Please.....draw me a sheep

ประสบการณ์พาลูกชายไปรับรองบุตรที่สถานทูตสหรัฐ

เมื่อวันก่อนเรามีโอกาสได้ไปรับรองบุตรที่สถานทูตสหรัฐจึงอยากมาแบ่งปันเผื่อจะมีใครได้ประโยชน์จากประสบการณ์นี้บ้าง

เราแต่งงานกับสามีชาวอเมริกันได้ 5 ปีแล้วมีลูกชาย 1 คน อายุ 1 ขวบ 4 เดือน จดทะเบียนสมรสที่ประเทศไทยอาศัยอยู่ประเทศไทยนับตั้งแต่แต่งงานดังนั้นลูกจึงมีสูติบัตรไทยที่มีชื่อพ่อเรียบร้อย

เนื่องจากปีหน้ามีกำหนดจะไปเยี่ยมคุณย่าจึงต้องจัดการเรื่องหนังสือเดินทางของลูก ไม่ได้ทำก่อนหน้านี้เพราะลูกยังเล็กยังไม่สะดวก

ก่อนอื่นเราเริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลในเว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐซึ่งบอกรายละเอียดเอาไว้ทุกอย่างมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จึงรู้ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร เริ่มที่เตรียมเอกสารสิ่งที่เราให้ไปคือ

1.สูติบัตรตัวจริง (ภาษาไทย) และฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ

2.ทะเบียนสมรส (ภาษาไทย) และฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ

*ที่เว็บไซต์สถานทูตมีรายชื่อบริษัทรับแปลเอกสารเอาให้ซึ่งแปลว่าถ้าแปลเอกสารที่บริษัทเหล่านี้จะไม่มีปัญหา เพราะจะมีตราประทับถ้าแปลเองอาจต้องมีการตรวจ อาจไม่ผ่าน ของเราส่งไฟล์ไปทางเน็ตรับเอกสารทางไปรษณีย์ ไม่ต้องเดินทาง แค่ 2-3 วันก็ได้รับ-- แปลแล้วไม่ต้องนำไปรับรองที่กระทรวงต่างประเทศนะคะ ไม่จำเป็น ค่าแปลเอกสารก็ประมาณ หน้าละ500 (แพงมหาโหด)**

3. หนังสือเดินทางของพ่อและแม่

4. Transcript ของพ่อ – อันนี้เพื่อเป็นการยืนยันว่า ชาวอเมริกันคนนี้เคยอยู่ในประเทศอเมริกาติดต่อกันอย่างน้อย5 ปี

5. License ประกอบวิชาชีพของพ่อ เพื่อเป็นการยืนยันเช่นเดียวกับข้อ 4

6. แบบฟอร์ม DS-2029 โหลดได้ในเว็บไซต์ของสถานทูต อันนี้ควรให้คุณพ่อกรอกเพราะมีรายละเอียดเยอะแยะเกี่ยวกับตัวคุณพ่อ เช่น อยู่ที่อเมริกาช่วงไหน คศ.อะไรเกิดที่ไหน ฯลฯ

7. แบบฟอร์ม DS-11 สำหรับขอหนังสือเดินทางให้ลูก

8. รูปถ่ายทำหนังสือเดินทางของลูกขนาด 2นิ้ว 2 รูป

ทางสถานทูตขอเอกสารไปเท่านี้จริง ๆ ทั้งที่เราเตรียมไปหลายอย่างแล้วก็ไม่ต้องถ่ายสำเนาไปนะคะ เขาเอาไปถ่ายแล้วก็คืนตัวจริงมาให้เราหมด

ค่าธรรมเนียม 205 เหรียญ ประมาณ 6พันบาทนิด ๆ

เช้าเราก็ปลุกลูกไปแต่เช้าซึ่งถ้าไม่ไปไหนหรือวันอาทิตย์ พี่แกจะตื่นเช้ามากตีห้าครึ่งแต่วันที่มีธุระจะนอนอ้อยอิ่งไม่ยอมตื่น ขับรถกันไปสถานทูต จอดรถที่อาคารสินธรนั่งกินอาหารเช้า ถึงเวลานัด 8.30 ก็ข้ามสะพานลอยไปที่สถานทูตคนมาต่อคิวขอวีซ่ากันแถวยาวพอสมควร เราไม่ต้องต่อ เพราะเข้าที่ช่อง citizenservice ตรงนี้เราเคืองนะ มีการแบ่งชนชั้นกันด้วย แถมมีความรู้สึกว่าบริการสามีเราดีจริง ๆ ไม่เหมือนคนที่ไปขอวีซ่า แหม ถ้าไม่มีสามีมาจากที่นี่ไม่เคยคิดอยากจะง้อขอไปเที่ยวประเทศนี้เลยสักนิด จริงนะ

เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่บอกว่าให้กรอกแบบฟอร์มขอ social security number เลย ก็กรอกเพิ่มอีกแบบฟอร์ม จ่ายเงิน รอเขาตรวจเอกสาร ประมาณเกือบ 2ชั่วโมง นานนะ ไม่รู้เป็นเพราะสามีเอาหนังสือเดินทางไปเพิ่มหน้าด้วยหรือเปล่าแต่ไม่น่าจะใช่ น้องคนที่ให้บริการบอกว่าต้องให้เจ้านายตรวจเคสว่าผ่านไหมดีที่ให้เราไปนั่งในห้องเล็กมีแต่เรา 3 คน ไม่งั้นไอ้ตัวเล็กเดินวุ่นแน่

เกือบ 2ชั่วโมงก็มีคนที่น่าจะเป็นเจ้านายเดินออกมา คุยเรื่องอเมริกันฟุตบอลกับสามีนานมากแล้วค่อยถามเราว่าเจอกันยังไง แต่งงานกี่ปี เราทำงานอะไร ถามนิดหน่อยเขาบอกว่าเห็นหน้าไอ้ตัวเล็กก็รู้ว่าลูกเรา หน้าพ่อนิด แม่หน่อย แล้วก็บอกว่าเอกสารไม่มีปัญหา อีก 2-3 อาทิตย์จะส่งอีเมลบอกว่าได้หนังสือเดินทางกับใบรับรองแล้ว ให้ไปรับ แล้วอีก 5-6อาทิตย์จะได้เอกสาร social security number ส่งไปให้ที่บ้าน เพราะเอกสารตัวนี้ต้องส่งไปทำที่มะนิลา วันที่ไปมีพ่อแม่พาลูกมาทำแบบนี้ 2 รายพร้อม ๆ กับเรา เอามาตอนยังแบเบาะเรานึกว่าก็ดีเหมือนกันเนอะ ไม่ซน ของเรานี่ เดินวุ่น เพราะต้องรอนานเด็กก็ต้องมีเบื่อ โทรศัพท์ก็ไม่มีให้เล่น

หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ กับ post นี้

ปล. พ่อมันกลับมาบ้านรีบลง FB ว่าลูกชายเขาเป็นอเมริกันแล้วนะ แล้วยังไงจ๊ะ อยู่ที่เมืองไทยยังไงลูกฉันก็ต้องซึมซับเป็นคนไทย แอบไปวัดบ่อย ๆในวันธรรมดากับแม่เวลาที่พ่อไปทำงาน ยังไงก็ต้องเป็นคนพุทธ อันนี้เป็นความคิดลึก ๆที่เรามีในหัวนะ ไม่เคยได้คุยกัน เราอยากให้ลูกมีนิสัยบางอย่างเหมือนคนไทยและนับถือพุทธแต่ปากก็ต้องพูดว่ายังไงก็ได้จ้ะ ที่รัก---เป็นเมียฝรั่งรายละเอียดมันเยอะพอสมควรค่ะ




Create Date : 15 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2555 14:32:34 น. 0 comments
Counter : 1179 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Crazy Victoria
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...บางวันก็เหงา บางวันก็มีชีวิตสุดวุ่นวาย....
เลยอยากพักสมอง ขีดเขียน ระบายอารมณ์ ถึงเรื่องที่สนใจ แบ่งปันเรื่องราว ความรู้สึก ถึงกันและกัน......

[Add Crazy Victoria's blog to your web]