Group Blog
 
All blogs
 
สื่อบันเทิงกับสังคมบัจจุบัน

สื่อบันเทิงกับสังคมบัจจุบัน

สวัสดีครับ ปกติแล้วผมไม่ค่อยเขียนบทความอะไรที่มีสาระแบบนี้เท่าไหร่หรอกนะครับ ปกติผมก็บ้าๆอยู่กับนิยายแฟนตาซีแต่งเสร้จอัพขึ้นเน็ต มีคนอ่านบ้างไม่มีบ้าง แค่มีคนอ่านก็ดีใจแล้ว และก้คิดแบบเดียวกับบทความนี้นะครับ
ก่อนที่ผมจะเริ่มบ่น หรือระบาย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ผู้อ่านจะเข้าใจและเรียกมัน ผมขอออกตัวไว้ก่อนเลยนะครับว่ผมค่อนข้างมีปัญหาด้านการสะกดคำ แม้ว่าจะเรียนอยู่ปีสามแล้วก็ตาม ซึ่งมันเป็นเรื่องให้ผมโดนุณแม่บ่นมาตลอด อิอิ เอาละครับ เรามาเริ่มประเด็นกันดีกว่า

อย่างที่ผมจั่วหัวข้อไว้ คือสื่อบันเทิงกับสังคมบัจจุบันนะครับ ข้อแรกที่ตัวผมเองต้องยอมรับคือ บทความนี้เกิดขึ้นเพราะข่าว GTA นั้นแหละ และหลายๆเรื่องที่มันสุมอยู่นานแล้ว แต่ที่ผมอยากจะเขียนนี้แหละ มันไม่ใช่แค่นั้น ผมจะพูดถึงเรื่องต่างที่เกี่ยวข้องด้วยทั้งหมด เท่าที่ความสามารถของผมจะเอื้ออำนวยนะครับ

สื่อโทรทัศน์
ในที่นี้ผมจะขอรวมทั้งละคร การ์ตูน ข่าว รายการเกมต่างๆ ทุกอย่างที่ปรากฏออกมาบนจอทีวีเท่าที่ผมจะสามารถนึกออก โดยประเด็นนั้นผมก็คงเริ่มที่เนื้อหาคล้ายๆกันกับกรณี GTA แต่จริงมันก้เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนแล้วในสังคมไทย เพียงแต่ว่ามันอาจจะมีต้นเหตุมาจากสิ่งที่นำไปขายเป็นข่าวไม่ได้ หรือขายได้แต่ไม่อยากทำ รวมทั้งเรื่องต่างๆที่ครอบครัวควรจะทราบไว้
อย่างที่รู้นะครับ สื่อโทรทัศน์นั้นเป็นสื่อที่ถูกมากๆ จนอาจจะเรียกได้ว่าฟรีเลยก็ได้ เพราะอะไร เพราะแค่คุณมีเครื่องรับโทรทัศน์หนึ่งเครื่อง คุณจะสามารถเพลิดเพลินกับมันไปได้ทั้งวัน ตราบเท่าที่มันยังมีรายการที่คุณชอบอยู่ แล้วมันจะมาสร้างปัญหาอะไรกับสังคมละครับ
แน่นอน สิ่งที่มันสร้างปัญหากับสังคม ผมจะยกตัวอย่างจากสังคมเล็กๆไปจนถึงสังคมใหญ่ๆนะครับ โดยเริ่มจากสังคมที่เกิดขึ้นในบ้าน ก็คือครอบครัว ผลกระทบจากการมีโทรทัศน์ในบ้านหนึ่งเครื่องนั้นมีทั้งประโยชน์และข้อเสีย เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่ต้องมีสองด้านเสมอ ผมจะเริ่มกันที่ประโยชน์ก่อนข้อเสียนะครับ และจะทำแบบนี้กับทุกหัวข้อ
-ประโยชน์และโทษ(ต่อครอบครัว)
คุณพ่อ คุณแม่ ปู ย่า ตา ยาย และทุกคน สามารถใช้เจ้าสิ่งนี้เป้นสื่อสอนเด็กๆได้ เพราะแน่นอนมันก็มีรายการดีดีมากมายสำหรับเด็ก(แม้ว่าบางรายการจะอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักก็เถอะ -*- ) หลายครั้งคุณหาตัวอย่างที่จะใช้สอนลูกหลานไม่ได้ คุณอาจจะเจอมันโดยบัเอิญในบางรายการ อย่างเช่นว่า เกิดลูกของคุณอายุห้าขอบถามว่าเขาเกิดมาได้อย่างไร(อย่าดูถูกเด็กนะ เพราะผมเคยโดนน้องอายุห้าขวบถามแบบนี้มาแล้ว) แน่นอน อย่างที่เรารู้ๆกัน มันก้ต้องเริ่มจากชายหญิง...กันแล้วเกิดกระบวนการภายในร่างกายเพศหญิง แต่ผมก็ไมู้จะอธิบายให้น้องฟังยังไง ไปบอกน้าของผมซึ่งเป็นแม่แท้ๆของน้อง เขายังมึนตึ๊บ นั่งคิดกันอยู่ตั้งนาน แล้วก็โชคดีที่วันหนึ่งรายการสารคดีก็มีเรื่องของการกำเนิดมนุษย์มาออก แน่นอนครับ บ้านผมทั้งบ้านสรุปว่า นี้คือส่วนหนึ่งของวิชาเพศศึกษา ที่เด็กห้าขอบสามารถรู้ได้แต่คนบางคนมองว่าเด็กไม่ควรรู้ แน่นอนละกับเด็กห้าขอบคุณคงไม่ไปสอนให้เขาโอโบจามะกับผู้หญิงหรอกจริงมะ คุณก็บอกไปว่ากระบวนการภายในของหญิงและชายทำงานยังไง พอเขารู้ครับ แน่นอน เขาต้องถามว่าแล้วมันเข้าไปในตัวผู้หญิงยังไง เราไม่ต้องไปสรรหา AV มาเปิดโลกให้เด็กเข้าใจ แต่เราก็สามารถเลี่ยงการตอบมากมายสำหรับขั้นตอนนี้ได้ แต่อย่างน้อยเด็กก็จะรู้ว่าในร่างกายเรามีอะไรเกิดขึ้นบ้างก่อนที่จะมีชีวิตหนึ่งเกิดขึ้น ประโยชน์ข้อหนึ่งของทีวีก็จะมีด้วยประการฉะนี้แหละ แต่ทว่าเมื่อมีข้อดีอย่างที่ยกตัวอย่างมา ข้อเสียมันต้องมีแน่นอน เพราะฉะนั้น ผมขอยกกรณีเดียวกัน แต่ทว่า...
คุณลูกวัยห้าขวบอยากรู้เรื่องเดียวกัน แต่ทว่าคุณพ่อ แม่ ปู ยา ตา ยาย ทั้งหลายกรี๊ดกร๊าดกันว่าลูกอยากรู้เรื่องลามกละ??? แน่นอนครับ ความคิดแบบนี้ยังคงมีอยู่ในสังคมไทย กะอีแค่เด็กอยากรู้ว่าตัวเองเกิดมายังไง ทำไมผู้ใหญ่ต้องไปคิดเลยเถิดด้วย(ให้ตายซิ) คนกลุ่มนี้ก็จะต้องปิดกั้นแน่นอนครับ หรือถ้าหนักหน่อยก้อาจจะว่าเด็กกลับไปว่าไม่ควรถามหรืออะไรก้แล้วแต่ที่คุณๆทั้งหลายพอจะนึกออก ผมที่ตามมาละ แน่นอน เมื่อเด็กไม่รู้และอยู่ในวัยอยากรู้ เขาก็ต้องพยายามไปหาวิธีรู้ให้ได้ ถ้าเกิดเขาไปถามครูที่โรงเรียน แล้วโชคดีเจอครูดีมานั่งอธิบายก็ดีไป แต่ถ้าโชคร้ายไปเจอครูหื่นและดันเจือกเป็นเด็กผู้หญิงอีก ทีนี้ก็คงได้เรียนวิชาเพศศึกษากันเมามันแน่ๆ หรือเด็กพยายามจนสามารถรู้ได้ผ่านทางทีวี ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับปัจจุบัน ใครมาบอกว่าเด็กมันจะไปดูที่ไหน ผมก็จะถามคุณกลับไปว่า แล้วไอ้ละครที่คุณดูกันอยู่ทุกวันนี่ละ มันมีซักกี่เรื่องที่ไม่มีแกปลุกปล้ำกัน แล้วมีซักกี่เรื่องที่ปล้ำกันเสร็จแล้วไม่ท้อง ถ้าเด็กไปเห็นแค่นั้นละก็ เด็กก็จะรู้แค่ว่าผู้ชายผู้หญิงโอโบจามะกันเลยมีลูก แต่เรื่องระหว่างนั้นละ กระบวนการต่างๆที่เกิดขึ้นจนเด็กคลอด ปัญหาทางสังคมที่ตามมาและอีกมากมาย จะรู้กันได้ยังไง
-ประโยชน์และโทษ(ต่อสังคมภายนอก)
แน่นอนครับ ผมบอกแล้วว่าผมจะพูดจากสังคมเล็กๆไปจนถึงสังคมใหญ่ๆให้ครบทุกเรื่องเท่าที่นึกออก โดยยังคงเริ่มจากประโยชน์มากกว่า ประโยชน์ของสื่อทีวีที่มีต่อสังคมส่วนรวม ผมคงไม่มองไปไกลมากนัก เรามาเริ่มกันที่เรื่องใกล้ตัวอย่างบุหรี่ดีกว่า แน่นอนครับเมื่อก่อนใครสูบบุหรี่คงถูกมองว่าเท่ซะเหลือเกิน แต่เดียวนี้คนส่วนใหญ่จะมองคนสูบบุหรีว่า “เท่ตาย...เลยนะเมิง” และแม้แต่คนที่สูบบุหรี่เองหลายคนครับก็ไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นจุดเด่น(ด้านบวก) เพราะอะไรครับ เพราะสื่อแสดงให้เห็นถึงโทษของบุหรี่ที่มีต่อคนสูบเองและคนรอบข้าง รวมไปถึงข้อเสียของมัน ผมไม่เถียงว่าปัจจุบันยังมีคนสูบอยู่ ผมไม่เถียงว่าจนเดี๋ยวนี้ยังมีเกนักเรียนแอบสูบ แต่ว่าคนกลุ่มนี้ในปัจจุบันเขากลายเป็นจุดเด่น(ด้านบวก)รึป่าว หรือแม้แต่คนส่วนใหญ่ที่มีการศึกษา รู้ถึงผลของบุหรี่มองกลับไปยังไง หรอแม้กระทั้งสื่อส่งผลต่อสังคมภายนอกและให้ประโยชน์ยังไงอีก ผมจะยกตัวอย่างให้วัยรุ่นทั้งหลายได้เห็นกันง่ายๆกับกระแสเกาหลีฟีเวอร์ในไทยกันเลยละกัน(ได้ข่าวในจีกำลังจะมีกระแสไทยฟีเวอร์)
กระแสเกาหลีเกิดขึ้นได้เพราะอะไรครับ จนบัดนี้หลายคนก็ไม่อาจจะฟันธงลงไปได้ว่ามาจากเพลง ละคร หรืออะไรกันแน่ แต่การ์ตูนไม่ใช่แน่ละ เพราะอันนั้นญี่ปุ่นยังนำหน้าอยู่ อะ กลับมาเข้าเรื่อง ว่ามันมีประโยชน์ต่อสังคมยังไง แน่นอนครับ เราๆทั้งหลายที่ดุละครเกาหลีคงต้องคิดแน่ๆว่าผู้หญิงประเทศเขานั้นช่างเรียบร้อยเสียนี่กระไร ไม่มีการมากรี๊ดแข่งว่าหลอดเสียงใครดีกว่า หรือก็อาจจะคิดว่าสาวเกาหลีช่าวฉลาดล้ำลึกแม้แต่การแย่งผู้ชายยังอุตสาหะคิดแผนได้แยบยล ซึ่งนั้นแน่นอนครับ ว่าสื่อทีวีจากเกาหลีที่มาในรูปของละครส่งผลดีต่อสังคมเกาหลี ถ้าเรามองว่าประเทศเกาหลีเป็นหนึ่งครอบครัว ก้เท่ากับว่า เรามองว่าครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่ดี แต่พอเราหันกลับมาดูละครไทยละ แน่นอนครับว่าละครไทยทีดีมีประโยชน์ก้มากใช่ย่อย แต่... มันเคยถูกโปรโมทกันโครมครามกันซักกี่เรื่อง -*- แน่นอนครับ ส่วนใหญ่ที่เห้นๆก็มีกันแต่แย่งพระเอกด้วยวิธีโคตรแลาดเลย เพราะฉะนั้นผมขอบอกสูตรสำเร็จการได้ชายคนหนึ่งมาในครอบครองไว้ ณ ที่นี้ด้วยละกัน

ส่วนประกอบ
1.ผุ้ชายโง่ๆแต่รวย
2.หน้าที่มีความหนา ขอแนะนำขั้นต่ำครวจะหนาอย่างน้อยห้าเซ็นติเมตร
3.พลังแขนที่สุดยอด
4.มือที่หนาสามารถทนแรงรีแอ็คชั่นจากใบหน้าคู้กรณีได้
ส่วนประกอบเสริม
1.คู่กรณี(หญิงสาวผู้แสนใส่ซื่อ)
2.แก้วน้ำบนโต๊ะ

ขั้นตอน
1.หาเป้าหมาย ถ้าเป้าหมายมีแฟนแล้วแต่ยังอยากได้อยู่ให้เดินดุ่มๆเข้าไป
2.กระชากผู้หญิงที่เดินจูงมือกันอยู่ออกมา
3.ยกแขนขึ้นให้สุด ควรทำมุมกับพื้นประมาณ 45องศา แล้วเหวี่ยงฝ่ามือใส่หน้าเธอ
4.คุณเธอจะลงไปกองกับพื้น จากนั้นเราก็สารธยายว่าคุณเธอที่กองอยู่กับพื้นนั้นไม่ดียังไง ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริง เพราะคุณผู้ชายจะเชื่อเสมอ ไม่เชื่อลองไปดูซิ มีกี่เรื่องที่คุณพระเอกคิดได้ในทันที แม้ว่าให้คุณผู้หญิงผู้นั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ตาม
5.เข้าไปแทนที่นางผู้นั่งกองอยู่กับพื้น

ในเมื่อขั้นตอนนั้นแสนจะง่ายดายเช่นนี้ แล้วมีให้ดูกันอยู่ทุกวันหลังข่าว(มีกี่เรื่องที่อยู่หลังข่าวแล้วจรรโลง เอ้ย! จรรโรงใจบ้าง) แล้วเด็กมันจะไม่ไปตบแย้งผู้ชายกันได้ยังไง พอเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ๊ ร. ผู้โด่งดังก็จะออกมาบอกว่าละครไม่ดีอย่างนู้นไม่ดีอย่างนี้ ผมว่าว่างๆคุณลองเปลี่ยนบทบ้างดีไหม ว่าออกมาให้พ่อแม่ทั้งหลายมาสนใจลูกตัวเอง อย่าเอาแต่ทำงาน -*- (อะล้อเล่นนะเจ๊ ร. รักหรอกนะ ไม่มีเจ๊ละเบื่อตายเลย รักนะจุ๊บๆ “^^)
ปล. ลองทายดูซิเจ๊ ร. คือใคร
-สรุปหัวข้อสื่อทีวี
ปัญหาโดยรวมที่ผมพอจะรวบรวมได้ ก็คือ ครอบครัวในปัจจุบันนั้นพ่อแม่ต้องออกไปทำงาน คุณลูกก็อยู่บ้าน เมื่อเด็กไม่ได้ถูกสอนมาแต่เล็กๆโดยคุณพ่อคุณแม่ผู้รักและห่วงใย แต่ดันเป็นพี่เลี้ยงที่บางทีไม่ได้สนใจ หรือคนรับเลี้ยงที่ไม่มีเวลา พวกเขาเหล่านี้คงไม่มีเวลามานั่งสอนลูกคุณได้ทุกอย่างหรอกนะ(ถึงแม้คนเลี้ยงเด็กที่ดีจะมีอยู่ก็ตาม แต่เราจะหาเจอรึป่าวในสภาพสังคมปัจจุบัน) พ่อแม่ควรจะหยุดมองงานซะบ้างและหันมามองลูกๆของตัวเอง ถ้าเด็กได้รับการสั่งสอนมาแต่เล็ก พอโตขึ้นก็จะลดปัญหาต่างๆลงไป การที่เราจะเริ่มสอนและให้ความรักตั้งแต่ยังเล็กจะดีกว่าที่เราจะเอาแต่ส่งมอบสิ่งของและเงินให้อย่างเดียว เพราะปัญหาส่วนมากที่เราได้ยินกันในปัจจุบัน คือพ่อแม่ไม่มีเวลาให่ลูกตั้งแต่ยังเด็ก พอเด็กไม่มีพ่อแม่ สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นจะไปอยู่ด้วยก็คงไม่พ้นเพื่อน แล้วเพื่อนมันก็อายุเท่ากัน คงไม่มีใครช่วยอะไรกันได้ ถ้าไปเจอเพื่อนดีมันก็ดีไป ถ้าไปเจอเพื่อเลวพากันเลวก็... นะ มีพ่อแม่ซักกี่คู่ที่ยอมรับตัวเองไม่เคยให้เวลาลูกเลย ส่วนใหญ่ก็บอกว่าเพราะทีวีมันมีแต่รายการไม่ดี๊ ไม่ดี แหม... เราคุณเคยสอนลูกบ้างไหมละ หรือเอาแต่ทำงาน อ๊ะๆ ไม่ต้องมาอ้างนะว่าไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนไป ด สระแอ ก ไก่ ไม้ตรี ก็ลองหันซ้ายหันขวาซิเฟ้ย ร้านข้าวหน้าปากซอยมันขายข้าวจานสองร้อยรึงัยฟระ ซูเปอร์ของโลตัส บิ๊กซี คาร์ฟู ท๊อป มันไม่ได้ขายของราคาเดียวกับพารากอน เอ็มโพเรียม หรือเซ็นทรัลเวิล์ดนะเฟ้ย เพราะฉะนั้นหัดมานั่งสอนลูกบ้างว่ารายการทีวีไม่ใช่ทุกรายการที่ลูกรักจะดูได้ แล้วก็รายการทีวีนะ จัดเรทให้มันได้มาตราฐานกันหน่อย



สื่อวิดีทัศน์(สะกดถูกป่าวเนี้ย -”-)
อันนี้ขอรวม ทั้ง CD VCD DVD Blu-ray GAME(offline, online) HD-DVD ด้วยก็ได้นะ ถ้าทุกท่านต้องการ หรือจะเอา Laser Disc กะ VDO ด้วย ^^ ทุกอย่างที่บันทึกและแจกจ่ายจำหน่ายกันเลยนะครับ
แน่นอนครับเรื่องนี้เราคงได้เห็นกันบ่อยไม่แพ้หัวข้อที่แล้ว และที่สำคัญตอนนี้ยิ่งดังๆอยู่ก็ไอ้เรื่องเกมนี่แหละ ที่นี้เรามาดูกันแบบภาพรวมก่อนนะครับ ว่ามันเป็นยังไง แน่นอนครับ ว่าคนไทยส่วนหนึ่ง(ค่อนไปทางมากซะด้วย)ที่จะมองอะไรรวมๆและพื้นๆ อย่างที่เรารู้ๆกัน ก้ยกตัวอย่างง่ายๆว่า คนส่วนใหญ่ก็จะมองว่า สื่อพวกนี้มันมีที่ เหมาะสำหรับเด็กและไม่เหมาะสำหรับเด็ก เอาละครับแค่มองแค่นี้ก็แย่แล้ว ถ้าเมื่อซักสิบถึงยี่สิบปีก่อนมองแบบนี้อาจจะได้ แต่ปัจจุบันถ้าคุณมองแค่นี้ก็แย่แล้วครับ เราลองมาดูอะไรกันซักนิดนะ อย่าง DVD ที่เราๆท่านๆทั้งหลายซื้อกันอยู่ทุกวันนี้นะ บางคนซื้อกลับไปให้ลูกๆดู แค่มองว่าหน้าปกมันเป็นการ์ตูนก็สรุป ณ ตรงนั้นเลยว่าสำหรับเด็ก... บ้ารึป่าว -*- เหตุการณ์เช่นนี้หนักที่สุดที่ผมเคยเจอคือเปิด Animatrix ดูกันแล้วบอกว่าดูไม่รู้เรื่อง แหงละ ขนาดผู้ใหญ่บางคนดูไม่รู้เรื่อง แล้วเด็กมันจะรู้เรื่องไหม -”- ผมไม่ได้จะมานั่งวิจารณ์หนังนะครับ แต่หนังบางเรื่องใหู้ใหญ่ดูยังปวดกะบาล แล้วเด็กมันจะดูเรอะ อย่างเก่งเด็กก็อาจจะดูฉากแอ๊คชั่นแล้วไปเลียนแบบกระโดดลงมาจากหลังคาบ้านโดยคิดว่าจะบินได้ พอเด็กตกตุ๊บลงมาตายก็ไปว่าหนังว่าไม่ดี อ้าว! หนังซวย
-ประโยชน์และโทษ(ต่อครอบครัว)
ประโยชน์แน่นอนครับ แผ่นสารคดีคุณภาพมากมาย ถ้าคุณซื้อมาดองไว้ที่บ้าน คุณจะหยิบมาดูหรือใช้สอนเด็กเมื่อไหร่ก็ได้ ยิ่งตอนนี้แผ่นสารคดีคุณภาพจากต่างประเทศมีแปลไทยแถมถูกๆก็ออกมาตั้งเยอะ(จนผมเลือกไม่ถูกเลยว่าจะซื้ออันไหนมาดูก่อน) แผ่นพวกนี้ก็สามารถสอนอะไรให้กับคนในครอบครัวได้มากมาย รวมทั้งหนังละครที่ลงแผ่นทั้งหลายที่มีประโยชน์ แต่แน่นอนครับถ้าเกิดคุณเป็นพวกซื้อแหลกแล้ววางไว้ไม่ดูที่ดูทางก็อาจจะเกิดปัญหาได้ ถ้าคุณๆทั้งหลายชอบอ้างว่าไอ้มดแดงหลอกเด็กฉันใด ปีเตอร์แพนก็อาจจะทำให้ลูกคุณคิดว่าตัวเองเหาะได้ฉันนั้น แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกคุณก็อาจจะมาทะเลาะกันเองว่าทำไมถึงซื้อการ์ตูนแบบนี้มาให้ลูกดูแล้วก็จะกลายเป็นปัญหาครอบครัวชัวร์ๆ แต่ถ้าเรากลับมามองนิดนึงซิ ว่าพวกคุณทั้งหลายให้เวลากับเด็กซักนิด บอกว่าตัวละครในเรื่องนั้นเป็นยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนั้น คุณจะอ้างว่ามันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น หรือจะบอกเด็กไปเลยว่าเขาใช้เทคนิกนะ แบบนู้นแบบนี้ จะเป็นการป้องกันซะก่อนไหม
-ประโยชน์และโทษ(ต่อสังคมภายนอก)
เกมมากมายกำลังเล่นกันอย่างสนุก เหล่าเกมเมอร์กำลังรอภาคต่ออย่างตื่นเต้น แต่ทว่ามีไอ้บ้าตัวหนึ่งเล่นเกมนี้ภาคเก่าแล้วดันสะเออะไปเสียบคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เข้าให้ คนนอกที่ไม่รู้เรื่องก็ประโคมกันเข้าปาย~~~~~~ ว่า “เกมนี้มันไม่ดีนะเฟ้ย” เหล่าเกมเมอร์ก็ออกมาสวนกลับ “นั้นมันคนเดียวจากคนเป็นล้านที่เล่นนะเฟ้ย” คนกลางออกมาพูดบ้าง “ผมไม่เล่นเกมครับ ไม่รู้ว~~~~~” แล้วสุดท้ายมันจะคุยกันรู้เรื่องปะเนี่ย “-_-
ใจเย็นๆกันทุกฝ่ายก่อนนะครับ จากนั้นมาดูสาเหตุกันจิ๊ดนึงนะครับ(โว้ย) สาเหตุมันเริ่มจากอันใดบ้าง จากเดิมเริ่มต้นเลยดีกว่า แต่เดิมนั้นประเทศไทยมองเกมว่ายังไงครับ แน่นอนครับมองไม่ต่างกับการ์ตูนหรอกว่ามันเป็นเรื่องของเด็ก เหมาะกับเด็ก ลองให้เหตุการเดียวกันนี้ไปเกินกับการ์ตูนซิครับ ทุกอย่างก็จะจบที่ว่าการ์ตูนเดียวนี้ไม่ดีบ้างละ รุนแรงบ้างละ แต่ว่าที่ผมจะบอกคืออยากให้ทุกฝ่ายหันไปมอดูฝ่ายตัวเองก่อนดีไหมครับ เริ่มกันที่ฝ่ายสนับสนุนกันก่อนว่ามันมีดียังไง แน่นอนครับสื่อต่างๆจะแสดงให้เห้นว่าประเทศนั้นมีวัฒนธรรมยังไง มีข้อดีข้อเสียยังไง เราได้เห็นว่าบท เนื้อหา ลายเส้น ความสวยงามต่างๆ แน่นอนครับ เด็กยุคใหม่ที่โตมากับสื่อใหม่ๆนี้เราก้จะเห็นอะไรใหม่ๆซึ่งต้องยอมรับว่ามีทั้งดีและไม่ดีออกสู่สังคมนะครับ มามองดูทางฝ่ายค้านบ้าง แน่นอนครับทางฝ่ายค้านนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกผู้ใหญ่นะครับ แน่นอนว่าส่วนใหญ่ของผู้ใหญ่จะมองอะไรแค่ผิวเพิน และด้วยนิสัยทั่วไปของคนไทยก็นะ ใครเฮ้อะไรไปทางไหน ก็จะตามๆกันไปทางนั้นทันทีโดยไม่ได้ดูเลยว่ามันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ แล้วที่สำคัญทุกท่านที่ออกมาพูดนะ คุณรู้บ้างไหมครับ ว่าเด็กๆที่บ้านคุณทั้งหลายเล่นเกมอะไรบ้าง ซื้อ CD DVD อะไรมาดูบ้าง ไม่ใช่พอมีอะไรขึ้นมาก็รีบกลับบ้านไปเปิดตู้เก็บของของลูกคุณ แล้วก็กวาด CD DVD เกมทั้งหมดที่ขว้างหน้าไปทิ้ง ผมว่ามันดูจะปลายเหตุไปหน่อยนะ ยิ่งออกมาว่าเกมไม่ดีการ์ตูนแย่เนี่ย มันดูจะกระทบสังคมการ์ตูนและเกมไปหน่อยไหม แล้วมันกระทบภาคเศรฐกิจทางด้านงานอนิเมชั่นและวงการเกมคอมพิวเตอร์ด้วยนะครับ โดยเฉพาะไอ้สิบเกมอะไรของคุณนั้นนะ มันรุนแรงจริงครับ อาจจะสงผลางสังคมต่อผู้เล่น แต่ที่มันเป็นแบบนี้นะ จริงๆมันเป็นปัญหาเรื้อรังมานานแล้วนะ ตั้งแต่เราปิดหูปิดตาเด็กรวมทั้งตัวเอง ไม่รับรู้วิวัฒนาการของสื่อต่างๆ ที่ยังพยายามมองว่าเกมการ์ตูนคือเรื่องของเด็ก มองว่าสื่อมีหน้าที่ต่อสังคมโดยที่บ้านไม่สนใจปล่อยให้เด็กๆสามารถเลือกซื้อสื่อต่างๆด้วยตัวเอง(ไม่คิดจะเข้ามาเจือกหน่อยเหรอ ว่าลูกๆหลานๆ คนในครอบครัวซื้อสื่ออะไรมาบ้าง)
-สรุปหัวข้อสื่อวิดีทัศน์
ผิดกันหมดทุกฝ่าย ทั้งเด็กที่ซื้อและเล่นโดยไม่รู้เรท ทั้งที่ถ้าเด็กนักเล่นทั้งหลาย(เหมารวมเหล่าเกรียนมากมาย) ถ้าจะหาข้อมูลเรื่อเรทเกม เรทหนัง ก็หาได้ไม่ยาก เพราะแม่มเอาแต่เล่นอย่างเดียวไม่สนใจอะไรเลย ผู้ใหญ่ที่ไม่มองสื่อให้กว้างขึ้น แถมยังปล่อยเด็กให้ซื้อโดยไม่ควบคุม(ใครควบคุมและตามดูแลดีแล้วก็ไม่ต้องร้อนตัว) และอีกหลายๆคนที่เขาอุตส่าห์จัดเรทสื่อให้แล้วแต่ก็ยังพยายามไปสรรหามาดูนะ


สื่อสิ่งพิมพ์
หนังสือทุกอย่าง สิ่งพิมพ์ต่างๆที่เห็นออกมาทุกอย่างเลยนะครับ มันช่างเป็นปัญหาโลกแตกเชิงฮาแตกด้วยเช่นกัน ทุกวันนี้ผมเดินไปไหนก็มักจะเห็นหนังสือแนวว่ารวมภาพนางแบบซึ่งท่าทางมันยั่วยวนอะไรได้ดีเช่นนี้หนอ เออเอาเฮอะเขาบอกว่ามันสำหรับผู้ใหญ่เนอะ แต่ถ้าเกิดว่ามันเกิดไปแพล่มอยู่บนปกการ์ตูนนะคุณเอ้ย~~~~ คุยกันสามวันสามคืนก็ไม่จบ โดยข้ออ้างที่ได้ยินกันบ่อยๆก็จะออกมาประมาณว่า

A : “การ์ตูนเป็นสื่อสำหรับเด็ก ภาพพวกนี้ไม่เหมาะ”
B : “แต่การ์ตูนเล่มนี้มันเป็นการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่นะ”
A : “การ์ตูนคือสื่อสำหรับเด็ก”
B : “การ์ตูนบางเรื่องก็มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะกับเด็กนะ”
A : “นั้นงัย ก็เพราะการ์ตูนเป็นสื่อสำหรับเด็ก”
B : “ฉาน~~~~~~~ หมายถึงว่าเนื้อหามันมีความซับซ้อนมากเกินไปสำหรับเด็ก~~~~~~~~~~~”
A : “ก็นั้นงัย การ์ตูนเป็นสื่อสำหรับเด็ก~~~~~~~~~~~~”

แล้วก็จะจบลงที่คุยกันไม่รู้เรื่อง... -”-
-ประโยชน์และโทษ(ต่อครอบครัว)
พ่อแม่มีสื่อในการสอนลูกๆในเรื่องต่างๆ มีหนังสือให้เด็กฝึกอ่าน อืมๆดีมีประโยชน์แน่นอน และแน่นอนยิ่งกว่า พ่อแม่ต้องซื้อการ์ตูนประเภทนิทานอีสบ หรืออย่างเก่งก็คงไม่เกินโดราเอมอนหรือมิคกี้เมาส์แน่ ภาพที่ติดตาก็จะอยู่ที่ว่าการ์ตูนน่ารัก เป็นมิตรกับเด็ก แต่พอลูกๆทั้งหลายโตขึ้นมาหน่อยเริ่มอ่านการ์ตูนที่มีเนื้อหาซับซ้อนมากขึ้นยังไม่เป็นปัญหาแต่ปัญหาจะมาอยู่ที่การ์ตูนที่มีเนื้อหารุนแรง แน่นอนครับร้อยละXX%(ไปใส่เลขกันเอง) ของผู้ใหญ่จะมองแค่ว่ามันรุนแรง โดยไม่ได้มองไปที่เนื้อหา แม้ว่าการ์ตูนเรื่องนั้นจะมีเนื้อหาดีขั้นเทพขนาดไหนก็ตาม แต่ร้อยละ YY% ของผู้ใหญ่จะมองลึกลงไปที่เนื้อหา หาประเด็นว่าทำไมถึงรุนแรง ตัวเนื้อหาต้องการสื่ออะไร แล้วก็เรียกลูกรักทั้งหลายมานั่งคุนเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนั้นๆ คุณลูกคนไหนไปเจอ YY% ก็ดีไปปัญหาของสังคมน้อยๆในครอบครัวก็จะจบลงอย่างดี แต่ถ้าคุณลูกคนไหนไปเจอ XX% ก็คงจบลงที่ไม่แฮ๊ปปี้ทั้งสองฝ่าย แล้วพอลูกคุณไประบายทางอื่นแน่นอนครับ ว่าไอ้ XX% เนี่ยต้องไปลงที่การ์ตูนแน่นอนว่า “มันไม่ดีน้า~~~~~~~~~”
-ประโยชน์และโทษ(ต่อสังคม)
ไม่ต้องมองไกล เอาการ์ตูนญี่ปุ่นนี่แหละใกล้ตัวดี มันมีประโยชน์อะไรต่อสังคมญี่ปุ่นบ้างละ แน่นอนครับทำให้เราได้เรียนรู้สังคมกลุ่มต่างๆในญี่ปุ่น ได้รู้ชีวิตของเขา และที่สำคัญมันทำเงินเข้าประเทศญี่ปุ่น ถ้าเราหันมามองการ์ตูนไทยบ้าง แน่นอนครับ อภัยมนีซากา ถูกซื้อไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศ(ขออภัยจำไม่ได้ว่าภาษาอะไร) แน่นอนครับ ต่างชาติก็จะเห็นสิ่งที่แสดงความเป็นไทยที่แทรกอยู่ในการ์ตูนของเรา ลายเส้นของเรา ศิลปะของเรา และเงินก็เข้ากระเป๋าเรา หรือนิยายทั้งหลาย หนังสือท่องเที่ยว เจ๊งครับ คนจะรู้ถึงวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆที่สอดแทรกเข้าไป แต่ก็ว่าอีกนั้นแหละ ถ้ามันเป็นหนังสืออย่างว่าละฮึๆ มันก็ต้องชัดเจนครับว่าให้ใครอ่านก็จบ แต่มันจะไม่จบถ้าเกิดว่ามันไม่ใช่อย่างว่า แต่โดนยัดเยียดให้เป็นอย่างว่าละ... มันกระทบนะครับ อย่างหนังสือนิยายที่มีเนื้อหาอะนะ ซึ่งจริงๆมันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เนื้อหาบางตอนก็น้อยจนไม่รู้จะใส่มาทำไม หรือเยอะจนกรูเอียน หรือ เขียนไปงั้นแหละ คนอ่านไม่ได้รู้สึกเลย แต่ก็จะมีบางคนที่รับไม่ได้ ประเทศไทยห้ามมีเรื่องพวกนี้เด็ดขาด~~~~~~~~ แล้วพวกเมิงจะเกิดมาได้ยังไงละเฟ้ย แล้วก็จะจัดการไปให้หมด เจอในนิยายประเภทไหน ก้จะเหมาว่านิยายประเภทนั้นไม่ดีนะ ห้ามๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เจอในการ์ตูนก็เหมาว่าการ์ตูนไม่ดี แล้วไอ้ถ่ายแบบชุดว่ายน้ำที่ลงในหนังสือพิมพ์นั้นละ... “อันนั้นสำหรับผู้ใหญ่นะค่ะ” แล้วเด็กอ่านหนังสือพิมพ์ไม่ได้เรอะ!
สรุปสื่อสิ่งพิมพ์
ก็คงเหมือรเดิมครับ หนังสือแต่ละประเภทเหาะกับคนแต่วัย หรือหนังสือประเภทเดียวกันก็เหมาะกับแต่ละช่วงวัยได้เหมือนกัน ไม่ใช่ไปเหมารวมว่าการ์ตูนของเด็ก ห้ามมีเนื้อหาอย่างโน้น ห้ามมีฉากอย่างนี้ เปิดใจกันซักนิด แล้วยอมรับว่าถ้าคุณคิดจะสื่ออะไรออกมา สื่อทุกอย่างสามารถนำมาใช้ได้หมด เพียงแต่ผู้รับควรจะรู้ว่าสื่อไหนเล่มไหนเหมาะกับตนเองหรือป่าว ไม่ใช่เอะอะอะไรก็บอกว่า “เสรีภาพโว้ย” แล้วไอ้เสรีภาพที่เมิงเรียงร้องกันนะ เป็นงัยละ


สรุปรวบยอด
สื่อประเภทต่างๆไม่ได้ถูกจำกัดว่าสื่อไหนเหมาะกับใคร อายุเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ควรรู้คือ สื่อประเภทเดียวกันแต่ต่างเนื้อหา ควรเหาะกับใครต่างหาก โดยผู้รับสื่อทุกวัยควรช่วยกันดูแล ำว่าช่วยกันดูแลในที่นี้ไม่ใช่ว่าคอยจับผิด หรือตามแบนตามเก็บนะครับ เราควรมาช่วยกันดูว่ามันเหมาะกับใครเหมาะยังไง และผู้รับควรรู้ตัวด้วยว่า สื่อนั้นเป็นเรื่องจริงที่ถูกนำมาบอกกล่าวกหรือเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แยกแยะให้ออกว่านั้นเป็นเรื่องอะไร เราทำจขริงได้ไหม ช่วยๆกันดูแลและเปิดโลกของตัวเอง อย่าให้มันหยุดอยู่กับว่าฉันโตมาตอนนั้นฉันรู้จักสื่อแต่ละประเภทยังไง เดี๋ยวนี้สื่อประเภทนั้นมันก็ต้องเหมือนเดิม ผมว่าไม่ใช่มั้งครับ สื่อถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ มนุษย์ยังเปลี่ยนแปลงกันได้ เอผู้สร้างเปลี่ยนไป สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นก้ต้องเปลี่ยนไปเหมือนกันนะครับ รับรู้ของใหม่ ป้องกันก่อนเกิดเรื่อง ยอมรับความจริงว่าต้นเหตุมันอยู่ที่ไหน เราช่วยกันดูแลตั้งแต่แรกดีรึยัง ไม่ต้องไปดูแลกันไกลครับ สื่อที่อยู่ในบ้านหลังน้อยๆของเรานี่แหละ มีอะไรบ้าง เรารู้กันบ้างรยัง ว่าคุณพ่อซื้อหนังอะไรมาดู คุณแม่ติดรายการอะไร คุณลูกอ่านการ์ตูนเล่นเกมอะไร เข้าใจสื่อที่อยู่ในบ้านอันอบอุ่นของเราก่อนครับ แล้วดูสื่อมากมายที่อยู่ในสังคมปัจจุบันนี้ แล้วเราจะรู้ครับ ว่าเรารู้จักมันน้อยมากที่ไปเหมารวมอะไรกันแบบนี้....


นอกเรื่องไปบ้างไหมเนี้ย ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ



Create Date : 07 สิงหาคม 2551
Last Update : 7 สิงหาคม 2551 0:12:44 น. 0 comments
Counter : 3046 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

amameera
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add amameera's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.