เรียนธรรมะที่ไหน…

ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งมองเห็นความโง่ของตัว หยุดเรียนเรู้เหมือนคนตายแล้ว



เรียนธรรมะที่ไหน…


แสงพระธรรมนำใจให้ไร้ทุกข์                         แสงพระธรรมนำสุขทุกสมัย


แสงพระธรรมส่องสว่างกลางดวงใจ              แสงพระธรรมนำจิตให้พบสงบเย็น


                หลายวันมานี้ได้มีโอกาสอ่านหนังสือธรรมะมากกว่าทุกครั้ง ทำให้เกิดความคิดว่า แท้จริงธรรมะจะเกิดขึ้นได้มันไม่ได้อยู่ที่การอ่านอย่างเดียว แต่มันอยู่ที่เราต้องนำไปปฏิบัติให้ได้ จึงจะเกิดผลทางจิตใจ ถ้าเพียงรู้ธรรมอย่างเดียว ใจก็ยังต้องทุกข์เหมือนเดิม จึงต้องรู้อย่างปฏบัติใจ มิใช่ปฏิบัติเพียงแค่ปาก


เคยรู้สึกบางไหมว่า คืนนี้ฟ้าช่างมืดมิดไร้แสงดาว ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วฟ้าทุกคืนก็ยังมีดาวอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่วันนี้ดาวอาจจะถูกบดบังโดยเมฆหมอก มันคงเป็นเฉกเช่นชีวิตของคนเป็นแน่ เพราะมีทั้งโชคดีและโชคร้ายรอคอยอยู่เบื้องหน้า “เมื่อโชคดีสุดๆ ระวังจะเป็นที่อันตรายสุด เมื่อโชคร้ายสุดๆ จะได้เห็นสัจธรรมจริงๆ” ทุกสิ่งล้วนแต่ว่า ใจเรากำหนดคิดให้สุขทุกข์นั่นเอง ในยามเศร้าให้ทุกสรรพสิ่งดูมืดมิดไปหมด แต่ถ้าจิตใจเราสดใสทุกสรรพสิ่งรอบกายกลับดูสดใสอย่างที่สุด


เราลองพิจารณาให้ดี...เหมือนตัวเราที่มองไม่เห็นสัจธรรมความจริงตรงหน้า คล้ายมีเมฆหมอกมาบดบังไว้ เหมือนกับเวลาที่เรารู้สึกเหงาๆ อยู่คนเดียว ทั้งๆที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่ใจเราก็เหงาอย่างประหลาด อาจจะเป็นเพราะถูกความทุกข์บางอย่างคุกคามอยู่ในใจ ซึ่งไม่มีใครมาแก้ไขในใจเราได้ แต่เราลองคิดพิจารณาดูใหม่... “เมื่อวานคือ อดีต พรุ่งนี้คือ ปริศนา แต่วันนี้คือ สิ่งที่ท่านมีโอกาสทำดีหรือชั่ว นี่คือ เหตุผลว่า ทำไมจึงเรียกปัจจุบันนี้ว่าของขวัญอันล้ำค่า” เพราะเวลาปัจจุบันเท่านั้นคือ โอกาสที่เราจะทำดี ทำชั่วได้ และเป็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ธรรมะที่แท้จริง เราอย่าปล่อยปัจจุบันให้เป็นอดีตที่ว่างเปล่า


การที่จะให้ฟ้ากลับมาสดใสหรือสว่างจากดวงดาวได้อีกครั้ง คงต้องรอให้ลมมาจัดการเมฆหมอกที่มาบดบังดาวให้จากไป คงเป็นสิ่งยาก แต่ต้องใช้เวลา... แล้วจะทำให้ตัวเองกลับมาสดใสมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง ก็ต้องจัดการควบคุมความทุกข์ในใจเราให้ได้เสียก่อนอาจจะทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ “คงไม่ยากไปกว่าการแปรเปลี่ยนไปของเมฆหมอกบนท้องฟ้า” ที่จางหายไปเมื่อถึงโอกาส


                ผู้เขียนพยายามมองไปรอบๆ กายว่า มีอะไรบ้าง...!  ที่มิใช่ธรรมะ พยายามอดทนค้นหามันอย่าง สงบนิ่ง แต่ก็ยังไม่เห็นร่องรอยว่า อะไรไม่ใช่ธรรมะ... สิ่งอะไรไม่เป็นธรรมะของพระพุทธองค์คงไม่มี ทุกอย่างรอบกายเราเป็นธรรม พร้อมที่จะสอนเราได้ตลอดเวลา แม้แต่ท้องฟ้าที่มืดมนก็ยังสอนธรรมะให้เราได้


เรียนธรรมะจากกายนี้... ถ้าเราได้พิจารณามันตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงที่สุดของธรรมะแล้ว ไม่ได้อยู่ตรงไหนเลย เพียงมันอยู่ที่กายเรานี้เท่านั้น เพราะกายเป็นจุดกำเนิดแห่งการคิดในใจเราของทุกสรรพสิ่ง ที่เป็นสุขและทุกข์ เราต้องพิจารณาว่า “ช่างมันเถอะ ในเมื่อชีวิตเราเป็นเช่นนี้ ถูก-ผิดบ้าง มีชั่ว-ดีบ้าง ยังดีกว่าชั่วร้ายไปตลอด” แต่ถ้าไม่ทำชั่วเลย เราจะสิ้นกิเลสทันที


ลองพิจารณาคนรอบข้าง


ลองถามตัวเองดูว่า คุณใส่ใจกับคนรอบข้างมากน้อยแค่ไหน? เพราะความใส่ใจก็คือ การปฏิบัติธรรมะ เมื่อคนรอบข้างสุข คุณก็สุขด้วย ถ้าคนรอบข้างทุกข์ คุณก็ทุกข์ด้วย “เพื่อชัยชนะแห่งจุดมุ่งหมาย ท่านจะต้องมีเครื่องมือต่อสู้ชนิดที่เข้มแข็งที่สุด นั่นคือ กำลังใจ” จะเป็นจุดเปลี่ยนให้คุณประสบความสำเร็จ


ความใส่ใจ ไม่ใช่ความเอาใจ มันก็เหมือนการปฏิบัติธรรมะ... หากคนที่คุณรักจำได้ขึ้นใจว่า “คุณเคยพูดว่าอยากได้อะไร แล้วเขาหาซื้อของชิ้นนั้นให้ ไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อของเยอะแยะมากมายเพื่อเอาใจ”...นั่นแหละถึงเรียกว่า ความใส่ใจ เป็นธรรมะอย่างหนึ่งของการเรียนรู้ใจคนรอบข้าง ...คุณเคยทำเช่นนั้นบางไหม...?


ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความมีน้ำใจอย่างเดียว หากแต่มีการถนอมน้ำใจด้วย หากคนที่คุณรักทำอะไรเพื่อคุณสักอย่างด้วยความตั้งใจ เต็มใจ แต่คุณกลับไม่ชอบมัน คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ใส่ใจในความรู้สึกของเขาด้วย เห็นไหม...? เรียนธรรมะกับคนรอบข้างแบบง่ายๆ... เราก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข ไม่ต้องไปวิ่งหาธรรมะ หาบุญที่ไกลเกินตัวมากเกินไป


หากคนที่คุณรักยอมสละเวลาทำบางสิ่ง เอาไว้ทีหลัง เพียงเพื่อช่วยทำในสิ่งที่คุณขอ...นั่นแหละเรียกว่า “ความใส่ใจ” บางครั้งเราลืมคนรอบข้างที่รักเราไปจนหมด เพียงเพื่อรักใครคนหนึ่งเท่านั้น อย่างนี้เขาเรียกว่า เรียนธรรมะแล้วไม่เข้าใจ จงพิจารณาเสมอว่า “อุปสรรค หยุดรอคุณอยู่ทุกที่ในวิถีชีวิต ไม่มีใครก้าวสู่ความสำเร็จได้ โดยไม่ผ่านอุปสรรคมาก่อน” นั่นเอง


คนเราบางครั้งก็ต้องการมีใครสักคนคอยใส่ใจเราบ้าง หากคุณต้องเดินทางไกล มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนที่คุณรักโทรมาถามว่า “ถึงหรือยัง” “ปลอดภัยดีไหม..! ...“เหนื่อยไหม...?” นี่ก็เป็นน้ำใจ... ที่หลายคนอาจลืมไปจากธรรมะที่เป็นสิ่งธรรมดาที่สุด นี่แหละเป็นที่เรียนธรรมะอย่างง่ายๆ ในสิ่งรอบกายเรา ในบุคคลข้างกายเรา มันเป็นธรรมะที่บางคนลืมมันไป


หากคุณต้องปฏิบัติภารกิจสำคัญไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องเรียน มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนที่คุณรักจำได้และโทรมาบอกว่า “โชคดีนะ” เราจะต่อสู้กับภารกิจที่เรากำลังดำเนินไปอย่างมีพลังใจ อย่างมีธรรมะที่ได้เรียนรู้ จากน้ำใจ


หากคุณป่วยเป็นไข้ ไม่สบาย มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนที่คุณรักโทรมาเตือนให้คุณกินยา และพักผ่อนมากๆ คุณพ่อคุณแม่ หรือลูกรัก หลานรัก แม้เป็นเพื่อนสุดที่รักก็ตาม คำพูดเพียงไม่กี่คำ มีอานุภาพมากมาย มหาศาลมันเป็น “กำลังใจ” ที่มองไม่เห็นแต่มีค่ามาก


ความใส่ใจ กับ ความเกรงใจ คล้ายกันในหลายๆ ด้าน คุณอาจคิดว่า ยิ่งคบกันสนิทสนมกันมากเท่าไหร่ ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันให้มากเหมือนคนที่เพิ่งเริ่มรู้จักกัน แต่หลายคนไม่คิดอย่างนั้น คนดีต้องคิดยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ “ต้องยิ่งเกรงใจซึ่งกันและกันมากเท่านั้น” ความเกรงใจเป็นสิ่งดี และเป็นบ่อเกิดของความสัมพันธ์อันยั่งยืน อย่างนี้เขาเรียกว่า “เรียนธรรมะแล้วเข้าใจ” นำไปใช้ได้... เห็นหรือยังว่า ธรรมะเรียนได้จากทุกบทเรียน จากทุกสถานที่รอบกายเรา


ว.ปัญญาวชิโร






Free TextEditor




Create Date : 04 กันยายน 2554
Last Update : 4 กันยายน 2554 12:50:41 น. 3 comments
Counter : 879 Pageviews.

 
ขอบคุณคะ
ที่ให้ข้อคิด


โดย: yuu IP: 101.108.19.36 วันที่: 4 กันยายน 2554 เวลา:16:48:56 น.  

 
เป็นข้อคิดเตือนใจท่ีดี ถูกใจมากค่ะ


โดย: จันทิมา ทาตระกูล IP: 81.205.19.156 วันที่: 7 กันยายน 2554 เวลา:13:16:59 น.  

 
ขอบพระคุณเจ้าค่ะ


โดย: กุหลาบ (โยมโรส) IP: 62.194.101.94 วันที่: 8 กันยายน 2554 เวลา:13:29:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

samuellz
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบชีวิตอิสระที่สุด
รักทุกคนที่มีธรรมะ
[Add samuellz's blog to your web]

MY VIP Friend


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com