Last Minute Tour - A Five Days Trip To Switzerland (Day 1 - Continue)
Gene've -- Thun -- Interlakenหลังจากที่เหตุการณ์ใจหายใจคว่ำได้ผ่านพ้นไปแล้ว และทันทีที่เหยียบแผ่นดินสวิสเซอร์แลนด์ ความวิตกกังวลต่างๆก็พลันมลายหายไป และความรู้สึกดีๆก็เข้ามาแทนที่พอออกจากสนามบินเจนิวา ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆ พวกเราก็เลยเดินเข้าเมืองเพื่อหาแซนวิสกิน แล้วก็ออกเดินทางต่อทันที การเดินทางเริ่มต้นจากสถานีรถไฟเจนิวา ผ่านเมืองต่างๆ และไม่นานเราก็มาถึงเมืองตูน (Thun) (ดูภาพประกอบจากบล็อกที่แล้ว) จุดมุ่งหมายของเราคือเมืองอินเตอร์ลาเก้น (Interlaken) แต่เนื่องจากพวกเราได้ซื้อสวิสพาส (Swiss Pass)เอาไว้ 4 วัน ซึ่งสามารถขึ้นรถลงเรือได้ไม่จำกัดเที่ยว พวกเราเลยถือโอกาสแวะเที่ยวและทานอาหารเย็นที่เมืองตูนซะเลย สะพานข้ามแม่น้ำ ที่เมืองตูน (Thun)น้ำที่ใสสะอาดทะเลสาบที่เมืองตูนดอกไม้งามๆโบสถ์และดอกไม้หงส์ดำ ที่เมืองตูน ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน (เคยเห็นแต่หงส์แดง ที่เมืองลิเวอร์พูล อิอิ)หลังจากที่เดินเล่นและทานอาหารเย็นเรียบร้อย คณะของเราก็ออกเดินทางจากเมืองตูน มุ่งหน้าไปยังเมืองอินเตอร์ลาเก้นทันที แต่เนื่องจากมาถึงค่อนข้างดึกแล้ว แถมแบตเตอรี่ก็หมดด้วย เลยไม่ได้เก็บภาพมาฝากจบการเดินทางวันแรก
Last Minute Tour - A Five Days Trip To Switzerland (Day 1)
Day 1 - ใจหายใจคว่ำสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนที่ใครๆก็อยากไปสัมผัส (รวมถึงข้าพเจ้าด้วย) เพราะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติก ซึ่งสังเกตุได้จากละครรักหวานซึ้งของไทยหลายเรื่องๆ ต่างเลือกเอาประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นสถานที่ในการถ่ายทำดังนั้นเมื่อโอกาสมาถึง ข้าพเจ้าจึงไม่รีรอ รีบคว้าทันที การเดินทางเริ่มต้นจากการเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อยสามเดือน โดยหัวหน้าทัวร์ของเราได้ลงมือหาข้อมูล จองที่พัก ตั๋วเครื่องบิน สวิสพาส (ตั๋วรถไฟ รถเมล์ เรือสำราญ) ตรวจเช็คสภาพอากาศ และเอกสารทุกอย่าง รวมทั้งจองแท๊กซี่เพื่อให้มารับจากเชฟฟิลด์เพื่อจะไปขึ้นเครื่องที่สนามบินลิเวอร์พูลการเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมดห้าคน โดยนัดหมายกันเวลาเก้าโมงเช้า ที่บ้านของข้าพเจ้า เมื่อทุกอย่างพร้อมข้าพเจ้าและภรรยาก็ช่วยกันเก็บข้าวของสัมภาระเท่าที่จำเป็นใส่เป้คนละใบ และรีบเข้านอนแต่หัววัน ฝันว่าพรุ่งนี้คงถึงสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน แต่แล้วจู่ๆ เวลาเจ็ดโมงเช้าของวันที่ 24 เมษายน 2550 พี่ตู่ (ผู้อาวุโสสุด) ก็โทร.มาปลุก บอกว่าเราจองแท๊กซี่ไว้กี่โมง ข้าพเจ้าก็ตอบว่า เก้าโมงช้าครับ เท่านั้นเองทุกอย่างก็เป็นเรื่อง แกบอกว่าเราจะต้องไปเช็คอินเวลา 9.40 น. และเครื่องจะออกเวลา 10.40 น. แล้วเชฟฟิลด์กับลิเวอร์พูลห่างกันตั้ง 1 ชั่วโมงกับ 40 นาที ถ้าเดินทางโดยรถยนต์ตายหละหวา ทำไงละทีนี้ เพราะถ้าจะจองแท๊กซึ่คันใหม่ก็คงไม่ทัน เพราะต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวัน สงสัยสวิตเซอร์แลนด์คงเป็นได้แค่ดินแดนในฝันจริงๆละคราวนี้ติ๊กต๊อกๆ ทำไงดีๆ ทุกคนถูกปลุกขึ้นมาเพื่อระดมกำลังสมองอันน้อยนิด มาช่วยกันคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อย่างเร่งด่วนที่สุดและแล้วหัวหน้าทีมของเราก็เข้าไปเช็คอินออนไลน์ ส่วนข้าพเจ้าก็โทร.ไปเร่งแท๊กซี่ ทุกๆ 10 นาที แต่เขาบอกว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานัด และรถของเขาก็กำลังกลับจากการไปส่งคนที่แมนเซสเตอร์ และเช้านี้ฝนดันตกแถมมอเตอร์เวย์ก็รถติดแบบสุดสุดทันทีที่แท๊กซี่มาถึง ทุกคนก็ขึ้นรถแล้วนั่งภาวนาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ช่วยดลบันดาลให้ไปถึงลิเวอร์พูลก่อนที่เครื่องจะออกชั่วโมงครึ่งโมงผ่านไป เราก็มาถึงสนามบินลิเวอร์พูล จอห์น เลนนอน ทันทีที่ลงจากรถพวกเราทั้งห้าก็วิ่งกันหน้าตาตื่นไปยังเคาเตอร์เช็คอินทันที พวกฝรั่งหัวแดงทั้งหลายต่างตกใจ นึกว่าจะมีการก่อการร้ายเกิดขึ้น จึงแตกตื่น เปิดทางให้กับคณะของเราโดยไม่ต้องร้องขอ"Last minute, noughty guys" เสียงพนักงานที่เคาเตอร์ ตะโกนบอก แล้วเขาก็นำเราไปยังจุดตรวจเช็คสัมภาระทันที งานนี้สบู่เหลว ยาสีฟัน เครื่องสำอาง น้ำหอม และทุกอย่างที่เป็นของเหลวถูกยึดไว้หมดเลย (ในใจตอนนั้นคิดว่า จะยึดอะไรก็ยึดไปเลย ขออย่างเดียว ขอให้เราได้ขึ้นเครื่อง เท่านั้นพอ)และในที่สุดพวกเราทั้งห้าก็ได้ขึ้นเครื่อง โดยที่คนทั้งลำต่างหันมามองที่คณะของเรา บ้างก็ยิ้ม บ้างก็ซุบซิบนินทา บ้างก็ส่ายหัว จากนั้นอีก 5 นาทีเครื่องก็ทยานขึ้นสู่น่านฟ้าของอังกฤษ โอพระเจ้า พุธโธ ธัมโม สังโฆ ต่อไปลูกจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว ใจหายใจคว่ำหมดเลย บรรยากาศของน่านฟ้าเหนือเมืองลิเวอร์พูลบรรยากาศเหนือน่านฟ้ายุโรปและแล้วก็มาถึงสนามบินเจนิวาโดยสวัสดิภาพทิวทัศน์ระหว่างเมืองเจนิวา (Gene've) ถึงเมืองตูน (Thun)แอบถ่ายรูปตำรวจสวิส ขณะนั่งล้อมวง(ก๊งเบียร์) (เอ้ยไม่ใช่) ทานอาหารกลางวันกันอยู่ เมืองตูน (Thun)