ChobShare : ถ้าชอบก็แชร์ ; Facebook : ป้าตะลอนทัวร์ทั่วโลก, ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภา พูลทรัพย์ อักษรดิษฐ์ ; YouTube : Chob Share
Group Blog
 
All Blogs
 

ชวนดูคนไกลบ้านปลูกผักไว้กินรักษาโรค....โรคคิดถึงบ้านน่ะ

วันนี้จะพาไปดูผักที่ปลูกไว้ทำอาหารกินที่บ้าน...ปกติแล้วก็จะปลูกช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือ Spring ผ่านถึงร้อน หรือ Summer เรื่อยไปจนถึง Autumn หรือฤดูใบไม้ร่วง ฝรั่งเรียกอีกชื่อว่า Fall ซึ่งเป็นคำที่ตรงกับอาการของต้นไม้มากที่สุด คือ ใบมันจะร่วง หลังจากนั้นเข้าช่วงหนาว หรือ Winter นี่ก็ไม่ค่อยดีแล้ว ต้นไม้ส่วนใหญ่จะทิ้งใบและพยายามรักษาตัวมันเอง เพื่อรอจนหมดหนาว มันจึงเจริญเติบโต ผลิดอก ออกใบขึ้นมาใหม่ แต่ผักนี่ไม่ใช่ต้นไม้ใหญ่ หรือไม้ที่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้เหมือนไม้อื่น ๆ ดังนั้นช่วงที่ปลูกได้ดี จึงเป็นช่วงที่อากาศกำลังดี ไม่หนาวจัด ถ้ามีน้ำค้างแข็งเมื่อไร ก็เสร็จเมื่อนั้น นึกถึงเวลาที่มีน้ำค้างแข็งที่เชียงใหม่หรือที่เลย นั่นแหละ แต่ที่เมืองนอก อาการและช่วงเวลาที่อากาศจะหนาวมีมากกว่า ยาวนานกว่า จึงไม่สามารถปลูกผักกินได้ แต่บางรัฐที่อากาศไม่หนาว หรือไม่มีน้ำค้างแข็ง ไม่มีหิมะตก เขาก็ปลูกกันได้เหมือนกัน



ผักที่ปลูกไว้กินเองก็มีหลายอย่าง เช่น ผักชีอย่างที่เราซื้อมาใส่ต้มจืดบ้านเรานั่นแหละ ชื่อที่เรียกคือผักชีไทย หรือ coriander (โครี แอนเดอ) ส่วนผักชีฝรั่งหรือที่เรียกว่า parsley (พาร์สลี) ก็ปลูกเอาไว้ใส่อาหารอิตาลี แล้วก็มีต้นหอม โหระพา กระเพรา คะน้า กวางตุ้ง ผักกาดหอม และผักสลัดแบบหลากหลาย ที่ซื้อเมล็ดแบบ mixed มาปลูก เวลามันโตขึ้นมา มันก็จะมีลักษณะเหมือนผัก หลากหลายในกระถางเดียวกัน อย่างที่เห็นในรูปข้างล่างนี้แหละค่ะ




ที่เห็นนี่เป็นผักฮ่องเต้


ส่วนนี่ใบยาวมากกว่าหน่อยก็เป็นกวางตุ้ง ปลูกเอาไว้ทำสุกียากี้กิน ใส่ทั้งฮ่องเต้ ต้นหอม กวางตุ้ง เรียกว่ามีอะไรก็ใส่เข้าไป





คะน้า ปลูกเอาไว้ผัดก๋วยเตี๋ยวหรือเวลาทำก๋วยเตี๋ยวน้ำ-แห้ง กิน



พริกของเม็กซิกัน ชื่อว่า ฮานาปิโน (jalapino) เป็นพริกที่เผ็ด เหมือนพริกชี้ฟ้าบ้านเรา ค่อนข้างแรงกว่าด้วยซ้ำเราซื้อมาจากตลาด หลังจากใช้เนื้อมันทำอาหารกินแล้ว ก็เก็บเมล็ดวางใส่จานเล็ก ๆ รอให้มันแห้งแล้ว ก็เก็บใส่ซองถุงพลาสติกเล็ก เอาไว้ปลูก ข้อเสียก็คือ บางเมล็ด มันกลายพันธุ์ ออกมาลูกสวย ใหญ่ดี แต่ ไม่เผ็ด เลยต้องใส่พริกป่น เพิ่ม เวลาทำอาการกิน



พริกหวาน หรือ bell pepper ปลูกจากเมล็ดที่เก็บไว้เหมือนกัน ที่จริง ถ้าไปซื้อที่ตลาดวันเสาร์ อาทิตย์ ก็ไม่ได้แพงเลย เมื่อเทียบกับราคาฝรั่ง บางครั้งผลใหญ่ ๆ 2 ผล ราคา $1 ซึ่งถูกกว่าที่ซื้อจาก grocery ทั่วไป


ผักบางอย่างที่ปลูก ก็สามารถหาซื้อได้จากตลาด หรือ grocery แต่ถ้าซื้อมาแล้ว ทำกินไม่หมด บางอย่างก็เก็บไม่ได้นาน การปลูกผักกินจึงช่วยประหยัดที่ไม่ต้องทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ มันเวลาจะกิน ก็เดินไปเด็ดมันมาจากต้น เลือกเอาใบที่กำลังกิน หรือใบแก่ แล้วรอให้ใบอ่อนค่อนเติบโตขึ้นมา
ที่สำคัญเหนือกว่าอื่นใด ก็คือ ความคิดถึงบ้าน ตอนที่ปลูก พอเห็นมันโตขึ้นมานั่งน้ำตาไหล ผักบางอย่างไม่ใช่จะมีให้เห็นที่นี่ ดังนั้นการเห็นผัก ต้นไม้ไทย ๆ ที่เราปลูกกับมือเอง จึงเป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง เวลาที่เอามันมาทำอาหารกิน ก็รู้สึกเหมือนเราได้อยู่ใกล้บ้านเข้าไปหน่อย....คนที่จากบ้านมาอยู่แดนไกลเหมือนกัน นั่นแหละ จึงจะเข้าใจ....




 

Create Date : 19 มกราคม 2551    
Last Update : 15 สิงหาคม 2552 8:44:20 น.
Counter : 7840 Pageviews.  

กุหลาบบ้านฉัน

4 November 2006


ใครชอบกุหลาบบ้างเอ่ย.......กุหลาบที่ว่านี้ ไม่ใช่ ยายหลาบ เจ้าของบ้านที่หนุ่ม (เหลือ)น้อย รวมทั้งที่รุ่นใหม่ใฝ่อวัยวะทั้งหลายชอบไปประชุมสัมมนากันหรอกนะ....จะบอกให้...แต่หมายถึง กุหลาบ ที่เป็นชื่อไม้ดอก ชนิดหนึ่ง




กุหลาบ เป็นไม้ดอกที่มีความสวยงามชนิดที่หาไม้ใดเทียบได้ยากยิ่งทีเดียว ถึงกับมีคนเปรียบว่า กุหลาบเป็นราชินีของดอกไม้ทีเดียว กุหลาบมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Rosa Hybrida Rosa Chinensis อ่านแล้วนึกถึงชื่อซอส (sauce) ชนิดหนึ่งไหม ชื่อสามัญของกุหลาบ คือ ที่เรารู้จักกันนั่นแหละ นั่นคือ Rose แต่ก็คงไม่ใช่ ป้า Rose ในไททานิก (Titanic) หรอกนะ



ส่วนชื่อวงศ์ คือ Rosaceae กุหลาบ มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย เรานี่เอง แต่ตอนนั้นเกิดไม่ทัน เลยไม่รู้เหมือนกันว่า มันเกิดครั้งแรกที่ไหน และที่แน่ ๆ คือ ไอ้เจ้ากุหลาบต้นแรกนี่มันก็คงเดส สมอ เรย์ ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องตามไปขุดค้น รบกวนมันหรอก...เหอะ ๆ





จะมีฝรั่งดองมาอ่านบ้างไหมเนี่ยะ...คือ ติต่างว่ามีนะ..ก็จะได้บอกเสียหน่อยว่า กุหลาบ ในภาษาไทยนี่นะ อ่านว่า goo - laap (noun) ถ้าต้องการซื้อกุหลาบแดงหนึ่งช่อไปให้แฟนในวันสำคัญสักช่อ ก็ต้องพูดว่า goo laap daaeng chaaw la thao rai = "How much are those red roses per bunch?" ....เอาเข้าไป...เหอะ ๆ..

href="//www.bloggang.com/data/supapai/picture/1162609221.jpg" target=_blank>

กุหลาบเป็นไม้ที่ชอบอากาศหนาวเย็น ถ้าแบบบ้านเราก็แถวทางเหนือนั่นแหละ ส่วนถ้าในประเทศทางเมกานี่ ถ้าเหนือมาก (เสียงจะเหน่อมาก...เหอะ ๆ) ก็ปลูกได้ แต่มันจะยุบตัวตอนมีหิมะตกปกคลุม บางทีก็ตายเอาง่าย ๆ ที่ฟลอริดานี่ก็ปลูกได้ ดอกอาจจะไม่ใหญ่อย่างบริเวณที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี แต่ก็นับว่าไม่เลวนัก และที่นี่ไม่มีหิมะ เลยไม่ต้องห่วงว่ามันจะชิงตายไปก่อนวัยชรา...



เมื่อตอนที่ไปอยู่ที่บ้านที่ฟลอริดา ตอนนั้นมีกุหลาบแค่ 5 -6 ต้น เท่านั้น พออยู่ได้สัก ครึ่งปีก็มีราว 50 ต้น ส่วนตอนนี้ปาเข้าไปเกือบ 100 เรียกว่า มีมากที่สุดในจำนวนไม้ทั้งหลายที่เราชอบปลูก แม้ว่ามันจะต้องดูแล เอาใจใส่ มากกว่าไม้ชนิดอื่น เพื่อให้ปลอดโรค (ไปบ้านยายหลาบ ก็มีโรคเหมือนกันนะ แต่คนละโรคกัน....เหอะ ๆ) และแมลง



อยากรู้ไหม ว่ากุหลาบที่นี่เขาขายกันอย่างไร ไม่อยากรู้ก็จะบังคับ (ข่มขืนใจ) ให้รู้ละ...กระถามที่เรียกว่า สามแกลลอน ราคาประมาณ $15 - 20 ก็คือตกกระถางละ หรือต้นละ 600 - 800 บาท เท่านั้นเอง (ว๊อย...) จะบ้าตาย



กุหลาบที่บ้านสะสมไว้หลายพันธุ์นับแล้วเกือบ 50 พันธุ์เหมือนกัน แต่ด้วยความที่แก่แล้ว ความจำไม่ค่อยดี เลยจำชื่อมันไม่ค่อยจะได้นัก บางต้นที่มี ป้าย (Tag) ติดมาด้วยก็พอจะเตือนความจำได้บ้าง วันนี้เลยชวนดูรูปกุหลาบที่ปลูกที่บ้าน ส่วนกลิ่นนั้น โทษทีค่ะ...ไร้สติปัญญาจะสรรค์สร้างนะคะ...จ ต น ก แปลว่า จินตนาการ เอาเองก็แล้วกันเน้อ......



>......ดอกไม้ นี่บางชนิดก็สวยแต่รูป จูบไม่หอมนะคะ....เหมียนหนุ่มน้าว สาวสวยบางคนแหละ....ธรรมชาติ นี่ก็ช่างสัน ปันแต่งเหลือเกิน....

















 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2549    
Last Update : 8 กรกฎาคม 2552 8:43:49 น.
Counter : 2600 Pageviews.  

สวนบ้านฉัน-Daylily





วันนี้ขอแบ่งปันความสุขสู่ผู้รักต้นไม้ และดอกไม้ ทั้งหลาย โดยพาไปดูสวนของสาวฟลอริดา (Florida) ที่เมืองโอคาล่า (Ocala) เมืองที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับฟาร์มม้าและเป็นเมืองที่ติดอันดับ หนึ่งในสิบเมืองที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ ประเภท บ้านที่อยู่อาศัยมีราคาสูง เพราะ เป็นหนึ่งในสิบเมือง ที่คนอเมริกันอยากมาใช้ชีวิตที่นี่หลังปลดเกษียณ....ดังนั้นเมืองนี้จึงเป็นเมืองของคนหนุ่ม (เหลือ)น้อย และสาว (เหลือ) น้อย อย่างอิฉัน เป็นต้น....



อ้อ ... แล้วที่เขียนวันนี้ ต้องขอบอกกันเสียก่อนว่า จะใช้ภาษาที่ไม่ใช่ภาษาพ่อ ภาษาแม่เรา มากหน่อย...มันก้อมีเหตุผลที่พอจะอภัยกันได้....นั่นคือ...มันจำเป็นต้องใช้ประกอบคำไทย......มันจำเป็นต้องทับศัพท์กันบ้างก็อย่าว่ากันแล้วกัน...แต่เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นก็คือ...อยากให้น้อง ๆ หลาน ๆ ที่ยังอ่อนเยาว์ ไร้เดียงสาอยู่ ได้ความรู้ทางภาษา จากคนที่ ล้นเดียงสา ไม่ค่อยจะเป็นประสาเรื่องภาษาเท่าไร...แต่...อย่างว่านะ..."ความพยายามอยู่ที่ไหน...ความสำเร็จอยู่ที่ไหน"....สรุป คือ ยังคงต้องถามหาความสำเร็จอยู่เหมือนกัน หลังจากพยายามแล้ว...เหอะ ๆ



ที่บ้านปลูกต้นไม้ทั้งไม้ใหญ่อย่างพวกปาล์ม ไม้หย่อมอย่างไม้พุ่ม ไม้เลื้อย และไม้ดอก รวมทั้งพืชผักสวนครัวบางชนิดที่ส่วนใหญ่ปลูกไว้ทำอาหารไทย ....รับประทานเอง จะได้ไม่เป็นโรคคิดถึงบ้านมากนัก.....แต่ไม้ดอกที่จะชวนดูวันนี้ คือ เดย์ลิลี่ Daylily หรือ Daylilies...




Daylily เป็นไม้พวกคลุมดินหรือ groundcovers plants มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ทั่วไปว่า Hemerocallis ในความหมายที่พบใน dictionary ... Lily หมายถึง พืชไม้ดอกรูปกรวย หรือรูประฆัง จำพวก Lilium, ส่วนคำว่า Day นั้น ไม่บอกก็คงรู้ว่า หมายถึง วัน ...ที่จริง มีความหมายอื่น ๆ อีกเหมือนกัน แต่ก็ยังเกี่ยวกับ "วัน" อยู่นั่นเอง เช่น หมายถึง กลางวัน (I can see by day but not by night) วันทำงาน ส่วนของวันที่เป็นเวลาทำงาน หรือทำกิจกรรม (I need a day off = I need 1 day that I don't have to work) หรือสมัย และยุค (age , period) (Things were different in my day = Things were different when I was young) ที่นี้คงเดาได้นะว่า ไอ้ เดย์ (Day) ที่มานำหน้า ลิลี่ (Lily) จนกลายเป็นเดย์ลิลี่ (Daylily) นี้ ความหมายก็คือ ไม้ชนิดนี้ บานเพียง 1 วัน เท่านั้น ประมาณว่าตั้งแต่พระอาทิตย์เริ่มทำงานจนกลับเข้าบ้าน ทำนองนั้น ต่างกับ ไม้ดอก ที่มีชื่อว่า Lily เหมือนกัน เช่น Tiger Lily พวกหลังนี้บานทนกว่า นอกจากนั้นยังมีความแตกต่างกันในเรื่องของลักษณะลำต้น และการขยายพันธุ์ อีกด้วย



มีคำอีกคำหนึ่งที่น่ารู้ไว้เหมือนกัน คือ คำว่า Perennial Plants เพราะ Daylily เป็นไม้ประเภท Perennial คือ พืชที่มีชีวิตสามารถอยู่ได้นานกว่า 2 ปี โดยที่พืชพวกนี้ แม้จะเจออากาศหนาว จนอาจแกล้งตาย หรือหยุดการเจริญเติบโตในช่วยฤดูหนาว แต่ก็จะผลิดอก ออกใบ มาสร้างความสวยงามให้กับสวนได้อีกในช่วงตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) เป็นต้นไป ซึ่งก็จะต่างจาก พืชประเภท Annual plants ซึ่งจะอยู่ได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ อาจเป็นแค่ฤดูกาล หรือ แค่ 1 ปี ก็ตายแล้ว (น่าสงสารจัง....) ที่บ้านเราก็คงเรียกว่า พืชล้มลุก หรือไม้ล้มลุก อะไร ทำนองนั้น หรือเปล่า...ฟังก็แปลก ๆ นะ...นึกภาพตุ๊กตาล้มลุก....หรืออย่างอื่น ๆ ที่อาจ "ล้ม" ได้ และ "ลุก" ได้ เหอะ ๆ.........อย่าคิดมากน่า....




ที่จริงแล้ว Daylily จะมีอยู่หลายพันธุ์มาก โดยจะมีสีของดอก เกสร และกลิ่นแตกต่างกันออกไป ในอเมริกา จะมี หน่วยงานที่เรียกว่า The American Hemerocallis Society ทำหน้าที่จดทะเบียนพันธุ์ของพืชจำพวกนี้ และมีการประกวด การส่งเสริม การให้ความรู้ เพื่อส่งเสริมการปลูกและขยายพันธุ์ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น...Daylily ที่ปลูกขายกันในขณะนี้ ส่วนใหญ่เป็นพวกพันธุ์ลูกผสม (Hybrid) หรือพันธุ์ทาง ซึ่งตลาดจะนิยมมาก เนื่องจากสีสันจะสวยงาม กลีบดอกจะคงทน ใหญ่ สวยงามมาก อิฉันคาดว่าที่เมืองไทยก็น่าจะปลูกไม้ดอกชนิดนี้ได้เหมือนกัน เนื่องจากมีลักษณะอากาศคล้ายคลึงกับ Florida




ที่สวนบ้านฉันปลูก Daylily ไว้ประมาณ 50 ต้น มีพันธุ์แตกต่างกันประมาณ 15 ชนิด แต่ขอนำรูปมาอวดเพียงบางชนิดเท่านั้น เพราะบางรูปที่อิฉันถ่าย (รูป) ไว้ มันมีขนาดใหญ่กว่าที่ทางเวปอนุญาต นำมาเสนอเป็นบางส่วนเพื่อรักษาทรัพยากรพื้นที่ของทางเวป ไปในตัว ...ก็หวังว่าท่านจะได้รับความสุขใจ สบายตา กับ Daylily ของอิฉันนะคะ และต้องขออำภัย หากว่า ปวดหมอง เพราะอ่าน ภาษาประกิต มากไปหน่อย ก็หายา มาทา มาถู นะคะ.....ม่าย ร่าย เจด ตา นา....










 

Create Date : 29 ตุลาคม 2549    
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 5:57:15 น.
Counter : 2348 Pageviews.  


ป้าตะลอนทัวร์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ป้าตะลอนทัวร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.