ขออำนาจพุทธธรรมสงฆ์ โพธิสัตว์ จักรพรรดิ์ จงบันดาลบารมีท่าน บุญข้า ให้แก่ผู้ต้องการตลอดไป
 
อสุภะกรรมฐานละราคะ มีวิธีอื่นไหม

ทางจีน ว่า หอม กระเทียม กระตุ้นความกำหนัด

เผอิญผมกินไม่กินเนื้อสัตว์
สังเกตว่า เวลามีหอม กระเทียม ผสมมา จะมีผลจริงๆเหมือนกัน

แล้วก็วันพระ แม้ไม่มีหอมกระเทียมอะไร ก็รู้สึกจะมีอาการเป็นพิเศษ

อันนี้เฉพาะความต้องการทางกายนะครับ

ส่วนทางใจก็ต้อง วางความต้องการทางกาย

เป็นธรรมดา ธรรมชาติย่อมต้องมีของหวานให้
สัตว์ต่างๆมีการสืบทอดเผ่าพันธุ์
เห็นเป็นเรื่องของกายโดยธรรมดา
เพราะเราบังคับมันไม่ได้
เพราะมันไม่ใช่ของเรา
เป็นเพียงสภาวะที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป

เมื่อเราปล่อยวางความต้องการทางกายได้

ความกำหนัดจะลดลงไปมาก

แต่ยังมีสิ่งล่ออยู่
พอเราเห็นสิ่งสวยๆงามๆ
กายก็กำเริบอีกได้ ในเวลาต่อมา

ดังนั้น การแก้ไขโดยตรงต้องแก้ที่ใจ ไม่ให้ส่งไปตามอารมณ์ต่างๆ ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

การเจริญอสุภะก็ดี แต่อาศัยกำลังสมถะอยู่ กดไว้เฉยๆ

ต้องน้อมมาพิจารณาเป็นวิปัสสนา จึงจะชัวร์

ผมพูดอย่างนี้ เพราะตัวเองเคยผ่านมาแล้ว

ถอดหน้าออก เห็นเนื้อแดงๆ
ถอดเนื้อออก เห็นแต่กระดูก

แต่มันเป็นการส่งออกนอก
เป็นการกดกิเลสด้วยกำลังสมาธิ
สมาธิตกเมื่อไหร่ เดี๋ยวมันก็มา

การแก้ไขที่แท้ต้องเริ่มไม่ส่งจิตออกนอกก่อน
พอเห็นรูป ไม่ต้องไป ดูให้เค้าเน่าเค้าสกปรกหรอก
ดูที่ใจเรา ที่ติดไปกับรูปนั้นๆ

ดูให้ทัน แรกๆ จะเห็นมันส่งไปหารูปนั้น แบบไม่วางตา พอรู้ตัวค่อยกลับมา
ต่อมา พอส่งไป เราเริ่มรู้ จะดึงกลับมาเร็ว
ต่อมา พอเห็นรูป ก็ไม่ส่งไปแล้ว
แต่มันจะยังติดอยู่ในใจ
ต้องปล่อยไปทันที

ส่วนใหญ่จะนำรูปนั้นมาใคร่ครวญ หาข้อเสีย
ยิ่งทำให้รูปนั้นชัดขึ้นเรื่อยๆ

แท้จริง ปล่อยไป แบบไม่มีเงื่อนไข
มีผลมาก สำหรับพวกชอบพิจารณา
เพราะมันจะไม่จบ หาเหตุผลไปมาอยู่นั่น
พอไม่ต้องหาเหตุผลใดๆ มันก็จบในตัวมันเอง

เพราะ รูป ก็สักแต่ว่ารูป
เราไปเห็นรูปนั้น ว่าเป็นผู้หญิง
ว่าสวย
ว่าหุ่นดี
ว่าผิวงาม
ว่าโน่นว่านี่ไปเรื่อยๆ
ก็ตกไปในกับดักของสังขาร
คิดปรุงแต่งไปไม่มีที่สิ้นสุด

แท้จริงเป็นเพียงแค่รูปที่มากระทบกับตาเท่านั้น
แล้วรูปนั้นก็ดับไปแล้วตั้งแต่ที่เราเห็น
ที่เรานึกนั้น เป็นเพียงสัญญาความจำของเรา
ซึ่งเป็นอดีตไปแล้ว

อยู่กับปัจจุบัน
รู้เฉยๆ รู้แล้ววาง

เมื่อต้องเจอกับ เสียง กลิ่น รส สัมผัส ก็พิจารณาดุจเดียวกัน

ลองนำไปพิจารณาดูนะครับ

อ้อ เพิ่มนิดนึงครับ

คำว่าพิจารณาของผม
คือ ดู ไม่ใช่คิดนะครับ
ดูจนมันเห็นว่ามันเป็นอย่างนั้น

ไม่ใช่คิดว่ามันเป็นอย่างนั้น

ดูเฉยๆ
จะเห็นว่าทุกสิ่งนั้น มันทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้จริงๆ
ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เพราะมันไม่ใช่ของเรา ของเขา

ด้วยตัวเองจริงๆ

ไม่ต้องไปถามใคร

เพราะนี่คือธรรมชาติ ที่เราเห็นอยู่ทุกวัน แต่เราไม่เห็นจริงๆสักวัน



Create Date : 30 มกราคม 2549
Last Update : 30 มกราคม 2549 17:04:49 น. 1 comments
Counter : 819 Pageviews.

 
"ดูเฉยๆ
จะเห็นว่าทุกสิ่งนั้น มันทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้จริงๆ
ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เพราะมันไม่ใช่ของเรา ของเขา "

นี่แหละครับที่เรียกว่าเห็นธรรม
เห็นตามความเป็นจริง
กายใจเขาแสดงไตรลักษณ์ให้ดูอย่างไร
ก็เห็นอย่างนั้น ไม่ได้คิดเอา

สาธุ สาธุ


โดย: อธิสมัย IP: 203.170.174.150 วันที่: 12 เมษายน 2549 เวลา:8:47:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

Mr.เต้ย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...ดอกไม้ก็สักแต่ว่าดอกไม้

จุดมุ่งหมายของBlogนี้ คือ

ความตั้งใจที่จะเก็บรวบรวม ปัญหาต่างๆ ที่เราได้เข้าไปตอบไว้ในห้องศาสนา

เพราะคิดว่าอาจมีประโยชน์แก่ผู้สนใจ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมBlog ของเรา

เพราะแท้จริง อักษรเหล่านั้น ย่อมเลือนหายไปตามกาลเวลา หาได้คงอยู่ตลอดไปไม่

แต่ถ้าสามารถยังประโยชน์ ขณะที่อักษรนั้นยังดำรงอยู่
อย่างน้อย ก็มีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด

ด้วยความมุ่งหวังที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เท่าที่จะสามารถทำได้ จริงๆ
[Add Mr.เต้ย's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com