อุบาย
กำจัดความเบื่อ
คนเรายิ่งคิดยิ่งเบื่อ ลองหยุดคิดดูสิ เราจะมองเห็นตัวเอง
อุบาย
กำจัดความเบื่อ การที่เราดำรงชีวิตอยู่บนโลกกลมๆ ใบนี้ ในสังคมมนุษย์ที่เป็นอยู่นี้ มีหลายต่อหลายครั้งในชีวิตที่เราได้พบและสัมผัสกับบางอย่างที่เราไม่ต้องการ แต่เรากลับต้องทนอยู่กับมัน ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เช่นไร ในบางครั้งเราต้องทำเรื่องเดิมๆ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ เบื่อแล้วเบื่ออีกหรือเบื่อหน่ายอย่างที่สุด จนร้องออกมาว่า เบื่อมากมายหลายล้านเหตุการณ์เบื่อ แต่เจ้าความเบื่อมันก็เดินตามเรามาอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ แม้จะพยายามผลักไสซักแค่ไหนก็ตามหรือบ่นว่า เบื่อเหลือเชื่อเบื่อได้ไม่จำกัด นั่นเอง ลองคิดดูดีๆ สิ..! เขาว่ากันว่า การชอบหนังสือสักเล่ม ไม่ได้หมายความว่า หนังสือเล่มนั้น เนื้อหาดีทุกหน้า เหมือนการรู้สึกดีกับใครสักคน ไม่จำเป็นว่าเขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย ถ้าเราคิดได้อย่างนี้ บางทีความเบื่อมากๆ อาจลดลงได้ เพราะแบ่งใจย่อมรับได้สิ่งดีๆ เข้ามาในใจ สิ่งสำคัญในชีวิตที่เราต้องกำจัด คือ ความเบื่อหน่าย ซ้ำซาก จำเจ ถ้าเราปรับให้มันเป็นธรรมดาไม่ได้ เมื่อเรากำจัดมันออกจากใจไม่ได้จึงเป็นที่มาของแหล่งบันเทิง แหล่งอบายมุขนานาชนิด ผับ บาร์ โรงหนัง ห้างสรรพสินค้าฯ ที่ผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อสนองตัณหาแทนความเบื่อในใจมนุษย์ ให้พบกับความตื่นเต้นอันเป็นความสุขชั่วคราว ให้บันเทิงใจไปเป็นขณะๆ เพื่อลืมความเบื่อ พวกเขาทำขึ้นมาเพื่อหาผลประโยชน์จากความเบื่อหน่ายของมนุษย์ ไม่เพียงแหล่งอบายมุข ที่กล่าวถึงข้างต้น ยังมียาเสพติดตัวร้ายที่เพิ่มทวีคูณความร้ายกาจเข้าไปอีก มีข่าวการจับกุมผู้ค้า ผู้เสพ อย่างไม่หยุดหย่อน มีรูปแบบของการซุกซ่อนที่พิสดาร ล้ำลึกมากขึ้น เพื่อประโยชน์แห่งการมีวัตถุนิยมมากๆ จนลืมไปว่า ถ้าเราดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อเราสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาเราจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง น่าคิดให้ดีๆ นะ ทุกสิ่งล้วนแต่มีต้นเหตุมาจากความเบื่อหน่าย มันเป็นต้นตอของปัญหาทุกประการ เยี่ยงนั้น จงมาร่วมใจกัน กำจัดความเบื่อหน่ายในใจให้ออกไปจากชีวิต ด้วยการทำสิ่งใหม่ๆ สิ่งดีๆ เข้าในใจเรา ในสังคม หากเป็นคนเรียบร้อย ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง วันดีคืนดีลองร้องเพลงด้วยเสียงดัง ๆ และเต้นให้สุดๆ ไปเลย ไม่ต้องรักษากิริยาอาการกันแล้ว เพื่อออกกำลังกาย เต้นแอโรบิค มันจะช่วยได้ผ่อนคายได้ในบางอารมณ์ เมื่อหาทางออกอื่นไม่ได้ อย่างนี้ไม่เดือดร้อนใครสบายใจเรา พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำในสิ่งที่แปลกใหม่ให้กับชีวิต เพื่อลดใจไม่ให้วิ่งเข้าไปหาอบายมุข เมื่อก่อนเคยย่างเท้าขวา ลองเปลี่ยนมาย่างเท้าซ้ายก่อนบ้าง เพราะความเบื่อๆ อยากๆ เบื่อหน่าย ซ้ำๆ ซาก ๆ มันจะค่อย ๆจากเราไป แต่อย่าชะล่าใจ เพราะมันกลับมาได้ทุกเมื่อ ถ้าใจเรายังไม่มีธรรมะพอเพียง มันจะคอยรับความเบื่อกลับมาเสมอ หากหาธรรมะแก้เบื่อไม่เจอ ชายกลางคนหนึ่งเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ส่วนตัวเขานั้น เบื่อหน่ายกับเรื่องโลกๆ สังคมที่มีแต่แย่งกันไม่หยุด มีแต่การแข่งขันกันไม่สิ้นสุด จึงคิดว่า เขาอยากได้ธรรมดีๆ เพื่อจะได้บรรลุธรรมเร็วๆ เขาจึงเดินทางไปเกือบทุกจังหวัด เริ่มจากเหนือสุด สู่แดนใต้สุด เพื่อเสาะหาธรรมะ หาครูอาจารย์ที่เก่งที่สุด เพื่อกำจัดความเบื่อหน่าย ออกจากใจให้ได้ ถ้าพบอาจารย์ดีๆ จะได้สอนเขาให้นิพพานเร็วๆ เพราะเบื่อหน่ายเหลือเกิน แต่ยิ่งค้นหายิ่งไม่ได้ผล เพราะจริงๆ แล้ว แค่พิจารณา กายกับใจ ก็สามารถบรรลุได้ ตามหลักสติปัฏฐานสี่ แต่ที่บรรลุไม่ได้เพราะควบคุมกายใจไม่ได้นั่นเอง ต้องทรมานสังขาร หมดเปลืองเงินทองมากมายแล้วก็ไม่ได้ผลในทางธรรมเลย เพราะเอาชนะใจตนเองไม่ได้ แต่ดันไปได้ความรู้ทางเทวาวิทยามาเป็นของแถมด้วย แบบนี้ต้องเรียกว่า เสียเปล่า ไม่ได้ธรรมแต่กลับไปได้ความยึดมั่นถือมั่น ที่จะเข้าถึงธรรมโดยเร็วยากขึ้น เรียกว่า พบอุปสรรคอย่างไม่รู้ตัว ใครบอกว่า พระรูปไหนดีก็ไปหา อาจารย์ไหนดีก็ไปหา เทพองค์ไหนดีก็ไปหา เขากลับไปรู้เรื่องเทพบำเพ็ญความดีอย่างไร..? แล้วเจ้าจิตตอนถูกยกย่อง มันดีจริงๆ บางคนอาจบอกว่า เออไอ้นี่มันบ้าเรื่องเทพหรือเจ้า แต่คนส่วนใหญ่กลับชอบ ไม่ชอบเปล่าๆ กลับยกย่องอีกต่างหาก ชอบคนใจกล้า บ้าอภินิหารหรือบ้าบอ เรื่องลี้ลับ แบบว่า คนไม่มีที่พึ่งนะ เขาพูดอะไรที่ลี้ลับ มหัศจรรย์เป็นเชื่อหมด คิดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์นะเชื่อได้ ช่วยเขาได้เป็นที่พึ่งเขาได้ แล้วคุยต่ออีกว่า เรื่องธรรมะ ใจเย็นๆ มีอีกเยอะ กว่าจะถึงจุดนั้นได้ ยิ่งกว่าฝ่าด่านสิบแปดอรหันต์ ขนาดเขายังไม่ได้บวช พระที่เป็นเพื่อนกันถามว่า หัวใจของพระพุทธศาสนาคืออะไร ? เขาตอบได้ทันทีว่า ปฎิจจสมุปบาท ธรรมะที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น เป็นห่วงโซ่การเกิดดับของจิต พระทั่วไปอย่าว่าแต่เข้าใจเลย บางรูปก็ไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำไป นี่แหละโลกที่ผู้เขียนผ่านพบบ่อยๆ ต้องใช้ปัญญาคิดกันไป พิจารณากันไปทีละขั้น เพราะ คนรู้ธรรมมักอวดอ้าง แต่คนมีธรรมจะนิ่ง เพราะรู้จริง ปฏิบัตจริง คนรู้ธรรมนั้น รู้หมดทุกอย่างแต่อดไม่ได้สักอย่าง มักชอบอวดให้คนเชื่อ ผู้เขียนจึงคิดว่า คนที่เบื่อหน่าย กลับไม่เบื่อจริง บางทีคนยิ่งงมงายไปอีก บางคนก็ยอมโง่เพื่อหวังผลประโยชน์เท่านั้น คิดว่า หลอกใครก็ได้ที่โง่กว่า เพื่อสนองตัณหา ความโลภของตัวเองให้มีอยู่มีกินอย่างสบายเท่านั้น นี่เป็นเพียงคำเตือนเล็กๆ เก็บเอาไว้คิดเองพิจารณาเองนะ เพราะชีวิตมันไม่แน่นอนบางคนอาจจะต้องเผชิญอย่างนี้ก็ได้ ว. ปัญญาวชิโร
Free TextEditor
Create Date : 17 ธันวาคม 2554 | | |
Last Update : 17 ธันวาคม 2554 6:24:41 น. |
Counter : 1384 Pageviews. |
| |
|
|
|