ChobShare : ถ้าชอบก็แชร์ ; Facebook : ป้าตะลอนทัวร์ทั่วโลก, ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภา พูลทรัพย์ อักษรดิษฐ์ ; YouTube : Chob Share
Group Blog
 
All Blogs
 

อวสาน NFI ....จุดจบของหุ้น finance เล่นจนมันเจ๊งในวินาทีสุดท้าย



วันนี้จะเล่าถึงการเล่นหุ้นแค่ตัวเดียวคือ NFI ไหน ๆ ก็เล่าเกี่ยวกับมันมาแล้ว 3 บล็อก...บล็อกนี้มีทีเด็ด...เมื่อเจ้าหุ้นตัวนี้ถึงกาลอวสาน....

จากที่เคยบอกแล้วว่าเราเริมซื้อขายเจ้าหุ้นตัวนี้ตั้งแต่เริ่มริเล่นหุ้น เมื่อ ก.ค. 07 ซื้อไว้ที่ราคา 4.35/share แล้วมันก็ทำการ split หุ้นของเราจาก 300 หุ้น(share) เหลือ 75หุ้น ที่ราคาสูงลิ่ว $17 กว่าเหรียญ เล่นเอาใจหายใจคว่ำ...แต่เมื่อราคามันลงอีก เราก็ซื้อไว้อีก 360@5.54 หลังจากนั้นก็ขายไปเมื่อ ส.ค. ในราคา 8.02 ต่อหุ้น สรุปแล้วฉากแรก กำไร $189.30 หักค่าที่ บริการบ้าอะไรไม่รู้บริษัท Broker มันจัดการอัพเดดหุ้น หรือ มันส่งเข้า NFI อะไรนั่นแหละ $20 ดังนั้นจึงเหลือกำไรสุทธิ $169.30.........ตอนนั้นก็คิดแล้วว่า ดีกว่าเอาเงินเก็บไว้ในแบงค์บ้านเราเป็นไหน ๆ ....หวังกินดอกบ้านเรา ตายไปแล้ว เกิดใหม่ก็คงไม่รวยเหมือนนายกบางคน....เหอะ ๆ

หลังจากรับทรัพย์มาแล้วก็เอาเงินมาหมุนซื้อหุ้นตัวนี้อีกในวันที่ 20 สิงหา นั่นเอง ซื้อ 300@7.59 และ วันรุ่งขึ้นซื้อ 300@7.39 เนื่องจากหุ้นตัวนี้มีอัตราการปรับเปลี่ยนราคาขึ้นลงมากในแต่ละวันตามที่เราเก็งไว้ ดังนั้น วันที่ 22 สิงหา จึงขายทั้งหมดที่มี 600 shares @$7.85 หักค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แล้ว กำไร $215.92...

วันรุ่งขึ้นซื้อไว้อีก 300@$8.80 แล้วขายไปในวันเดียวกันนั้นเลยที่ $9.15 กำไร $104.95....ก็บอกแล้วไง เป็นคนชอบซื้อมา ขายไป ไม่เก็บไว้นานโดยไม่จำเป็น...

วันที่ 24 สิงหา ซื้ออีก 300@$9.45 แล้วขายในวันนั้นเลย ที่ @$9.65 กำไรเล็กน้อย ที่ $59.95 เนื่องจากเราทำการซื้อขายในวันเดียวกัน เงินเลยไม่โชว์ว่า สามารถซื้อขายได้อีก ต้องรอสองสามวัน ดังนั้น วันที่ 29 สิงหา เห็นเงินโชว์ว่ามีเงินที่สามารถซื้อหุ้นได้ เลยซื้อหุ้นตัวนี้อีก 400 @ $7.8 แล้ววันรุ่งขึ้น 30 สิงหา ก็ขายมันไปที่ $8.35 ก็ได้กำไรมาอีก $219.94

วันรุ่งขึ้นก็ซื้อมาเก็บไว้อีก 200 @$8.42 เพราะมี account อยู่เท่านั้นเอง....หลังจากนั้นวันที่ 4 กันยา ก็ซื้อไว้อีก 400 @$7.35 เพราะ ราคามันชักจะลง เลยซื้อเพื่อปรับค่าเฉลี่ยต่อหุ้นให้ลดลง แล้วก็ไม่ได้จังหวะขายสักที เพราะราคามันลงเกินกว่าที่คิด ขืนขายก็ขาดทุน เลยรอจนวันที่ 13 กันยา ก็ขายไปทั้ง 600 @$7.95 สรุปแล้วงวดนี้กำไร $145.92

วันที่ 17 กันยา ซื้อมาอีก 400@$7.40 แล้วรุ่งขึ้นก็ขาย ที่ $8.28 ได้กำไร $351.94.....วันที่ 25 ซื้อและขายในวันเดียวกันได้มาอีก $219.96 หลังจากนั้นก็ซื้อในวันที่ 28 กันยาอีก แต่งวดนี้ หุ้นลงมากต้องรอถึงวันที่ 9 ตุลาคม จึงได้ขาย ได้กำไร มา $95.95 ...ช่วงนี้ไปเที่ยวอัฟริกาใต้ ต้องคอยเช็คตลอด แต่แย่หน่อยที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารของมันเท่าที่ควร แล้วก็เป็นบทเรียนที่ดีที่เดียว เพราะ...

พอกลับมาจากอัฟริกาใต้ ก็เริ่มโลภอยากได้กำไรอีก...เลยซื้อมาอีกที่ ที่$8.01 โดยไม่ได้ติดตามข่าวสารด้านเศรษฐกิจและปัญหาเรื่องเกี่ยวกับการซื้อขายบ้าน ที่ดิน และ finance ของเมกาให้ดี ผลปรากฏว่า ราคามันลดพลวด ๆ เล่นเอาใจสั่น...นั่งคำนวณทุกวันว่าขาดทุนกำไรเท่าไร อยากจะซื้อไว้อีกเมื่อราคามันลงถึง $1.19 ต่อ หุ้น แต่ก็ไม่มีเงินจะซื้อแล้ว แถมกลัวอีกว่ามันจะลงไปกว่า ค่า เฉลี่ย ที่เราทำได้...กว่าจะมีเงินซื้อมาอีก ก็วันที่ 19 ธันวา เลยซื้อไว้อีกเพื่อลดค่าเฉลี่ย และลดตัวเลขแดงใน chart ของเราเองซึ่งแสดงค่าขาดทุน ถึง $2000+ ถ้าขายตอนนั้น ทำให้ดีล่ะ....

ถึงคราวซวยต้องแขวนมันห้อยต่องแต่งทำอะไรไม่ได้ อยู่เป็นนาน ระหว่างนั้นก็ศึกษาข่าวสารเกี่ยวกับเจ้าบริษัทนี้ แบงค์แห่งหนึ่งได้เข้าอุ้มมันไว้ระยะหนึ่ง แต่มันก็ยังขาดทุน เพราะมันปล่อยกู้ให้กับผู้มีรายได้น้อยมากไป และมันเจอมรสุมเรื่องการลดค่าดอกเบี้ยที่สามารถเรียกเก็บได้จากลูกหนี้ ช่วงนั้นจึงมีการ refinance กันยกใหญ่ บริษัทไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้แบงค์ได้ สถานะสั่นคอน และแล้วก็อ่นเจอว่า ผู้บริหารถอนตัว ตบเท้าออกเป็นแถว....ตายละหว่า....แล้วตรูจะทำไงดี

วันที่ 11 มกราคมตัดสินใจซื้ออีกที่ $2.55 เพื่อลดความขาดทุน และแล้วก็ขายหุ้นทั้งหมดไปในวินาทีสุดท้ายจริง คือ วันที่ 16 มกรา เมื่อวาน ก่อนปิดตลาดประมาณ 5 นาที เห็นจะได้ หลังจากนั่งดู chart ทั้งวัน พยายามจะขายให้ขาดทุนกำไร น้อยที่สุด และแล้ว ก็ขายไป 2500 หุ้น @1.94 ซึ่งเป็นราคาที่เกือบดีที่สุดของมัน จะเสี่ยงรอสูงกว่านี้ ก็หวั่นว่ามันจะไม่ขึ้นไปอีก ...งานนี้ต้องถือว่าเจ็บตัวน้อยที่สุดดีกว่า....

สรุปแล้ว หักลบกลบหนี้ จากที่ซื้อขายมา 27 ครั้ง เหลือกำไร แค่ $434.21 แทนที่จะเป็น $1600+ มาถึงตอนนี้ ก็ตามธรรมดา ของหมานุษย์แหละ ที่มีความโลภสะสมไว้เป็นทุน กับอีกประการสำหรับเราคือ...คำนวณแล้วแค่ขาดทุนกำไร..ไม่ได้เข้าเนื้อตัวเอง...ก็เลยอยากรู้ถึงที่สุด ว่ามันจะหมู่หรือจ่ากันแน่...การตัดสินใจนั่งติดตามกระแสข่าวของมัน ดูราคาขึ้นลงของมันในช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อนกาลอวสานของหุ้นตัวนี้ นับว่าได้เรียนรู้อย่างมาก และก็คุ้มที่สามารถลดการขาดทุนชนิดเฉือนเนื้อตัวเอง $500 + มาเป็น ยังได้กำไร $400+ นี่นับว่าดีโขแล้ว...แต่กว่าจะลงเอยแบบนี้ได้ ต้องนั่งคำนวณ ขายตัวอื่นเพื่อเตรียมเงินไว้โป๊ะตัวนี้เมื่อได้เวลาอันเหมาะสม....

และแล้วที่เก็งไว้ก็ได้ผลเป็นอย่างดี เพราะเช้าวันนี้ หุ้น NFI ได้เปลี่ยนไปเป็น NOVS.PK แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ คือ เจ้าหุ้นตัวที่ล้มละลายทั้งหลาย มักจะแปลงร่างเป็นชนิดที่มี จุด ทั้นนั้น และตัวย่อของมันก็ยาวขึ้นด้วย มันถูกถอดของจาก ทำเนียบหุ้นของนิวยอรค์ ไม่มีสภาพที่เหมาะสมกับตลาดเพราะมีอัตราการลดลงของราคาหุ้นอยู่ในกระแสที่ไม่มั่นคง...

เข้าไปดู profile ของมันแล้วเศร้าใจ....นึกถึงคนที่ล้ม...นึกถึงคนที่ถือหุ้นนี้อยู่ในมือ แล้วไม่ได้ขายมันไปเมื่อวานนี้ด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม....ตอนนี้NFI หมดสภาพ...ไม่มีข้อมูลปรากฏใน yahoo finance อีกต่อไป ส่วน ชื่อย่อตัวใหม่ที่มาแทน ก็ไม่มีข้อมูลปรากฏให้เห็นมากพอที่จะศึกษาแต่อย่างใด....เพราะมันเหมือนทารกเพิ่งเกิดใหม่วันนี้เอง.....แต่เป็นทารกที่เกิดพร้อมหนี้ติดตัวจำนวนมาก...ไม่ได้คาบช้อนเงิน ห้อยช้อนทองเหมือนหุ้นลูกเศรษฐีบางคน..หรือแหมแต่คนใช้ของบ้านนั้น...เหอะ ๆ.....ราคาวันนี้ ที่มีการซื้อขายกันของหุ้นแปลงร่างตัวนี้ อยู่ที่ $1.30-1.75...........

นึกถึงบริษัทหลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์บ้านเรา ที่เจอภาวะขาดทุนและต้องปิดตัวเองไป ทิ้งให้คนจำนวนหนึ่งตกงาน อย่างที่ NFI ก็ทำ...ทิ้งให้มดแดงอย่างเรา ๆ ที่หวังจะได้กำไร จากการซื้อขายหุ้นถูกกัดไปตาม ๆ กัน....ไม่รู้เหมือนกันว่า ตอนนี้คนที่นอนเลียแผลอยู่อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง....ตื่นเถิด...ลุกขึ้นมาต่อสู้...เอาใหม่ ด้วยวิธีการที่ดี ..ใช้เหตุผล และการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มมากขึ้น....ขยันทำงานมากขึ้น ..เก็บหอมรอมริบไปในตัว....โอกาสดี ๆ รอเราอยู่เสมอ...

อย่าเล่นหุ้นจนหมดสภาพล่ะ....สำหรับเราเอง...นี่ยังดีที่เป็นผีเสื้อต่างแดน...ตัวใหญ่หน่อย...ถ้าเป็นแมงเม่าละก็....มอดไปแย้ว......











 

Create Date : 17 มกราคม 2551    
Last Update : 20 สิงหาคม 2552 6:35:00 น.
Counter : 910 Pageviews.  

หุ้น finance ไม่ใช่หมู แต่น่ากินชะมัด...แถมหวานอีกต่างหาก






วันนี้ขออนุญาตเล่าให้ฟังถึงแนวคิดการเล่นหุ้นที่เกี่ยวกับการเงิน หรือ หุ้น finance โดยนำเสนอคำศัพท์ทั้งไทยและอังกฤษ เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน แต่ต้องขออภัยมณีที่เราไม่รู้เรื่องศัพท์ที่ใช้ในหุ้นไทยอย่างจริงจัง การแปลคำของเราจึงถือเอาศัพท์ตามพจนาณุกรมเป็นหลัก คิดว่าคงไปได้ ส่วนบรรดาเซียนไทยแลนด์เดอร์ท่านใช้อย่างไรนั้น บอกกล่าวกันได้ ไม่ว่ากัน...ใครจะกล้าว่าพี่ได้หล่ะ...เหอะ ๆ


หลายคนไม่ชอบเล่นหุ้นที่เกี่ยวกับบริษัทการเงิน หรือที่เรียกว่า finacial หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการประกัน(insurance) หุ้นที่ทำมาหากินอยู่กับเรื่องการจำนองบ้านและที่ดิน(mortgate , home loans) หรือสินเชื่อ (credit) เพราะหุ้นเหล่านี้มีความเสี่ยงสูง (high risk)ไม่คงตัว ไม่มั่นคง (unstable) เรียกว่ามีขึ้น มีลง มีความผันผวน แกว่งไปมา (fluctuate) เล่นไม่ดีอาจเจ็บตัว เจ็บใจได้ เรียกว่า ไม่หมู


แต่เรานะ ชอบมากเลย หุ้น finance จึงเป็นหุ้นตัวแรก ๆ ที่เราจับ เหตุผลก็คือ เรามีเงินไม่มาก ไม่ใช่นักลงทุนรายใหญ่ ดังนั้นเราจึงไม่คิดซื้อแล้วเก็บไว้ชื่นชมการขึ้นลงของราคาแต่ละวัน เพราะเราคิดว่า มันไม่แน่นอน แต่เพราะว่าหุ้นประเภทนี้ มีค่าความต่างของราคาซื้อขาย (trade) ในแต่ละวันห่างกันมาก (day's rate) เช่น day's rate ของหุ้น ถ้าส่วนใหญ่มีค่าราคาต่ำสุดและสูงสุด เช่น $2.50 - $2.95 (ห่างกัน $0.45) หรือ ยิ่งห่างมาก เช่น $5.25 - $6.10 ยิ่งน่าสนใจ (สำหรับเรานะ) และถ้าศึกษาจาก ประวัติราคาซื้อขาย (historical prices) ซึ่งหุ้นของฝรั่งเราจะสามารถศึกษาข้อมูลเหล่านี้ได้จาก internet ดังนั้น หากเราศึกษาแล้วเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่เราจะทำกำไรจากหุ้นประเภทนี้ เราก็ต้องวางแผนการลงทุนให้ดี


สำหรับตนเอง ไม่มีความคิดเรื่องการซื้อหุ้นเก็บอยู่แล้ว จะซื้อมาแล้วขายไปเมื่อมีจังหวะได้กำไร แม้เพียงเล็กน้อย เราก็คิดว่า ดีกว่าซื้อแขวนไว้ แล้วรอจนได้กำไรมาก ๆ จึงค่อยขาย เท่าที่ศึกษาดู เราพบว่า บางครั้งความคาดหวังของเราผิดพลาด เช่น เราสามารถดูการเคลื่อนไหวของหุ้นตามเวลาการซื้อขายจริง และสามารถส่งคำสั่งซื้อ หรือขายหุ้นที่เราต้องการเล่น หรือมีอยู่ได้ด้วยตัวเราเองทันที โดยไม่ต้องผ่านตัวแทน (representative) เราสามารถทำข้อมูลได้ด้วยตนเอง เปลี่ยนแปลงตามราคาขึ้นลงได้ นั่นคือเราสามารถตัดสินใจได้ทันที ทันใด ไม่ต้องรอโทรศัพท์ให้ตัวแทนส่งคำสั่งซื้อขายให้


ดังนั้น เมื่อเราดูจากตารางการซื้อขายของหุ้นตัวที่เราครอบครองอยู่ในเนต แล้วเราเห็นว่า ได้กำไร $100 แล้วยังไม่พอใจ เราสามารถรอจนได้กำไร ตามที่เราคาดหวังไว้ได้ แต่หากเราคาดผิด บ่อยครั้งที่เราควรขายเพื่อให้ได้กำไรเท่านั้น แต่เราไม่ขาย โอกาสที่จะกลับมาได้กำไรอย่างนั้นอีก อาจไม่มีอีกแล้ว ดังนั้น แนวคิดของเราคือ ได้กำไรแต่น้อย แต่ได้เกือบทุกวัน ดีกว่า รอจนได้กำไรมาก ๆ เพราะ หากเราคาดผิด เราก็เสียเวลาเปล่า แถมบางที่ต้องรอเป็นอาทิตย์ สองอาทิตย์ เพื่อให้ตัวเลขที่แสดงกลับมาเป็นเสมอตัว หรือ ติดลบน้อยหน่อย...อย่างนี้เรียกว่า...เจ็บนี้อีกนาน..เหอะ ๆ


ตอนที่เราเริ่มเล่นหุ้นใหม่ ๆ เราตั้งใจไว้ว่า เราจะซื้อหุ้นแต่ละตัวในช่วงที่ราคาต่ำในแต่ละวัน ซื้อเพียงหุ้นตัวละ 300-400 เท่านั้น แต่ซื้อสัก 2-3 หุ้น เวลาหุ้นตัวใดติดลบ ขายไม่ได้ เรายังมีความหวังจากหุ้นตัวอื่น คติในการเล่นหุ้นของเราคือ กำไรน้อย หลาย ๆ ครั้ง ดีกว่าหวังน้ำบ่อหน้า...ทุกครั้งในตารางของเราจะต้องมีหุ้นการเงิน finance ติดไว้เสมอ บางครั้ง 3 ตัว ดาหน้ากระดานทีเดียว เล่นไปก็มีเสียวบ้าง แต่เป็นคนไม่กลัวเจ็บ แถมดวงดีเล็กน้อยถึงปานกลาง...เหอะ ๆ

แหม...ก็เงินกำไรมันก็ดีอยู่หรอก...หุ้น finance สำหรับเราจึงหวาน น่ากินดี...เหอะ ๆ






 

Create Date : 27 ธันวาคม 2550    
Last Update : 27 ธันวาคม 2550 9:53:30 น.
Counter : 500 Pageviews.  

เล่าเรื่องเสียวของหุ้น finance NFI



บล็อกก่อนเกริ่นไว้เกี่ยวกับหุ้นของบริษัทการเงินแห่งหนึ่งในอเมริกาชื่อย่อที่ใช้ในการเล่นหุ้นคือ NFI มีชื่อเต็ม ๆ ว่า NovaStar Finacial, Inc. เราซื้อหุ้นนี้ในวันศุกร์แบบที่คิดเก็งไว้ว่าต้องได้กำไรอย่างแน่นอน ช่วงนั้นยังไม่มีความรู้เรื่องการแยกหุ้น หรือ Stock Split แต่อย่างไร งานนี้เลยได้โอกาสรับประสบการณ์แบบช็อค หัวใจสลาย กลัดกลุ้มกับสถานการณ์ที่ไม่เคยรับรู้อยู่สองวัน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 30 ก.ค. ที่บริษัท Split หุ้น ใครมันทำอะไร หรืออย่างไร ไม่รู้แน่ แต่เดาเอาว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ๆ หรือพวกในบริษัทนั่นเองได้กระทำการปั่นหุ้น จากราราประมาณ $4 กว่า ๆ อัพราคาปั่นขึ้นไปเป็น $12 - $15 กว่า ขณะเดียวกัน ก็มีการกันไม่ให้ผู้ซื้อหุ้นรายย่อยกระทำการซื้อขายหุ้นที่มีอยู่ ชั่วระยะหนึ่ง ประมาณ 2-3 วัน ขณะเดียวกัน บริษัทก็จัดการแบ่งแยกจำนวนแชร์ที่ผู้ซื้อหุ้นมีอยู่ลดลง 4 เท่า เป็นผลให้ หุ้นที่เราซื้อไว้จำนวน 300 shares @ $4.35 ลดลงเหลือ 75 หุ้น อยูที่ราคาหุ้นละ $17.40 ....มันน่าเศร้าไหมล่ะ ที่มีหุ้นอยู่ดี ๆ 300 หุ้น เพียงข้ามเสาร์ อาทิตย์เท่านั้น หุ้นก็ถูกลดลงเหลือ 75 หุ้นเสียนี่

เท่านั้นยังไม่พอ...Broker ยังหักค่าธรรมเนียมบางอย่างในการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ มันเรียกว่า MANDATORY REORGANIZATION FEE ทาง broker หักจากบัญชีของเราที่มีอยู่ จำนวน $20 ว่าเข้าไป ขาดทุนตายเลย...ทำไงล่ะตอนนี้ จะขายหุ้นที่มีอยู่ 75 หุ้น ก็ไม่ได้ เพราะราคามันตกลงทุกวัน จาก $15 กว่า เป็น $12 กว่า $9 กว่า ตกลงไปเรื่อย ๆ ...หลังจากนั่งสติแตกอยู่ 2 วัน ก็คิดตก...มันจะเป็นไร ไป มันมีขึ้น ก็ต้องมีลง....เดี๋ยวรอมันลงมาก ๆ แล้วเราก็ช้อนซื้อมันใหม่ เพื่อปรับค่าเฉลี่ยของหุ้นที่เราถืออยู่ให้ต่ำลง...คิดได้ดังนั้น ก็หันไปสนใจหุ้นตัวอื่น ๆ เพื่อหวังจะทำกำไรเข้ามาตุนไว้มาก ๆ

ได้จังหวะช้อนซื้ออีกทีก็วันที่ 7 สิงหาคม เพราะราคาลงถึงระดับที่น่าเสี่ยง เราเลยซื้อ NFI 360 shares @5.54 เป็นผลให้ค่าเฉลี่ยของหุ้นที่ถืออยู่ลดลงจากหุ้นละ $17.4 เหลือ หุ้นละ $7.584 .....

หลังจากนั้น หุ้นตัวนี้ก็มีราคาขึ้น ๆ ลง ๆ แต่เราก็ยังไม่ได้จังหวะขายได้สักที จนในวันที่ 17 สิงหาคม โชคเข้าข้าง ความอดทน และอึดของเราได้ผล เราขายหุ้นตัวนี้ไปทั้งหมดที่มี 435 shares @$8.02 ....งานนี้ หักราคาซื้อทั้ง 2 ครั้ง กับค่าธรรมเนียมบ้าที่ว่าแล้ว เหลือกำไร แค่ $169.24 เท่านั้นเอง...เหอะ ๆ

แหม...งานนี้ยิ้มออกไปหลายวัน แล้วไม่กลัวอีกแล้วที่จะเสี่ยงและรอคอยโอกาสงาม ๆ ...คิดทางบวก....มีได้ก็มีเสีย....มีขึ้นก็มีลง....แต่หลักการที่เรายึดถือในการเล่นหุ้นคือ....ไม่ขายเมื่อขาดทุน....ดังนั้น มีแต่ได้...เหอะ ๆ..ไม่ได้กำไร ปล่อยทิ้งไว้ เพราะถ้าขายก็ขาดทุนทันที...สู้แขวนค้างไว้รอจังหวะขาขึ้นจะดีกว่า...วิธีการแบบนี้ ได้คุยกับเพื่อนฝรั่งคนหนึ่ง เขาเล่นต่างจากเรา เขาขายทั้ง ๆ ที่เห็นว่าขาดทุน แล้วไม่ใช่ขาดทุนน้อย ๆ บางครั้งขาดทุนเป็น $1000 เรายังใจไม่กล้าขนาดนั้น...ไม่แน่ถ้าเราได้กำไรมามาก ๆ เราอาจใจกล้ามากขึ้นก็ได้...แต่เพื่อนเราคนที่ว่าน่ะนะ เขาไม่ได้เกี่ยงเรื่องกำไรแต่อย่างไร...เขาคิดว่า...ไม่อยากขาดทุนมากกว่านี้....เออ..มันก็เป็นเหตุผลที่ดีเหมือนกัน....แบบว่า ยอมเจ็บแต่น้อยกระมัง...

มาถึงตรงนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหุ้นไทยมีเรื่องแบบนี้บ้างหรือเปล่า ขอบรรดาเซียนทั้งหลายช่วยแชร์ idea หน่อย ข้าน้อยจะได้รู้เรื่องกับเขาบ้าง....






 

Create Date : 26 ธันวาคม 2550    
Last Update : 26 ธันวาคม 2550 18:19:04 น.
Counter : 847 Pageviews.  

เริ่มเล่นหุ้น...ก็มีเรื่องเสียว




บล็อกเล่าเรื่องหุ้นนี้เขียนไว้เพื่อแบ่งปันความรู้ ความคิด สู่ผู้สนใจ ทั้งที่เล่นหุ้นเอง หุ้นเล่นกับคนอื่น...ไม่ได้เล่นหุ้น แต่หลงเข้ามาอ่าน...ผู้ที่มีพรรคพวกเล่นหุ้น...ผู้ที่เล่นแล้วเลิกไปแล้ว...หรือผู้ที่กำลังนอนเลียแผลอยู่เพราะบาดเจ็บจากหุ้น....ประสบการณ์ที่แบ่งปันนี้เป็นประสบการณ์การเล่นหุ้นในต่างประเทศ ซึ่งอาจมีบางสิ่ง บางอย่าง บางข้อความหรือคำที่ใช้ต่างกันออกไป...ซึ่งก็จะพยายามนำเสนอเพื่อสร้างความรู้ไปด้วย ...ดังนั้นอาจพบคำที่มีทั้งไทยและอังกฤษปนอยู่...ก็หวังว่าผู้สนใจจะได้รับประสบการณ์ที่แบ่งปันนี้...และยินดีที่จะตอบคำถาม หากมีผู้สนใจสอบถามหรือแสดงความคิดเห็นแจมเข้ามา....

ช่วงเดือนมิถุนายน 2007 ดูเหมือนชีวิตจะต้องเข้าไปวุ่นวายกับหุ้น ทั้งที่ตอนอยู่เมืองไทย เห็นเพื่อนร่วมงานไปนั่งดื่มกาแฟที่ตลาดหุ้นหลายคน เคยสงสัยว่ามันเป็นอย่างไรนะ ทำไมเขาชอบไปนั่งดูตัวเลขวิ่งกันนัก ลองดูในทีวี อ่านในหนังสือพิมพ์ อย่างไรก็ไม่เข้าหัว ทั้งที่เป็นคนมีหัวเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ และการทำมาหารับประทานแท้ ๆ ทำไงได้ คนไม่มีกระตังค์ ไม่ได้คาบช้อนเงิน ช้อนทองออกมาดูโลก ก็ต้องขยันทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อตงั้นเอง บางคนที่เกิดมามีชีวิตไม่ลำบากเหมือนเราก็มักจะไม่เข้าใจ เลยพาลคิดและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นา ๆ เออ ...ก็ดีเหมือนกัน เกิดมามีชีวิตที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้คนสมองนิ่ง หันมาคิดวิพากษ์วิจารณ์ได้สนุกปาก ไม่เหงา สมองทำงาน ไม่เป็นอัลไซเมอร์ดี

ลองหาความรู้เกี่ยวกับหุ้นไทยในเนต ก็ดูไม่ได้ผล หาอะไรไม่ค่อยได้ หรือเราหาไม่เป็นก็ไม่รู้ และก็จำได้ลาง ๆ ว่าที่พี่ ๆ เขาเล่นกันในบ้านเรานั้น เหมือนต้องซื้อผ่านตัวแทน หรือ โบรกเกอร์ (Broker) ซึ่งแปลว่า นายหน้าซื้อขาย หรือตัวแทนซื้อขาย ซึ่งดูแล้วไม่ใช่อย่างที่ตัวเองชอบ อีกทั้งถ้าเล่นหุ้นไทยเราก็ต้องรอเวลาจนเรากลับมาบ้าน จึงจะดำเนินการได้ ไม่เห็นมีการสมัครออนไลน์แต่อย่างไร อย่างั้นเลย ดูหุ้นต่างประเทศแบบที่เล่นออนไลน์ได้ดีกว่า ไม่ต้องผ่านใครดี

เดือนมิถุนายนทั้งเดือนเข้าเนตศึกษาเรื่องหุ้นทุกวัน ลองเล่นหุ้นลมดู โอ้ เข้าท่าดี ดูจะได้กำไร เก็งตัวไหน ไม่ค่อยพลาด สงสัยจะมีดวงทางนี้ ลองเล่นมาจนกลางเดือนกรกฎาคม ก็ตัดสินใจว่าเอาน่า ลองดู ไม่ลองไม่รู้....

เพื่อให้แน่ใจว่าจะเข้าเป็นสมาชิกบริษัทใดดี ก็ต้องศึกษารายละเอียดทางธุรกิจของแต่ละบริษัทก่อน ถ้าดูในเนต เช่น ใน Yahoo Finance จะเห็นว่ามี Broker ประมาณ 4 บริษัทที่เป็นบริษัทใหญ่ ดูได้จากการโฆษณา ชวนให้เชื่อ..เหอะ ๆ แสดงว่าเงินดี นอกจากนั้นยังต้องดูที่ตัวหุ้นของบริษัทด้วยว่ามีราคาเป็นอย่างไร มีการซื้อขายดีขนาดไหน เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทมีความมั่นคงเพียงพอ หลังจากนั้นก็ลองโทรไปคุย เพื่อดูว่าบริษัทมีการบริการที่คล่องตัวมากน้อยแค่ไหน งานนี้ดีมาก เพราะได้โอกาสพูดภาษาต่างชาติ ได้ตรวจสอบตัวเองไปในตัว ว่าสามารถสื่อสารกับเขารู้เรื่องหรือไม่ ผลสรุป หลังจากประเมินเอง สอบผ่านกับเขาเหมือนกัน....

หลังจากตกลงเลือก Broker ได้แล้ว ก็สมัครผ่านอินเตอร์เนต บริษัททำการตรวจสอบและให้ส่งหลักฐานที่จำเป็น หลังจากนั้นก็ส่งเช็คเข้าบัญชีของบริษัทไป $2,500 เพราะบริษัทนี้เขามี promotion ว่าถ้าเปิดบัญชีตั้งแต่ $2,000 ขึ้นไป จะได้สิทธิ์ซื้อขายหุ้น (trade) ฟรี 30 วัน นับว่าดีกว่าบริษัทอื่น ๆ ไม่ได้เรื่องของฟรีนี่หายาก...

หลังจากนั้นรออีกเป็นอาทิตย์ เงินก็ยังไม่เห็นโชว์ในบัญชี (account) ชักไม่ได้เรื่อง ต้องโทรไปคุยอีกสองสามครั้ง พร้อมบ่นไปในตัว เขาบอกจะเร่งดำเนินการให้ เพราะคนเขามากจริง ๆ ให้ตาย โทรไปกี่ครั้ง ไม่ได้พูดกับเจ้าหน้าที่ หรือตัวแทน (Representative) คนเดิมสักที ตัดสินใจโอนเงินเข้าบัญชีไปอีก $3,500 โดยใช้ electronic funding ไม่ต้องเสียค่าโอนแต่อย่างไร นั่งหน้าเครื่องคอม กดเลืกบัญชีที่ต้องการใช้โอน ใส่จำนวนเงิน กดคลิ๊กเดียว วันรุ่งขึ้นเงินเข้าบัญชีทันที สามารถซื้อขายหุ้นได้ และในบัญชีก้โชว์ให้เห็นว่า เราได้ 500 free trades... แม่เจ้าโว้ย...อะไรมันจะมากมายก่ายกองปานนั้น...ไม่ได้การ โทรไปถามใหม่..ได้ข้อมูลกลับมาว่า เพื่อเป็นการขอบคุณและขออภัยในความล่าช้า....เหอะ ๆ...เออ มันก็ช่างให้เหตุผล...นี่แสดงว่า ที่เทียวโทรไปติดตาม และต่อว่าเขานั้น ได้ผลเป็นอย่างดี...เหอะ ๆ...

เงินเข้าแล้ว...บัญชีก็โชว์แล้วว่าซื้อขายได้แล้ว...ทำไงต่อไป...ซื้อทันที นั่นคือวันศุกร์ที่ 27 ก.ค. ซื้อหุ้น 2 ตัว ทั้ง 2 ตัวเป็นหุ้นของบริษัทการเงิน ความเสี่ยงสูง แต่น่าสนใจ นิสัยชอบเสียงเข้าสิง ตัวแรกซื้อ NFI 300@$4.35 ตัวที่สองซื้อ CHTR 400@$3.80 หมดเงินไป $2,825 หลังจากนั้นวันจันทร์ที่ 30 ก.ค. เริ่มขาย CHTR ไปที่ $4.05 งานแรกนี้ได้กำไร $99.97

ดูเหมือนธุรกิจทำท่าจะดี...แต่ก็มีเรื่องเศร้าชวนให้หวาดเสียวเป็นบ้า นั่นคือ NFI ประกาศ split stock 1 : 4 ในวันจันทร์ที่ 30 นั่นเอง ตอนแรกก็ตื่นเต้นมากเลย เพราะซื้อมาหุ้นละ $4.35 แต่ราคาวันจันทร์โดดไปที่ $15.55 - 12.93 โอ้พระเจ้าจอร์จ ตอนแรกก็นั่งนับนิ้ว คิดว่างานนี้คาดถูกเป๋ง กำไรเห็น ๆ ...แต่มันโอละพ่อ....เราหรือพยายามจะเข้าออนไลน์ขายแทบตาย ทำอย่างไรก็เข้าทำรายการไม่ได้....มันบ้าไหมล่ะ...โทรไปถาม Broker อีก เขาก็แสนดี บอกให้เราติดต่อกับ NFI เอง เขาทำอะไรไม่ได้...เราก็โทรไปบริษัท ปรากฎว่า เป็นระบบเสียงอัตโนมัติ ไม่มีมนุษย์เป็น ๆ พูดกับเราเลย...ตายแน่ละหว่ากรู............

สนใจว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร...โปรดติดตามเรื่องเสียวตอนต่อไป....






 

Create Date : 25 ธันวาคม 2550    
Last Update : 6 มกราคม 2551 3:40:16 น.
Counter : 831 Pageviews.  


ป้าตะลอนทัวร์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ป้าตะลอนทัวร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.