ในชื่อว่า
"หากพระพุทธเจ้าเสด็จกลับมาในวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น" สาระสำคัญมีอยู่ว่า

ณ ประเทศศรีลังกา วันหนึ่งมีสมณะรูปหนึ่งเดินไปตามท้องถนน
ด้วยบุคลิกภาพแสนธรรมดา ไม่มีท่วงทีกิริยาใดน่าสนใจเป็นพิเศษ
เมื่อท่านเดินทางไปถึงวัดแห่งหนึ่ง ทายกทายิกาและพระภิกษุในวัดนั้นกำลังตั้งวงถกกันด้วยเรื่องการเมือง
ทันทีที่พวกเขาเห็นสมณะรูปนั้นก็ถามกันอื้ออึงขึ้นมาว่า

"ท่านสังกัดพรรคการเมืองใด"
พระพุทธองค์ตรัสว่า "เรามิได้สังกัดพรรคการเมือง"

ทายกทายิกาและพระภิกษุกลุ่มนั้นมองดูพระองค์จากหัวจรดเท้าด้วยสายตาปนสังเวช
ที่สมณะรูปนั้น "ช่างเป็นคนไม่มีสังกัด" เอาเสียเลย แล้วพวกเขาก็เอ่ยขึ้นมา
"ถ้าเช่นนั้นก็เชิญไปพักที่วัดอื่นก็แล้วกัน ที่วัดนี้ไม่ต้อนรับคนที่ไม่มีสังกัดดอก"

พระพุทธองค์ทรงพระดำเนินต่อไปและต้องพบกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ต่อมาพระพุทธองค์ทรงพบกับ อุบาสกชาวบ้านธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
เขาสังเกตเห็นพระบุคลิกภาพอันสงบงามของพระองค์แล้วเกิดศรัทธา
จึงเข้าไปชวนพูดคุย เมื่อทราบว่าพระพุทธองค์ไม่ได้รับการต้อนรับจากใครเลย เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า

"ผมสงสัยจังเลยว่า พระอย่างพระคุณท่านไม่น่าจะเป็นพระของยุคนี้ (ซึ่งต้องมีสังกัดและมีพรรคการเมืองที่ชมชอบ)
ถ้าเช่นนั้นท่านคงจะเป็นพระในแบบโบราณ เอ่อ -- ขอโทษนะครับ ท่านอายุเท่าไหร่ครับ"

พระพุทธองค์ทรงตอบด้วยน้ำเสียงปกติว่า
"หากนับจากวันเกิดจนมาถึงวันนี้ เราก็คงมีอายประมาณ 2,500 ปีเศษแล้วละ"

พลันที่ได้ยินคำตอบ อุบาสกคนนั้นรู้ขึ้นมาทันทีว่า
พระองค์ต้องเป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน เขาเอ่ยขึ้นว่า
"โอ้ - - ดูเอาเถิด แม้พระองค์จะทรงเป็นถึงพระพุทธเจ้า
แต่เมื่อพระองค์เสด็จมาจริง ๆ แล้ว กลับไม่มีใครสนใจพระองค์เลย..."

นิทานพุทธปรัชญาของท่านอานันทไมตรีจบลงเพียงแค่นี้
พร้อมกับที่ท่านสรุปว่า
"นี่คือสภาพการณ์ของพระพุทธศาสนาศรีลังกาในปัจจุบัน"

ในทัศนะของผู้เขียน สภาพการณ์ของพระพุทธศาสนาศรีลังกาในยุคนั้น
ซึ่งทั้งพระสงฆ์และคฤหัสถ์หมกหมุ่นเรื่องการเมืองกันมาก
(จนทำให้พระสงฆ์ศรีลังกาลงเล่นการเมืองได้ เป็น ส.ส.ในสภาได้
และเคยพกอาวุธไปยิงนักการเมืองเสียชีวิตมาแล้ว)
ทัศนคติเช่นนี้ ทำให้ประชาชนหลงลืมแก่นแท้แห่ง "ความเป็นมนุษย์" ไป
อย่างสิ้นเชิง พวกเขาลืมสัจธรรมพื้นฐานไปว่า

"แท้จริงแล้ว เราทุกคนล้วนเป็นมนุษยชาติ เราคือคนชาติเดียวกันทั้งหมด
ที่ต่างรักตัวกลัวตายเสียดายชีวิต เช่นเดียวกันทุกรูปทุกนาม
แต่เพื่อ "พรรค" และ "นักการเมือง" ที่พวกเขาเพิ่งสร้างขึ้นมา
ทำให้พวกเขาหลงลืมสัจธรรมพื้นฐานที่ว่า
"อุดมการณ์เป็นสิ่งสมมติ แต่ชีวิตมนุษย์เป็นของจริง" กันไปเสียหมด
และด้วยความยึดติดถือมั่นในอุดมการณ์ ซึ่งเป็นเพียงอุปาทานหมู่
จึงทำให้พวกเขาประเมินคุณค่าของมนุษย์จากสิ่งที่เราแต่ละคน "สังกัด"
มากกว่าจะประเมินจากความเป็นมนุษย์จริง ๆ ด้วยการหลงเทิดทูนในสิ่งสมมติเช่นนี้เอง
ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองในศรีลังกาอย่างยืดเยื้อยาวนาน คนในชาติเดียวกัน (ทมิฬและสิงหล)
ต้องลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากันเองไม่จบสิ้น ทั้ง ๆ ที่พวกเขาได้ผ่านยุคสงครามล่าอาณานิคมอันเจ็บปวดมาแล้ว
แต่ทุกวันนี้ พวกเขากลับสร้างสงครามระหว่างคนศรีลังกาด้วยกันเองขึ้นมาใหม่
แล้วด้วยสงครามที่ต้องการ "ปกป้อง" อุดมการณ์ของแต่ละคนนั่นเอง
ประชาชนผู้บริสุทธิ์ชาวศรีลังกาจึงต้องมาสังเวยชีวิตด้วยระเบิด,ลูกปืน แทบทุกวัน"

จากศรีลังกาย้อนกลับมามองสังคมไทย ทำให้ได้บทสรุปว่ามีสภาพไม่แตกต่างกันเลย
คนไทยในเวลานี้ทั้งพระและทั้งโยมกำลังพากันเทิดทูนสิ่งสมมติ
ซึ่งเพิ่งสร้าง กันขึ้นมาไม่กี่ปีอย่าง "พรรค" และ "นักการเมือง"
รวมทั้งสีเสื้อทั้งสี "แดง" และสี "เหลือง" ซึ่งเพิ่งอุปโลกน์กันขึ้นมาเมื่อวานนี้ด้วยซ้ำ

ทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนไทยด้วยกันมาหลายร้อยปี เรามีความเป็นพี่น้องกันมาอย่างเหนียวแน่น
เราเคยได้ชื่อว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม เพราะมองไปทางไหนเราคนไทยต่างก็รู้สึกว่าเป็นญาติกันทั้งสิ้น
ยิ่งในหลวงของเรานั้น เรายิ่งรักเทิดทูนพระองค์ท่าน
เราเคารพรักพระองค์ดังหนึ่งพระองค์ท่านทรงเป็น "พ่อหลวง" ของคนทั้งแผ่นดิน
เมื่อวันที่พ่อป่วย คนทั้งแผ่นดินดูเหมือนจะป่วยไปกับท่านเหมือนกันทั้งหมด
แต่บัดนี้...เราคนไทยจำนวนมากกว่าครึ่งค่อนประเทศดูเหมือนว่า
กำลังหลงลืมสัจธรรมพื้นฐานเหล่านี้เสียหมดแล้ว
เราหลงลืมไปแล้วว่า

เราเป็นมนุษยชาติก่อนเป็นคนไทย

เราเป็นคนไทยก่อนเป็นคนที่สังกัดพรรคและนักการเมือง

เราสวมเสื้อได้สารพัดสี ก่อนที่เราจะจำกัดตัวเองลงมาอย่างคับแคบเหลือเพียงสีแดงกับสีเหลือง

เราเคยเป็นพี่น้องร่วมชาติเดียวกันทั้งประเทศ เพราะเรามีพ่อหลวงคนเดียวกัน

แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่บัดนี้สัจธรรมพื้นฐานเหล่านี้กำลังถูกหลงลืม ถูกมองข้าม
ความเป็นคนไทยธรรมดา ๆ กำลังกลายเป็นเรื่องไม่มีความหมาย
เราต่างเป็นคนไทยที่มี "สังกัด" กันทั้งสิ้น
เมื่อลืมสัจธรรมพื้นฐานอันทำให้เราเคยอยู่ร่วมกันมาอย่างสันติสุข
เรากลับมายกย่อง "สิ่งสมมติ" ที่เพิ่งสร้างใหม่เมื่อไม่นานอย่าง "พรรค" และ "นักการเมือง"
รวมทั้ง "เสื้อเหลืองเสื้อแดง" ว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
ถึงขนาดที่ต้องปกป้องกันด้วย "เลือดเนื้อและชีวิต"

ไม่น่าเชื่อว่า อุดมการณ์ซึ่งเป็นเพียงสิ่งสมมติ
จะมีค่ายิ่งกว่าชีวิตมนุษย์ซึ่งเป็นของจริง
อุดมการณ์นั้นจับต้องไม่ได้ เป็นเพียงสภาพนามธรรมในจิตใจ
แต่คนเป็น ๆ ที่ต้องมาตายเพื่อสังเวยอุดมการณ์นั้น
เป็นคนจริง ๆ มีพ่อแม่พี่น้องจริง ๆ มีเลือดเนื้อและจิตวิญญาณจริง ๆ

"ในเวลานี้ ในเมืองไทยของเราเคยมีใครตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตคนจริง ๆ
ซึ่งถูกระเบิดตายเป็นรายวันเพื่อสังเวยสิ่งสมมติที่ชื่ออุดมการณ์กันบ้าง"

จากคอลัมน์ : Answer Key หนังสือ Secret






Create Date : 03 สิงหาคม 2554
Last Update : 3 สิงหาคม 2554 13:48:41 น. 0 comments
Counter : 963 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

...วนา...
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"Trust Yourself
Trust Your Feeling
Listen To Your Heart"
Friends' blogs
[Add ...วนา...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.