ฝันที่เป็นจริง รัสเซีย 2


วันนี้มาต่อตาม ตอนแล้วพร่ำมากไปยังไม่ถึงรัสเซียเลย

เดินทางคราวนี้ 7 วันโดยการนำของบริษัทวันเดอร์ฟูล เวิลด์ไวด์จำกัด
คนแก่อย่างเราๆท่านๆไปกะทัวร์น่ะดีแล้ว ผู้ติดตามอย่างเราต้องเสียเงินเอง 85,000 บาท แพงหน่อย แต่เราก็โอเค สายการบินไทยไปถึงมอสโคว์ และบินภายในประเทศ ไปเซนต์ปีเตอรเบิร์ก

ดูรายการไม่ได้ย้ายเมืองและที่พักมากนักค่อยดีหน่อย เพราะเรื่องย้ายเมืองและที่พักนี่งานหนักพอควร

อ่ะไปซะที ขออภัยภาพที่ออกมาก็คงไม่พ้นที่คนอื่นไปๆกัน แต่อย่างที่บอก อากาศเย็นลมแรง และฟ้ามืดครึ้มแทบทุกวัน มีแดดออกอยู่วันเดียว
และวันสุดท้ายที่กลับมีหิมะตกปรอย ๆ ตลอดทั้งที่เซนต์ฯ และมาถึงมอสโคว์


ผู้อุปการะคุณที่ให้ได้ไปครั้งนี้




ที่เห็น คือสามีอิฉัน และท่านนายกเทศบาลนครพิษณุโลก ค่ะ

รัสเซียในความคิดเห็นอิฉัน คือเค้าช่างแสดงตัวตนของตนเองพอสมควร เช่นภาษาที่ใช้ และเงินตรา ที่ชอบใจมากสำหรับชาวไทยอย่างเราๆ คือไม่ต้อง ใช้วีซ่า เข้าประเทศ อันนี้ต้องยกความดีให้รัฐบาลของทั้ง 2 ฝ่าย ที่คุยกันเป็นภาษาเดียวกันได้ แปลว่าอยากไปเมื่อไรก็ซื้อตั๋วไปได้เลย การเข้าประเทศก็ดูง่าย ไม่เรื่องมาก 55555 ......โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ที่หัวหน้าทัวร์จัดหาไปให้ อีนี้ชอบ...


สนามบินนานาชาติ โดโมเดโดโว กรุงมอสโคว์





แน่นอนที่สุดการชมเมืองครั้งนี้ไม่พ้น พระราชวัง วัดวาอารามโบสถ์เก่า และพิพิธภัณฑ์ เรื่อง shopping งานนี้ต้องอาศัยความไว เท่านั้น เราน่ะชอบ นอกจากไม่เสียเงินแล้วยังไม่ต้องเอามาเก็บรกบ้านอีก บางอย่างซื้อมาจากที่เที่ยวอื่นๆ ยังไม่ได้แกะห่อเลย เฮ้อ...ยกเว้นว่าเป็นของฝาก

เรื่องของฝากนี่ก็พอรอดตัวไปได้แล้ว เกษียณแล้วก็ไม่ต้องคอยตอบคำถามว่า ไปเที่ยวกลับมาแล้วสนุกไหม .... เพราะพอเราตอบแล้ว ก็ต้องมีของฝากติดมือให้เพื่อนฝูง เหมือนเป็นประเพณี.....




เมืองโบราณ ซาร์กรอส ที่อยู่ห่างมอสโคว์ประมาณ 70 ไมล์ เราก็จินตนาการว่าเออ อยู่กรุงเทพฯ แล้วไปเที่ยวอยุธยา
ดูซิความมืดครึ้มของอากาศ ยืนยันว่ามาฤดูกาล Winter
ถือว่ามีบุญที่ได้มาเคารพศพของนักบุญเชอร์เจียส ผู้ก่อตั้งเมือง

บ่าย ๆ ก็กลับเข้าเมืองมอสโคว์ไปเยี่ยมชมจัตุรัสแดง อันกว้างใหญ่ ได้เดินย่ำทับถม รอยเท้าของ คน ไม่รู้กี่ล้านคน ที่เคยมา






วันที่สอง เราจะเข้าเยี่ยมชม พระราชวังเครมลิน และอาณาบริเวณอันยิ่งใหญ่ ขอแทรก ข้อมูลที่เคยอ่านก่อนไป เกี่ยวกับมอสโคว์เล็กน้อย....

ปี ค.ศ. 1147 ณ ที่หมู่บ้านภูเขา 7 ยอด เจ้าชาย ยูริ โดลการูคิน ซึ่งเป็นต้นตระกูลของราชวงศ์ รัสเซีย โดยได้สร้างเมืองขึ้นบนเนินเขาริมแม่น้ำมอสโคว์ โดยใช้ชื่อว่า “มอสโคว์” โดยได้มีการสร้างป้อมปราการต่าง ๆ มากมายเพื่อไว้ต้านข้าศึกผู้รุกราน ป้อมปราการเหล่านี้เองที่ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของพระราชวัง “เครมลิน” ที่มีชื่อเสียงและกลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวรัสเซียก็ว่าได้

คำว่า “เครมลิน” นั้น มีความหมายว่า “ปราการ” อาณาจักรรัสเซียได้ขยายออกกว้างใหญ่ขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลงานของบรรดาเจ้าผู้ครองนครมอสโคว์ทั้งสิ้น

จนกระทั่งถูกกองทัพมองโกเลียของเจงกีสข่านอันเกรียงไกรบุกเข้าตีและยึดเอาอาณาจักรรัสเซียได้ทั้งหมด จึงถือว่าเป็นการเสียดินแดนครั้งแรกของรัสเซีย ทำให้รัสเซียต้องส่งเครื่องบรรณาการให้แก่มองโกเลียเป็นประจำ

จนกระทั่งถึงสมัยพระเจ้าอีวานที่ 3 แห่งรัสเซีย ได้ประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับมองโกเลีย ทำให้รัสเซียได้เป็นอิสระอีกครั้งและได้ตั้งเป็นอาณาจักรโรมันและได้สถาปนากรุง มอสโคว์เป็นราชธานี หลังจากนั้นอาณาจักรรัสเซียก็ได้ถูกปกครองภายใต้ระบบซาร์แห่งราชวงศ์โรมานอฟ


เดี๋ยวจะเบื่อเกินไปนะคะ ดูภาพฝีมือป้า ปะปนกับท้องฟ้าอันมืดครึ้มต่อไป ใครอยากดูภาพสวย ต้องไปดูผู้ที่ไป ฤดู Spring







วิหารเซนต์บาซิล ได้ถูกสร้างขึ้นโดยพระราชบัญชาของซาร์ อีวาน จอมโหด ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1555 – 1561 เพื่อใช้เป็นวิหารสวดมนต์บูชาแม่พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นการเฉลิมฉลองการที่สามารถยึดครองแคว้นคาซานมาเป็นเมืองขึ้นได้สำเร็จ

ผู้สร้างวิหารนี้คือ สถาปนิก Postnik และ Barma โดยหลังจากที่วิหารแห่งนี้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระเจ้าซาร์อีวานจอมโหดได้ทรงมีรับสั่งถามสถาปนิกทั้งสองว่า สามารถสร้างวิหารที่สวยงามกว่านี้ได้อีกหรือไม่ สถาปนิกทั้งสองตอบว่า สามารถทำได้ พระเจ้าอีวานผู้โหดร้ายจึงมีคำสั่งให้ควักลูกตาของสถาปนิกทั้งสองนี้ทิ้งเสีย เพื่อไม่ให้ไปสร้างผลงานอื่นที่สวยงามกว่านี้ได้อีก

เหนื่อยไหมคะ ชักเหนื่อย แต่บ่าย แก่ ๆก็พากันไปชื่นชม สถานี รถไฟใต้ดิน อันนี้ดิฉันละ ทึ่งมาก ๆๆๆ มหัศจรรย์ความสวยงาม กับการใช้งาน มาอยู่ด้วยกันลงตัวที่สุดเลย อยากไปเที่ยวเองเลยเชียว จะขึ้นๆลงๆ เพื่อพักดูสถานนีต่าง ๆ ให้สมกับที่สวยมาก





หมดวันแล้วค่ะ ขอพักเหนื่อย ไปเล่นเกมก่อนนะคะ อิอิ
ดูภาพนี้ ส่งท้าย ตอน 2 อย่าคิดว่าอิฉันเพิ่งไปให้ยา มาน้า....มันหนาว แม้ว่าจะอยู่ในสถานีรถไฟ อิฉันก็ขี้เกียจถอดหมวก ค้า







Create Date : 18 เมษายน 2552
Last Update : 18 เมษายน 2552 11:11:21 น.
Counter : 884 Pageviews.

4 comment
ฝันเป็นจริงที่รัสเซีย 1
อยากไปรัสเซียมานาน ..............
ใกล้ชิดกับรัสเซียโดยการได้รับข่าวสาร แรกๆเลยน่าจะเป็นการจัดกีฬาโอลิมปิก

เมื่อสักประมาณ 1980 ที่ Moscow ซึ่งสหรัฐอเมริกาไม่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ เนื่องจากกรณีที่สหภาพโซเวียตส่งกองกำลังบุกรุกอัฟกานิสถาน ญี่ปุ่นและเยอรมันตะวันตกก็เป็นอีก 2 ประเทศจากทั้งหมด 63 ประเทศที่บอยคอตสหภาพโซเวียต ในปีนั้นจึงมีเพียง 81 ประเทศจากทั่วโลกที่เข้าร่วมการแข่งขัน และในปีนั้นสหภาพโซเวียตครองเหรียญทองมากที่สุด

รัสเซียเป็นประเทศโด่งดังเกี่ยวกับเรื่องการเมืองมากมาย และที่น่าตื่นตาตื่นใจคือเรื่องเกี่ยวกับกษัตริย์ที่มากด้วยอำนาจ

ได้อ่านงานของสุวรรณี สุคนธา เรื่องว้อดกากับคาเวียร์

อ่า .....ต่อมาได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการเป็นมิตรประเทศระหว่างเจ้านายทั้งของรัสเซียและของไทย

ที่น่าติดตามแบบระทึกคือไทยมีสะใภ้หลวงเป็นชาวรัสเซีย หม่อมแคทยา ที่เราอ่านเรื่องราว แบบซาบซ่านใจเหลือเกิน

โอ้!!! แค่บทนำก็ง่วงซะแล้ว..........

เมื่อปี 48 เพื่อนที่ทำงานพร่ำบอกว่าจะจัดไปรัสเซีย เราบอกว่าฉันจอง 2 ที่ และก็นานนนนน...มาก.......มัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ได้ข่าวอีกที มันจัดแบบคนเต็มพิกัด แล้วเราเพิ่งรู้ เกือบฆ่ามัน!!! ฉันเลยอกหัก

เมื่อต้นเดือนกพ. ฉันได้ข่าวว่าเทศบาลนครจะจัดไปศึกษาดูงาน ฉันรีบบอก คุณตาว่า งานนี้เป็นไงเป็นกัน ยายต้องขอไปด้วยให้ได้ (ปกติจะไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกัน ฮา....อิสระชนค่ะ)

เดินทาง ไปช่วง 29 มีค.- 4เม.ย 52 เหมือน ๆอากาศจะดี นะ แต่ ขอบอก......ว่าหนาวสุดๆ มี 4 ฤดู ใน 7 วันคือ ฝนตก แดดออก ลมแรง และหิมะตก
จบ ตอนที่ 1 ก่อนดีไหม ดูซิ แก่แล้วก็อย่างนี้แหละ ทำไรนิดหน่อยก็เหนื่อย เหอๆๆๆ


เอาภาพนี้ไปดูก่อนละกันค่ะ







Create Date : 17 เมษายน 2552
Last Update : 17 เมษายน 2552 14:54:53 น.
Counter : 439 Pageviews.

2 comment
หญิงโบไปฮ่องกง
พอนึกอยากอัพบล็อก ก็มาเริ่มย่อรูป แต่นึกว่าจะลำดับเรื่องไหนก่อนดีก็เลือกเรื่องสดๆที่สุด ฮา.....

เพิ่งกลับจากเปิดโลกใหม่เมื่อวันที่ 23 มค. 52 ที่ผ่านมา รีบเร่งหน่อยเดี๋ยวเรื่องจะเหี่ยวซะก่อน (เป็นเจ้าของบล็อกเลย)

เสร็จจากกิจการปิดเล่มงานวิจัยล่าสุด ก็พ่วงเพื่อนๆรุ่นน้องและนักศึกษาปริญญาโท เค้าไปดูงานกัน ที่มาเก๊า ฮ่องกง และเซินเจิ้น ระหว่าง 19-22 มค 52

นึกๆก็ขำเล็กๆ ว่า เมืองเหล่านี้ ใครๆเค้าไปกันแล้วกันอีกจนปานประหนึ่งว่าเป็นจังหวัดหนึ่งของเมืองไทย แต่ดิฉันไม่เคยไปเลย เพราะนัยว่าที่ใครๆเค้าไปกันเพื่อไปกิน ช็อป จะบอกว่าฉันไม่ชอบช็อป....ไม่รู้จริงหรือเปล่า..คือเป็นคนแบบมีเป้าหมายดีกว่า ว่าจะซื้ออะไร แล้วก็มุ่งดิ่งไปซื้อๆๆๆ แต่ไม่ชอบแบบเดินเรื่อยๆ เดี๋ยวเจอดีก็ซื้อ เนื่องจากไม่ค่อยชอบเดินชนคน เอ๊ะ รู้สึกจะไม่ชอบหลายอย่าง แล้วไปทำไมหว่า

ก็น้องๆ เค้าก็รู้ว่าชอบเที่ยว เค้าชวนก็เอาก็เอา ......


ไปกะทัวร์ แล้วทัวร์ก็พาตื่นเต้น ขึ้นแอร์เอเชีย....สายการบินที่ใครๆก็ไปได้...อะไรแบบนี่แหละ อาจจำคำผิดพลาด 555สนุกจริงๆค่ะพี่น้อง ...ขอเล่าเรื่องเครื่องบินก่อน เพราะชื่อเรื่องก็บอก ดิฉันน่ะโบร๊านนนโบราน เพิ่งใช้บริการสายการบินนี้เป็นครั้งแรกอีก

ก่อนขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่ที่แสนดีก็อนุญาตคนแก่ก่อน (คือเดินเป็นคนแรกๆ) แต่ว่า อ้ายพวกเด็กหนุ่มสาว chinese ตามมามันก็วิ่งแซงขึ้นหน้า แค่นี้เราก็ขำละ ธ่อเอ๊ยยยย ตกลงพวกมันก็เป็นคนแรก เออช่างมัน.... ขาไปคนไม่เยอะ แต่ขากลับสิคุณเอ๊ยย.......ใกล้เทศกาลตรุษจีน ตอนเข้าแถวจะขึ้นเครื่องขำสุด เจ้าหน้าที่ บอกว่า one line ซ้ำ หลายเที่ยว แต่เราดูแล้วมัน four lines ก๊ากกกกเจ้าหน้าที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ขณะนั้นก็เกิดการชุลมุน ฝรั่งคิวหน้าเรามัวหันมาคุยกะลูกโดนเบียดตก line แล้วหกล้มหกลุก น่าสงสารจริงๆ

คนเค้าก็มาเที่ยวบ้านเรา รถไฟชั้น 3 บ้านเราไงงั้นเลยดีว่านั่งกลั้นอกกลั้นใจแค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ทดลองซื้อกาแฟกะน้ำกิน 2 อย่างละ 40 บาท อืมม์...อ่ะนะ เอาเตอะเรามันผิดเองกาแฟพอว่า แต่น้ำนี้สิ ทำใจไม่ค่อยได้ แต่ว่าคุณขา...พอไปเมืองอื่นๆก็แพงพอกันแหละ


วันแรกโปรแกรมมาเก๊า








ข้างบนน่ะธูปนะคะ สวยมากชอบๆ แต่ระวังหล่นใส่หัว
ส่วนข้างล่างนี้เป็นรายการในฮ่องกง เราขึ้นเรือออกจากมาเก๊ามาที่ฮ่องกง เอ๊อ......ลืมเล่าว่ากลางคืนที่มาเก๊า ไปเสียค่าบำรุงท้องที่ที่บ่อนมาเก๊ามา 100 เหรียญฮ่องกง ได้คำตอบว่า เครื่องเล่นที่นี่ไม่แฟร์เลย ที่ลาสเวกัสแฟร์กว่า






ใครว่างๆช่วยนับห้องในตึกข้างบนให้ด้วย เฮ้อ.... อย่างเรา ๆคนบ้านนอกนี่นั่งหมองไปเลย ถ้าต้องอยู่ตึกแบบนี้
ส่วนข้างล่างนี่คือห้องพัก ดูซิคะ กว้างเท่าหมอน เล็กกว่าโซฟาบ้านฉานนนซะอีก




ข้างล่างนี้ไปลูบฟันสิงโตตัวผู้ ไกด์เค้าหลอก เอ๊ย!! บอกว่าสามีจะกลัว กลับมาก็เห็นจะกัดเหมือนเก่า



เจ้าแม่กวนอิมโดนเรากวนใจ...เจ้าแม่กวนอิมเจ้าข้าขอให้ข้าพเจ้าได้หลานน้อยมาเชยชมสัก 3 คน 3 บ้านเถิ๊ดดดดดแล้วข้าพเจ้าจะกลับมาถวายสร้อยไข่มุก




นี่คืออาหารในรายการทัวร์ 8 มื้อ ไม่อ้วนเอาเท่าไร



แล้วเราก็นั่งรถโค้ชไปจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อดูงานโรงเรียนประถม


โรงเรียนประถมแห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนภาษาอังกฤษ เพื่อสนองตอบต่อสังคมเมือง ที่เป็นเมืองเศรษฐกิจโลกไปแล้ว ชาวต่างชาติมาตั้งรกราก สร้างโรงงานผลิตสินค้าส่งออกไปต่างประเทศมากมาย

เมื่อบ่ายคล้อยออกจากโรงเรียนก็มีโอกาสเข้าไปเที่ยวใน...จะเรียกอะไรดี คงไม่ใช่สวนสนุก แต่เป็นสถานที่ก่อสร้างขึ้นมาเพื่อเปิดโลก เรียกว่า WINDOW WORLD จำลองสถานที่สำคัญ ๆของโลกมาไว้ที่นี่ บางแห่งจะยิ่งใหญ่เทียบเทียมของจริง เหมือนเมืองโบรานบ้านเราที่สมุทรปราการ
บางแห่งก็ทำขนาดเมืองจำลองที่พัทยา ที่ทางกว้างขวางใหญ่โตดีเหมือนกัน พอค่ำก็จะมีโชว์กลางแจ้ง





สวนสวยแบบปารีส น้ำตกไนแองกาลาก็ดูดี





พอได้เวลาทุ่มครึ่งก็มาเข้าที่นั่งเป็นอัฒจันทร์แบบคล้ายๆ ดูน้ำพุดนตรีที่สิงคโปร์ ลูกโลกมหึมา เปิดออกเป็นฉาก ใหญ่โอฬาร อันนี้ต้องตีมือให้แรงๆ
แต่การแสดง หยิบเอาเรื่องทางตะวันตกมาแสดงส่วนใหญ่โน้มเอียงไปทางจินตลีลา โชว์ความอลังการ คนเล่นเป็นร้อย เช่นเรื่อง TROY ฮ่ะๆๆ ขึ้นบทนำที่จอแบบปูเรื่องให้คนดูรู้เรื่อง แต่ขอโทษ เป็นภาษาจีนค่ะดิฉันไม่รู้เรื่องหรอก เผอิญเคยมีประสบการณ์ดูหนังบ้าง อ่านหนังสือบ้างเลยพอเดาเรื่องราวออก เฮ้อ ใครจะไปดูต้องทำการบ้านเยอะหน่อยนาค้า



วันรุ่งขึ้นเป็นรายการช็อป ทั้งวันก่อนกลับ ดิฉันนั่งรอสาวๆหนุ่มเค้าช็อปกันเลยเป็นคนเฝ้าของให้ ขอทานจีนมาเวียนขอเงินหลายรอบอยู่ แบบคนเดิมแหละ แล้วเหมือนจะพากันมามากขึ้น บอกว่าให้ไปแล้วๆก็ฟังไม่รู้เรื่องกัน ลูกศิษย์ผู้เก่งภาษาอังกฤษ ทนไม่ไหวพูดดังๆว่า NEXT เออ!!!เวรอีกตู จะรู้เรื่องกันไหม

คงพอละค่ะ มีภาพมาก แต่การอัพบล็อกติดขัดพอสมควร ดูได้จากเวลาการสร้างเวียนไปมาตั้งแต่ก่อนเที่ยง จนแขกเข้ามาเยี่ยมเยียนได้ 4 ท่านเพิ่งเสร็จ สิ้น

คุณ nLatte คะ ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ สนุกดีไม่งั้นไม่ได้ประสบการณ์นะ
ขากลับนะคะ ตี๋น้อยที่นั่งเก้าอี้หน้าร้องตลอดเส้นทาง หมวยแถวหลังเม้าท์ตลอด และเอาเท้านวดหลังเก้าอี้ดิฉันเป็นระยะๆ เห็นม่ะ ไม่ไป ไม่รู้



Create Date : 30 มกราคม 2552
Last Update : 30 มกราคม 2552 17:17:10 น.
Counter : 1017 Pageviews.

6 comment
Cambodia:Seminar Trips

เห็นชื่อเรื่องแล้วขัดๆกับชื่อบล็อคนะ แต่เนื่องจากว่าคิดถึงบล็อคนี้มาก ไม่เคยมาอัพเดทเลย และเพราะไปกัมพูชาครั้งนี้ไปกึ่งๆสัมมนา แต่มาฟังดูว่าเรื่องเป็นไงมาไง.........ถึงเป็นคนละเรื่องเดียวกันได้

วันหนึ่งค่อนต้นเดือน สิงหาคม 49 คณบดี มีน้ำใจมาสอบถามว่า พี่ยังไม่เคยไปเขมร ใช่ไหม... สนใจไปกับกลุ่ม สภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทยหรือเปล่า

ฟังดูโก้มากเลย...รีบรับคำทันที เพราะ ประการแรก อยากไปมาก เนื่องจาก เขมร จะเป็นประเทศสุดท้าย ที่เราจะได้ไปครบรอบขอบประเทศไทย หรืออาจจะเรียกว่า เกือบจะครบแถบสุวรรณภูมิแล้ว

ประการที่สอง คือจะได้นั่งเครื่องบินไป เพราะ สโมสรอาจารย์ เคยจัดไปเขมร เมื่อปีที่แล้ว โดยรถยนต์ เราได้ปลงสังขารของเราแล้วว่า คงไม่สามารถมีความสุขได้เนื่องจากเป็นโรคแพ้ การนั่งรถ ที่ทรหด อดนอน

ประการที่สาม เมื่อดูรายการแล้ว ดีใจมาก จะได้มีโอกาส ไปกับกลุ่มอาจารย์ของครุศาสตร์ จุฬา ฯ ที่เคยถวายงานรับใช้ สมเด็จพระเทพรัตนฯ เกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของวิทยาลัยกำปงเฌอเตียล ซึ่งเป็นโรงเรียน มัธยม ศึกษา ที่ท่านสร้างให้กับชาวกัมพูชา

ประการที่สี่ นี่สำคัญ และสบายใจมาก คือไปโดยใช้ทุนส่วนตัว (แต่เป็นราคาพิเศษ ที่ผู้ประสานงานได้บอกดังนั้น14,800 บาท รวมทั้งค่า ทำวีซ่า อีก 1,000 บาท)

ประการที่ห้า (ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไร) แต่ก็เป็นปลื้ม คือจะได้ไปเห็นสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เพิ่งเปิดได้ ไม่ถึง ครึ่งเดือน


10 ตค 49 ไปกับบางกอกแอร์เวยส์ เมื่อถึงสนามบินเสียมเรียบ (ฮือๆๆๆฟังชื่อแล้วเสียวๆไหม....... ไกด์จินดากระมิดกระเมี้ยนบอกแบบเกรงใจมากว่า เสียม คือไทย เรียบหมายถึงมอบราบกับเขมร ยุคเมื่อหลายพันปีมาแล้ว)

เมื่อเดินทางถึงก็เริ่ม ศึกษาดูงาน ที่ขาดไม่ได้
คือ ปราสาทบันทายสรี ปราสาทหินสีชมพูที่งามนักหนา
แม้แต่แท่นทางเดินยังปรากฏลวดลายที่ชัดเจนสวยงามมาก (เสียดายฝนตกเล็กน้อย ถ่ายรูปไม่ค่อยสวย)

บ่ายๆหลังอาหารกลางวันเราก็ไปที่ นครธม อลังการจริงๆ เดินๆไปก็มีหน้าคนมาคอยมองเรา ปานประหนึ่งว่า ฮะแอ้ม!!อย่ามาทำอะไรนะ เราเห็นท่านอยู่

บ่ายแก่ๆเราถึงได้มาที่ นครวัด เพราะเริ่มมีแดด และก็ร้อนสิท่าน แล้วน่อง ขาแก่ๆ ก็เริ่มอ่อนล้า แต่ก็ยังได้ศึกษา ประมาณ70 % ของพื้นที่ภายใน

ผนังภายในดูได้ไม่ค่อยชัดเจนเพราะ แสงสลัวๆ แต่ก็น่าดูมาก ปราสาทองศ์กลางสูงมาก หลายๆคนขึ้น และลง กัน เรานั่งลุ้น อ่ะ...ไม่เป็นไร วาสนาไม่มี กลัวว่าตกหกคะเมนลงมาจะเดือดร้อนเพื่อนร่วมเดินทาง ยอม...ฉันยอม...

มาดูรูปคั่นก่อนดีกว่า


Cool Slideshows


วันรุ่งขึ้น เราไปดูงานที่วิทยาลัยครู ในเสียมเรียบ เห็นแล้วน่าสงสารมาก ไม่ต้องพูดถึงอาคารสถานที่นะคะ ผู้เรียนที่มาเรียนครูน่ะ ดูแล้วเด็กมัธยมระดับตำบลของบ้านเรายังหน้าตา แจ่มใส ร่าเริง ดูดีกว่ามาก

ซึ่งต่างกับนักเรียนที่วิทยาลัยกำปงเฌอเตียล ที่สมเด็จพระเทพรัตนฯของเราได้ไปสร้างไว้ให้ ที่จังหวัดกำปงธม (ประวัติ ระบุว่าเหตุที่ไปสร้างที่นี่เพราะเป็นใจกลางประเทศกัมพูชา แต่อีกนัยหนึ่งคือ ดินแดนนี้เป็นเขมรแดงมาก่อน จึงเป็นการปฏิบัตการทางจิตวิทยาอย่างหนึ่ง)

ตอนบ่ายเราเดินทางด้วยรถยนต์โยกเยก....เอ๊ย...ไปครึ่งวัน ที่จังหวัดกำปงธม ก่อนเข้าที่พักในโรงเรียน ( สวยงาม ประหนึ่งมาพักที่รีสอร์ท ) มีนักเรียนมาต้อนรับ พาไปชมปราสาทสมโบร์กุก ซึ่งเก่าแก่มากกว่านครธม นครวัดเสียอีก แต่หนทางกันดาร ผู้คนมาเยี่ยมเยือนไม่ถึง

นักเรียนที่นี่คือระดับมัธยม มีทั้งสายสามัญ และมีต่อสายอาชีวะด้วย หน้าตาสะอาดสะอ้าน คือได้รับการพัฒนาทั้ง อาคารสถานที่ และนักเรียนด้วย

นักเรียนมาประกบพวกเราเป็นคู่ๆ พากันเดินชมปราสาท และได้สนทนากันเป็นภาษาอังกฤษ บางคน บอกว่าอยากเป็นครู บางคนได้รับคัดเลือกไปเรียนครูทางราชภัฏภาคอีสานของเรา บางคนบอกอยากมาเรียนที่เมืองไทย บางรายน่าสงสาร บอกว่ากำพร้าทั้งพ่อและแม่



เช้าวันรุ่งขึ้น เราได้เยี่ยมชม อาคารเรียน ศึกษาห้องเรียนต่างๆ และได้แลกเปลี่ยนสนทนา กับครู และนักเรียน ทุกคนดีใจ ที่พวกเราไปเยี่ยม เห็นห้องเรียนและ สิ่งอำนวยความสะดวก หลายอย่าง ก็อดคิดถึงโรงเรียนในเมืองไทย หลายๆโรง ที่ยังขาดแคลน

อีกอย่างคือทีมอาจารย์จากครุศาสตร์จุฬาฯ หลายท่าน ที่ไปช่วยงานที่นี่ หลายปีที่ผ่านมา และยังไปให้ความร่วมมือหลายๆภารกิจ ติดต่อกันอยู่ โดยสัญญา ที่กัมพูชาต้องช่วยเหลือตนเองได้แล้ว ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว

เกือบเที่ยงเราเดินทางเข้าพนมเปญ เยี่ยมสถานทูตไทย ท่านทูต ฯ ให้เกียรติ ต้อนรับพวกเราอย่างดี และเมื่อถึงเวลาอันควรก็ลากลับ เดินทางกลับเมืองไทย
อย่างสวัสดิภาพ

ดูรูปส่งท้ายนะจ๊ะ



Cool Slideshows






Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2550 11:25:21 น.
Counter : 442 Pageviews.

6 comment
หลวงพระบางที่รัก 2
เช้าตื่นขึ้นมา อากาศสบาย ๆ แอบชะโงกหน้าดูที่หน้าต่างห้องพัก เห็นภาพที่อยากเห็นมานาน



ทานอาหารเช้าแล้วไปเดิน หน้าโรงแรม รอรถมารับ
นี่คือที่พักของเรา


โปรแกรมของเราวันนี้จะไป ลงเรือล่อง (หรือ ขึ้น ฟ่ะ นึกไม่ออก) ชมทิวทัศน์ สองฝั่งโขง เพื่อไปชมถ้ำ ชื่อ ติ่ง
ขำดี คิดถึงลูกสาว คนที่อยู่อเมริกา เพราะเป็น second nickname ของเธอ (อ่านเจอ แล้วอย่าโวยวาย นะ dear)
เรื่องลงเรือเพื่อชมฝั่งน้ำนี่ไม่รู้เป็นอะไร ชอบมาก เหมือนมีเวลา ทำใจให้ล่องลอย คิดถึงบุญคุณของแม่พระคงคา ที่ทำให้มนุษย์ มีที่พึ่ง ใช้อาบ กิน ทำประโยชน์สารพัด
แล้วยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ มนุษย์ กอบโกยผลประโยชน์ กับแม่น้ำมากมาย ทั้งโลกนี่ เราไม่ทราบว่า เค้ามี วันขอบคุณ แม่พระคงคาเหมือนเราๆ ไหม แต่ฉันอยากขอบคุณ ส่งจิตกตัญญู รู้คุณ ทุกวัน ทุกคืน
สังเกตไหม ไปเที่ยว ที่ไหน ๆ ใครๆ ก็จัดกิจกรรมลงเรือ



นี่อีกภาพ



ถ้ำติ่ง



เป็นถ้ำบนหน้าผาริมโขง ประวัติบอกว่าเคยมีพระพุทธรูป ทอง เงิน นาก ปัจจุบัน เหลือแต่พระพุทธรูปไม้ ฮือๆๆ ไม่รู้จะบอกประวัติ ทำไม ให้ดีใจ หรือเศร้าใจเนี่ย
พักรับประทานอาหารกลางวัน แล้วเดินทางไปขึ้นฝั่ง ที่ หมู่บ้านช่างไห คือหมู่บ้านต้มเหล้า นั่นเอง และก็มีผ้า ผ้าไหม ผ้าปัก ผ้าพันคอ ผ้าปูโต๊ะ ผ้าถุง อ่านแล้ว ทำให้เห็นว่าเยอะไหม

ช่วงบ่าย โหด มัน ฮา อีกแล้วท่าน เราต้องนั่งรถ ระยะทาง 30 กิโลเมตร (ขอย้ำ) แต่ต้องใช้เวลาที่ไม่อยากจำ แต่ก็อ่ะนะ อยากเห็นช้างเผือกสวยงาม ต้องมานะอดทน แล้วก็สมใจ

สวยไหมล่ะ น้ำตกตาดกวางสี



ฝรั่งลงอาบกันสนุกสนาน



ขอบอกว่า น้ำตกนี่ต้องคู่กับไก่ย่าง และส้มตำ เสมอ ไม่ว่าจะไปต่างบ้าน แต่ก็ต้องบอกอีกว่า กินส้มตำลาวไม่ได้เลย ใส่กะปิค่ะ

ไม่รู้เอาใจคนไทยรึเปล่า แต่พอจะเลือกเอาปู ปลาร้า ต้องถอดใจเพราะ มิกล้า ฮ่ะ ไก่ย่างน่ะค่อย แก้ไขเหตุการณ์ ได้หน่อย


เช้ามืดวันที่สุดท้าย ของทริปนี้ เราก็เตรียม เครื่อง ย้ำว่าเครื่องค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่โรงแรมทำหน้า เหมือนจะร้องไห้ ทุกครั้ง ที่ป้า ๆ ทั้งหลาย บอกว่า ฝากของ ไว้ก่อนนะ เดี๋ยวมาเอา

ของน่ะภาษาของลาว หมายถึงอวัยวะ เพศ ผู้หญิง


วู้ ....ไม่บอก ไม่รู้เจง ๆ
แล้วนี่เลยค่ะ กิจกรรม หลัก ตักบาตร ยามเช้า ที่หลวงพระบาง


จากนั้นไปเยี่ยมชม พระราชวังหลวง เป็นประทับของเจ้ามหาชีวิตลาว ประมาณปี 2447 โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เป็นผู้ออกแบบ
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ มีหอ ประดิษฐาน พระบาง พระพุทธรูปทองคำแท้ หนัก 54 กิโลกรัม เป็นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวลาว เป็นที่มาของชื่อเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเดิม ชื่อเมือง ซวา เชียงตง เชียงทอง และหลวงพระบาง ตามลำดับ




ภายในบริเวณเดียวกัน มีโรงละคร อยากดูจัง แต่ไม่มีโปรแกรม และต้องกลับบ่ายนี้แล้ว



พระราชวังหายไปไหน ไม่ได้ ๆต้องโชว์ภาพสวย



และก่อนบ่าย ที่จะเดินทางกลับ เราไปกินเฝอ ของหลวงพระบาง ชามใหญ่มาก หลายพันอยู่

สบายดี นะจ๊ะ หลวงพระบางที่รัก คงมีโอกาส มาเยือน อีก หวังว่าเธอจะเติบโต อย่างสง่างาม





Create Date : 13 พฤษภาคม 2549
Last Update : 13 พฤษภาคม 2549 12:31:22 น.
Counter : 616 Pageviews.

2 comment
1  2  3  

วันจัน
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อดีต ครูระดับประถมศึกษา 12 ปี ข้ามขั้นมาเป็นครูระดับอุดมศึกษา 29 ปี ปัจจุบัน เป็นผู้เกษียณ อายุราชการ ปีที่11

งานหลัก เป็นผู้อำนวยการดูแลแม่อายุ 90 ปี(ปัจจุบัน2560เสียชีวิตแล้ว)
งานรอง เล่นเกม เล่นกับสัตว์เลี้ยง เดินดูต้นไม้ อ่าน เขียน ทำงานบ้าน ดูหนัง ไปให้คนอื่นนวดตัว ไปนั่งเล่นร้านกาแฟลูกชาย นัดเพื่อนเก่า/ลูกศิษย์เก่ากินข้าว ดูแลสวนกล้วยและต้นไม้อื่นๆตามใจที่อยากปลูก ทำอาหารและช่วยเหลือตนเองได้ในระดับ 9เต็ม10
งาน พิเศษ ช่วยดูแลหลานชายและหลานสาว(ตามที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนที่บ้านเขา)
ผลงานดีเด่น มีสามี1 คน และลูกชาย 1 คน ลูกสาว 2 คน
และหลานชาย 2 คน หลานสาว 2คน

สถานะล่าสุด ปี2561 😍😍ชีวิตเลือกได้
เนื่องจากไม่มีภาระใดๆมาให้ต้องห่วงหา ยกเว้นต้องห่วงตัวเองให้มากที่สุด เพราะปีนี้ ขึ้นหลักกิโลเมตรที่70 แล้ว