~ รู้สึกดี ~

Group Blog
 
All Blogs
 

~ แนวพระราชดำริ "ทฤษฎีใหม่" กับวิถีชีวิตคนไทย ~




~ ภาพจาก //kus.kps.ku.ac.th/king/king_rice.php ~




แนวคิดความพอกินพอใช้
ที่จะให้คนไทยต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจในยุคไอเอ็มเอฟนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งไว้สรุปว่า คนไทยเรานั้นควรจะยึดความพอกินพอใช้เป็นที่ตั้ง มีการดำรงชีวิต ที่เฉลียวฉลาด และอยู่ร่วมกันด้วยความรักและสามัคคี ในสภาวการณ์ปัจจุบันเศรษฐกิจตกต่ำ และมีคนว่างงานเป็นจำนวนมาก คนงานที่เคยทำงานในกรุงเทพ ฯ ก็จะต้องกลับภูมิลำเนาของตน


ฉะนั้นแนว พระราชดำริเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะแก้ปัญหานี้ได้ ซึ่งทฤษฎีใหม่นี้พระองค์ทรงต้องการเห็นเกษตรกรดำรงชีวิตได้อย่างปกติตามอัตภาพคือความพอดี หนึ่งในหลักการของทฤษฎีใหม่นี้ คือการ มีข้าวไว้บริโภคในครัวเรือน


สำหรับประเทศไทย เชื่อกันว่าปลูกข้าวมาก่อนประเทศอื่นใดในโลก มีแม่โพสพเป็นเทพธิดา แห่งข้าว
เมื่อข้าวตั้งท้องชาวบ้านเชื่อว่าแม่โพสพมีอาการเหมือนคนแพ้ท้อง ชาวนาจึงจัดให้มีพิธีทำขวัญข้าวขึ้น นอกจากนี้ยังมีพิธีแรกเกี่ยว และพิธีรับขวัญข้าวด้วย จะเห็นได้ว่า ข้าว มีความผูกผันกับ วิถีชีวิต คนไทยมานานมาก ชาวนาส่วนใหญ่ปัจจุบันประสบปัญหาความยากจนข้นแค้นที่ยังมีอยู่ทั่วไปในหมู่ชาวนาไทย เป็นปัญหาที่เรื้อรังมาตลอด ซึ่งมีความสำคัญต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างยิ่ง สังเกตว่า ถ้าข้าวดีมีราคาสูงก็ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นชาวนาก็ จะมีชีวิตดีขึ้น ในทางตรงกันข้าม ถ้าราคาข้าวตกต่ำประชากรส่วนใหญ่ก็จะยากจนลง และมีผลกระทบ ไปถึงกลไกการบริหารประเทศของรัฐบาลเป็นอย่างมาก ภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจที่ไทยกำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ สาเหตุสำคัญประการหนึ่ง สืบเนื่องมาจากแนวทางการพัฒนาประเทศที่มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมมากเกินไป จนละเลยการพัฒนาประเทศทางการเกษตร

ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ละทิ้งทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากร แรงงาน ฝีมือทางการเกษตรที่มีอยู่อย่างไร้ประโยชน์
นับเป็นความโชคดีของประชาชนชาวไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีสายพระเนตร อันยาวไกล และมีพระราชดำริที่จะแก้ไขปัญหาของประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด ทรงให้ความสำคัญ แก่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในระยะยาว โดยให้เกษตรกรมีความก้าวหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เคร่งเครียด กับการเร่งรัดให้เกิดความเจริญโดยเร็ว และสิ่งสำคัญคือ ทรงช่วยเหลือราษฎรในภาคเกษตรให้สามารถพึ่ง ตนเองได้ดังพระราชดำรัสที่ว่า
"ความจริงจะเป็นเสือนั้น ไม่สำคัญ สำคัญที่เราอยู่พอกิน และมีเศรษฐกิจที่เป็นอยู่อย่างพอมี พอกิน แบบพอมีพอกินนั้นหมายความว่าอุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง"



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัยในงานเกษตรกรรมรวมทั้งการวิจัยเรื่องข้าว พยายามทำทุกวิถีทางให้เกษตรกรมีข้าวพอกิน เพราะว่าข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย พระองค์ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุข โดยเปรียบเสมือนว่า ทุกข์ของชาวนาคือทุกข์ของพระองค์
พระองค์ได้ทรงไว้ซึ่ง พระอริยภาพ และพระปรีชาญาณเป็นอย่างยิ่งในเรื่องนี้ ดั่งพระราชดำรัสอีกตอนหนึ่งว่า
ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ศึกษาทดลองและทำนามาบ้าง และทราบดีว่าการทำนานั้นมีความยากลำบาก อยู่ไม่ใช่น้อย จำเป็นจะต้องอาศัยพันธุ์ข้าวที่ดี และต้องใช้วิชาการต่าง ๆ ด้วยจึงจะได้ผลเป็นล่ำเป็นสัน อีกประการหนึ่งที่นานั้น เมื่อสิ้นฤดูทำนาแล้ว ควรจะปลูกพืชอื่น ๆ บ้าง เพราะจะเพิ่มรายได้ให้อีกไม่ใช่น้อย ทั้งจะช่วยให้ดินร่วน ช่วยเพิ่มปุ๋ยกากพืช ทำให้ลักษณะเนื้อดินดีขึ้นเหมาะสำหรับจะทำนาในฤดูต่อไป


"ทฤษฎีใหม่" เป็นทฤษฎีว่าด้วยการบริหารการจัดที่ดิน และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยแบ่งพื้นที่เป็นนาข้าว 30 ส่วน พืชสวน พืชไร่ 30 ส่วน สระน้ำ 30 ส่วน และ ที่อยู่อาศัยและอื่น ๆ 10 ส่วน ซึ่งเกษตรกรสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติในทรัพยากรที่ตัวเองมีอยู่ สามารถเลี้ยงตัวเองได้พอเพียง เห็นความสำคัญของการช่วยเหลือเกื้อกูลกันและสร้างความสามัคคีใน ท้องถิ่นท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
"ทฤษฎีใหม่" ถือเป็นทางเลือกที่สามารถสร้างงาน สร้างเงิน ให้ได้อย่างเพียงพอสำหรับกลุ่มคนผู้ว่างงานได้อย่างแน่นอน เพราะนาข้าวยังคงมีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นปากท้องของประชาชนทั้งประเทศ.



ที่มา : //kanchanapisek.or.th/kp4/king/theory.htm


......................................


รายละเอียดของความหมาย
ทฤษฎีใหม่เชิญที่นี่นะคะ//www.chaipat.or.th/chaipat/ntheory/index_t.html




สนใจติดตามชม
รายการพระเจ้าแผ่นดินตอน"ทฤษฎีใหม่"ย้อนหลัง
ได้ที่นี่นะคะ
//www.mcot.net/60th_anniversary/


....................................





เมื่อคืนนั่งดูโทรทัศน์
ทางช่องเก้าโมเดิรน์ ไนน์
ในรายการพระเจ้าแผ่นดิน
ช่วงสองทุ่มครึ่ง

ตอนที่ได้ดูนี้
เป็นตอน
"ทฤษฎีใหม่"


ประทับใจและซาบซึ้ง
ในความทรงพระปรีชา
สามารถของในหลวงของเรา



เจ้าติโตนั่งดูอยู่ด้วย
ไม่ยอมหลับนอน
เอ่ยปากว่า
"ในหลวงท่านเก่งจังนะมี้"
"เราปลูกผักในสวนที่รกๆของเรามั่งมั๊ย"
"ปลูกไว้กินเองก็ได้นะมี้"



ฉันแอบยิ้มน้ำตารื้น
ปิติในใจเหลือเกิน

คืนนี้เป็นอีกคืน
ในหลายๆคืนมาแล้ว
ที่ฉันมีความสุขและ
อิ่มเอิบในหัวใจ


โชคดีเหลือเกิน
ในชีวิตนี้ที่ได้เกิดมา
ใต้ร่มบารมีของพระองค์

.....................................















 

Create Date : 15 มิถุนายน 2549    
Last Update : 15 มิถุนายน 2549 11:05:12 น.
Counter : 2532 Pageviews.  

~ 60 ปี ทรงครองศิริราชสมบัติ ~





บทความ
60 ปี ทรงครองสิริราชสมบัติ
ของพีรศิษฐ์ สมแก้ว

ทรงเป็นกษัตริย์เกษตรและนักพัฒนาที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก...เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเล่าถึงแรงบันดาลใจ ในความสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ป่า น้ำ ดิน ซึ่งโยงใยมีผลกระทบต่อกัน ตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ว่า


“.....อาจมีบางคนเข้าใจว่า ทำไมถึงสนใจเรื่องชลประทาน หรือ เรื่องป่าไม้ จำได้เมื่ออายุ 10 ขวบ ที่โรงเรียนมีครูคนหนึ่ง ซึ่งเดี๋ยวนี้ตายไปแล้ว สอนเรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องการอนุรักษ์ดินแล้วให้เขียนว่า ภูเขาต้องมีป่า อย่างนั้นเม็ดฝนลงมาแล้วจะชะดินลงมาเร็ว ทำให้ไหลตามน้ำไป ไปทำความเสียหาย ดินหมดจากภูเขาเพราะไหลตามสายน้ำไป ก็เป็นหลักของป่าไม้ เรื่องการอนุรักษ์ดิน และเป็นหลักของชลประทานที่ว่า ถ้าเราไม่รักษาป่าไม้ข้างบน จะทำให้เดือดร้อนตลอด ตั้งแต่ดินภูเขาจะหมดไปกระทั่งการที่จะมีตะกอนลงมาในเขื่อน มีตะกอนลงมาในแม่น้ำทำให้น้ำท่วมนี่นะ เรียนมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ....”



นับแต่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อ
วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เป็นต้นมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้วยพระราชหฤทัยมุ่งมั่น เพื่อบำบัดความทุกข์ยากและเพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในชนบทที่ห่างไกล ซึ่งนับเป็นพระราชภาระอันยิ่งใหญ่ เนื่องด้วยทรงระลึกเสมอว่าทุกข์ของประชาชนคือทุกข์ของพระองค์ จึงทรงคิดค้นหาแนวทางการพัฒนาด้วย พระวิริยอุตสาหะ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทุก หมู่เหล่าทั่วราชอาณาจักร อันเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยทอดทิ้งประชาชน



ในปัจจุบันพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้ทรงปฏิบัติเพื่อเกื้อหนุนสงเคราะห์ประชาชน และช่วยเหลือประเทศชาตินั้น มีอยู่หลากหลายนานัปการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งนับเป็นลักษณะพิเศษเฉพาะของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวพระองค์นี้ที่ทรงใกล้ชิดกับพสกนิกรทุกหมู่เหล่าและทรงรับเอาเป็นพระราชภาระในการที่จะขจัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศทั่วหน้ากัน จนมีคำกล่าวกันว่า ไม่มีพื้นที่ตารางนิ้วใดบนแผ่นดินไทยนี้ ที่ไม่เคยเสด็จฯ ไปถึงเพื่อพระราชทานความช่วยเหลือ


พระฉายาลักษณ์ที่ปรากฏให้พบเห็น อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจวบจนวันนี้ จะพบว่า พระองค์จะทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ทุรกันดาร ทอดพระเนตรชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกร พร้อมทรงรับฟังข้อมูลด้านชีวิตความเป็นอยู่ตลอดถึงสภาพดินฟ้าอากาศและวิถีชีวิตของราษฎร ทรงรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนในทุกที่ที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนิน


โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มีจำนวนกว่า 3,000 โครงการนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเลือกใช้วิธีการพัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ ที่จะให้ราษฎรสามารถพึ่งตนเองได้ทั้งในทางเศรษฐกิจ และสังคม เป็นขั้นเป็นตอนประหยัดด้วยมรรควิธีที่นุ่มนวล กระชับและเรียบง่าย ในความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนสะดวกต่อการยอมรับโดยทรงวางโครงการอย่างสอดคล้องกับภูมิสังคมของแต่ละแห่งหน และสามารถน้อมนำไปปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อให้มีพื้นฐานที่มั่นคงแล้วความเจริญทางเศรษฐกิจก็จะตามมา


การพัฒนาต่าง ๆ นับตั้งแต่ด้านการเกษตร การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การสาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ การพัฒนาแหล่งน้ำ การสื่อสารคมนาคม การแก้ไขปัญหาจราจรและสวัสดิการสังคม รวมทั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้ง 6 ศูนย์ ที่ทรงให้จัดตั้งขึ้นตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการศึกษาค้นคว้า วิจัย ตลอดจนแสวงหาแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและการประกอบอาชีพของราษฎร พร้อมกับนำผลสำเร็จของการพัฒนาออกสู่พื้นที่ของเกษตรกรโดยมีจุดมุ่งหมาย คือ เพื่อให้ราษฎรมีความเป็นอยู่อย่างพอมี พอกิน และพอเพียงควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เป็นหน่วยงานหลักในการประสานแผนงานและความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามพระราชดำริ


ที่สำคัญในแทบทุกครั้งยามที่ประเทศชาติ เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจขึ้นมา ประชาชนทั่วทั้งประเทศประสบกับภาวะข้าวยากหมากแพง โครงการอันเนื่อง มาจากพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง ก็ได้เข้ามาเป็น เข็มทิศชี้นำให้ผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินสามารถพลิกฟื้นคืนความเป็นอยู่ พร้อมทั้งใช้เป็นรากฐานในงานอาชีพพัฒนาการการผลิตเพื่อการยังชีพไปจนถึงเชิงพาณิชย์ แล้วสามารถเงยหน้าขึ้นมาสู่ชีวิตอย่างมีอนาคตแทบทุกครั้งไป อันหมายรวมถึงช่วงขณะนี้ของสภาพความเป็นจริงในสังคมไทยด้วยเช่นกัน



นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างล้นพ้นที่มีพระมหากษัตริย์ที่มีพระเกียรติคุณในเรื่องพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้วยทรงมี น้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา ตลอดจนการที่ ได้ทรงงานหนักตรากตรำอย่างต่อเนื่อง และทรงเสียสละ ทุ่มเทพระวรกายเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และทรงขจัดความทุกข์ยากเดือดร้อนลำเค็ญให้กลับกลายเป็นความอยู่ดีมีสุขแก่ทวยราษฎร์ มิใช่เพียงขจรไปทั่วแผ่นดินไทย หากยังเป็นที่ทราบและประจักษ์ไปทั่วโลก จนได้รับสมญานามว่า ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนาที่ทรงงานหนัก ที่สุดในโลก.


ขอบคุณบทความของคุณพีรศิษฐ์ สมแก้ว
จาก
www.dailynews.co.th


.................................................



เนื่องในโอกาสทรงครอง
สิริราชสมบัติครบ 60 ปี
ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

...................................




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2549    
Last Update : 9 มิถุนายน 2549 10:15:14 น.
Counter : 1374 Pageviews.  

~ เรื่องราวประทับใจ จาก พื้นแผ่นดินไทยของเรา ~



เรื่องราวประทับใจ
อ่านแล้วอิ่มเอมใจเหลือเกิน


ติดตามได้ที่นี่นะคะ

เล่าลือหลังวัง







เรารักพระเจ้าอยู่หัว
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

....................



ขอขอบคุณที่มาของเวบนี้ค่ะ
//www.thaimonarchy.com/prao.php







 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 26 พฤษภาคม 2549 8:40:12 น.
Counter : 1028 Pageviews.  

~ ไ ม้ เ รี ย ว ~





จดจำ
ครั้งแรกที่ลิ้มรสชาติของไม้เรียวกันได้มั๊ย



สมัยเด็กซนมาก
แม่ต้องจัดการด้วยไม้เรียวเกือบทุกที
จะตีมากตีน้อยก็แล้วแต่
ความผิดที่ทำในแต่ละครั้ง


ไม้เรียวที่แม่หามาไว้จัดการ
เป็นไม้ไม่ใหญ่มากแต่มีความยาว
ขนาดกำลังพอดีมือ(ของแม่)
ขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่น
ในเวลาที่ตีลงไปกระทบ
ไม่ว่าจะเป็นมือ ก้น หรือ ขา
ก็สามารถจะประทับรอยไว้ไม่รู้ลืม




ทุกครั้ง
ที่แม่ทำโทษด้วยไม้เรียว
แม่มักตีไม่กี่ที
แต่ความแรงของการตี
มักทำให้จดจำไปนานเป็นวันๆ
แต่หลังจากนั้นก็มักจะลืม
และกลับมาซน มายั่วยิ้มให้แม่โมโหได้อีก
อาจจะเป็นเพราะ
ฉันโกรธไม่เป็น
แม่บอกว่าสมัยเด็กๆเป็นแบบนั้น




ที่โรงเรียน
ไม้เรียวเป็นเหมือนไม้ศักดิ์สิทธิ์ของคุณครู
ที่ได้ลิ้มรสชาติครั้งใดก็มักจะจดจำไปนาน




หลายต่อหลายครั้ง
ที่เคยได้ลิ้มรสชาติ
โดยเฉพาะครั้งหนึ่งเหตุการณ์นี้
ไม่เคยลืมเป็นความประทับใจมาก
กับรสชาติของไม้เรียว
ผู้ซึ่งคุณครูประจำชั้นหยิบยื่นให้
สมัยมัธยม


ตอนนั้น
โดดเรียนตามกันไปทั้งห้อง
โดยไม่คิดอะไร
เช้าของวันรุ่งขึ้น
คุณครูประจำชั้นเรียกเข้าไป
สอบสวนทีละคน
และตีด้วยไม้เรียวคนละที
ประสบการณ์ครั้งนั้นจดจำไม่เคยลืม


ฉันเชื่อว่า
ที่ฉันได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้
ก็เพราะไม้เรียว


และ
ในบางครั้งบางคราว
เจ้าติโตลูกชายจอมซน
ก็ยังเคยได้ลิ้มรสชาติของ
ไม้เรียวก้านมะยม
มาแล้ว



บทลงโทษที่ยังคงมีอิทธิพล
อยู่เสมอไม่เสื่อมคลาย
ไม้เรียว


ว่าแต่คุณเคยได้ลิ้มลอง
รสชาติของไม้เรียวมั่งรึเปล่าเอ่ย

............................


รำพึง

ขอส่งกำลังใจภาวนา
ให้คุณครูจูหลิง
หายเร็วๆด้วยเถิด

ตื่นขึ้นมาเถิดนะคะคุณครู

24 พฤษภาคม 2549




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2549 23:08:01 น.
Counter : 904 Pageviews.  

~ แล้วก็ถึงฤดูการโยกย้าย (อีกแล้ว) ~ จบ

ตอนแรกที่นี่ค่ะ

ตอนที่สองที่นี่ค่ะ





ขบวนรถกระบะของพวกเรา
วิ่งตามกันมาเรื่อยๆ
บางทีก็มีพลัดหลงทางกันบ้าง

เนื่องจากวิ่งๆไปรถ
คนบนรถ(บางคัน)ก็เกิดอาการ
อยากเข้าห้องน้ำ
อยากกินขนม
อยากยืดเส้นยืดสาย
ก็ต้องแวะจอดตามใจ


ในขณะที่
บางคันก็อยากไปถึงที่หมายไวไว
ขอขับต่อไปเรื่อยๆ


โทรศัพท์มือถือจึงเป็นช่องทาง
ที่พูดคุยนัดแนะกันว่า
ให้ไปเจอกันณ.จุดหมายปลายทาง
ทำให้ไม่เสียเวลา


เวลาประมาณเกือบเที่ยง
พวกเราก็มาถึงที่ที่
นัดหมายกันไว้ว่า
จะแวะรับประทานอาหารกลางวันกัน
ที่ปากบาง
อยู่ในจังหวัดสิงห์บุรี
ขึ้นชื่อผัดไทอร่อยมาก


จับจองที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว
ก็สั่งผัดไท
บางคนก็สั่งก๊วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำ
บางคนก็สั่งก๊วยเตี๋ยวต้มยำ
แล้วแต่อธยาศัยในความชอบ
ของแต่ละคน


ในเวลาอันรวดเร็ว(ทุกคนทึ่งกันมาก)
ไม่ถึงสิบนาที
ผัดไทก็ถูกยกมาวางลงตรงหน้า
ของแต่ละคนที่สั่ง
กลิ่นหอมหวนโชยมาแตะจมูก
ฉันบีบมะนาวลงไปนิดหน่อย
แล้วจับตะเกียบคีบเส้นก๊วยเตี๋ยว
ชิมรสชาติของผัดไทในจาน


รสชาติของมันกลมกล่อม
หวานๆเปรี้ยวๆเค็มๆกำลังดีแล้ว
แทบไม่ต้องเติมอะไรอีกเลย
ต่อจากนี้ก็จัดการกับเจ้าผัดไท
จานนั้นอย่างรวดเร็ว


สักพัก
ก๊วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำ(ของเจ้าติโต)
ก็ตามมา
กลิ่นหอมของน้ำก๊วยเตี๋ยวลอยขึ้นมาแตะจมูก
อดไม่ได้ต้องขอชิมน้ำในชามสักนิด
รสชาติก็ดีแทบไม่ต้องปรุงอะไรมาก


เรียบร้อยแล้วกับอาหารที่วางตรงหน้า
ห้องน้ำห้องท่าก็เข้าเรียบร้อย
ซื้อของฝากกันตามระเบียบ
ขนมถ้วยฟู
สีคล้ำไม่เหมือนที่เคยเห็น
ลองลิ้มชิมรสชาติแล้ว
ต้องยกนิ้วว่าอร่อยลิ้นเหลือหลาย
ไม่หวานเกินไป
เลยขอซื้อกลับมาซะหลายถุง


แยกย้ายกันประจำรถใครรถมัน
แล้วขบวนอพยพก็เดินทางกันต่อ
จุดหมายข้างหน้า
แวะพักรถที่ถนนสายมอเตอร์เวย์


ทำเวลากันมาเพลินๆ
คันที่พวกฉันนั่ง
ลุงพล(คนขับรถของคุณป้าใจดี
พี่สาวคนโตของพ่อที่ส่งมาช่วยพวกเรา)
ผู้มีไฟในการขับรถ
ก็เร่งเครื่องอย่างรวดเร็ว
และนำหน้าขบวนไป
ถึงที่หมายก่อนเป็นคันแรก



คนเยอะมากเพราะ
เป็นช่วงของวันหยุดหลายวัน
ขณะที่รอ
เข้าห้องน้ำของปั๊มปตท.(ตรงมอเตอร์เวย์)




ก็มีทัวร์ของเพื่อนบ้านเรา
ที่รักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง
เสียงสาวทักทายกันเอง
"หนีห่าว"
ดังลั่น
สาวๆเดินลงมาจากรถ
หน้าตาใสๆ
น่ารักจัง
ฉันคิด


สักพักพวกเธอลงมาต่อแถว
เข้าห้องน้ำอย่างเปนระเบียบ
และแทบทุกคนก็ล้วงบุหรี่
จากกระเป๋ากางเกงกระโปรง
กันมาแบ่งกันถือคนละตัว
รอคอยเข้าห้องน้ำ



จังหวะที่ต่อแถว
ฉันอยู่ระหว่างแถวของพวกเธอพอดี
มองๆแล้วก็เกิดอาการอึ้ง
อันที่จริงไม่ได้รังเกียจ
คนสูบบุหรี่หรอกนะ
แต่เมื่อต้องเข้าห้องน้ำ
ต่อจากคนที่สูบบุหรี่แล้ว
นึกถึงตอนนั้นก็คงต้องทำใจอย่างมาก
เพราะรู้กันอยู่ว่า
กลิ่นของควันบุหรี่มันเหม็นมากแค่ไหน
แล้วยิ่งไม่มีที่ระบายก็ยิ่งไปกันใหญ่


รีบเข้ารีบออก
คิดเอาไว้แบบนั้น
หลุดออกมาจากดงควันได้แล้ว
ก็มายืนรอขบวนรถที่นัดกันต่อไป




เจอะเจอกันเรียบร้อย
ก็เคลื่อนขบวนกันต่อไป
ทำเวลาเพราะช้ามากแล้ว


ในที่สุดก็มาถึงชลบุรี
เกือบๆบ่ายสอง
น้องสาวคนกลาง
พาวนไปในเมือง
เข้าไปดูสถานที่
ทำงานอัยการของชลบุรี





รอบๆก่อนถึงที่ทำงาน
ก็ผ่านป่าโกงกาง
เห็นน้ำทะเล
ในช่วงเวลานั้น
น้ำทะเลลดลงไปมากๆ
มองออกไปไกลๆลิบ
เห็นแดดทอประกายแสงระยิบระยับ
สดชื่นดีจัง



น้องสาวพาวนไปมาอยู่ที่เดิม
สองเที่ยว
แล้วก็พาไปยังที่พักที่จับจองไว้


มาถึงยังที่พัก
เป็นอพาร์ตเม้นทมีทั้งหมดสิบชั้น
ห้องของน้องสาวอยู่ชั้นที่ห้า



ถึงตอนนี้
แม่และน้าสาวฝาแฝดเพื่อนแม่
เริ่มมีอาการกลัวลิฟต์อย่างเห็นได้ชัด
แต่ด้วยความรักที่มีพลังเหนือสิ่งอื่นใด
ก็นำพาให้ทั้งแม่และน้าสาวฝาแฝด
ยอมขึ้นลิฟต์ไปกับพวกเรา
โดยที่ไม่เดินขึ้นบันได
เหมือนอย่างตอนที่อยู่นครสวรรค์
(พวกเรากลัวบรรดาแม่ๆจะเหนื่อยและ
หมดแรงซะก่อน)


จัดแจงขนของขึ้นลิฟต์
และเมื่อถึงที่หมายชั้นห้า
เดินไปสุดทางของตัวตึก
ห้องน้องสาวที่จับจองไว้
อยู่ตรงนั้น


เปิดประตูเข้าไป
สิ่งแรกที่มองเห็น
หน้าต่างรับลมทั้งสองด้าน



เปิดหน้าต่าง
สายลมและกลิ่นของทะเล
ก็โชยมาเบาๆ




สีหน้าของแม่
พอใจ



พวกเราช่วยกันจัดแจง
ของที่ขนย้ายกันมา
ประมาณว่า
ขนขึ้นลิฟท์กันมาหลายเที่ยว




จัดการจนเข้าที่
ย้ายโซฟาไปไว้ติดตรงหน้าต่าง
จากตอนแรกที่วางไว้กลางห้อง


ขนย้าย
กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นั่งพักคุยกันจนหายเหนื่อยแล้ว
ก็ขอตัวกลับ



แต่ขบวนของคนนี้
รวมทั้งแม่และน้าสาวฝาแฝด
พี่สาวคนโต
ยังอยู่ค้างช่วยเก็บของอีกคืนหนึ่ง


นัยว่าเอาฤกษ์เอาชัย
ในวันรุ่งขึ้น
จะได้ไปส่งน้องสาวคนกลาง
ที่ที่ทำงานในวันแรกด้วย


โบกมือร่ำลา
กับพี่สาวคนโต
กอดแม่ให้หายเหนื่อย
สวัสดีกับคนนี้(พ่อ
ที่กำลังสาละวน
จัดการกับเจ้าเครื่องออกกำลังกาย
ที่แยกชิ้นส่วนให้กลับไปใช้ได้เหมือนเดิม)
และกับน้องสาวคนกลาง
ขอให้โชคดีและมีความสุข
ในการทำงานกับที่ใหม่แห่งนี้
ชลบุรี...


ลงมาจากชั้นห้า
ประจำที่นั่งเรียบร้อย
รถของเราค่อยๆเคลื่อนออกจากที่นั่น
หันกลับไปมองยังที่จากมา
แล้ววันหน้าคงได้กลับมาเยือนอีก
หวังว่าคราวหน้า
คงได้ไปลิ้มชิมอาหารทะเลสดๆ
กันที่ชลบุรีกันบ้าง
หลังจากที่ครั้งนี้มีภารกิจ
ต้องกลับก่อน....




จบการเดินทางของทริปโยกย้าย
ในปีนี้หวังใจกันว่า
น้องสาวคงได้อยู่ที่นั่นไปอีกหลายๆปี
เพราะการขนย้ายแต่ละที
ไม่ใช่เรื่องสนุกจริงๆนะ
จะดีหน่อยที่ได้ลิ้มชิมรสชาติ
ของอาหารในแต่ละที่ที่ไป





ขอบคุณสำหรับการติดตาม
กันมาอย่างยาวนาน
ถึงสามภาค
แล้วคงได้เจอกันในทริปขนย้าย
ครั้งต่อไป
ติดตามกันว่า
จะเป็นที่ไหนนะคะ
สวัสดีค่ะ....






9 พฤษภาคม 2549






















 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 9 พฤษภาคม 2549 8:51:10 น.
Counter : 840 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

prncess
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





I don't know,
but I believe
That some things are meant to be
And that you'll make a better me
Everyday I love you

I never thought that dreams came true
But you showed me that they do
You know that I learn something new
Everyday I love you

'Cos I believe that destiny
Is out of our control
(don't you know that I do)
And you'll never live until you love
With all your heart and soul.

It's a touch when I feel bad
It's a smile when I get mad
All the little things I am
Everyday I love you










~ขอบคุณน้ำใจ
เพื่อนๆบล็อกแกงค์
เอื้อเฟื้อของตกแต่ง
บล็อกทุกท่านค่ะ~



:รำลึกบล็อกเก่า:
~ สามปี...การกลับมาของเพื่อน และเรื่องสะเทือนใจ ~
~ Thank You For Loving Me ~
~เมื่อฉันเจอไวรัส....~
~พจนานุกรมอังกฤษ ฉบับ ชวนหวัว~
~ดนตรีคลาสสิกที่บรรเลงจบเพลงของ "ซีเนอดีน ซีดาน"~
~ แค่คิดเล่นๆ..หนังสือเล่มล่าสุดเล่มโปรดที่อ่าน~
~ กลิ่นของลมหนาว ~
~ คนนี้ :)) ~
~ Blog tag ...ภาคสอง ...รอบนี้เพื่อคุณเพื่อน. ~
~ ผ่านกาลเวลา ~
~ รักเราไม่เก่าเลย.... ช่วงเวลาหนึ่งของฉันในโรงพยาบาล~
~ ความตั้งใจ กับ น้ำตาแม่ ~
~ โปสการ์ดใบนั้น.... มิตรภาพที่ฉันไม่เคยลืมของเพื่อนอินเตอร์เนต ~
~ ดอกแก้วของเราบานแล้ว ~
~ ถ้าคนเราไม่มีหัว ~
~กีฬา..กีฬา..เป็นยา (หัวใจ) วิเศษ ...
~ ....บทสรุป..ค้นหา..พบเจอ...
~ ....บทหนึ่ง..บทนำ...
~ เรียงความสั้นๆ ของลูกชายคนหนึ่งถึง...แ ม่
~ จากลากันด้วยความสุขแบบนี้..เ จ็ บปวด
~ ผู้หญิงคนนี้ที่ฉันรัก....สุ ดหัวใจ




New Comments
Friends' blogs
[Add prncess's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.