เรื่องน่ารู้..กฎเหล็กข้อบังคับขำขำ..ในความคิดคนไทยอย่างเราๆ
ก็เล่นไปใช้ชีวิตอยู่ที่นู้น..แม้จะแค่ 1 เดือนแต่บอกตรงๆว่ามันต้องปรับสภาพตัวเองมากโขอยู่เหมือนกัน อย่างแรกก็เรื่องอากาศที่หนาว...วเข้ากระดูก แถมเจ้าบ้านที่อยู่ก็เก็บความเย็นเป็นเลิศ 10องศาตลอดวัน ตลอดเวลาที่อยู่ที่โน้นมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นชาวเอสกีโมเข้าไปทุกวัน..ปรือ...อออเมืองแสนสุขอย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ประเทศออสเตรเลียมีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยเราหลายเท่า แต่ประชากรเรามากกว่าเค้าหลายเท่าเหมือนกัน นางฯเดินจากสถานีรถไฟกลับบ้านพักนอกจากจะไม่ค่อยเห็นผู้คนแล้ว ไฟทางพี่ท่านก็ไม่มี ถ้าเป็นเมืองไทยคงโดนวิ่งราว ไม่ก็กลายเป็นศพอยู่ข้างทาง.. เรื่องความปลอดภัยที่นี่ดีกว่าบ้านเราอย่างรูปข้างบน บ้านไหนอยู่ใกล้ทะเลเค้าก็จะซื้อเรือเอาไว้ขับกินลมชมวิว ตกปลากันในวันว่าง บางทีก็อดอิจฉากับสวัสดิการบ้านเค้าไม่ได้ ครอบครัวอุปถัมภ์นางฯตอนนี้เกษียณแล้วทั้งคู่ รัฐฯเค้าก็เลี้ยงดูให้เงินใช้เป็นอาทิตย์ งานไม่ต้องทำ เจ็บป่วยรักษาฟรี บ้านเราคงเป็นแบบเค้ายากตราบใดที่ค่าทำฟันยังเบิกได้แค่ 400 บาทต่อปี..เศร้าจิงๆอ้อ..ที่สำคัญเวลาป่วยเข้าโรงพยาบาล หมอที่นี่จะถามก่อนว่าเป็นอะไรมาเจ็บตรงไหน ต่างกับบ้านเราคำถามแรกที่เค้าถามคือ "มีประกันหรือเปล่า"...ขอโทษค่ะอีชั้นไม่ชินเรื่องตลกอีกเรื่องของนางฯคือเวลาข้ามถนน อยู่เมืองไทยทำยืดข้ามถนนไม่มองรถ ได้โดนรถเหยียบหน้าเละ มาที่นี่เลยติดนิสัย ในระแวกบ้านที่อยู่จะมี Super market ใกล้ๆส่วนใหญ่จะเดินไป พอจะข้ามถนนเห็นรถมาเราก็รอให้รถไปก่อน ส่วนคนขับก็รอให้เราเดินข้ามไปก่อน ต่างคนต่างมอง จริงๆกฎจราจรเค้าเป็นกฎจราจร มีไว้ปฏิบัติตาม แต่บ้านเรามีกฎไว้ให้แหก หรืออากาศที่นี่มันไม่ร้อนเหมือนบ้านเราก็ไม่รู้นะ คนเค้าเลยใจเย็น บ้านเราทำไมอะไรๆมันดูเร่งรีบร้อนรนไปหมด นางฯเคยโดนประตูรถเมล์ทับขา กรีดเป็นร่องลึกเลือดอาบ แค่ลงเป็นคนสุดท้ายตรงป้ายนะไม่ใช่นอกป้าย คนขับปิดประตูออกรถไปเลยไม่รอให้ลงพ้นไปก่อน ดีที่ชักขาทันไม่งั้นโดนลากไปกับรถด้วยการคมนาคมที่นี่ก็สะดวกดีไม่แพงจนเว่อร์ นางฯจะใช้รถไฟซ่ะเป็นส่วนใหญ่ เพราะอย่างน้อยๆมันยังวิ่งบนรางหลงยังไงยังหาทางกลับง่ายกว่ารถเมล์น่ะ เส้นที่ใช้ประจำก็จะผ่านสนามบินด้วย พนักงานประจำรถไฟเค้าจะคอยดูแลผู้โดยสาร เช่น ช่วยยกกระเป๋า, รถเข็นเด็ก พยุงคนชรา หรือแม้แต่ถามทาง เวลาทำงานเค้าก็ทำงานกันจริงจัง ไปอยู่มาเดือนนึงยังไม่เคยเห็นเค้านั่งเม้าท์กันเวลางานเลยแล้วให้ตรูแบกไปทำไมปีนี้ไปตรงกับหน้าหิมะพอดี นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ไปสกีรีสอร์ทไปดูหิมะ ด้วยความอยากเห็นหิมะสุดๆแต่ไม่อยากเสียเงินเช่าชุด เลยกะไปแค่ได้ปั้น Snowman เล่นปาหิมะน่าจะพอเพราะอากาศติดลบ 4 คงจะอยู่ค้างคืนไม่ได้ (ไม่ได้กลัวหนาวหรอก..แต่ค่าที่พักแพงมากคืนนึงไม่ต่ำกว่า $AUD500.-) สรุปว่าจะขับรถไปกับลูกเจ้าของบ้าน เพราะนางฯไม่มีใบขับขี่ เป็นได้แค่ตุ๊กตาหน้ารถอย่างเดียวเหอๆ...ๆๆ.. ก่อนจะเข้าไปใน National Park เห็นเค้าต้องเช่าโซ่ไว้ล่ามล้อรถด้วยเพราะรถเราไม่ใช่ 4WD (ขับเคลื่อน4ล้อ) สรุปต้องไปเช่าเจ้าโซ่นี่ในราคา $AUD15.- ไอ้เราด้วยความไม่เคยเห็นหิมะก็คิดว่าถนนมันลงลื่นถึงต้องเอาโซ่คล้องเพื่อการทรงตัวที่ดี เอาเข้าจริงๆไม่เห็นได้ใช้เลย ถนนข้างในก็ไม่เห็นมีหิมะตกมากจนล้นออกมา เลยอดถามไม่ได้ว่า "แล้วยูเช่ามาทำแมวอะไร..ไม่เห็นได้ใช้เลย" พี่แกบอกว่ามันเป็นกฎ ถ้าโดนตรวจแล้วไม่มีจะโดนปรับ 300เหรียญ แถมบ่นให้ฟังอีกกระบุงโกย ว่ากฎบางอย่างบางทีก็เข้มงวดมากไป แต่ว่าแหละ...safety first เมาไม่ขับ อยากหลับให้จอดกินกาแฟป้ายแบบนี้จะเห็นอยู่ทั่วไปตาม Freeway เป็นการเตือนว่าถ้าขับรถทางไกลควรจะหยุดพักทุกๆ2ชม. ซึ่งเค้าจะมีที่พักริมทางให้จอดพักตามจุดต่างๆ เล็กบ้างใหญ่บ้าง เป็นการเซฟชีวิตลดอุบัติเหตุ ยอดอุบัติเหตุที่นี่น้อยมากๆถ้าบ้านเราทำได้ก็คงดีที่หยุดพักนี้นอกจากมีห้องน้ำ จะมีชา กาแฟ น้ำผลไม้รสต่างๆ แถมด้วยบิสกิตให้กินให้ดื่มฟรีด้วย จะมีอาสาสมัครคอยชงชา กาแฟให้ จะทิปก็มีกล่องรับบริจาคด้วย ของที่เค้ามาบริการจะมีสปอนเซอร์ ทุกอย่างเลยฟรีได้ พี่ไทยขายเกลี้ยงความแตกต่างอีกอย่างของบ้านเรากับที่นี่ คือ ไฟทาง ไม่ว่าย่านนั้นจะเป็นแหล่งชุมชนมากน้อยแค่ไหนแต่ไฟส่องสว่างจะไม่ค่อยมี แต่ก็แปลกขโมยขโจรเค้าก็ไม่ค่อยมี บ้านเราไฟสว่างโร่ หรือบางทีกลางวันแสกๆพี่แกก็ปล้นกันได้ ได้มีโอกาสนั่งรถตอนกลางคืนสังเกตว่า บางช่วงของถนนที่ไม่มีไฟทาง เค้าจะติดสติกเกอร์เรืองแสงที่ข้างทาง ไม่ก็บนถนนบริเวณโค้งต่างๆ แถมป้ายบอกทางก้มีเป็นระยะๆ ดีที่ประหยัดไฟ แต่บ้านเราคงทำแบบเค้าไม่ได้หรอก ไม่ใช่ไม่มีเงิน แต่โดนพี่ไทยขโมยไปขายเกลี้ยง ตั้งกะฝาท่อยันป้ายบอกทาง นี่แถวถนนมอเตอร์เวย์มีการขโมยสายไฟที่ฝังอยู่ใต้ดินแล้วด้วย พี่ไทยขุดแล้วตัดสายไฟเอาไว้ลอกทองแดงขาย เฮ้อ...เหลือแต่เสา ไฟไม่มี แปลกนะ..เจ้าพวกนี้ไม่ยักกะโดนไฟดูดตายว่ะราคาน้ำมันค่าน้ำมันที่นี่ก็ไม่ต่างจากที่บ้านเราเท่าไหร่ แพงกว่ากันนิดหน่อย แล้วก็ต้องลงไปเติมเองไม่มีเด็กปั๊ม เติมแล้วก็จำเลขหัวจ่ายเวลาไปจ่ายเงิน ถ้าคิดจะชิ่งหนีคงยากเพราะทันทีที่ขับรถออกไปกล้องวีดีโอจะโชว์หมายเลขทะเบียน คนเข้าในเค้าแค่ยกหูบอกตำรวจ เรามีแต่เดี๊ยงขำไม่ออกแน่งานนี้
วันแรกจากกรุงเทพ-สิงคโปร์
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อวันนี้คนเยอะมากตอนนี้มาเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์เหลืออีก 15 นาทีเครื่องจะออกแต่ดูแถวดิ เครื่อง Scan ดันเปิดแค่ 2 เครื่อง อีก 2 เครื่องข้างไม่เปิด นางฯได้ขึ้นเครื่องเกือบคนสุดท้าย...
ค่าตั๋วและรายละเอียดการเดินทาง
สวัสดีประเทศไทย หนีร้อนไปพักสมองที่ Australia 27 วัน เพราะอยากไปฉลองครอบรอบวันเกิด...ปี (เฮ้อ!! พอเลย23ปีมาก็ลืมไปแล้วว่าอายุเท่าไหร่ ) พิเศษหน่อยที่ได้ไปเล่นหิมะเป็นครั้งแรกด้วย รายละเอียดการเดินทางเดินทางวันที่ 20 July 05 - 15 August 05สายการบิน Singapore Airline ราคาตั๋ว (Incl. Tax) 26,530.- Baht (net) ปีก่อนไปแค่ 22,0000 กว่าเอง ปีนี้แพงจังแถมค่าวีซ่าก็เพิ่มค่าที่พัก ฟรีตลอดการเดินทาง (มีเพื่อนเป็นครอบครัวออสซี่เคยดูแลตอนเค้ามาเที่ยวเมืองไทย...ไปโน้นเค้าเลย Takecare นางฯ)