Route 66

Route 66



ถนนสายที่ 66 เป็นถนนในประวัติศาสตร์ ทางหลวงสายแรกของอเมริกา


ภาพจาก //www.theroadwanderer.net/route66.htm
ขอบคุณคร๊าบบบ


มีความยาวตั้งแต่ ชายฝั่งแปซิฟิก ที่เมืองซานตาโมนิก้า แคลิฟอเนียไปสิ้นสุดที่ทะเลสาบมิชิแกน ที่เมืองชิคาโก อิลลินอยส์ ด้วยความยาวถึง 2448 ไมล์ หรือประมาณ 4000 กม.



เมืองบรรยากาศหนังคาวบอยจริง ๆ


เส้นทางที่เราไป ได้แวะเมือง Oat Man เป็นเมืองพักผ่าน และยังคงมีบรรยากาศแบบเมืองคาวบอยให้เห็นอยู่ อยากรู้เพิ่มเติม อ่านได้ที่นี่ค่ะ
//www.theroadwanderer.net/RT66oatman.htm

ระหว่างพวกเราออกไปสำรวจพื้นที่ อ. กมลก็วาดภาพเมือง Oat man





วันนั้นมีการแสดงของชาวเมืองเกี่ยวกับคาวบอยให้ดูค่ะ นักแสดง(วัยดึก) กำลังถ่ายภาพกับนักท่องเที่ยวก่อนเริ่มแสดง



(ปิดถนนเล่นกันกลางเมืองเลยค่ะ)



เส้นทางที่มามีนักท่องเที่ยวที่ต้องการย้อนรอยการเดินทางของกองคาราวาน รถม้าในอดีต ก่อนที่ถนนจะเป็นซุปเปอร์ไฮเวย์ แล้วก็ไม่พลาดมีสิงห์มอเตอร์ไซด์มาสำรวจเส้นทางเหมือนเรา



ที่เมือง Oat Man เคยมีเหมืองทองคำมาก่อน เดิมชื่อว่า Vivian ต่อมาภายหลังเปลี่ยนชื่อตามผู้หญิง Olive Oatman ซึ่งถูกอินเดียนแดงจับไปในปี ค.ศ. 1851 และได้รับการปล่อยตัวในอีก 6 ปีต่อมา



มีการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง"How the West was Won" ที่เมืองนี้ และดาราดัง ในปี 1939 Clark Gable และ Carol Lombard ประกาศแต่งงานและฮันนี่มูนที่โรงแรมเล็ก ๆ ในเมืองนี้



บาร์ของที่นี่เค้าเอาทิปมาติดตามฝาผนังจนเต็มไปหมด



ลา....สัตว์ประจำมือง(ขาใหญ่ตัวจริง)



ระหว่างทางอาจารย์กมลวาดสีน้ำบรรยากาศของทิวทัศน์ทะเลทราย ระหว่างรอรับประทานอาหารเที่ยง



เจอขบวนรถมอเตอร์ไซด์.....ได้บรรยากาศเหมือนขี่ม้าในอดีตดีเนอะ



และร้านที่ต้องแวะ Tourquoise(สะกดถูกรึเปล่า) เค้ามีเป็นเหมืองเลยค่ะ ลานหน้าร้านที่จอดรถมีเกร็ดสีฟ้าเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด แล้วพวกเราก็ใช้เงินไปทำงานกันตามระเบียบ


เราขับรถจากเวกัส รัฐเนวาด้า แล้วมาโผล่ที่อริโซน่า (มาได้ไงก็ไม่ทราบค่ะ นั่ง กะหลับอย่างเดียว) โดยได้แวะเขื่อน Boulder Dam ซึ่งเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ



จบการเดินทางด้วยความเพลีย(นั่งอย่างเดียวไม่ได้ขับยังซะขนาดนี้)
แล้วค่อยเข้าเมืองแอลเอทีหลังนะคะ

ขอบพระคุณ อ. กมล ป้านวลและพี่สมหมาย ไกด์กิติมศักดิ์ ถ้าไม่มีท่านเหล่านี้ครูกะเหรี่ยงบ้านนอกคงไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้จริง ๆ
ขอขอบพระคุณอ.วรา อ.ไมตรี อ. วุฒิกร อ. ภาณุวัฒน์ ผู้ร่วมเดินทางและแบ่งปันภาพถ่ายค่ะ




 

Create Date : 21 มกราคม 2552   
Last Update : 22 มกราคม 2552 12:35:06 น.   
Counter : 1725 Pageviews.  


Las Vegas

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ดอง blogข้ามปีแบบนี้ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างนะคะ ปัญหาด้านเทคนิคยังแก้ไขไม่ได้ค่ะ จะพยายามต่อไป แต่ก่อนที่มิตรรักทั้งหลายจะลาจากกันไปซะก่อนของส่ง การเดินทางช่วงท้าย ๆ คราวนี้เราไปต่างรัฐ ต่างเมืองค่ะ
สวัสดีปีใหม่ มีความสุขมาก ๆ นะคะ




Las Vegas!!
เมืองคาสิโน....เคยแต่ได้ยินชื่อไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้มาจริง ๆ นับว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เที่ยวได้ทุกวัยจริง ๆ นะคะ ไม่ใช่เฉพาะผู้มาต้องมาการเสื่ยงโชคเท่านั้น


เราออกจากบ้านแต่เช้าค่ะทำกับข้าวมากินระหว่างทาง แวะกินอาหารเที่ยงบริเวณที่พักริมทาง กินหมูทอดกระเทียม ท่ามกลางลมทะเลทราย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

พอถึงลาสเวกัส เข้าพักที่บ้านพี่สมหมาย ประติมากรที่มาทำงานที่ลาสเวกัสนี่นานแล้ว เมื่อทักทายและพักผ่อนแล้วจึงได้รู้ว่ามีคนไทยที่ทำงานศิลปะในเมืองนี้มาก เรานึกไม่ถึงจริง ๆ แต่เมื่อทราบเหตุผลที่ลาสเวกัสเป็นเมืองท่องเที่ยว มีโรงแรมระดับห้าดาว และคาสิโนมากมาย


ภายในโรงแรมที่ตกแต่งสไตล์อียิปต์

การแข่งขันก็ค่อนข้างสูง ดังนั้นการออกแบบตกแต่ง ปรับปรุง ปรับแต่งจึงเกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ อืม..........แล้วคนที่ออกแบบ คนที่ทำ แม้อาจจะเป็นบริษัทของคนอเมริกาแต่ระดับปฏิบัติงานก็มีคนไทยอยู่เยอะนะคะ



มาดูดีกว่าว่าไปไหนมาบ้าง
ที่แรกก็ต้องมิวเซียมอยู่แล้ว กำลังมีงานของนักศึกษาพอดีเลยค่ะ(อาจจะเก่าไปบ้างนะ) แต่ห้ามถ่ายรูปค่ะ เห็นงานเด็กเค้าแล้วคิดว่าฝีมือพวกเด็กเราอาจจะดีกว่านะคะ แต่ไอเดียเนี่ยต้องวิ่งไล่กวดกันอีกโดยด่วนค่ะ


แลว้ก็ได้ไปตระเวณดูโรงแรมต่าง ๆ ที่โรงแรม Bellagio เป็นช่วงเทศกาลที่มีการจัดการแสดงสวนของฤดูต่าง ๆ พอดีค่ะ คล้าย ๆ งานโครงการหลวง + ไม่ดอกไม้ประดับ แต่เค้ามีtheme ของเรื่องชัดเจนดีนะคะ คนก็ถ่ายรูปกันเยอะเลย


ลอบบี้โรงแรมBellagio

อย่างที่เคยบอกไว้ตอนไปปาล์มสปริงนะคะ มีงานเป่าแก้วของศิลปิน(ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้) อันนี้ใหญ่บึ้มค่ะต้องแหงนหน้าดู หรือไม่งั้นก็นั่งที่โซฟาแล้วเอนตัวนอนดูเลยค่ะ(สบายกว่าเยอะ)

ดูรายละเอียดงานกันค่ะ

หน้าโรงแรมเราก็ไล่ดูโชว์ที่แต่ละโรงแรมเอามาเรียกคน อันดับหนึ่งยอดนิยม การแสดงน้ำพุประกอบดนตรี ต้องไปจองที่ดูกันเลยทีเดียว ภาพถ่ายเทียบไม่ได้กับของจริงเลยค่ะ


ไปลองเสี่ยงโชคเหมือนกันค่ะ แต่ไม่มีดวงทางนี้(เสียดายตั้งค์) เลยเดินดูดีกว่า



อีกคืนก็ไปย่านถนน........... มีการจัดแสดงไฟ แค่ดูไฟ ดูคนก็เพลิงแล้ว แถมด้วยการแสดงภาพจากจอแสดงขนาดยักษ์บนผนังทางเดิน

อันนี้จอยาวตลอดถนนเลยค่ะ

งานนี้ไม่ได้ไปดูนางโชว์เลยนะคะ พวกพี่ ๆ วางแผนแอบชิ่งไปกันเฉพาะหนุ่ม ๆ ตอนเพื่อนมารับไปกินข้าว (เราถูกเขี่ยออกตามระเบียบ)


แล้วก็เดินดูโรงแรมค่ะ ไปที่นี่ต้องเดินเก่ง ขึ้นรถไฟฟ้าระหว่างสถานที่ต่าง ๆ ที่ประทับใจก็น่าจะเป็นเวนิเชีย(ได้ข่าวว่ามีสาขาที่มาเก๊าแล้ว)

เค้าจำลองเวนิสมาเลย แล้วก็ด้วยการสร้างสรรค์ของมนุษย์ ไม่มีกลางวันกลางคืน แสงสว่างจะเป็นเช่นนี้จนเราลืมเวลาจริงด้านนอกไปเลย


เจอคนไทยที่มาเขียนหน้ากากเวนิสขายเป็นของที่ระลึกนะคะ


อันนี้ฝีมือน้องเค้า

จำไม่ได้ว่าโรงแรมอะไร แต่อันนี้เป็นหน้าร้านสปาก็มีงานประติมากรรมให้ดูเนอะ




ตอนกลางคืนค่ะ

ตอนกลางวันค่ะ(ตระเวนกัน 2 วันก็ขาลากแล้ว)
ด้านนอกริมถนนก็รวบรวมสถานที่ต่าง ๆ ในโลกมาไว้รวมกัน

แค่ไล่ดูงานศิลปะที่โรงแรมต่าง ๆ พยายามเอามาตกแต่งก็ไม่ต้องไปถึงอิตาลีก็ได้.....




เดวิด........ก็มายืนที่นี่ด้วย


การตกแต่งภายในโรงแรมจะมีการแข่งขันกันสูงมาก ดังนั้นที่นี่จึงเป็นแหล่งรวบรวมช่างฝีมือ นักออกแบบมากมาย



แล้วเราก็ใช้เงินไปทำงานในร้านโค๊ก ตัวเบากันไปตามระเบียบ

นักท่องเที่ยวเยอะค่ะ จะว่าไปเราก็คิดว่าเป็นเมืองของการเสี่ยงโชค น่าจะมีแต่นักพนันรึเปล่า แต่จริง ๆ แล้วก็คือเมืองท่องเที่ยวที่มากันได้ทุกวัย


มีการแสดงโชว์ดี ๆ ของโรงแรมต่าง ๆ ที่จัดมาเพื่อเรียกลูกค้า

นับว่าเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่น่าสนใจนะคะ

อย่างที่บอกแหละค่ะเวลาล่วงเลย ข้อมูลก็ลืมเลียนนะคะ ข้อมูลอาจจะน้อยแต่ขอเน้นรูปแล้วกันค่ะ
ไว้เจอกันใหม่ที่ แอลเอมิวเซียมค่ะ




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2551   
Last Update : 10 มกราคม 2552 22:31:33 น.   
Counter : 1093 Pageviews.  


palm springs art museum

มาดูพิพิธภัณฑ์ต่อไปนะคะ บอกวาจะพามาปาล์มสปริงตั้งแต่ออกมาจาก Norton Simon แล้วก็เพิ่งจะถึงงวดนี้แหละ.......พาไปแวะหลายที่เนอะ



ปาล์มสปริง คุ้น ๆ ชื่อนะคะ เป็นเมืองที่นักแสดงชาวแคลิฟอเนียมักมามีบ้านตากอากาศค่ะ งวดนี้ก็ตระเวณดูบ้านดารา เห็นก็แต่รั้วบ้านก็เอา แล้วก็ได้เก็บหินหน้าบ้านเอลวิสมาด้วย(เอาเป็นที่ระลึก) เมืองนี้ค่อนข้างเงียบค่ะ แต่ก็มีพิพิธภัณฑ์ที่ดีมาก ๆ บางทีดาราก็เอางานศิลปะที่สะสมไว้มาบริจาค ส่วนมากเป็นงานศิลปะสมัยใหม่ค่ะ แต่ไม่ชอบเมืองนี้อย่าง อากาศแห้งมาก ๆ ค่ะ หยิบจับอะไรก็ไฟฟ้าสถิต ลั่นเปรี๊ยะ ๆ เป็นมนุษย์ไฟฟ้ากันถ้วนหน้า


บ้านเอลวิสค่ะ



งานนี้ถ้าไม่ได้บารมีอาจารย์กมล ไม่งั้นเราไม่มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสถึงบรรยากาศในบ้านของชาวปาล์สปริงหรอกค่ะ บ้านที่ให้ความกรุณาต้อนรับคณะของเราคือ ด๊อกเตอร์แนท ต้องขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ



หลังจากรับประทานอาหาร และดูบ้านสวย ๆ (ที่เห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจว่าชาตินี้จะได้มีกะเค้าบ้างรึเปล่า)เรียบร้อยก็ลุยค่ะ เราไปดูสิ่งที่ทำให้ใจเราสบายขึ้นดีกว่า

ด้านหน้าค่ะ


แล้วก็เข้าไปข้างใน.เจองานของมัวร์อีกแล้ว(คิดว่าใช่นะคะไม่ทันดูชื่อ)........แกเป็นเจ้าพ่อประติมากรรมสมัยใหม่จริง ๆ



ด้านในมี 2 ชั้น เราขึ้นข้างบนก่อน แต่มองเห็นกันได้เกือบหมด



แบ่งเป็นห้อง ๆ และแยกประเภทของงานและศิลปินไว้





เคยเห็นแต่ในหนังสือ กะสไลด์ มาเจอของจริงนี่.....อึ้งเลย เค้าทำได้ไงอะ เนี๊ยบมาก ๆ





เห็นแล้วไม่กล้าเข้าใกล้ เป็นแก้วค่ะ กลัวว่าถ้าเผลอหายใจแรง ๆ ไปจะทำให้งานล้ม เดี๋ยวไปที่ลาสเวกัสก็จะเห็นงานของศิลปินคนนี้อีก อันนี้แค่น้ำจิ้ม เล็ก ๆ



แก้วค่ะแก้วไม่ใช่ลูกโป่ง



ห้องนี้งานสื่อผสม อืม........เห็นแล้วน่าสนุก












super realism เค้าเขียนได้เหมือนจริง ๆ อะ



เห็นแต่ไกล ๆ ก็คิดว่าใครมานั่งแล้วมีแต่คนถ่ายรูปด้วย.......ปรากฏว่า......งานศิลปะค่ะ



แล้วนี่เค้าทำกี่วันเนี่ยะ..........







ด้านล่างมีประติมากรรม..........ทัวร์ผู้(ค่อนข้าง)สูงวัยค่ะ.........ถ้าเป็นบ้านเราก็คงต้องไปตามวัดช่วงเทศกาลกฐิน ผ้าป่า และออกพรรษา





และมีส่วนที่จัดแสดงนอกอาคาร ..........

แล้วที่เริ่ดมาก มีสตูดิโอเล็ก ๆ สำหรับเปิดสอนคอร์สสั้น ๆ ให้คนทั่วไปมาเรียน และทำงานศิลปะค่ะ

ไว้เจอกันใหม่นะคะ




 

Create Date : 30 กันยายน 2551   
Last Update : 16 ตุลาคม 2551 14:04:10 น.   
Counter : 2050 Pageviews.  


Gemini Studio

บอกตามตรงว่าตอนแรกที่ได้ยินชื่อนี้แล้วไม่ค่อยรู้จริง ๆ ว่าอาจารย์กมลจะพาไปไหน เอาเป็นว่าถ้าใครอยากรู้จักที่นี่เพิ่มขึ้นก็ตามไปดูตาม link นี้นะคะ
//www.geminigel.com/
คือว่าตอนไปก็งง ๆ (ต้องตื่นไปแต่เช้ามัก ๆ ) พอได้เห็นก็อึ้ง ๆ ไม่ค่อยได้ฟังที่คนบรรยายเค้าอธิบายหรอกนะคะ คือตอนเช้า ๆ นี่ภาษาอังกฤษยังไม่ทำงานค่ะ แล้วก็อุปสรรคด้านสถานที่ทำให้ได้ฟังบ้างไม่ได้ฟังเยอะ ก็เอาเป็นว่าดูรูปไปมาก ๆ แล้วกันนะคะ


ด้านหน้าเข้าไปก็ดูเหมือนสำนักงานทั่ว ๆ ไปค่ะ มีงานแสดงของศิลปินเพื่อขายด้วย

เท่าที่จำได้ Gemini Studio เป็นสตูดิโอสำหรับการรับจ้างศิลปินภาพพิมพ์ทั่วโลกในการผลิตผลงานภาพพิมพ์ในเชิงศิลปะ โดยที่ศิลปินไม่จำเป็นต้องมาทำเอง หรืออาจจะมาใช้สถานที่ทำ (คือมีมือปืนทำให้..ก็ลูกศิษย์อาจารย์โทนี่ จาก art centerทั้งนั้น) แล้วศิลปินมาตรวจสอบและคัดชิ้นงานที่พอใจตามแบบที่ต้องการเพื่อลงลายเซ็นตามจำนวน copy ที่ตกลงกันไว้ และส่วนมากก็จะต้องเก็บ 1 ชิ้นไว้ให้ที่สตูดิโอแห่งนี้เป็นคอลเลคชั่น ไว้ค่ะ แหม.........ได้เงินได้งาน.....คิดได้เนอะ


อันที่เห็นนี้เป็นใบorderสั่งทำงานค่ะ เก็บกันมาเป็นปึกเลย


อาจารย์โทนี่เจอลูกศิษย์ค่ะ..........ดูท่าเค้าเหมือนจะทะเลาะกันเนาะ

ไกด์กิติมศักดิ์ อาจารย์โทนี่ ณ art Center(โทษทีนะคะ ไม่ได้ถามนามสกุลแต่คิดว่าเค้าเคยมา workshop ที่เพาะช่างนักศึกษาที่นั่นน่าจะรู้จักนะคะ)


เดินต่อมาอีกนิดก็เจอสองหนุ่มต่างวัยเค้ากำลังพิมพ์งานกันอยู่เลย ช่วยกันขันแข็งดีเนอะ รู้สึกจะกำลังทำเทคนิคพิมพ์หินนะคะ(นึกชื่อศัพท์เทคนิคไม่ออก.......โทษทีนะคะพอดีไม่ได้เคยเรียนมาเลย)

เข้าไปดูใกล้ ๆ ดีกว่ากำลังพิมพ์งานของใครอยู่

อืม.........ของสถาปนิกใหญ่............ขอโทษค่ะจำชื่อไม่ได้แล้ว คนที่เค้าชอบออกแบบตึกบิด ๆ เบี้ยว ๆ ค่ะ ใครนึกชื่อออกบอกทีนะคะ

ดูผ่าน ๆ เหมือนเป็นdrawing ธรรมดานะคะ นั่นแหละค่ะมันทำเงินมัก ๆ ถ้าเอาลายเซ็นใส่ลงไป

ส่วนนี่ก็ของอีกคนค่ะ.......แหมขนาดใหญ่จริง ๆ

พอดูเพลทใกล้ ๆ อืม............ท่าจะเปลืองหมึก

เห็นเค้าว่า....งานชิ้นหนึ่งใช้หมึกกระปุกนึง..........


แล้วอาจารย์โทนี่ก็เขี่ย ๆ ดูฝีมือลูกศิษย์

แล้วก็พาลัดเลาะ.ออกห้องนั่นเข้าห้องนี้ เพื่อขึ้นไปดูบนห้องจัดแสดงภาพ

เดินไปก็บีบตัวไปด้วย.....เกิดไปเกี่ยวอะไรเข้ายุ่งแน่ ๆ



พื้นที่น้อยก็ต้องใช้แบบนี้แหละ..........ห้องแสดงเล็ก ๆค่ะ อยู่ชั้นสอง มีงานดัง ๆ เยอะเลย แต่ความรู้เท่าหางอึ่งเราก็รู้จักแต่งานนี้ค่ะ เคยเห็นแต่ในสไลด์ ดูของจริงแล้วก็........ใหญ่จังทำได้ไงเนี่ย อาจารย์สุทัศน์เลยต้องเป็นนายแบบจำเป็นไปนะคะ



แล้วก็ลงมาข้างล่าง..โทนี่จะเปิดกรุของสตูดิโอให้ดู เป็นงานของศิลปินที่มาจ้างที่นี่ทำค่ะ ใครรู้จักภาพอะไรก็บอกกันบ้างนะคะ





มันคุ้น ๆ เนาะ




ส่วนนี้เอาไว้ทำหีบห่อ.......อยากได้ไอ้ม้วนข้างหลังนั่นจัง

อันนี้เป็นโมเดลห้องจัดแสดงผลงานที่กำลังพิมพ์นี่แหละ ....ทำสเก็ตแบบนี้มืออาชีพจริง ๆ

อีกมุมนึง

ก่อนกลับก็หันมาเห็นน้องคนนี้กำลังเช็ดอย่างตั้งใจ.........สงสัยเด็กใหม่เนาะ

เล็ก ๆ แคบ ๆ แต่เก็บของเป็นระเบียบดีจัง.....เห็นแล้วนึกถึงอาจารย์ไก่ใหญ่จริง ๆ ค่ะ

เท่านี้ก่อนนะคะ..........ได้ไปดูไปเห็นก็อยากให้อาชีพสร้างงานศิลปะที่บ้านเราทำมาหากินได้จริง ๆ เห็นทุกคนทำงานก็รู้ว่าเค้ารักงานและมีความสุขในบรรยากาศของการทำงานจริง ๆ แม้ว่าผลงานนั้นจะไม่มีชื่อเค้า เป็นเพียงเบื้องหลัง แต่คนที่จะเข้ามาทำงานที่นี่ได้ก็ยากทีเดียว เป็นมือปืนแบบมีกึ๋นค่ะ




 

Create Date : 02 กันยายน 2551   
Last Update : 3 กันยายน 2551 11:09:23 น.   
Counter : 1309 Pageviews.  


Art Center LA

ตอนนี้บรรยากาศเครียด ๆ เนาะ.............พักก่อนก็ออกนิเทศน์เด็กเยอะด้วย............วันนี้คิดว่ามาลงรูปต่อดีกว่าค่ะ คราวที่แล้วบอกไว้ว่าจะไปปาล์มสปริง เอาเป็นว่าไปดู art centerก่อนแล้วกันนะคะ เห็นว่าเพิ่งไป Cal Art มาเลยต่อด้วยสถาบันที่สอนด้านศิลปะดีกว่า


อาคารArt Center ถ่ายจากลานจอดรถ


เราเข้าด้านข้าง.........แหมไม่รู้สึกเหมือนโรงเรียนเลย

Art Center เป็นวิทยาลัยศิลปะอีกแห่งที่มีชื่อเสียงของ LA แต่จะแตกต่างจากสถานันการศึกษาที่เรา ๆ คุ้นเคยตรงที่ เค้าไม่มีcampus ที่เป็นเอกเทศ หรือมีรั้วรอบขอบชิดชัดเจนแทรก ๆ ตัวอยู่ในเมือง



เราได้มีโอกาสเข้าไปในชั้นเรียนวิชาภาพพิมพ์ 1 ซึ่งอาจารย์กมลคุ้นเคยกันกับ Tony อาจารย์ผู้สอนนะคะ(อันนี้เล่นเส้น.....ไม่งั้นเราคงไม่ได้เห็นบรรยากาศการเรียนการสอนของเค้าง่าย ๆ )



Tony เป็นช่างพิมพ์ที่มีฝีมือ ทำงานพิมพ์ภาพให้กับศิลปินใหญ่ ๆ มามากมาย โดยเฉพาะใน Jemini Studio นี่Tony เคยทำงานมาก่อน และปัจจุบันstaff ที่ทำงานที่นั่นก็ลูกศิษย์อาจารย์ Tony ทั้งนั้น............ไว้โอกาสหน้าค่อยไปดู Jamini Studio ซึ่งรับพิมพ์งานให้กับศิลปินดัง ๆ กันนะคะ



ในสตูดิโอค่ะ

อาจารย์Tony กำลังเตรียมสอน...วันนี้จะทำ Silk Screen
ผลงานตัวอย่างค่ะอันนี้..........เลือกภาพได้กระตุ้นความสนใจเด็กดีจัง(แต่web เค้าไม่ให้แสดงใกล้ ๆ อะ....อดไปนะคะ)


อืม...........อันนี้คนเรียนpaint มาไม่รู้จักค่ะ คิดว่าใช้ในการเทียบนำหนักของ Etching หรือ พิมพ์หินคะ? ผู้รู้ไม่ว่ากันนะคะถ้าผิด



เห็นหินแล้วนึกถึงหินของคณะ.....แหมเราแทบไม่เคยเห็นมันแบบเต็ม ๆ แผ่นแบบนี้เลย



นักเรียนของเค้าค่ะ..........นานาชาติจริง ๆ
สังเกตว่าห้องเรียนอยู่ริมถนนเลย



ว่าแล้วก็..........ให้นักเรียนได้ลองทำด้วย



ห้องสตูดิโอข้าง ๆ ไม่รู้ใช้พิมพ์อะไร



พอออกมาข้างนอก.......แหมไม่ทิ้งลายสถาบันแห่งการออกแบบจริง ๆ



อันนี้เป็นห้องที่ใช้แสดงผลงาน อ.กมล บอกว่าถ้าสถาบันการศึกษาเราจะทำห้องนิทรรศการ เอาแค่โล่ง ๆ กว้าง ๆ เสาน้อย ๆ แบบเนี่ย.เด็กจะได้คิดทำอะไรได้เยอะ ๆ แบบใช้งานได้จริง....แต่เราว่าเห็นแบบนี้มันน่าเตะบอลจริง ๆ src=//www.bloggang.com/emo/emo23.gif>




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2551   
Last Update : 18 ธันวาคม 2551 11:09:20 น.   
Counter : 878 Pageviews.  


1  2  3  4  

อันต้า
 
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Logo           พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง  Smileyไม่เบียดเบียนตนอื่น(ระวังคนอื่นเบียดเบียนเราด้วย) Smiley มีน้ำใจมาก ๆ (เตือนตัวเองบ่อย ๆ ) หวังไว้ว่าแก่ตัวมาจะได้มีสังคมที่ดี ไม่ต้องย้ายหนีไปอยู่ที่อื่น(เพราะทนอยู่ไม่ได้) ......แต่ไปอยู่ไหนดีล่ะ Smiley  เอาวะช่วยกันสร้างดีกว่า อย่างน้อยก็อย่าทำลายเนอะ Smiley

Free TextEditor        comment box
New Comments
[Add อันต้า's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com