การเปลี่ยนแปลงเป็นงานยาก แต่งานยากก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่พยายาม
 
เพื่อลูก แม่จะทน ปีสอง....

เข้าสู่ปีที่สอง ..... ชีวิตครอบครัวเริ่มมั่นคง ได้สามีที่ป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิต ไม่เคยมีใครที่เค้ารัก และดูแลเราได้ดีเพียงนี้มาก่อนเลยค่ะ ชีวิตเราผ่านร้อน ผ่านหนาวมามากมายนัก ทำให้เรารู้จักคุณค่าของความรักที่สามีมีให้อย่างลึกซึ้ง ถึงตายแล้วเกิดใหม่ ก็อาจจะไม่ได้พบเจอคนดีเช่นนี้อีกแล้วก็ได้ และด้วยเหตุนี้เอง เราก็เริ่มคิดจะเอาลูกมาอยู่ด้วย สามีเราไม่เคยมีลูก ไม่เคยอยู่กับคนอื่น นอกจากภรรยาเก่า ใช้ชีวิตแบบฝรั่งที่อยู่กับตามประสา สามี-ภรรยา เท่านั้น แต่มันไม่ใช่เรานี่ค่ะ เราเป็นคนไทย เติบโตมากับวัฒนธรรมอันดีงามของเรา เราอยากดูแลลูก อยากให้เค้าได้มีโอกาสที่ดีในอนาคต เราไม่ได้เพ้อเจ้อ เพ้อฝัน แต่มันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ สัมผัสได้ เริ่มจากการอ้อนวอนให้สามีซื้อบ้านใหม่ บ้านเก่าหลังเล็กค่ะ เหมาะกับเราสองคน แต่ไม่เหมาะที่จะมีลูกตัวโตๆมาเพิ่มอีก 2 คน อ้อนวอนอยู่นาน สามีก็ซื้อบ้านเพิ่มอีกหลังหนึ่ง ระหว่างที่คุยกับสามีว่าอยากเอาลูกมาอยู่ ก็มีปัญหากับสามีมากมาย เค้าไม่อยากให้เราพาลูกมาอยู่ด้วย เพราะลูกไม่ใช่เด็กเล็กๆอีกแล้ว พวกเค้าโตหมดแล้ว 22 กับ 18 เค้ากลัวว่า จะไม่สามารถเข้ากับลูกเราได้ กลัวปัญหาว่า ลุกพูดภาษาไม่ได้จะไปติดยา ไม่มีเพื่อน ปัญหามากมาย โดยเฉพาะวัฒนธรรมของคนอเมริกา เมื่อลูกอายุ 18 ปี ส่วนใหญ่จะออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยตัวเอง เค้าบอกว่า มันไม่ค่อยจะถูกต้องนัก แต่เราก็เอามาจนได้ ด้วยความช่วยเหลือจากสามีค่ะ เค้าเป็นคนทำเรื่องทุกอย่างให้ โดยที่ลูกมาด้วยวีซ่าถาวร มาพร้อมกับ กรีนการ์ด 10 ปี เราซื้อบ้านใหม่ ใหญ่กว่าเดิมกว่าเท่าตัว มีสระว่ายน้ำ เพื่ออยากให้ลูกได้สบาย เราซื้อเครื่องตกแต่งห้องนอนชุดใหม่ให้พวกเค้าทั้งสองคน เรียกได้ว่าเป็นวิมานสำหรับพวกเค้าเลยก็ได้ ไชโย !!!! ลูกได้มาอยู่กับเราแล้ว จากนี้ไปเราคงมีความสุขเสียที แต่.... มันไม่เป็นอย่างที่เราฝันเสมอไปหรอกค่ะ ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่อยากได้ จริงมั๊ยคะ... แรกๆที่ลูกมาอยู่ สามีกับลูกเข้ากันได้ดีมาก สามีเองก็พยายามปรับตัวเข้าหาลูกเรา เค้าบอกว่า นับจากนี้ไปเค้าก็ถือว่าเค้าเป็นพ่อของเด็กๆ เค้าจะทำเพื่อเรา เค้าอยากให้เราสบายใจ อยากให้เรามีความสุขเท่านั้น การดำเนินชีวิตปกติก็เปลี่ยนไป บ้านเราที่เคยมีความเป็นส่วนตัว ก็ไม่เป็นส่วนตัวอีกแล้ว ข้อนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่นักเพราะสามีเองก็ปรับตัว ลูกๆมาใหม่ๆ ยากสำหรับเค้าเช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือความคิด ลุกคิดว่า ที่นี่เป้นบ้านของแม่ ก็ถือว่าเค้าเป้นเจ้าของด้วยเช่นกันไม่ค่อยช่วยหยิบช่วยจับงานบ้าน กิน นอน ไปวันๆ หยิบจับของอะไร ก็แตก ก็พัง เค้าคิดว่า แม่เป็นหนี้เค้า การที่แม่พาเค้ามาที่นี่ ก้อแค่เพื่อสนองความต้องการของตัวแม่เอง (อันนี้เป็นคำพูดของลูกๆค่ะ) ในเมื่อแม่พาเค้ามา พรากเค้ามาจากเพื่อนๆ ก็ต้องรับผิดชอบเค้า เค้าอยากได้อะไรก็ต้องหาให้เค้าเพราะเค้าไม่มีเพื่อนที่นี่ เป็นความผิดของแม่เองที่พาเค้ามา พอจะเดาออกมั๊ยค่ะว่า ดิฉันรู้สึกอย่างไร จะดุด่าลุก ก็กลัวลูกจะเสียใจ น้อยใจ หนักเข้า สามีทนไม่ได้ที่เห้นลูกทำให้แม่ร้องไห้เกือบทุกวัน เริ่มเกิดปัญหาระหองระแหง สามีเริ่มไม่พอใจลูกๆที่ไม่เคารพแม่ สำหรับสามี ครอบครัวสำคัญที่สุดค่ะ พ่อ-แม่เค้า เสียไปแล้วทั้ง2ท่าน เค้ารักและเคารพบุพการีมาก พอเกิดปัญหาขึ้น คนเป็นแม่อย่างเราก็ทำอะไรไม่ถูก จะดุจะว่าลูกก็อย่างที่ว่ากลัวลูกเสียใจ จะบ่นว่าสามีก็กลัวเค้าไม่พอใจไล่ออกจากบ้าน แล้วเราจะทำอย่างำไร ทำไมนะ เพียงแค่ทำตัวเป็นเด็กดีเท่านี้ เพื่อแม่ ทำไม่ได้เชียวหรอ จนวันหนึ่ง ดิฉันกับลูกก็มานั่งคุยกันว่า หากเหตุการณ์ยังเป็นแบบนี้ เราคงต้องย้ายออกจากบ้านนี้ไปนะลุก เพราะทุกบาท ทุกสตางค์ที่เราใช้ในวันนี้ ล้วนเป็นเงินจากสามี ข้าวทุกเม็ดที่เรากิน น้ำทุกหมดที่เราดื่มก็มาจากเงินสามี เรามีที่ซุกหัวนอนทุกวันนี้ ก็เพราะเค้าอีกเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่การที่เราสามารถอาศัยอยู่ในเมริกาอย่างถูกกฏหมายก็เพราะเค้าอีกเช่นกัน หากเราทำให้เค้าไม่สบายใจ ไม่มีความสุขในบ้านของเค้าเอง เราก็ไม่ควรอยู่ เราจะย้ายไปอยู่ข้างนอกกัน ไปเช่าอพาร์ทเม้นท์กันนะลูก แล้วดิฉันก็ร้องไห้ ยอมรับว่า ตอนนั้นดิฉันเองก็รัก และเทิดทูนสามีเช่นกัน เพราะเค้าเป็นคนดี เราเป็นเราได้ทุกวันนี้เพราะเค้าคนเดียวค่ะ อธิบาย ขอร้องลุก ให้ลูกช่วยทำตัวเป็นคนดี ช่วยให้เกียรติแม่ต่อหน้าเค้า ไม่เถียง ไม่พยายามทำให้แม่เป็นทุกข์มากไปกว่าที่เป็นเท่านั้น เราก็จะอาศัยอยู่ที่นี่ได้ ดิฉันอธิบายด้วยว่า เราต้องทำงานกันหนักขนาดไหนเพื่อจะให้ได้มีเงินรายได้เพียงพอที่จะจ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ เราจะไม่มี ทีวี ไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีอะไรอย่างที่เราเคยทีที่นี่ เราจะไม่มีรถใช้อีกต่อไปแล้ว (สามีซื้อ รถเบนซ์เปิดประทุน ให้ดิฉันใช้) ลูกคงไม่อยากลำบากค่ะ รับปากจะปรับตัว ซึ่งเค้าก็ทำกันได้ดีทีเดียว ปัญหาต่างๆเริ่มคลี่คลายไปจนเป็นครอบครัวแสนสุขในเวลาต่อมา.... ขอบคุณสามีที่อดทนเพื่อเราและครอบครัวค่ะ ขอบพระคุณจริงๆ


Create Date : 01 ธันวาคม 2551
Last Update : 1 ธันวาคม 2551 12:56:12 น. 6 comments
Counter : 368 Pageviews.

 
สุดท้ายก็จบแบบสวยงามนะคะ ยินดีด้วยค่ะ


โดย: only sweetDream วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:13:52:57 น.  

 



โดย: sapuknik79 วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:15:07:33 น.  

 
เราว่าลูกคุณโตพอที่จะรับผิดชอบตัวเองได้แล้วนะคะ คุณจะเลี้ยงเค้าเหมือนเด็กเล็กๆไม่ได้แล้ว เอาใจช่วยค่ะ


โดย: katie-thanika วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:17:43:57 น.  

 
Happy ending :)


โดย: แม่น้องขวัญ_ซาแมนต้า วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:19:11:09 น.  

 
อ่านแรก ๆ เห้นใจค่ะ แต่หลัง ๆ มา สงสารสามีคุณมากกว่า ยังงัยก็เอาใจเค้ามาใส่ใจเราบ้างนะคะ แล้วอีกอย่าง ถึงแม้ว่า ตอนนี้สามีซื้อรถซื้อบ้าน ใหม่ ให้ แต่อย่าลืมนะคะ หากวันนึง ลูก ๆ ทำให้เค้าต้องตัดสินใจทำอะไรที่มันเสี่ยงต่ออยนคตครอบครัวคุณเอง การแต่งงาน หมายถึง การรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งทัรพย์สิน และหนี้สิน อยากให้ลองถนอมน้ำใจ และความรักที่สามีคุณมอบให้ มาก ๆ หากวันนึงไม่มีเค้า แล้ว หากวันนึงต้องมาแบ่งภาระหนี้สิน หรือสินสมรสด้วยกัน มันจะลำบาก เพราะถึงยังงัยเมกาก็ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนเรา การเลี้ยงลูกที่ spoiled เด็กมากเกินไปเด็กจะไม่เห้นคุณค่าของเงิน หรือ คุณค่าของคำว่า ชีวิต เอาใจช่วยนะคะ เศรษฐกิจโลกไม่ดี ดูและ กันและกันให้มาก ๆ


โดย: pongpang IP: 80.203.61.5 วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:2:06:02 น.  

 
คุณปลายฟ้าคะ บางทีการเลี้ยงลูกต้องมีการลงโทษบ้าง ถ้าเป็นเด็กเล็กก็ต้องทำโทษโดยการตีบ้าง ถ้าโตอีกนิดก็ทำโทษด้วยวิธีจำกัดเรื่องเงินทอง แต่ถ้าโตขนาดเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องลงโทษด้วยการให้ไปใช้ชีวิตและรับผิดชอบชีวิตตัวเอง เราแค่ทำโทษไม่ได้ตัดแม่ตัดลูกนะคะ อยากให้ลูกได้ดีเราก็ต้องเจ็บโดยการทำให้ลูกเจ็บค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:21:04:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

ปลายฟ้าค่ะ
Location :
Mesa AZ United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โกรธเขา เราเร่าร้อน เหลือหลาย
เขาอยู่สุขสบาย บ่รู้
เราเร่าร้อน เดียวดาย แดเดือด
ขมขื่น นอนคุดคู้ ค่ำเช้า ทรมาน
[Add ปลายฟ้าค่ะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com