Keeping an eye on pop culture. Because I said so.
Group Blog
 
All Blogs
 
โทรทัศน์ รักษาโรค ติดข่าวสาร

เรื่อง : แหนง-ดู

วันหนึ่งเมื่อโทรทัศน์ทุกช่องในบ้าน ไม่มีอะไรให้ชม เจ้าจอสี่เหลี่ยมนั้นกลายเป็น "จอที่ว่างเปล่า" คุณจะรู้สึกอย่างไร

ก. ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย เพราะว่า ไม่ดูทีวีอยู่แล้ว

ข. แทบตาย ... ทำเอากินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับเลยล่ะ

คนส่วนใหญ่ก็น่าจะแยกกันอยู่ในสองกลุ่มที่ว่า แต่ความจริงก็น่าจะมี ข้อ ค.สำหรับคนที่มีสภาพ "เบื่อๆ" "อยากๆ" เจ้าจอสี่เหลี่ยม (แบนบ้างไม่แบนบ้าง) ที่เรียกกันว่า โทรทัศน์

วันเดียวกันนั่นล่ะ บางคนอาจจะค้นพบว่า ตัวเองมีอาการ "เสพติด ข่าวสาร" อย่างรุนแรง อาการที่ว่านี้จะเป็นมากกับคนที่ "ติดโทรทัศน์" ซึ่งเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อผู้คนในสังคมมากที่สุด และเป็นสื่อที่นำเสนอข่าวสารเช้าสายบ่ายเย็นและดึกดื่น --- ไม่ใช่แค่กรอบเช้าหรือบ่ายเท่านั้น

เนิ่นนานมาแล้วที่เรื่องราวของคุณค่าในเนื้อหาสาระของรายการโทรทัศน์นั้นถูกนำมาเป็นประเด็นในการพูดคุย (และถกเถียง) นั่นเป็นเหตุให้หลายคนเลิกดูโทรทัศน์ บางบ้านไม่มีโทรทัศน์สักเครื่องหนึ่ง เพื่อที่จะสกัดกั้นสื่อสาระ จากโทรทัศน์ที่ถือเป็น "น้ำเสีย" ในความคิดของพวกเขาให้ไกลตัวไกลบ้านและไกลครอบครัว

ในบางประเทศมีชมรม "คนไม่ดูโทรทัศน์" หรือ "คนต่อต้านการชมโทรทัศน์" ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนที่ "เซย์โน" กับโทรทัศน์นั้นมีอยู่เป็นกอบ เป็นกำ แต่ถึงอย่างนั้น คนไม่มีโทรทัศน์หรือไม่ดูโทรทัศน์ในสังคมไทย (หรือในสังคมอื่นๆ) นั้นมักจะถูกมองว่า แปลก เพราะพวกเขาเป็นคนกลุ่มน้อย แต่พวกเขาไม่ได้ผิด เพียงแต่คิดต่าง และให้คุณค่ากับบางสิ่งบางอย่างไม่เหมือนใคร

ด้วยการนำเสนอข่าวสารเหตุการณ์ที่ฉับไว มีคุณสมบัติเฉพาะตัว ซึ่งให้ทั้งเสียงและภาพมาพร้อมกันนั้น ทำให้โทรทัศน์กลายเป็นสิ่งที่หลายๆ คนขาดไม่ได้ นอกจากนั้น โทรทัศน์ยังเป็นสื่อที่ฟรี!!! เปลืองแต่ค่าไฟเท่านั้น ขณะที่สื่ออย่างอื่นอย่างเช่น หนังสือพิมพ์ต้อง "ซื้อ" มาอ่าน

คนที่คิดว่า "ชีวิตไม่ได้ขาดอะไรไป เพราะโทรทัศน์" นั้น อาจจะเป็นคนที่นิยมติดตามข่าวสารจากสื่ออื่น หลายคนชอบความละเอียดและลึกซึ้งของ ข่าวสารจากหนังสือพิมพ์มากกว่า ถึงแม้ว่าจะช้ากว่าโทรทัศน์ไปบ้าง

สิ่งที่บรรดาสถานีโทรทัศน์ต่างๆ แก้ไขคือ การนำเสนอรายการข่าวใน เชิงวิเคราะห์เจาะลึก เพื่อที่จะได้มีความใกล้เคียงคล้ายคลึงกับสื่อสิ่งพิมพ์

ถึงอย่างนั้น หลายคนก็รู้สึกว่า โทรทัศน์มัน "รีไวด์" กลับมาฟังมาดูใหม่ไม่ได้ แต่หนังสือพิมพ์จะกลับมาอ่านอีกกี่ครั้งก็ได้ (ถ้าไม่หายหรือขาดไป ซะก่อน)

สำหรับบางรายการที่เรียกตัวเองว่า รายการ "เล่าข่าว" นั้น ก็ให้ตงิดๆ ในใจว่า อย่างนี้ซื้อหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารมาอ่านเองจะดีกว่าไหม

คงจะอยุติธรรมเกินไป ถ้าหากจะบอกว่า ไม่มี "น้ำดี" ในโทรทัศน์ แต่รายการดีๆ เหล่านั้นก็ไปหลบอยู่ในซอกหลืบของผังรายการ ออกอากาศในเวลาที่ไม่มีคนดู ไม่สร้างรายได้ และต้องลาจากในที่สุด

หลายคนมองว่า การดูโทรทัศน์นั้นเสียเวลา เหตุเพราะความตื้นเขินและฉาบฉวยในเนื้อหาสาระ เมื่อรายการจบ ทุกอย่างก็จบ ไม่เหลืออะไรไว้ในหัวคนดู

นี่เป็นเพียงแค่อิทธิพลในทางลบที่โทรทัศน์มีต่อเราๆ ท่านๆ ที่โตเป็น ผู้ใหญ่แล้ว ไม่พูดถึงเด็กๆ เยาวชนที่ยังไม่สามารถมีวิจารณญานในการ ไตร่ตรองและเลือกเสพของตัวเอง

ไม่ใช่แค่ว่า "ไม่ได้อะไร" แต่บางครั้งคนดูถูกยัดเยียดจากโทรทัศน์ "ซิตคอม" หรือละครบางเรื่อง ที่คิดอยากจะดูแบบขำๆ จะได้ผ่อนคลายบ้าง แต่กลับต้องเครียดไปยิ่งกว่าเก่าอีก เพราะว่า โฆษณาแฝงที่มาให้เห็นกันจะๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ในฉากแล้วฉากเล่า!!!

โทรทัศน์จึงน่ารังเกียจในสายตาของบางคน เพราะว่า มันทำหน้าที่รับใช้ "ระบบทุนนิยม" มากเกินไป

แล้วเรายังจะเชื่อในสาระที่โทรทัศน์นำเสนอได้อยู่อีกไหม?

ด้วยอาการ "ติดข่าวสาร" ขั้นโคม่าที่โทรทัศน์สร้างให้เกิดขึ้นกับหลายๆ คนนี้ แท้จริงแล้ว โทรทัศน์เองมีศักยภาพเพียงพอที่จะรักษาอาการนั้นได้ไหม?

ใครบางคนตั้งคำถาม!!! @


Create Date : 28 มกราคม 2551
Last Update : 28 มกราคม 2551 16:56:28 น. 0 comments
Counter : 150 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Nd_Bangkok
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Nd_Bangkok's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.