นานา สาระน่ารู้
Group Blog
 
All Blogs
 

สุดยอด#วิธีเก็บรักษาไข่ให้อยู่ได้นานหลายเดือน (ทั้งใน และนอกตู้เย็น)

#เคล็ดลับ คือก่อนเก็บรักษาห้ามล้างไข่เด็ดขาด
สุดยอดกับเคล็ดลับ #เทคนิคการเก็บรักษาไข่ ให้อยู่นานหลายเดือน 

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



 ด้วย 2 วิธีง่ายๆ ดังนี้ 

1 #การเก็บรักษาไข่ไว้นอกตู้เย็น ทั้ง#ไข่ไก่ #ไข่เป็ด 
อุปกรณ์ มีดังนี้ 
1 ถุงมือ 
2 น้ำมันพืช 
3 ไข่ 


#วิธีการทำ 
ใส่ถุงมือให้เรียบร้อย หลังจากนั้น นำน้ำมันพืชเทลงบนฝ่ามือ แล้วถูฝ่ามือทั้งสองข้าง เพื่อให้น้ำมันพืชกระจายทั่วฝ่ามือ 
หลังจากนั้นจึงหยิบไข่มาคลึง เพื่อให้น้ำมันพืชเคลือบที่ผิวของไข่ ซึ่งเทคนิคนี้สำคัญมาก เนื่องจากว่าน้ำมันพืชจะเป็นตัวเคลือบผิวไข่ 
ป้องกันไม่ให้ออกซิเจนซึมเข้าไปในไข่ได้ จึงเป็นการยืดอายุไข่ ไม่ให้เน่าเสียได้ง่ายนั่นเอง 

2 #วิธีการเก็บรักษาไข่ไว้ในตู้เย็น 
ก่อนที่จะเก็บไข่ในตู้เย็น สังเกตดูว่าไข่จะมีลักษณะ 2 ด้าน คือด้านที่แหลม และด้านที่ป้าน ให้เราเอาด้านที่ป้านขึ้นด้านบน 
เพราะด้านป้านจะมีฟองอากาศอยู่ เมื่อเราพลิกด้านป้านขึ้นด้านบน จะทำให้ไข่แดงไม่แตกร้าวง่าย 
จึงถือเป็นการยืดอายุของไข่ ให้เก็บไว้ได้นานมากขึ้นนั่นเองค่ะ




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2563    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2563 14:43:41 น.
Counter : 1401 Pageviews.  

#เคล็ดลับ#หุงข้าวไม่ให้บูดด้วยน้ำส้มสายชู #Tips for cooking rice, not easily spoiled(ไม่บูด100 %)

#Tips for cooking rice, not easily spoiled #Tips for making rice from spoiled with vinegar #เคล็ดลับหุงข้าวง่ายๆ#หุงข้าวไม่ให้บูดด้วยน้ำส้มสายชู (#ข้าวจะขาว นุ่ม ฟู #ไม่บูดชัวร์100 %)


หลายๆคนคงเคยได้ยินคำแนะนำที่ว่า “ลองหุงข้าวแล้วใส่น้ำส้มสายชูลงไปสักช้อนสิ ข้าวจะได้เป็นเม็ดสวยและบูดยาก” ปกติแล้วการเติมกรดในข้าวเพียงเล็กน้อยนั้นมีผลต่อสมบัติของแป้งในเม็ดข้าวหลายๆอย่างเลย
https://pdfs.semanticscholar.org/20eb/e4e68b66f5ec53259a5881fce1709bab8bd6.pdf พบว่าการเติมกรดนั้นจะทำให้อุณหภูมิการเกิดเจล (gelatinous point) ของแป้งในข้าวนั้นมีค่าต่ำลง นั่นก็หมายถึงว่าเม็ดข้าวจะเกิดการดูดน้ำเข้ามาในโครงสร้างได้ไวขึ้น โดยกรดที่แก่กว่าอย่างกรดแลคติกนั้น จะส่งผลได้มากกว่า แต่น้ำส้มสายชูก็ให้ผลในทำนองเดียวกัน ซึ่งการดูดน้ำเข้ามาได้ไวกว่านั้นก็จะทำให้ข้าวนั้นมีความนุ่มเพิ่มขึ้น และมีรูพรุนน้อยลง

รวมไปถึงการดูดซับน้ำมันที่เติมลงไปขณะหุงข้าวนั้นน้อยลงด้วย คือถ้าสรุปง่ายๆแบบไทยๆ ก็คือว่า การเติมน้ำส้มสายชูนั้นจะมีผลทำให้ข้าวนั้นเกิดยางข้าวน้อย (แป้งที่จะละลายรั่วหลุดออกมาเมื่อต้มนานเกินไป จากการสุกช้ากว่า) เนื่องจากว่าข้าวนั้นสุกไวขึ้นจากการดูดน้ำที่ไวขึ้นเลยทำให้ข้าวเรียงเม็ดสวยและมีความนุ่มเพิ่มขึ้นเลยล่ะ และเรื่องความสามารถกันข้าวบูดนั้น อาจจะเป็น


เพราะว่าสภาวะที่เป็นกรดเล็กน้อยที่ไม่เหมาะกับการดำรงชีพของเชื้อนั้น อาจจะมีผลบ้างเล็กน้อยเท่านั้น คิดว่า ผลที่เป็นหลักนั้นเกิดจากยางข้าวของข้าวที่หุงแล้วลดลงจนแทบจะไม่มีเลย ซึ่งตัวยางข้าวนี่แหละที่เชื้อสามารถแทรกซึม (penetrate) ได้ง่ายมากๆเนี่ย มันหายไปแล้ว เหลือแต่ตัวเม็ดข้าวเพียวๆที่เชื้อสามารถแทรกซึมปนเปื้อนได้น้อยกว่ามากๆ เนื่องจากความเป็นระเบียบของโครงสร้างทางเคมีที่ดีเลิศกว่ายางข้าวเป็นไหนๆเลย อีกทั้งทำให้ระบบนั้นมีความชื้นแฉะลดลงด้วย (ถ้าเรียกเป็นภาษาวิทยาศาสตร์นั่นก็คือ water activity ลดลง) ส่งผลทำให้เป็นอุปสรรคต่อการทำเชื้อนั้นเติบโตได้ คราวนี้ก็เลยส่งผลทำให้ข้าวนั้นบูดช้าลงไปอีกมากมายเลย หลายๆคนก็คงสงสัยว่า อ้าว!! แล้วเอาน้ำส้มสายชูมาใส่ข้าวแล้ว ข้าวจะไม่เปรี้ยวหรอกเรอะ?? อาจจะมีบ้างนะครับ แต่อย่าลืมว่าข้าวนั้นก็มีโปรตีนบางส่วนที่สามารถดูดซับกรดเข้าไปได้เวลาสุกได้ด้วย ทำให้รสเปรี้ยวนั้นแทบจะหายไปเลย รวมไปถึงว่าจุดเดือดของกรดน้ำส้มนั้นอยู่ที่แค่ 118.1 °C ซึ่งสูงกว่าน้ำประมาณ 20 °C เท่านั้นเอง ซึ่งอาจจะระเหยออกไป ซึ่งตรงนี้ก็เลยเหมือนกับเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ในการเติมน้ำส้มสายชูลงไปข้าวปั้นในญี่ปุ่น เพราะเนื่องจากว่าข้าวญี่ปุ่นนั้นมียางมากกว่าข้าวไทย/หรือข้าวหมกของอินเดียที่มีการเติมโยเกิร์ตลงไปด้วยนั่นเอง

Id:yingonnaka




 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2563    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2563 13:22:36 น.
Counter : 680 Pageviews.  

#4 เทคนิคการทานอาหารทอดอย่างไร??? ไม่ให้อ้วน แถมอิ่มสบายพุงด้วยจ้า


เทคนิคการ#ทานอาหารทอดไม่ให้#อ้วน มีเทคนิคง่ายๆ ดังนี้ค่ะ แต่ถ้าใครไม่ชอบอ่าน ก็ดูคลิปได้ค่ะ

1.ทานของทอดคู่กับผักกาดหอม และ กระหล่ำปลี ให้มากกว่าปกติ เพราะจะมีเส้นใยสูง พอเราทานอาหารทอดลงไป เส้นใยเหล่านี้จะไปยับยั้งการดูดซึมไขมันเข้าสู่ร่างกายให้น้อยลงนั่นเอง 2.เตรียมตัวล่วงหน้าเมื่อรู้ตัวว่า ต้องไปปาร์ตี้งานเลี้ยงต่างๆ โดยการทานผัก หรือผลไม้ที่มีเส้นใยสูงไปก่อนล่วงหน้า ก่อนถึงเวลางานเลี้ยง จะทำให้เราอิ่มและทานได้น้อยลง เพราะผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง จะทำให้เราอิ่มเร็ว ช่วยลดคอเรสเตอรอลไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้นด้วย ถ้าลืมทานไปก่อนล่วงหน้า เทคนิคให้หาผักที่เคียงข้างมากับอาหารในจานต่างๆ ทานคู่ไปก็ได้ค่ะ 3.ใช้น้ำมันจากธรรมชาติในการปรุงอาหารทอด เช่นน้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน ,น้ำมันรำข้าว,น้ำมันถั่วลิสง เป็นต้น เพราะในน้ำมันเหล่านี้จะมีวิตตามินสูง เป็นประโ 4.การดื่มน้ำมะนาวควบคู่กับของทอด จะช่วยลดอาการเลี่ยนจากน้ำมันทอดๆได้ดี ด้วยจ้า




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2563    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2563 18:57:31 น.
Counter : 283 Pageviews.  

#แค่แช่ด้วยน้ำอัดลม#เครื่องประดับ#เครื่องเงิน (ก็ใสปิ๊ง เหมือนใหม่)

มาดูเคล็ดลับดีๆ กันค่ะ แต่ถ้าใครไม่ชอบอ่าน ก็เปิดคลิปดูเลยจ้า

แค่แช่ด้วย#น้ำอัดลมเพื่อล้างทำความสะอาด#เครื่องประดับ,#เครื่องเงิน หรือเครื่องมือช่างต่างๆ ก็ใสปิ๊ง แวววาว เหมือนใหม่ โดยที่เราไม่ต้องไปขัดไปถูแต่อย่างใด เพียงใช้ตัวช่วย คือ#น้ำอัดลมเท่านั้น ก็สามารถทำให้เครื่องประดับของเรา สะอาด แวววาว เหมือนใหม่ได้ #ขั้นตอนการทำ เทน้ำอัดลมลงไปในแก้วที่เตรียมไว้ (3-4ใบ) หลังจากนั้นจึงหย่อนเครื่องประดับ หรือเครื่องเงินต่างๆเช่น กำไล สร้อยข้อมือ แหวน หรือ เหรียญ และอุปกรณ์ช่าง คือคีมลงไป โดยทิ้งระยะเวลาไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง โดยที่ไม่ต้องไปขัด ไปถู แต่อย่างใด ปล่อยให้น้ำอัดลมทำปฏิกิริยากับอุปกรณ์ต่างๆนั่นเอง หลังจากนั้นเรามาดูผลลัพธ์กันว่ามันจะแวววาว เหมือนใหม่หรือไม่ #สรุปผล หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง เราก็หยิบเครื่องประดับ หรือเครื่องมือช่างขึ้นมาดู ก็จะเห็นเลยว่าอุปกรณ์เหล่านั้นมีความสะอาด แวววาว เหมือนใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องมือช่างที่มีคราบสนิม จะเห็นเลยว่าคราบสนิมจะหลุดลอกออก อย่างง่ายดาย ถือว่าเห็นผลชัดเจน และแตกต่างกันอย่างมาก สำหรับเทคนิคนี้ทุกคนสามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องการจะทำความสะอาดได้ค่ะ หวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆท่าน ฝากกดติดตามสำหรับ ช่อง นานาสาระน่ารู้ By หญิง




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2563    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2563 18:50:14 น.
Counter : 320 Pageviews.  

#สารพัดประโยชน์ของกากกาแฟ ที่มีต่อผิวหน้า-ผิวกาย และเส้นผม


1 นำมาขัดผิวหน้า
 สูตรนี้จะเป็นสูตรสำหรับให้ผิวมีความชุ่มชื้น โดยใช้กากกาแฟ+นมสดรสจืด+น้ำผึ้ง ขัดเบาๆ3-5 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

2 มาร์คหน้า ใช้กากกาแฟ 1 ชต.+โยเกิร์ต 1 ชต.+น้ำผึ้ง 1 ชช. ผสมรวมกันแล้วนำมามาร์คที่ผิวหน้าทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

3 บำรุงผิวรอบดวงตา นำกากกาแฟใส่ถุงผ้าเล็กๆ แล้วนำไปแช่ตู้เย็น สักพักจึงนำมาวางที่ดวงตา ทิ้งไว้จนกว่าความเย็นของถุงผ้าจะคลายตัวลง จะช่วยทำให้ลดอาการเมื่อยล้าของกระบอกตา และอาการบวมของถุงใต้ตาได้ดี  

4 ขัดผิวกาย ใช้กากกาแฟ+โยเกิร์ต+น้ำมะขาม+น้ำผึ้ง อัตราส่วนตามความเหมาะสม นำมาขัดที่ผิวกายประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด ผิวจะนุ่มชุ่มเนื่องจากน้ำมันในกาแฟ จะมาเคลือบที่ผิวของเรานั่นเอง

5 ลดปัญหาผิวเปลือกส้ม ใช้กากกาแฟ 2 ชต.+น้ำมันมะกอก 2 ชต. ผสมรวมกันแล้วขัดที่ผิว 15 -20 นาทีสูตรนี้ต้องทำเป็นประจำ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ จึงจะเห็นผลชัดเจน

6 ทำให้ริมฝีปากเรียบเนียน ไม่เป็นขุย ใช้กากกาแฟ 1 ชช.+น้ำผึ้ง 1ชช . ผสมรวมกัน นำมาขัดที่ริมฝีปาก นวดวนเบาๆ 1 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด หลังจากนั้นก็ทาลิปบาล์มเพื่อบำรุงริมฝีปาก  

7 เพิ่มความเงางามให้เส้นผม จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของรากผม กำจัดสิ่งสกปรกตกค้างที่เกิดจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ควรทำ 2 ครั้ง/เดือน โดยใช้กากกาแฟมานวดที่หนังศีรษะ1-3 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด สระผมด้วยแชมพู และตามด้วยครีมนวดปกติ

8 เพิ่มความเข้มให้กับสีผม ใช้กาแฟที่เป็นเอสเพรสโซ่ หรือกาแฟผงที่เราชงดื่มเป็นกาแฟดำ โดยนำ กาแฟ+ครีมนวดผม ผสมรวมกันนำมาหมักบนเส้นผม 1-1.30 ชม. เมื่อครบกำหนดก็ล้างออกให้สะอาด ตามด้วยน้ำกาแฟดำมานวดเส้นผม ประมาณ 1-3 นาที แล้วล้างออก เคล็ดลับอีก 1 ข้อคือการใช้น้ำส้มสายชูราดบนเส้นผมอีกรอบ ล้างเส้นผมให้สะอาดเพื่อกำจัดกลิ่นของน้ำส้มสายชู วิธีนั้จะทำให้สีผมเด่นชัด และติดทนยาวนานมากยิ่งขึ้น

9 ทำให้ประสาทสัมผัสด้านการดมกลิ่นดีขึ้น เวลาไปซื้อน้ำหอมให้พกกาแฟติดไปด้วย เพื่อล้างกลิ่นที่ติดอยู่ในจมูก

10 ช่วยกำจัดขนอ่อน ขนคุด ได้ดี

 Id:yingonnaka 




 

Create Date : 03 มกราคม 2563    
Last Update : 3 มกราคม 2563 11:48:23 น.
Counter : 713 Pageviews.  

1  2  

สมาชิกหมายเลข 5089379
Location :
สระบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชื่อหญิงค่ะ อาชีพธุรกิจส่วนตัว เกี่ยวกับงานป้ายโฆษณา.
New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5089379's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.