รู้ให้อภัยกันพัฒนาจิตใจได้

ธรรมะไว้คิดบ้าง

รู้ให้อภัยกันพัฒนาจิตใจได้


ผู้มีธรรมเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ เหมือนกับว่ามีเกราะเพชรนับสิบชั้นป้องกันภัยอันตราย ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง ไม่ให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา เพราะเราเข้าใจธรรมชาติแห่งความจริงของชีวิต ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปของทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ การอยู่บนโลกนี้จงจำไว้ว่า… “ผู้ที่ให้อภัยผู้อื่นไม่ได้คือผู้อ่อนแอทางจิตใจ...การให้อภัยศัตรู คือการสร้างมิตร” ในราคาที่ถูกที่สุด แต่กลับคุ้มค่าที่สุด


สภาพใจที่สะอาด สว่าง สงบนั้นเป็นเหมือนกระดาษซับ สามารถจะซับน้ำหมึกดำก็ได้ สามารถจะซับน้ำหมึกแดงก็ได้ เมื่อซับสิ่งใดเข้าไป มันจะคงอยู่ในกระดาษนั้น มันจะไม่ซึมผ่านไปไหนได้ ลองมองตัวเราให้ดีว่า “โทษคนอื่นแก้ไขอะไรไม่ได้ โทษตนเองแก้ไขได้ แก้ตัวไม่ได้ช่วยอะไร แต่แก้ไขช่วยให้ดีขึ้น” พยายามปรับใจให้มีศีลปะแห่งธรรม


ใจคนที่มีธรรม ที่ฝึกดีแล้วย่อมไม่ซึมซับสิ่งชั่วร้าย ยอมรับทั้งส่วนดี ทั้งส่วนชั่ว เอามาไว้ในใจตัว แล้วจึงนำมากลั่นกรอง ไม่ให้เป็นทุกข์ ถ้ายังเป็นทุกข์อยู่ ใจก็ซึมซับสิ่งดี สิ่งร้ายไม่ได้ เพราะใจยังเป็นทุกข์ รับสิ่งใดเข้าไปก็เป็นทุกข์ เพราะไม่สามารถแยกมันออกได้ คิดใหม่เสียว่า “มิตรภาพจะสดใสอยู่ได้ก็ด้วยการเคารพในความแตกต่างระหว่างกัน มิใช่ด้วยการชื่นชมในความคล้ายคลึงกัน” ข่มขู่กัน


บุคคลใดที่รับเรื่องดีๆ มามากๆ จิตใจก็เป็นสุข ถ้ารับเรื่องชั่วมาก จิตใจก็เป็นทุกข์ หาความสุขความเจริญไม่ได้ เพราะปรับใจตนเองไม่ได้ ซึมซับสิ่งไม่ดี สิ่งชั่วให้ผ่านพ้นไม่ได้ เวทนาแห่งสุข-ทุกข์มันจึงเกิดในชีวิตตลอดเวลา “เท่ากับยินดีในสิ่งที่ได้ แต่เสียใจในสิ่งที่ต้องเสียไป” ทุกข์มันจึงเกิด


เรามาดูการพัฒนาและการเสื่อมถอยของมนุษย์ว่า เราเกิดมาเป็นผู้พัฒนาจิตใจ หรือทำให้จิตใจเสื่อมถอยไป นี่เป็นศิลปะแห่งชีวิตลองพิจารณาดู...


- ความเสื่อมถอยจากมนุษย์ ไปสู่สัตว์นรก โดยปฏิบัติตามมิจฉาทิฐิ คือความเห็นผิดจากธรรมะ


- ความเสื่อมถอยจากมนุษย์ ไปสู่สัตว์เดรัจฉาน โดยปฏิบัติตามทุจริต คือขาดศีลห้า


- การสร้างมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ โดยปฏิบัติตามศีลห้า เป็นจุดกึ่งกลาง ที่มีโอกาสสร้างความดี-ชั่ว


- การพัฒนาเป็นมนุษย์ จากมนุษย์ให้เป็นเทวดา โดยปฏิบัติตามเทวธรรม คือ หิริ-โอตตัปปะ


- การพัฒนามนุษย์ให้เป็นพรหมโดยปฏิบัติตามพรหมวิหาร คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา


- การพัฒนามนุษย์ให้เป็นอิสระจากทุกข์ทั้งปวง โดยปฏิบัติตามอริยมรรค


ว. ปัญญาวชิโร






Free TextEditor




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2553 13:19:54 น.
Counter : 668 Pageviews.  

ระวังความร้ายของโรคเครียด

อารมณ์... เครียด


วันนี้ผู้เขียนได้อ่านข่าวว่า เมื่อวันที่ ๒๘ ก.ค. ๒๕๕๒ สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกาว่า นายโจ ริออส โฆษกตำรวจเมืองชิคาโกออกมาระบุว่า ตำรวจรับแจ้งเหตุร้ายกรณีผู้เป็นแม่ลงมือฆ่าทารกน้อยลูกตัวเองอย่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ ๒๖ ก.ค. ที่ผ่านมา เหตุเกิดในบ้านพักย่าน ซัน อันโตนิโอ แหล่งที่พักที่ทันสมัยของเมืองชิคาโก


จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุชื่อนางออตตี้ ซานเชส อายุ ๓๓ ปี ชาวรัฐเทกซัส ส่วนเด็กน้อยคือ เด็กชายสกอตต์ เวสเลย์ บุชโฮลต์ ซานเชส ลูกชายวัย ๓ สัปดาห์ครึ่ง ทั้งนี้มือสังหารอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงจากซาตานสั่งให้ฆ่าลูกชายของตัวเอง จึงลงมือใช้มีดแทงลำตัว และบั่นคอขณะลูกนอนหลับอยู่บนเตียง


แหล่งข่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก ไม่น่าเชื่อว่าผู้เป็นแม่จะลงมือฆ่าลูกตัวเองซึ่งยังเป็นเด็กทารก และกินสมองลูก เหมือนในหนังผีซอมบี้ รวมถึงกัดแทะนิ้วเท้า ๓ นิ้ว ก่อนจะแทงตัวเอง ๒ ครั้ง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เชื่อว่าผู้ก่อเหตุคงมีสภาพจิตที่ไม่ปกติ นี่เป็นตัวอย่าง.. ที่ผู้อ่านต้องคิดแล้วว่า อะไรกำลังเกิดขึ้นในสังคมโลก โรคเครียด โรคคิดมาก มันทำให้จิตใจแปรเปลี่ยนไป


ผู้เขียนได้อ่านแล้วรู้สึกว่า โลกเรานี้มักมีสิ่งผิดศีลธรรมมากขึ้นทุกวัน ใจคนกำลังขาดยารักษาใจ จึงกลายเป็นคนเครียดง่ายๆ เครียดมากๆ แล้วก็เครียดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทำผิดไม่รู้ตัวน่าสงสารมนุษย์โลกจริงๆ ที่เกิดมาแล้วไม่ได้สร้างความดี เพราะโง่ที่คิดว่า “การโกหกจะไม่เกิดขึ้นระหว่างคู่รักที่สุดหรือคนที่เรารักมากที่สุด แต่ระหว่างใจตัวเองกับเรื่องจริง เรามักย่อมโกหกตัวเอง” มันคงเป็นเรื่องสะท้อนใจ สะท้อนภาพให้คิดถึงการขาดศีลธรรม ขาดจิตสำนึกความเป็นมนุษย์เอามากๆ เลย


ว.ปัญญาวชิโร






Free TextEditor




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2553 15:28:46 น.
Counter : 576 Pageviews.  

ศิลปะแห่งชีวิตบนโลกนี้

ศิลปะแห่งชีวิตบนโลกนี้


วันนี้ขณะกำลังนั่งรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาลรามา เพื่อไปบริจาคโลหิตประจำงวด ซึ่งไม่ไกลจากที่พักมากนัก ในช่วงเวลานั้นอดคิดไม่ได้ว่า บนท้องถนนในกรุงเทพฯ นี้ ช่างมีศิลปะแห่งชีวิตมากมายเสียจริงๆ โดยเฉพาะรถมอร์เตอร์ไซค์ ที่เป็นปัญหาต่อการจราจรของรถในกรุงเทพฯ อย่างมาก


ถ้าทุกคนคิดตรงกันว่า “จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ เมื่อคุณรู้ว่าทำผิดกฎจราจร จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข” แล้วการจราจรก็จะเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น


ขณะคิดไปแถบไม่น่าเชื่อ... เห็นรถมอร์เตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งปราดหน้าแท็กซี่ไปอย่างหวุดหวิด พร้อมกับเสียงด่า สาปแช่งคนขับมอร์เตอร์ไซค์ดังออกมาจากปากคนขับ มันก็แปลกดีนะ เจ้าคนขับรถมอร์เตอร์ไซค์มันทำความผิด แต่เขาไม่ได้ยินคำด่า คำสาปแช่งนั้น แต่คนที่ได้ยินกลับเป็นผู้โดยสารกับตัวคนขับเอง มันคงเป็นเรื่องแปลกแต่จริง บนท้องถนนในกรุงเทพฯ


คนเราทุกวันนี้ ที่คนจำนวนมากไม่เข้าใจตัวเอง แล้วก็ด่าสาปแช่งคนอื่น โดยที่เขาไม่ได้ยิน แต่ตัวเองกลับได้ยินความชั่วร้ายนั้น โดยไม่รู้สึกอะไร ลองคิดให้ดีว่า “อภัยให้แก่กันในวันนี้ ดีกว่าอโหสิให้กันตอนตาย” เพราะถ้ารู้อภัยกันมันจะสุขใจจริงๆ คำด่าจะมีประโยชน์อะไร...?


ชีวิตของเราอย่างน้อยต้องมีธรรมะ จึงอยู่อย่างมีสุขในทุกที่ได้ “ชีวิตต้องขึ้นอยู่กับความจริงแห่งการยอมรับความเป็นจริงของกันและกัน” มิใช่ขึ้นอยู่กับโลกธรรม ๘ คือ สุข-ทุกข์ ลาภ ยศ ฯ แล้วก็ทุกข์ไปกับสิ่งรอบกายเรา แท้จริงแล้วธรรมชาติรอบตัวเรา เป็นธรรมะ เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงควบคุมจิตใจ


ว. ปัญญาวชิโร






Free TextEditor




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 2 กรกฎาคม 2553 16:02:52 น.
Counter : 327 Pageviews.  

ปรับชีวิตตามความจริง

ปรับชีวิตตามความจริง


หากวันนี้เรามีชีวิตอยู่ด้วยความจริง ย่อมสามารถเกลาดวงจิต คิดฝึกฝนลดความ โลภ โกรธ หลง เฝ้าเวียนวนคิดไม่อาจพ้นบ่วงโลกีย์ แล้วเมื่อไร จึงจะหายเจ็บและปวดใจได้ เป็นเพราะเรารักตัวเองมากไป จิตใจคับแค้น ขาดสติ เพราะความแค้นบดบังไว้


ลองปรับใจ “อย่าเพ่งมองแต่ความไม่ดี ความเลวของผู้อื่นมากไป” บางคนทำผิดโดยไม่ตั้งใจ โดยขาดสติ พลั้งเผลอไปเรียกง่ายๆ ว่า “โง่เขลา เบาปัญญา” ไปชั่วขณะ พวกเขาจึงได้รับกรรมอย่างที่ตัวเองไม่รู้ บางคนได้สำนึกผิด บางคนตั้งใจขอขมาโทษ ลองเปลี่ยนวิธีการมองชีวิตใหม่ ให้ดูเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดาง่ายๆ แล้วใจเราจะเป็นสุขขึ้น


บางคนเข้าใจว่า “จุดเปลี่ยนของชีวิต” อยู่ที่การตัดสินใจ อย่างกล้าหาญ หากเมื่อไหร่ ได้สติระลึกชอบ ดำริชอบ รู้จักปลอบกาย เตือนใจตน จึงอยู่บนโลกอย่างรู้แจ้งโลก ความเศร้าโศกจึงหายในฉับพลัน “รู้โลกทัน รู้ใช้ปัญญา จึงพ้นทุกข์” ลองพิจารณาให้ดี


โลกแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีคุณธรรม แม้เพียงยิ้มมุมปากฝากให้เห็นก็สุขใจแล้ว จงท่องไว้ในใจเสมอว่า “เงาแห่งอันตรายของความแค้น สลัดยากแสนลำเค็ญ” จงหาร่มเงาใหม่ด้วยการยกโทษให้คนอื่นบ้าง รู้จักการให้อภัย การให้อโหสิกรรมต่อกัน นั่นจึงเห็นสุขได้โดยง่าย


เราต้อง “รู้จักทำใจ รู้จักเอื้อเฟื้อ จักรู้แผ่เมตตา ให้กันและกัน” การทำใจตัวเองให้รู้จักปลงต่อชีวิต เกิดขึ้นเมื่อไร ความสุขใจ ความสบายใจ ความเป็นอิสระแห่งใจ ความโล่งใจ ก็จะเกิดขึ้นทันที เมื่อใจเรารู้จักการให้เมตตากับทุกชีวิตบนโลกนี้ ด้วยการคิดว่า ทุกชีวิต เป็นเพื่อนที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทุกคน จะอิจฉากันเท่าไร ก็หนีธรรมชาตินี้ไม่พ้น


มันจะลดความคมของหนามที่ทิ่มแทงใจ ทิ่มแทงชีวิต ก็จะค่อยๆ หายไป ตัวเรา ใจเราก็จะค่อยมีความสุข คนรอบๆ ข้างก็มีความสุข ที่ทำงานก็สงบ เย็น บ้านที่อยู่ก็มีกลิ่นไอของความสงบสุขเกิดขึ้น ช่วงเวลาที่เหลือของชีวิต จึงเป็นเวลาของความสุข ที่เราไม่ต้องไปร้องขอจากใคร เพียงแค่ปรับใจให้ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นเท่านั้น


ว.ปัญญาวชิโร






Free TextEditor




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2553 2:33:58 น.
Counter : 298 Pageviews.  

พลังใจ... ในการขอบคุณสรรพสิ่ง

พลังใจ... ในการขอบคุณสรรพสิ่ง


ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยี่ยมโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ได้เห็นคุณครูกำลังสอนให้ เด็กตัวน้อยๆ ซึ่งน่ารักมาก แสดงการขอบคุณเวลาพบผู้ใหญ่ให้สิ่งของหรือเพื่อนมอบสิ่งของให้ ทำให้เกิดข้อคิดเตือนใจที่ว่า “เมื่อเราทำให้เขายิ้มได้ เราก็ยิ้มด้วย เมื่อเราทำให้เขาสุขได้ เราก็สุขด้วย เมื่อเราทำให้เขาทุกข์ได้ เราก็ทุกข์ด้วย เมื่อเราขอบคุณเขาได้ เขาจะขอบคุณตอบเราด้วย” สิ่งเหล่านี้เป็นความแท้จริงที่มีอยู่ในโลกใบนี้ ที่มนุษย์ทุกคนไม่ควรลืม


การเริ่มต้นชีวิตด้วยการขอบคุณชีวิตและการมีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกขอบคุณ ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ มันเป็นความสุขอย่างจริงๆ ตรงกับคำที่ว่า “พูดให้ร้ายคนอื่นน้อยลง ...เรากลับมีคนพูดถึงเราในแง่ดีมากขึ้น” เมื่อเราให้ความขอบคุณกับทุกสรรพสิ่ง


มันเป็นการแสดงความซาบซึ้งบางอย่างจากใจออกมาสู่การกระทำและระลึกถึงบุญคุณ ของทุกสิ่งอย่างที่ให้ประโยชน์กับเราผู้มีชีวิตอยู่ แม้แต่ออกซิเจนจากต้นหญ้า ถ้าเราขาดมันชีวิตก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ เราควรแสดงความขอบคุณมันเสมอ


เราต้องพยายามทำสิ่งนี้ให้เคยชินกับการขอบคุณกับคนรอบข้างเราเสมอๆ ท่านอุปมาว่า “ในโลกนี้ไม่มีอะไรนุ่มหรือบางกว่าน้ำ แต่การที่น้ำสามารถกัดเซาะสิ่งที่แข็งอย่างไม่ยอมจำนนนั้น ไม่มีอะไรจะเทียบได้” ฉะนั้นความเคยชินทุกๆ วัน มันจะสามารถฝังพฤติกรรมแห่งความดีลงในจิตใจได้อย่างอัตโนมัติ


ใจที่ประมาทจะขาดสติ


อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสุ                           สุตฺเตสุ พหุชาคโร
อพลสฺสํว สีฆสฺโส                               หิตฺวา ยาติ สุเมธโส ฯ


ผู้มีปัญญามักไม่ประมาท เมื่อคนอื่นพากันประมาท และตื่น เมื่อคนอื่นหลับอยู่
เขาจึงละทิ้งคนเหล่านั้นไปไกล เหมือนม้าฝีเท้าเร็ว วิ่งเลยม้าแกลบ ฉะนั้น


เวลาเมาคนเราก็เพ้อเจ้อไปเรื่อยๆ อย่างว่าน้ำเปลี่ยนนิสัยเข้าลงในท้อง ไม่มีใครคุมสติได้ แต่บางสิ่งอาจจะมาจากจิตใต้สำนึก...ลึก ๆ ก็อาจเป็นได้...ยกตัวอย่างเช่น เวลาปกติไม่กล้าพูด แต่พอเหล้าเข้าปาก สิ่งที่คิดแต่ไม่กล้าพูดก็หลุดออกมาหมด เป็นการเปิดเผยใจจริงที่คิดจะทำอะไร...?


ว.ปัญญาวชิโร






Free TextEditor




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2553    
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 13:33:14 น.
Counter : 881 Pageviews.  

1  2  
 
 

samuellz
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบชีวิตอิสระที่สุด
รักทุกคนที่มีธรรมะ
[Add samuellz's blog to your web]

MY VIP Friend


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com