ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 133.37 จุด ขานรับปธ.เฟดเชื่อมั่นศก.สหรัฐ








ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (24 ส.ค.) ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่รีบเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,790.35 จุด เพิ่มขึ้น 133.37 จุด หรือ +0.52% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,874.69 จุด เพิ่มขึ้น 17.71 จุด หรือ +0.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,945.98 จุด เพิ่มขึ้น 67.52 จุด หรือ +0.86%

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.5% ดัชนี S&P เพิ่มขึ้น 0.9% และ Nasdaq พุ่ง 1.7% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

ภาวะการซื้อขายได้รับแรงหนุนหลังจากที่ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมยืนยันว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้า

นายพาวเวลระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ว่า เขาคาดว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฟดมองหาจุดสมดุลในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไป

"ตามที่รายงานการประชุมของเฟดระบุไว้ ถ้าหากว่ารายได้และการจ้างงานยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างค่อยเป็นค่อยไปถือว่ามีความเหมาะสม" ประธานเฟดกล่าว

นายพาวเวลยังได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และคาดว่าเฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อ โดยเขาระบุว่า เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ขณะที่การจ้างงานอยู่ในระดับสูง

นายพาวเวลคาดการณ์ว่า การใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของภาคครัวเรือน ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ การสร้างงานในระดับสูง รายได้ที่เพิ่มขึ้น และการที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่สดใสต่อไป

เนื้อหาในสุนทรพจน์ของนายพาวเวลส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงการดำเนินการของเฟดในช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้นในทศวรรษ 1970 ซึ่งเฟดได้เรียนรู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อและอัตราว่างงานจะอยู่ในระดับที่เหมาะสม

อย่างไรก็ดี ในการกล่าวสุนทรพจน์วานนี้ นายพาวเวลไม่ได้ระบุถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยปธน.ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาไม่ปลื้มต่อการที่นายพาวเวลปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเขาจะวิพากษ์วิจารณ์เฟดต่อไป หากเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งนับตั้งแต่ที่นายทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว เทียบกับที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา

นอกจากนี้ เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ รวมทั้งมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐ และทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ามากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ปธน.ทรัมป์ให้ความสนใจ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเปิดฉากทำสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้าในระยะนี้
ทางด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้

"ดิฉันได้ปรับตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวเป็น 2.75-3% สำหรับปีนี้ ดิฉันคิดว่านโยบายการคลังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในแง่ของการเพิ่มอุปสงค์" นางเมสเตอร์กล่าว
นอกจากนี้ นางเมสเตอร์ยังระบุว่า แผนการของเฟดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นสิ่งที่มีความเหมาะสม
ส่วนนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เขาไม่ต้องการให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้

"ถ้าเป็นผม ผมจะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย และจะปรับนโยบายตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับ โดยผมยังไม่เห็นแรงกดดันจากเงินเฟ้อ ผมจึงไม่คิดว่านี่เป็นสถานการณ์ที่เราต้องดำเนินการล่วงหน้า" นายบูลลาร์ดกล่าว

ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ ตลอดจนการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายมีขึ้น หลังจากที่เมื่อวันก่อน เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันกรรมการเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมา สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

รายงานการประชุมของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการเฟดพร้อมที่จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม

ขณะเดียวกัน นักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจมากนักต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งทำเนียบขาวระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนเป็นเวลา 2 วันได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยไม่มีความคืบหน้าที่สำคัญใดๆ

"เราได้เสร็จสิ้นการหารือ 2 วันกับเจ้าหน้าที่จีน โดยมีการแลกเปลี่ยนมุมมองในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีความเป็นธรรม, สมดุล และมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน" นางลินเซย์ วอลเตอร์ส โฆษกทำเนียบขาว กล่าว

นางวอลเตอร์สกล่าวเสริมว่า ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้หารือกันเกี่ยวกับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และนโยบายถ่ายโอนเทคโนโลยี

บรรดานักลงทุนและนักวิเคราะห์มองว่า ถ้อยแถลงของนายพาวเวล รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยหนุนตลาด

โดยนักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า ใจความสำคัญที่ได้จากถ้อยแถลงของนายพาวเวลคือ ประเด็นที่ว่าเฟดจะยังคงท่าทีระมัดระวังในการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะยังคงให้ความสำคัญกับการพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อประกอบการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยวานนี้นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.7% ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อเครื่องบิน

อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 7.2% ในเดือนก.ค.
หุ้นออโต้เดสก์ ทะยานกว่า 15% หลังบริษัทรายงานผลกำไรและรายได้ดีเกินคาด
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่ง 5.8% หลังโบรกปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จาก "ถือ"
หุ้นแก๊ป ร่วง 8.6% โดยถึงแม้บริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าเผยกำไรและยอดขายดีเกินคาด แต่ยอดขายสาขาเดิมยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หุ้นเอชพี ลดลง 2% หลังบริษัทรายงายรายได้ที่สร้างความผิดหวังให้กับตลาด แม้ผลกำไรจะออกมาสูงกว่าคาดการณ์ก็ตาม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก RYT9



Create Date : 27 สิงหาคม 2561
Last Update : 27 สิงหาคม 2561 10:10:07 น.
Counter : 267 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 4673538
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



WORLD FOREX ประเทศไทย คือผู้ให้บริการด้านการลงทุนออนไลน์ที่มีมายาวนานกว่า 10 ปี
All Blog