|
|
|
|
|
|
อริยบุคคล4 หลังความตาย
พุทธดำรัสตอบ
ดูก่อนอานนท์ ภิกษุชื่อสาฬหะมรณภาพแล้ว บรรลุถึงเจโตวิมุติและปัญญาวิมุติที่ไม่มีอาสวะ เพราะสิ้นอาสวะทั้งหลาย เพราะรู้ยิ่งเองในปัจจุบันเข้าไปสงบอยู่แล้ว (ในนิพพานธาตุ)
ภิกษุณีชื่อนันทามรณภาพแล้วเป็นโอปปาติกะ เนื่องจากสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ประการสิ้นไป จักปรินิพพานใน (พรหมโลกชั้นสุทธาวาส) นั้น จักไม่กลับมาจากโลกนั้นอย่างแน่นอน...
อุบาสกชื่อสุทัตตะกระทำกาละแล้ว เป็นพระสกิทาคามี เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป และบรรเทา ราคะ โทสะ โมหะได้ มาสู่โลกนี้เพียงครั้งเดียวแล้วจักกระทำที่สุดทุกข์...
อุบาสิกาชื่อสุชาดา กระทำกาละแล้วเป็นพระโสดาบันพระสังโยชน์ ๓ สิ้นไป มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้จักตรัสรู้ในกาลข้างหน้า
ดูก่อนอานนท์ การที่มนุษย์กระทำกาละนี้มิใช่ของแปลกเลย แต่เมื่อคนแต่ละคนทำกาละแล้ว เธอเข้ามาถามเรื่องนั้นกะเรา นี้เป็นความลำบากของตถาคต....
คิญชกาวสถสูตรที่ ๑ มหา. สํ. (๑๔๗๐-๑๔๗๑ ) ตบ. ๑๙ : ๔๔๗ ตท. ๑๙ : ๔๐๗ ตอ. K.S. ๕ : ๓๑๒
Create Date : 19 พฤษภาคม 2549 | | |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2549 16:44:37 น. |
Counter : 505 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ผู้อยู่ครองเรือน นอนแออัดด้วยบุตร ยังทัดทรงดอกไม้ของหอม ใช้เงินทอง ตายไป อยากเข้าสู่สุคติโลกสวรรค์
พุทธดำรัสตอบ
ดูก่อนพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย เราอยากเป็นอยู่ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ผู้ใดจะปลงเรา...เสียจากชีวิต ข้อนั้นไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ถ้าเราพึงปลงคนอื่นที่อยากเป็นอยู่ไม่อยากตาย รักสุขเกลียดทุกข์เสียจากชีวิต ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของคนอื่น อริยสาวกพิจารณาเห็นดังนี้ ตนเองย่อมงดเวนจากการฆ่าสัตว์ ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นย่อมสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้น ความประพฤติทางกายของเขา ย่อมบริสุทธิ์โดยส่วนสามอย่างนี้
....อีกประการหนึ่ง ผู้ใดพึงถือเอาสิ่งของที่เรามิได้ให้ด้วยการขโมย ข้อนั้นไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ถ้าเราพึงถือเอาสิ่งของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น... อริยสาวกพิจารณาเห็นดังนี้แล้วตนเองย่อมงดเว้นจากอทินนาทาน ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้น... ย่อมสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้น....
....อีกประการหนึ่ง ผู้ใดพึงประพฤติผิดในภรรยาของเรา ข้อนั้นไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ถ้าเราพึงประพฤติผิดในภรรยาของผู้อื่น ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น... อริยสาวกพิจารณาเห็นดังนี้แล้วตนเองย่อมงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร...
....อีกประการหนึ่ง ผู้ใดพึงทำลายประโยชน์ของเราด้วยการกล่าวเท็จ ข้อนั้นไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ถ้าเราพึงทำลายประโยชน์ของคนอื่นด้วยการกล่าวเท็จ ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น... อริยสาวกพิจารณาเห็นดังนี้แล้วตนเองย่อมงดเว้นจากมุสาวาท...
....อีกประการหนึ่ง ผู้ใดพึงยุยงเราให้แตกจากมิตรด้วยคำส่อเสียด ข้อนั้นไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ถ้าเราพึงยุยงเราให้แตกจากมิตรด้วยคำส่อเสียด ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น... อริยสาวกพิจารณาเห็นดังนี้แล้วตนเองย่อมงดเว้นจากปิสุณาวาจา (คำส่อเสียด)...
....อีกประการหนึ่ง ผู้ใดพึงพูดกับเราด้วยคำหยาบ ข้อนั้นไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ถ้าเราพึงพูดกับเราด้วยคำหยาบ ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น... อริยสาวกพิจารณาเห็นดังนี้แล้วตนเองย่อมงดเว้นจากผรุสวาจา (คำหยาบ)....
....อีกประการหนึ่ง ผู้ใดพึงพูดกับเราด้วยคำเพ้อเจ้อเหลวไหล ข้อนั้นไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ถ้าเราพึงพูดกับเราด้วยคำเพ้อเจ้อเหลวไหล ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น... อริยสาวกพิจารณาเห็นดังนี้แล้วตนเองย่อมงดเว้นจากคำเพ้อเจ้อเหลวไหล....
อริยสาวกนั้นประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว ในพระพุทธเจ้า....ในพระธรรม....ในพระสงฆ์....ประกอบด้วยศีลอันเป็นที่รักของพระอริยเจ้า...
ดูก่อนคฤหบดีทั้งหลาย เมื่อใดอริยสาวกประกอบด้วยสัทธรรม ๗ ประการนี้ เมื่อนั้นพึงพยากรณ์ด้วยตนเองได้ว่า เราตัดขาดแล้วจากนรก กำเนิดดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาติ....
เวฬุทวารสูตร มหา. สํ. (๑๔๕๗-๑๔๖๗ ) ตบ. ๑๙ : ๔๔๒-๔๔๖ ตท. ๑๙ : ๔๐๒-๔๐๖ ตอ. K.S. ๕ : ๓๐๕-๓๑๑
Create Date : 19 พฤษภาคม 2549 | | |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2549 16:48:45 น. |
Counter : 383 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
พระพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทแก่คนป่วยใกล้ต่อความตายไว้อย่างไรบ้าง ?
พุทธดำรัสตอบ ดูก่อนทีฆาวุ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
เราจักมีความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว ในพระพุทธเจ้า.... ในพระธรรม... ในพระสงฆ์.... จักประกอบด้วยศีลอันเป็นที่รักของพระอริยเจ้า...
ท่านตั้งอยู่ในธรรมอันเป็นองค์ประกอบแห่งพระโสดาบัน ๔ เหล่านี้แล้ว พึงเจริญธรรมอันเป็นส่วนแห่งวิชชา ๖ ประการให้ยิ่งขึ้น... คือ
ท่านจงพิจารณาเห็นสังขารทั้งปวงว่าเป็นของไม่เที่ยง มีความหมายรู้ในสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเป็นทุกข์ มีความหมายรู้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ว่าเป็นอนัตตา มีความหมายรู้ในการละ...ในการคลายความกำหนัดยินดี...ในความดับทุกข์
ดูก่อนทีฆาวุ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แหละ....
ทีฆาวุสูตร มหา. สํ. (๑๔๑๙-๑๔๒๑ ) ตบ. ๑๙ : ๔๓๑-๔๓๒ ตท. ๑๙ : ๓๙๓-๓๙๔ ตอ. K.S. ๕ : ๒๙๙-๓๐๐
Create Date : 19 พฤษภาคม 2549 | | |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2549 16:51:58 น. |
Counter : 417 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ธรรมอะไรที่สามารถปิดประตูอบายได้อย่างเด็ดขาด ?
พุทธดำรัสตอบ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าจักพรรดิเสวยราชสมบัติเป็นอิสราธิบดีในทวีปทั้ง ๔ สวรรคตแล้ว ย่อมเข้าพึงสุคติโลกสวรรค์.. ได้เป็นสหายของพวกเทพชั้นดาวดึงส์.... ท้าวเธอประกอบด้วยธรรม ๔ ประการก็จริง ถึงกระนั้น ท้าวเธอก็ยังไม่พ้นจากนรก จากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน จากปิตติวิสัย จากอบาย ทุคติ วินิบาต
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนอริยสาวก แม้จะเลี้ยงอัตตภาพด้วยคำข้าวที่หามาได้ด้วยลำแข้ง นุ่งห่มผ้าที่เศร้าหมอง เธอประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ถึงกระนั้นเธอก็พ้นจากนรก จากกำเนิดดิรัจฉาน จากปิตติวิสัย จากอบายทุคติ วินิบาต ธรรม ๔ ประการคืออะไร อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ประกอบด้วย ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า (๑) ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม (๑) ความเลื่อมใสอันไม่หวันไหวในพระสงฆ์ (๑) ประกอบด้วยศีลอันเป็นที่รักของพระอริยเจ้าไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่างพร้อย เป็นไท วิญญูชนสรรเสริญ ไม่มัวหมอง นำไปสู่สมาธิ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย... การได้ทวีปทั้ง ๔ ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ ของการได้ธรรม ๔ ประการ....
ราชาสูตร มหา. สํ. (๑๔๑๑-๑๔๑๓ ) ตบ. ๑๙ : ๔๒๘-๔๒๙ ตท. ๑๙ : ๓๙๑-๓๙๒ ตอ. K.S. ๕ : ๒๙๖-๒๙๗
Create Date : 19 พฤษภาคม 2549 | | |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2549 16:54:01 น. |
Counter : 418 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
การเจริญอานาปานสติเกี่ยวข้องกับสติปัฏฐาน ๔ อย่างไร ?
พุทธดำรัสตอบ ดูก่อนอานนท์ สมัยใดภิกษุหายใจออกยาว รู้ชัดว่าหายใจออกยาว หรือเมื่อหายใจเข้ายาว รู้ชัดว่าหายใจเข้ายาว สมัยนั้นภิกษุชื่อว่าเห็นภายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสเสียได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเรากล่าวว่าลมหายใจเข้าออกนี้เป็นกายประเภทหนึ่ง ดูก่อนอานนท์ สมัยใดภิกษุย่อมตั้งใจสำเหนียกว่าเราจักกำหนดรู้ปีติหายใจเข้า-ออก เราจักกำหนดรู้สุขหายใจเข้า-ออก สมัยนั้นภิกษุย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวลาอยู่เพราะเหตุไร เพราะเรากล่าวว่า การใส่ใจด้วยดีในลมหายใจเข้า-ออกเป็นเวทนาอย่างหนึ่ง ดูก่อนอานนท์ สมัยใดภิกษุย่อมสำเหนียกว่าเราจักกำหนดรู้จิตหายใจเข้า-ออก เราจักทำให้จิตบันเทิงหายใจเข้า-ออก เราจักตั้งจิตมั่นหายใจเข้า-ออก สมัยนั้นภิกษุย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิต...ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะเรากล่าวว่า การเจริญอานาปานสติสมาธิ จะมีได้แก่ผู้มีสติหลงลืมและขาดสติสัมปชัญญะ ดูก่อนอานนท์ สมัยใดภิกษุตั้งใจศึกษาว่าเราจักพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงหายใจเข้า-ออก...เราจักพิจารณาเห็นวิราคธรรมหายใจเข้า-ออก...เราจักพิจารณาเห็นนิโรธหายใจเข้า-ออก...สมัยนั้น ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่....
กิมิลสูตร มหา. สํ. (๑๓๕๘-๑๓๖๑ ) ตบ. ๑๙ : ๔๐๙-๔๑๑ ตท. ๑๙ : ๓๗๔-๓๗๖ ตอ. K.S. ๕ : ๒๘๗-๒๘๘
Create Date : 19 พฤษภาคม 2549 | | |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2549 16:23:29 น. |
Counter : 498 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|