=== Extremely Loud and Incredibly Close : Jonathan Safran Foer ==



เรื่องนี้เป็นหนังสือที่เราคาดว่าเนื้อหาน่าจะเบาๆ เพราะเป็นเรื่องของเด็ก 9 ขวบ ที่สูญเสียพ่อไปจากเหตุการณ์ 911 แล้วมาเจอ กุญแจดอกหนึ่งที่เหมือนกับว่าพ่อจะทิ้งไว้ให้ แต่..จะหาที่ไขตรงไหนล่ะ ในนิวยอร์ค ที่มีคนอยู่เยอะขนาดนั้น มีตู้ให้ไขมากมาย เหมือนๆ เป็นการผจญภัยของเด็กน้อยนะ

แต่เอาเข้าจริงแล้ว มันดราม่ามากกว่่าที่จะเตรียมใจไว้แฮะ นักเขียนสร้างพล็อตได้ดีทีเดียว อ่านไปก็น่าติดตาม จนเป็นคำถามในใจว่า สิ่งที่คนเราต้องเผชิญนั่นคือความเป็นจริง บางคนเลือกที่จะหนี แต่ในท้ายที่สุดความจริงก็ยังคงเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ อยู่ที่เรียนรู้อยู่ที่ยอมรับมัน(จริงๆนะ)

อดีตความหลังมันก็เกิดขึ้นแล้วแต่จะเอามาทำร้ายตัวเองทำไม แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในโลกนี้ เราว่านั่นคือ สงคราม สงครามทำร้ายทำลายทุกอย่าง ทำลายคนบริสุทธิ์หลายคนเลย มันไม่ได้ฆ่าคนๆ เดียว แต่มันเหมือนจะทำให้ครอบครัวทั้งครอบครัวเค้าแทบจะตายไปกับคนที่พวกเค้าฆ่าไปด้วย เพียงเพราะความแค้นหรืออะไรก็ตาม สงครามมักจะคร่าชีวิตคนบริสุทธิ์เสมอ

อ่านแล้ว ทำให้คิดว่าเราทำดีกับคนใกล้ตัวเราแล้วหรือยัง ถ้าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาคนๆ นั้นไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ยังมีอะไรที่อยากจะทำเพื่อเค้าบ้างหรือเปล่า ก็อยากให้ลองคิดดู ที่สำคัญคนเราอย่ามองกันที่ภายนอกเลยต้องลองคบลองคุยดู แล้วเราจะเข้าใจคนๆ นั้นมากขึ้น เราไม่ใช่คนเดียวที่ทุกข์ หรือเราไม่ใช่คนเดียวที่สูญเสียหรอก โลกนี้มีคนตายทุกวัน และมีครอบครัวที่ต้องเสียใจทุกวัน เช่นกัน รู้สึกบางทีเรามองคนเพียงด้านเดียว รับรู้เค้าเพียงอย่างเดียว แล้วตัดสินเค้าแบบนั้น บางทีต้องลองรู้จักและคบให้ลึกซึ้งมากขึ้น ถึงจะรู้ว่าเค้าเป็นยังไง

มองโลกในแง่ดีเถิด แล้วมันจะน่าอยู่ขึ้นเยอะ

ปล. หนังสือเล่มนี้มาเป็นหนังแล้วนี่นา ลุงแฮงส์ กะ ป้าแสงดาวนำแสดง ไม่รู้เป็นไงบ้าง น่าสนใจดีทีเดียว




Create Date : 18 กรกฎาคม 2555
Last Update : 18 กรกฎาคม 2555 10:45:31 น.
Counter : 2886 Pageviews.

1 comment
=== Joy Stick : นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ===


หนังสือเล่มนี้ อ่านแล้วไม่คิดว่าจะอินขนาดนี้แฮะ เต๋อเนี่ยเข้าสิงร่างเราสมัยเด็กหรือเปล่าอ่ะ ขำมากกๆๆ เพราะทำเอาเราคิดถึงสมัยเด็กๆ ที่เราวิ่งไล่จับกับเพื่อนแล้ววิ่งกลับมาเปิดเกมส์แฟมิคอมเล่นกัน ยิ่งช่วงปิดเทอมเนี่ย นั่งเล่่นกันตั้งแต่เช้ายันเย็น แม่เราต้องตามกลับมากินข้าว ไม่ยอมกลับ ถึงขึ้นลงไม้ลงมือ ตีด้วยก้านมะยมกันทีเดียว

สำบัดสำนวนสุดยอด กวนมากมาย แต่อ่านแล้วขำ สมแล้วกะที่ได้รางวัลรัตน์ เปสตันยี จากรถไฟฟ้ามาหานะเธอ.. ช่างเก็บรายละเอียดเกมส์ติงต๊องๆ ไว้มากมาย อ่านแล้วก็รำลึกถึงวัยเด็ก อารมณ์ประมาณหนังแฟนฉัน อีกแล้ว วัยเด็กที่มีความสุขเนี่ย ช่างมีคุณค่ามากมายกับชีวิตปัจจุบันของเราทีเดียวนะ บางทีเครียด อกหัก รักคุด ตกงาน เงินหมด ไรงี้ คิดว่าชีวิตมันห่วยขนาดนั้น แต่.. ไอ้ 20-30 ปีที่ผ่านมา มันต้องมีดีสิ เราถึงดำรงอยู่ได้ด้วยความสุขขนาดนี้ เจอเรื่องทุกๆ หน่อยก็จิ๊บๆ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอ๊งง ชิลลด์ๆๆๆๆ นึกถึงสมัยก่อนที่มีความสุข วัยเด็กอันสนุกสนาน แล้วเราก็จะข้ามผ่านความทุกข์นี้ไปได้น่า..
เอ..ออกทะเลแล้วเนี่ย

เอาเป็นว่า ใครเคยเล่นเกมส์ แฟมิคอม ซุปเปอร์แฟมิคอม เพลย์สเตชั่น ไรงี้ ไปอ่านซะ จะฮาไม่หยุด ใครเส้นลึก ก็เรียกคนข้างๆ มาจั๊กกะจี๋ให้ขำบ้างไรแล้วกันนะจ๊ะ

/จบ (เลียนแบบน้องเต๋อในทวิตเต้อ) 555




Create Date : 13 กรกฎาคม 2555
Last Update : 13 กรกฎาคม 2555 15:50:51 น.
Counter : 3010 Pageviews.

3 comment
== สองเงาในเกาหลี : ทรงกลด บางยี่ขัน ==





เพิ่งได้อ่านเล่มนี้ เพราะในช่วงกระแสเคป๊อบ เคซีรี่ย์มาแรงในช่วงนั้น เราโครตจะแอนตี้ทุกอย่างเกี่ยวกับเกาหลี เพราะเบื่อมากกกกก จริงๆ  ช่วงแรกเราก็ดูหนัง ดูซีรี่ย์ เพลงก็ฟังบ้าง อย่าง il Mere เข้าที่ SF เรากะเพื่อนไปดู มีแค่ 10 คนในโรงเอง ประทับใจเรื่องนั้นมาก และถัดมาที่ชอบมากคือ The Classic แต่หลังจากที่กระแสเกาหลีถาโถมเข้ามา เราก็เลิกทุกอย่างที่เป็นกิมจิ ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง รู้สึกมันเหมือนจะเฟกเกิน และคำพูดติดปากของทุกคน แหมม สไตล์เกาหลีเนาะ หล่อ สวยเกาหลี เสื้อผ้าเกาหลี เที่ยวเกาหลี โอยยย ปวดขมอง.. พอมีสองเงาในเกาหลีและ กวน มึน โฮ ถึงเป็นหนังสือ a day และ หนัง GTH ก็เหอะ.. ไม่เอา ไม่ดู เอียนมากมาย

แต่พอกระแสพวกนี้จางลงไป .. เราเลยได้ดู กวน มึน โฮ จากแผ่น โอยย.. น่ารักมากกกก คือคุยกับเพื่อนเลยว่า สตอรี่แบบนี้ไปประเทศไหนก็ได้ น่ารักหมด เพราะบทไม่ได้ขึ้นกับประเทศเลย ขึ้นกับพระ-นาง เท่านั้น ซึ่ง เต๋อกับหนูนา เคมี เข้ากันขั้นเทพ ไม่แปลกใจที่ได้ 100 ล้าน วันดีคืนดี พี่ก้อง ทรงกลด ออกหนังสือเล่มใหม่ ที่นี่ ที่รัก เราเพิ่งได้รู้ว่า คนรอบๆ ตัวเราเนี่ย แฟนพันธุ์แท้พี่ก้องหลายคนมากกก เม้าท์กันสุดฤทธิ์ จนประจวบเหมาะ ถามว่า แกมีสองเงาในเกาหลีหรือไม่.. และในที่สุดๆๆ ก็ได้มาครอบครอง..

คือ เป็นการเขียนบล็อกที่ลำเอียงและเข้าข้างคนเขียนหนังสือเล่มนี้มากก ขอบอกว่า คุณทรงกลด เป็นคนโรแมนติคแบบเงียบๆ อ่ะ ไม่เว่อร์ดี ชอบมากๆ เนื้อเรื่องเหรอ ไม่มีอะไรเลย แค่ผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงคนหนึ่งไปเที่ยวคนเดียว แล้วบังเอิญได้เดินทางร่วมกันในเกาหลี  
ชอบประโยคนี้ที่สุด ตอนเค้าไปดูหนัง My Girl & I ด้วยกัน

การทำให้ผู้หญิงคนหนึ่ง รู้สึกได้ถึงความรักโดยไม่ต้องเอ่ยปากบอก 
มันเป็นที่สุดแล้วของความรัก 
ถ้าเราเข้าใจกัน การเดินจับมือกันโดยไม่ต้องพูดอะไร
หรือแม้กระทั่งการคุยโทรศัพท์ด้วยความเงียบก็เกินพอ

ในหนังสือเป็นมุมมองของ คุณก้องคนเดียว ถ้าพี่ก้องสามารถให้ คุณพิณ เขียนการเดินทางมาในมุมมองของเธอได้ด้วยล่ะก็ มันจะสนุกขนาดไหนนะ

หนังสือเดินเรื่องเรียบง่าย แต่สนุก อ่านลื่นไหล และประทับใจเป็นที่สุดค่ะ

อยากให้มีนิยายน่ารักๆ แบบนี้มาอ่านอีก หัวใจจะได้พองโตกับเค้าบ้างนะคะ

ปล. ชอบเรื่องนี้ถึงขนาดซื้อบทหนังเรื่อง Before Sunrise , Before SunSet มาอ่านต่อกันเลยทีเดียว โรแมนติคกันเข้าไป ทำให้นึกอยากจะลองเดินทางคนเดียวกับเค้าบ้างนะเนี่ย



Create Date : 20 เมษายน 2555
Last Update : 20 เมษายน 2555 16:12:30 น.
Counter : 4258 Pageviews.

3 comment
== The Kite Runner : Khaled Hosseini ==


หนังสือพิมพ์ในปี 2006 เรามาอ่านในปี 2012 ได้มาจากร้านหนังสือมือสองแถวที่ทำงาน สภาพน่าจะเป็นมือที่ 4-5-6 ไปแล้ว ราคา 180 บาท ก็พอได้อ่านอยู่

ขอบอกว่า คนเขียนเรื่อง ช่างเป็นคนที่ปูเรื่องราว และผูกปมให้เราอินกับตัวละครในเรื่องได้ดีมาก มาก.. ยกนิ้วให้ 2 นิ้วเลย อ่านแล้วหลงรักและสงสาร Hussan มากๆ เป็นหนังสือเล่มแรกในปี 2012 ที่ทำให้เราเสียน้ำตากระซิกๆ น้อยใจในโชคชะตาและความไม่เท่าเทียมกันของเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ทำไม ? เป็นคำถามในใจเราตลอดที่อ่านเรื่องนี้ ทำไม ? มนุษย์ถึงโหดร้าย แม้แต่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง เพียงเพราะเค้าไม่ใช่พวกเรา เท่าเองนั้นเองหรือ แล้วอะไรมันคือตัววัดคำว่า "พวกเดียวกัน" ล่ะ เค้าเลือกเกิดได้หรือ? เค้าเลือกศาสนาที่นับถือได้หรือ ? ทำไม ? และทำไม ? ไม่อยากจะรับรู้และเข้าใจอะไรมาก นึกถึงเพลง Imagine ของ John Lennon เลย

You may say I'm a dreamer
But I'm not the only one
I hope someday you'll join us
And the world will live as one

ไม่อยากให้โลกนี้มีสงคราม อยากให้อยู่อย่างสงบสุข

ได้ข่าวว่าทำเป็นหนังแล้ว แต่ยังไม่อยากดู กลัวจะอินและร้องไห้อีก
ถือว่าเป็นหนังสือที่ประทับใจเล่มหนึ่งเลยทีเดียว




Create Date : 20 เมษายน 2555
Last Update : 20 เมษายน 2555 15:54:10 น.
Counter : 2691 Pageviews.

0 comment
== e-book และหนังสือแบบกระดาษ ==
เพิ่งนั่งดูรูปหนังสือเก่าของเพื่อนมาค่ะ เห็นแล้วมีหลายเล่มที่ซ้ำกับของเรา มันดูเก่าๆ นะ แต่บางเล่มมันไม่พิมพ์มาอีกแล้ว หรือไม่ก็เป็นปกที่เค้าพิมพ์แต่ละครั้งไม่เหมือนกัน ดูมีสเน่ห์จังเลย หนังสือพวกนี้

เราเพิ่งซื้อ คินเดิ้ลลล มาอ่านหนังสือค่ะ ดีตรงที่สะดวกดี เบาและเปิดดิกง่าย และพกได้หลายเล่ม ในเครื่องเดียว แต่..มันมีตัวหนังสือไม่กี่แบบ แหะๆ เล่มไหนๆ ก็เหมือนๆ กันไปหมด 

บางทีนะ..เวลาเราเลือกซื้อหนังสือ เราชอบดูปก ดูฟอนต์ ดูการจัดหน้าไปด้วย แต่ละ edition จะแตกต่างกันไป กระดาษที่ใช้ก็ไม่เหมือนกันนะ แหะๆ 

พักหลังๆ เออ..มีร้านหนังสือมือสองมาอยู่แถวออฟฟิศ เราชอบไปเดินดูเล่นๆ ว่า New Arrival ของเค้ามาแล้วมีอะไรบ้าง ฮ่าๆๆ บางเล่มอย่าง Steve Jobs เนี่ยมาแล้วนะ ขายเล่มละ 220 อ่ะ สภาพยังโอเคอยู่เลย เราได้มา 2-3 เล่ม บางเล่มเก่ามากก แต่เวลาเปิดอ่าน จะรู้ว่าอ่านมาหลายมือ เหมือนเราไปยืมหนังสือจากห้องสมุดมาอ่านนะ ได้อารมณ์ดีเหมือนกันน่ะ เปิดง่ายด้วย อาจจะมีคราบเล็กๆ น้อยๆ จากคนเก่ามาบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร รู้สึกว่ามันเป็นสเน่ห์ของหนังสือเก่าดีกว่า ราคาถูกลงมากว่าครึ่ง ได้อรรถรสพอกัน บางเล่มเค้าไม่พิมพ์แล้วแต่เราอยากอ่าน เราก็ไปหามาอ่าน

ตอนนี้ยังตัดใจจากหนังสือกระดาษไม่ได้เลย ชอบขนาดที่แตกต่างกันด้วย ชอบใช้ที่คั่นหนังสือน่ารักๆ ชอบสีของฟอนต์ที่เค้าเอามาทำหนังสือได้แตกต่างกัน สงสัยเราเป็นคนขี้เบื่อมั้ง ตอนนี้เลยคิดว่า..จะเอาคินเดิ้ลไว้อ่านหนังสือที่หนาๆ และบางเล่มที่หาเป็นกระดาษไม่ได้ ส่วนที่เป็นกระดาษต้องซื้อไว้ก่อน เก็บไว้บ้าง เอาไปให้คนอื่นอ่านบ้าง ก็จะดี หรือไม่จะโละไปร้านมือสองก็คงดี 

อ่านข่าว บริเทนนิกาเอนไซโคลปีเดีย จะเริ่มหยุดผลิตการพิมพ์บนกระดาษแล้วเหลือแต่เป็น e-book อย่างเดียวแล้วใจหาย นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของสื่อสิ่งพิมพ์หรืออย่างไรเนี่ย..





Create Date : 10 เมษายน 2555
Last Update : 10 เมษายน 2555 23:37:56 น.
Counter : 2784 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  

m-e-e-n-a
Location :
ภูเก็ต  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



ชอบกิน
ชอบวิ่ง
ชอบว่ายน้ำ
ชอบทำอะไรก็ได้ให้เอนโดรฟีนหลั่ง
ชอบถ่ายรูป
ชอบออกเดินทาง
ชอบหลายอย่าง บางอย่างทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อยากทำ

อิสระของชีวิต ไม่ใช่เพราะมีเงินเพียงพออย่างเดียว
เราต้องมีเวลาให้กับของกินที่มีประโยชน์ ทำประโยชน์ให้กับสังคม สังสรรค์เฮฮากับเพื่อนดีๆ ออกเดินทางค้นหาคำตอบของชีวิต ดูหนัง ฟังเพลง เสพงานศิลป์ เพื่อความรื่นรมณ์อีกด้าน และที่สำคัญมีเวลาใส่ใจกับคนในครอบครัวของเราด้วย ทำอย่างนี้ได้เมื่อไหร่.. ชีวิตเราจะสมบูรณ์ที่สุด