~ รู้สึกดี ~

Group Blog
 
All Blogs
 
~ วันนี้ขอมีสาระหน่อยน๊า.... ....มารู้จักโรคบูลีเมียกันเถอะ~

หญิงสาวผิวขาวผอมบาง
ใส่เสื้อเปิดไหล่ข้างเดียว
ตามสมัยนิยมเผยให้เห็น
ผิวขาวซีดที่โผล่ออกมาอย่างชัดเจน



เธอเดินเยื้องย่างอย่างช้าๆ
เข้าไปในงานแต่งงาน
ที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย

ทุกคนมองเธอเป็นตาเดียว



"ฉันอ้วนแน่ๆเชียว"
"ฉันอ้วนมากๆแหงๆ"
ในใจของเธอร่ำร้องเช่นนั้น
"คอยดูนะ วันนี้ฉันจะไม่กินอะไร"
"เอ ...หรือจะกินก่อน
แล้วค่อยไปขย้อนเอาออก
ก็ยังไม่สายหรอกน่า"




เธอเดินอย่างช้าไปที่โต๊ะอาหาร
นั่งลงและมองอาหารที่อยู่ตรงหน้า
.................
................
.................
....................


"ดูสิเธอ คนอะไรผอมจัง"
"นั่นสิ เป็นโรครึเปล่านี่"
"น่ากลัวนะนั่น"
"เธอน่าจะไปหาหมอได้แล้ว
ผอมขนาดนั้น"




ในความคิดสายตาคนอื่นที่มองเธอ
เขาคิดเช่นนั้น...






หลังจากกลับจากงานแต่งงาน
ในเย็นวันนั้น
เธอกลับมามองกระจกเงาบานใหญ่
ที่เคยส่องทุกวัน



"ฉันอ้วนขึ้นอีกแล้ว"
"อีกแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะลดมันลง
อีกสามกิโล"


...............................






จากเรื่องของหญิงสาว
มาถึงเรื่องความจริงที่ว่า
โรคที่เธอเป็นอยู่นั้น
ก็คือ โรคบูลีเมีย





เห็นเป็นโรคที่น่าสนใจมาก
จึงหยิบยกนำมาฝากกัน
จากบทความของ
นพ.ชาญวิทย์ พรนพดล




อันเนื่องมาจากรายงานพิเศษฉบับที่แล้ว " ลดความอ้วนด้วยแอโรบิคน้ำ " พูดถึงเรื่องโรคอ้วน ก็เลยมีหลายคนโดยเฉพาะคุณผู้หญิงถามกันมาว่า ที่เรียกว่าโรคอ้วนนั้นเป็นอย่างไรกันแน่




โรคที่ทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติใน
เรื่องพฤติกรรมการกินนั้น
เรียกว่า " โรคบูลิเมีย "
และส่วนมากมักจะเกิดกับวัยรุ่นหญิง
อายุประมาณ 15-35 ปี
ผู้ชายก็พบบ้างเหมือนกัน แต่ไม่มาก




ลักษณะอาการที่เกิดขึ้นก็คือ
การกินที่ไม่สามารถควบคุมได้
ในปริมาณมากๆ ในเวลาจำกัด

พอรับประทานอาหารแล้วจะรู้สึกว่าตัวเองผิด
อาจจะมีพฤติกรรมที่พยายามจะ
กำจัดอาหารที่รับประทาน
เข้าไปจำนวนมากๆ นั้นออกมา เช่น
พยายามออกกำลังกายอย่างหักโหม
พยายามอดอาหาร
พยายามล้วงคอให้อาเจียน
หรือใช้สารอย่างอื่นเพื่อที่จะขับอาหาร
หรือว่าแคลอรีที่รับประทานเข้าไปแล้วให้ออกมา



ในต่างประเทศพบ
ผู้ป่วยโรคนี้ประมาณร้อยละ 1-3
ของประชากรทั่วไป แต่สำหรับบ้านเรา
โรคนี้ถือว่ายังใหม่
เรายังไม่เคยมีงานวิจัย
แต่ก็มีแนวโน้มว่าสูงขึ้นเรื่อยๆ
อันเนื่องมาจาก
ค่านิยมของสาวๆ บ้านเรา
ที่ให้ความสำคัญเรื่องรูปร่างหน้าตา
มากกว่าเรื่องของโภชนาการ


สาเหตุของโรคบูลิเมียนั้น
มีหลายปัจจัยรวมกัน

อันดับแรกเป็นสาเหตุทางชีวภาพ
ปัจจัยทางกรรมพันธุ์ก็เป็น
สาเหตุใหญ่อีกอันหนึ่ง
จากการศึกษาวิจัยในต่างประเทศพบว่า
วัยรุ่นหญิงที่เป็นโรคบูลิเมียนั้น
ส่วนใหญ่ผู้ปกครองโดยเฉพาะ
มารดาเคยเป็นโรคนี้มาก่อน


ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง
ก็มีส่วนทำให้เกิดโรคนี้

สาเหตุใหญ่อีกอย่างหนึ่งนี้ก็คือ
ปัจจัยด้านสังคม
อย่างที่กล่าวมาแล้ว
ในตอนต้นว่า
สังคมหรืออีกนัยหนึ่งค่านิยมของผู้หญิง
ให้ความสำคัญเรื่องรูปร่างผอม
ว่าเป็นมาตรฐานที่ดี
อันนี้เป็นสาเหตุที่สำคัญมาก
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุ
ด้านปัจเจกบุคคล เช่น


บางคนมองว่าตัวเองไร้ค่า
คนที่คิดอย่างนี้มีแนวโน้มจะเป็นโรคซึมเศร้า
หรือคนที่มีความวิตกกังวลสูง
มีความเครียดสูง
ก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ได้ง่าย


ผู้หญิงที่เป็นโรคบูลิเมียนั้น
จะเห็นได้ชัดตรงพฤติกรรมการกิน
ที่ไม่เหมาะสม

มักจะรับประทานอาหารทีละมากๆ
ชนิดที่ว่าใครเห็นแล้วจะตกใจ

เคยมีผู้ป่วยคนหนึ่งสามารถ
รับประทานแฮมเบอร์เกอร์จำนวน 15 ชิ้น
ภายในเวลา 1 ชั่วโมง
ร่วมกับมันทอด (French Fried)
อีก 10 ชุดใหญ่
ในระหว่างนั้น
ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้
ควบคุมตัวเองไม่ได้
แต่พอรับประทานเสร็จ
จะรู้สึกผิดเสียใจกับตัวเองว่า
เราไม่น่ากินขนาดนั้นเลย
จากนั้นก็จะตามมาด้วย



พฤติกรรมในการกำจัดอาหาร
ที่ตัวเองรับประทานออกมา

ด้วยการล้วงคอให้อาเจียน
หรือว่ากินยาถ่าย
ทั้งถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ
มีการอดอาหารตามมาอีก 3-4 วัน
หรือว่ามีการออกกำลังกายติดต่อกันมากๆ
อย่างเช่น 5 ชั่วโมงติดต่อกันทุกวัน เป็นต้น


ภาวะแทรกซ้อนจากการป่วย
ด้วยโรคบูลิเมีย
นั้นอันตรายไม่น้อย
ถ้ารุนแรงก็ถึงขั้นเสียชีวิตได้
ที่พบบ่อยคือ
เรื่องของภาวะอิเล็กโตรไลท์ที่ผิดปกติ เช่น
ระดับโปรแตสเซียมในเลือดต่ำ
คลอไรด์ในเลือดต่ำ
ซึ่งถ้ามารักษาไม่ทันก็จะทำให้ถึงแก่ชีวิต
นอกจากภาวะอิเล็กโตรไลท์ที่ผิดปกติไปแล้ว
ก็อาจจะผิดปกติในเรื่องของทางเดินอาหาร
อย่างเช่น มีการฉีกขาดของหลอดอาหาร


หรือมีการฉีกขาดของเยื่อบุลำคอ
ในระหว่างที่มีการกระตุ้นตัวเองให้อาเจียน
อาจจะถึงขั้นเลือดออกในทางเดินอาหาร
นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติในเรื่องของฟัน
ฟันอาจจะผุหมดทั้งปาก

เนื่องจากกรดที่ขย้อนขึ้นมาจากกระเพาะ
หรือว่าอาจจะมีความผิดปกติ
ทางต่อมน้ำลายมีการบวมผิดปกติ
หรือประจำเดือนมาผิดปกติ
ไม่สม่ำเสมอ
นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของไต
อาจจะทำให้ไตวาย
ถ้าเกิดผู้ป่วยมีการกระตุ้นตัวเอง
ให้อาเจียนหลายๆ ครั้งจนถึงกับขาดน้ำ
หรือขาดอิเล็กโตรไลท์ที่สำคัญ


แนวทางการรักษา
ต้องอาศัย
การรักษาในหลายๆ ด้านร่วมกัน
ไม่มีการรักษาเพียงวิธีเดียวที่ได้ผล
ส่วนใหญ่แล้วเราแนะนำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์
อันดับแรกคือ
ต้องมีการตรวจร่างกาย
ตรวจเลือด
เพื่อที่จะดูว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้นั้น
มีความผิดปกติของระบบอิเล็กโตรไลท์
ระบบการทำงานของไตผิดปกติหรือเปล่า


สรุปง่ายๆ อันดับแรก
แพทย์จะตรวจดูว่า
มีโรคทางกายซึ่งเป็น
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคบูลิเมียหรือไม่
ถ้ามีก็จะได้ทำการรักษาภาวะเหล่านั้น
เมื่อภาวะทางด้านร่างกายคงที่แล้ว
หรือพ้นขีดอันตรายแล้ว
ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของจิตแพทย์
ที่จะดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ต่อ
การรักษาที่ใช้กันอยู่ก็คือ



จิตบำบัดตัวต่อตัว
หรือการทำกลุ่มบำบัด
โดยให้คนไข้ที่มีความผิดปกติ
แบบเดียวกัน อย่างเช่น
พฤติกรรมการกินที่ผิดปกติมาเข้ากลุ่ม
แล้วก็มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน


การรักษาด้วยยา
ก็เป็นอีกทางหนึ่ง
ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นการรักษาที่ได้ผล
มียาในกลุ่มที่เรียกว่า SSRI (Selective Serotonin Reuptake Inhebitor)
ยาในกลุ่มนี้เป็นยาต้านเศร้า

จากการวิจัยพบว่า
ยากลุ่มนี้สามารถลดพฤติกรรมการกินที่มากผิดปกติได้ การรักษาอื่นที่ได้ผลคือ

การทำพฤติกรรมบำบัด
คือการฝึกสมาธิหรือว่าฝึกสติตัวเอง
ให้รู้จักยับยั้งความคิด
ให้รู้จักค้นหาว่ามีปัจจัยใดบ้าง
ที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้


เกิดพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม
แล้วก็หยุดพฤติกรรมอันนั้นก่อน
จะหลวมตัวทานลงไป
ซึ่งอาจใช้เวลาใน
การบำบัดประมาณ 3-4 เดือน
หรือบางคนอาจใช้เวลาเป็นปี


โรคบูลิเมียนั้นถือเป็นโรคเรื้อรัง
ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นแล้วมี
โอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
อีกถึงร้อยละ 10-20 มี
ปัจจัยหลายอย่างที่
เป็นตัวกระตุ้นให้
อาการกลับมากำเริบ
เช่น ความเครียด
ความซึมเศร้า เหงา
หรือแม้แต่ปัญหาพื้นๆ ในครอบครัว
ที่ทำงานหรือที่โรงเรียน


สำหรับผู้หญิงที่มีอัตราเสี่ยง
ในการจะเป็นโรคบูลิเมีย
ต้องพยายามอย่าให้ตัวเองหิวจัดๆ
เพราะความหิวเป็นตัวกระตุ้นให้รับประทานจุ
หรือ binge eating


พยายาม
ปรับนิสัยการกินของตัวเอง
ให้รับประทานอาหารเป็นเวลา
เลือกอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย
พยายามหลีกเลี่ยง junk food ต่างๆ
มีสติควบคุมความต้องการ
สังเคราะห์ให้ได้ว่าอะไรบ้าง
เป็นตัวกระตุ้นให้เรามีพฤติกรรมการกิน
ที่ไม่เหมาะสม เช่น ความเครียด
ความเหงา ความซึมเศร้า
แล้วก็ความหิว


ปัจจัย 4 อย่างนี้
เป็นสาเหตุหลักกระตุ้น
ให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม
ในกรณีที่ต้องการออกกำลังกาย
ก็ควรจะวางตารางให้ชัดเจน
ถ้ารู้ตัวว่าอยู่คนเดียวไม่ได้
ก็ควรจะเข้ากลุ่มกับเพื่อนสนิท
อย่าอยู่คนเดียว
และควรหากิจกรรมที่ทำแล้ว
รู้สึกภูมิใจในตัวเอง
ช่วยให้เราทำได้บ่อยๆ


ค่านิยมเรื่องรูปร่างที่บอบบางนั้น
กำลังจะเป็นค่านิยมที่ล้าสมัย

ในต่างประเทศเขารณรงค์กันมาก
เรื่องรับประทานให้ถูกหลักโภชนาการ
มีการออกกำลังกายที่เหมาะสม
รูปร่างที่ดี ต้องมีลักษณะบ่งชี้ว่ามีสุขภาพแข็งแรง
ไม่ใช่รูปร่างที่ดูแล้วเป็นห่วงแทน
หรือว่ารูปร่างที่ดูเหมือนเพิ่งฟื้นมาจากไข้

...............................


บทความดีดีนำมาฝากจาก
เวบนี้นะคะ หากสนใจก็ตามไปอ่านกันได้
มีเรื่องราวดีดีอีกเยอะ มีประโยชน์มากๆค่ะ
//www.clinicrak.com/mental/mental.html

....................................




วันนี้ขอ
มีสาระหน่อยแล้วกันเนอะ
แบบว่ามองเห็นสังคมในยุค
ที่รู้สึกว่าสาวสมัยนี้
นิยมความผอมกันมากจัง
หันไปทางไหนก็
ผอมบางกันไปซะหมด

ฉันว่าจะผอมจะอ้วนยังไง
ก็ขอให้ดูแลสุขภาพจิตใจให้
มีความสุขกันก็คงดีนะคะ


ด้วยความปรารถนาดีค่ะ

26 มกราคม 2549






Create Date : 26 มกราคม 2549
Last Update : 26 มกราคม 2549 8:07:41 น. 37 comments
Counter : 1878 Pageviews.

 
โรคบูลีเมีย กินแล้วล้วงคอกำจัดอาหาร กลัวอ้วนจนหวั่นไหวไปหมด เฮ้อ..ทำได้ไงเนาะ

ว้า..เราก็อ้วน แต่ยังไม่ยอมลดน้ำหนัก เฮ้อ...


โดย: เฉลียงหน้าบ้าน วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:7:59:45 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะเจ๊
เหอๆ โบว์เป็นโรคกินไม่ยั้ง ^^'

เสื้อผ้าคับไปหมดแย้วววอ่ะ
ต้องไปวิ่งๆๆ ซะหน่อยแล้ว
แต่ขอเป็นหลังตรุษจีนแล้วกัน

ปีที่แล้วก็พูดงี้ล่ะ


จุ๊บๆ ...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:8:14:08 น.  

 


โดย: prncess วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:8:16:02 น.  

 
โรคนี้น่ากลัวจัง


โดย: ~มณีลัลลา~ วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:8:16:31 น.  

 
ก็เคยอ่าน และมีเพื่อนบางคนที่ลดความอ้วนด้วยวิธีทานเสร็จล้วงคอ

ดูน่ากลัว และน่าสงสาร ว่าทำไมต้องทำร้ายตัวเอง

เคยถามเพื่อนว่าทำไปทำไม

เค้าบอกว่าก็ยังได้กิน

ดีกว่าคนที่ไม่ได้กิน

อือ.....ไม่รู้จะพูดว่าไงต่อเลย

ขอบคุณสำหรับบทความดีดีนะคะ


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:8:19:16 น.  

 
เคยเป็นนะ....แต่ไม่รู้ว่าขั้นไหน....สมัยครองตัวเป็นโสด...ล้วงคออ้วก....ตอนนี้นึก ๆ สงสารคอตัวเองมากค่ะ


โดย: แม่น้องธัย วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:8:20:16 น.  

 
ขอบคุณสำหรับสาระดีๆอ่ะครับ


โดย: ปลายเทียน วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:8:28:35 น.  

 
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ


โดย: jayjayกะน้องถ้วยฟู วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:8:29:15 น.  

 


มาให้กำลังใจ


โดย: Mr.Vop วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:8:33:41 น.  

 
น่ากลัวจัง


โดย: jaa_aey วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:8:47:37 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะ ทานแล้วล้วงให้อาเจียนนี่พบบ่อยค่ะ เพื่อนเราก็เป็น แย่จัง


โดย: รักบังใบ วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:8:55:05 น.  

 
น่ากลัวจังค่ะ เจ้าโรคนี้

มีเพื่อนสนิท ชอบทานแล้วไปล้วงคอเหมือนกัน
เตือนแล้วแต่ก็ไม่หายค่ะ


โดย: loveme_loveu วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:9:02:38 น.  

 
โรคนี้น่ากลัวค่ะ
จริงๆ ก็เป็นเรื่องของใจนะคะ
อานุภาพของจิตใจ ที่จะบังคับร่างกายให้เป็นไป


โดย: rebel วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:9:04:05 น.  

 

...เคยอ่านเจอเกี่ยวกับโรคนี้เหมือนกันค่ะ

น่ากลัวเหมือนกันเนอะ


โดย: Dying To Be Alive วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:9:17:22 น.  

 



โรคนี้สยองมากเลย


โดย: อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:9:40:36 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่นำมาฝากกัน^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:9:57:20 น.  

 
งี้ดดด น่ากลัวจริงๆ ค่ะ อ่านแล้วแอบคิดว่าตัวเองเป็นหรือเปล่า เพราะมักจะกินอาหารในปริมาณมากๆ อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ค่ะ... แต่ไม่ยักกะรู้สึกผิด ไม่รู้ทำไม

อิอิ ผล ตอนนี้เลยอวบท้วนสมบูรณ์เป็นที่สุด


โดย: สายลมโชยเอื่อย วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:11:05:13 น.  

 
เคยดูสารคดีมาเหมือนกันครับ น่ากลัวนะ ไม่รู้จะทำไปทำไม จนกลายเป็นโรคที่น่ากลัวไปเลย

เคยเห็นนางแบบคนนึงที่เป็นแบบนี้น่ะครับ น่ากลัวมากๆ


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:11:39:17 น.  

 
ของผมเป็น พุงโรเมียร์ ครับ
รักษาไม่หายซะที << ก็กินซะขนาดนั้น


โดย: เซียวเปียกลี้ วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:12:20:00 น.  

 
น่ากลัวนะคะ คนที่เป็นโรคนี้บางคนอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้นะคะ ขอบคุณค่ะที่นำความรู้มาบอกกัน


โดย: Petit Patty วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:12:20:02 น.  

 
วันนี้ได้ความรู้เยอะเลยจ้ะ ขอบคุณจ้ะ


โดย: พี่เจี้ยวค่ะ IP: 71.241.118.254 วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:12:27:36 น.  

 



โดย: erina วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:12:58:10 น.  

 

ขอบคุณเจ้าหญิงที่นำมาฝากค่ะ


โดย: p_tham วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:13:04:19 น.  

 
เคยดูหนังเรื่องนึง เหมือนกันคะ เค้าจะเป็นเรื่องราว ของเด็กวัยรุ่นที่เป็นโรคนี้อ่ะคะ
น่ากลัวมากอ่ะคะ
อ่านตามหนังสือบอก นางแบบเมืองนอกจะเป็นกันเยอะ

สบายดีนะคะ


โดย: yuki san วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:13:19:12 น.  

 
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ

แต่แป๋มผอมมากเพราะไม่ค่อยกินอะไรมาก
ไม่เคยกินยาลดความอ้วนเลยค่ะ
ออกแนวผอมมากไปนิดหนึ่ง
อยากอ้วนกว่านี้หน่อยค่ะ

น่าเห็นใจคนที่เป็นโรคนี้นะค่ะ
ทำไมอยากผอมคนผอมเกินไปไม่สวยเลย



โดย: หยิ๋งแป๋ม วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:13:27:35 น.  

 
เข้ามาแวะอ่านสาระดีดีค่ะ


โดย: ทูน่าค่ะ วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:13:46:57 น.  

 
ขอบคุณบทความดีดีนะค่ะ


โดย: asariss วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:14:42:13 น.  

 

สวัสดีเพื่อนๆยามเย็นนะคะ
วันนี้คงไม่ได้แวะไป
ทักทายกันนะคะ

ด้วยว่า
เก็บกวาดบ้านขนานใหญ่
รับตรุษจีนค่ะ

ขอให้เพื่อนๆมีความสุข
มากๆนะคะ
เฮงๆๆๆ

ดีจังค่ะที่เพื่อนๆชอบ
บทความนี้
อ่านแล้วคงได้ประโยชน์
กันนะคะ

ไปแร่ะ แวบมาแวบไป


โดย: จขบ.^^ (prncess ) วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:15:58:55 น.  

 
โชคดีค่ะที่ตัวเราเองไม่ได้อ้วน

ขอบคุณสำหรับบทความที่มีประโยชน์ค่ะ


โดย: พ ริ ก ขี้ ห นู @ UK วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:17:15:03 น.  

 
น่าสงสารคนที่เป็นโรคนี้จริงๆค่ะ.... ที่เมืองนอกเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ แต่เมืองไทยไม่ค่อยมีการพูดถึง

ขอบคุณ เจ้าหญิงที่เอามาแบ่งปันกันนะค่ะ

เป่าจินยุ่งๆค่ะ แต่วันนี้แอบมาอัพบล๊อค...


โดย: เป่าจิน วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:17:49:22 น.  

 
น่ากลัวจัง ตอนผมลดความอ้วนแรกๆ ก็กลัวเป็นเป็นแบบนี้แหละครับ

ลองแวะไป Blog ผมบ้างนะครับ


โดย: The T (Mr. Dhay ) วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:19:27:29 น.  

 




----แอบบบ คิดถึงค่ะ


โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:19:43:17 น.  

 
Image Hosted by ImageShack.us
sawatd ka ตอนสาวๆนึกว่าเป็นแล้ว


โดย: erol วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:22:17:13 น.  

 
รู้จักโรคนี้ก็เพราะหนังเรื่องหนึ่งค่ะ ... ประมาณว่าเป็นนักกีฬาที่ต้องการชนะถึงต้องแบบว่าฝึกหนักแต่ว่าเรื่องอาหารก็ยังอยากกินอยู่ ก็เลยจัดการด้วยการกินเข้าไปไม่หยุดแล้วก็จบด้วยการล้วงคอตัวเอง

อีกครั้งที่แย่มากๆ ก็เพราะว่าน้องสาวลูกของน้าเค้าก็ทำวิธีการเดียวกันนี้เหมือนกัน กินเยอะแล้วก็หาทางกำจัดไม่ได้ก็เลยใช้การล้วงคอนี่ล่ะช่วย พอเรารู้ผู้ใหญ่รู้ก็เลยต้องพาไปหาจิตแพทย์รักษากันซะขนานใหญ่เลย ยิ่งฟังหมอเค้าบอกผลเสียแล้วยิ่งน่ากลัวนะค่ะ

ขอบคุณที่เอาเรื่องราวดีๆ มาแบ่งกันนะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:22:39:03 น.  

 
อ่านแล้วนึกภาพออกเลยพวกล้วงคอ สมัยก่อนผมจะล้วงคอก็ต่อเมื่อผมเมาหนักมากๆ และรู้สึกว่าทรมานมาก แต่ก็เป็นอดีต

น่ากลัวและเป็นห่วงสำหรับคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้

แต่ผมอยากอ้วน แต่กลับไม่อ้วนซะงั้นไม่ว่าจะกินเยอะหรือน้อยมีค่าเท่ากัน


โดย: noom_no1 (ป่ารักน้ำ ) วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:23:26:25 น.  

 
อ่านแล้วน่ากลัวจริง ๆ
ยิ่งเห็นเด็กสาว ๆ อายุคงยังไม่เต็ม 15 ผอมจนเห็นกระดูก แต่ยังบ่นนนนนว่าตัวเองอ้วน ไม่ยอมกินอะไร
เฮ้ออออออ

โชคดีที่พรายทรายกลมกลิ้ง คงยากเป็นโรคนี้ แหะ แหะ


โดย: พรายทราย วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:23:56:23 น.  

 
พาบัดดี้แบกเป้ความสุข ที่บรรจุ... ความร่ำรวย สุขภาพดี โชคดี มั่งมี อั่งเปา มาแจกบ้านนี้คร๊าบ



โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ วันที่: 27 มกราคม 2549 เวลา:2:26:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prncess
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





I don't know,
but I believe
That some things are meant to be
And that you'll make a better me
Everyday I love you

I never thought that dreams came true
But you showed me that they do
You know that I learn something new
Everyday I love you

'Cos I believe that destiny
Is out of our control
(don't you know that I do)
And you'll never live until you love
With all your heart and soul.

It's a touch when I feel bad
It's a smile when I get mad
All the little things I am
Everyday I love you










~ขอบคุณน้ำใจ
เพื่อนๆบล็อกแกงค์
เอื้อเฟื้อของตกแต่ง
บล็อกทุกท่านค่ะ~



:รำลึกบล็อกเก่า:
~ สามปี...การกลับมาของเพื่อน และเรื่องสะเทือนใจ ~
~ Thank You For Loving Me ~
~เมื่อฉันเจอไวรัส....~
~พจนานุกรมอังกฤษ ฉบับ ชวนหวัว~
~ดนตรีคลาสสิกที่บรรเลงจบเพลงของ "ซีเนอดีน ซีดาน"~
~ แค่คิดเล่นๆ..หนังสือเล่มล่าสุดเล่มโปรดที่อ่าน~
~ กลิ่นของลมหนาว ~
~ คนนี้ :)) ~
~ Blog tag ...ภาคสอง ...รอบนี้เพื่อคุณเพื่อน. ~
~ ผ่านกาลเวลา ~
~ รักเราไม่เก่าเลย.... ช่วงเวลาหนึ่งของฉันในโรงพยาบาล~
~ ความตั้งใจ กับ น้ำตาแม่ ~
~ โปสการ์ดใบนั้น.... มิตรภาพที่ฉันไม่เคยลืมของเพื่อนอินเตอร์เนต ~
~ ดอกแก้วของเราบานแล้ว ~
~ ถ้าคนเราไม่มีหัว ~
~กีฬา..กีฬา..เป็นยา (หัวใจ) วิเศษ ...
~ ....บทสรุป..ค้นหา..พบเจอ...
~ ....บทหนึ่ง..บทนำ...
~ เรียงความสั้นๆ ของลูกชายคนหนึ่งถึง...แ ม่
~ จากลากันด้วยความสุขแบบนี้..เ จ็ บปวด
~ ผู้หญิงคนนี้ที่ฉันรัก....สุ ดหัวใจ




New Comments
Friends' blogs
[Add prncess's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.