พระพุทธองค์ทั้งเป็นผู้เพ่งฌานและเป็นผู้มีฌานเป็นปรกติ ![]() พระพุทธองค์ทั้งเป็นผู้เพ่งฌานและเป็นผู้มีฌานเป็นปรกติ ว.ฯลฯ พระคุณเจ้าทั้งหลายทั้งเพ่งฌานและมีฌานเป็นปรกติทีเดียว ข้าแต่พระอานนท์ผู้เจริญ กระผมขอเล่าถวาย สมัยหนึ่ง พระโคดมผู้เจริญพระองค์นั้น ประทับอยู่ที่กูฏาคารศาลา ในป่ามหาวัน เขตพระนครเวสาลี ครั้งนั้นแล กระผมเข้าไปเฝ้าพระโคดมผู้เจริญพระองค์นั้นยังที่ประทับ ณกูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน ณ ที่นั้นแล พระองค์ได้ตรัสฌานกถาโดยอเนกปริยาย พระองค์ทั้งเป็นผู้เพ่งฌานและเป็นผู้มีฌานเป็นปรกติ แต่ก็ทรงสรรเสริญฌานทั้งปวง ฯ อ.ดูกรพราหมณ์ ก็พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรงสรรเสริญฌานเช่นไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เข้าทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบวิตกและวิจาร ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เป็นผู้วางเฉยเพราะหน่ายปีติ มีสติสัมปชัญญะอยู่ และเสวยสุขด้วยนามกาย เข้าตติยฌาน ที่พระอริยะเรียกเธอได้ว่าผู้วางเฉย มีสติอยู่เป็นสุขอยู่ เข้าจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาอยู่ ดูกรพราหมณ์ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นทรงสรรเสริญฌานเช่นนี้แล ฯ (โคปกโมคคัลลานสูตร) ^ ^ การศึกษาพระสูตรที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้วนั้น ต้องพิจารณาด้วยจิตใจที่เปิดกว้างเป็นธรรม ตริตรองตามความเป็นจริงได้ อย่าเอาอคตินำ เอนเอียงไปตามความเชื่อของตนเอง ที่รู้จดจำมาจากตำรา เพราะนั่นเป็นเพียง "สัญญาอารมณ์" ไม่ใช่ปัญญาที่เกิดจาก "ภาวนามยปัญญา" เมื่อพิจารณาจากพระสูตรจะเห็นคำว่า "พระคุณเจ้าทั้งหลาย" หมายถึงภิกษุทุกรูปไม่มีการยกเว้นให้กับภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเลยว่า เพ่งฌานและมีฌานเป็นปรกติทีเดียว เน้นว่าต้องมีฌานเป็นปรกติ แม้พระพุทธองค์เองก็เป็นทั้งผู้เพ่งฌานและเป็นผู้มีฌานเป็นปรกติ ดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า "ปัญญาเกิดขึ้น เพราะความประกอบ (ประกอบภาวนานุโยค) ไม่ประกอบ ปัญญาก็หมดสิ้นไป" หรือที่เรารู้จักกันว่า "ภาวนามยปัญญา" อย่ามโนกันไปเองว่า "ไม่จำเป็นต้องมีฌาน ปํญญาก็เกิดขึ้นได้จากสัญญา" เป็นการขัดแย้งกับแนวทางที่พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนไว้ดีแล้ว ใครที่ชอบเอา "พระอรหันต์สุขวิปัสสโก" มาอ้างนั้น ลองพิจารณาให้รอบคอบสักครั้ง พระพุทธองค์ได้ชื่อว่าทรงภูมิปัญญาอย่างมาก แค่ฟังสาธยายธรรมจากอาจารย์ทั้งสอง ซึ่งกล่าวถึงการเข้าอรูปฌานที่ ๗ อรูปฌานที่ ๘ เพียงแค่อาจารย์ทั้งสองกล่าวจบ พระพุทธองค์ทรงเข้าถึงธรรมนั้นได้โดยไม่ยากเลย จนอาจารย์ต้องเอ่ยปากชม เมื่อเป็นแบบนี้ พระพุทธองค์ก็ต้องเป็นพระอรหันต์สุขวิปัสสโกองค์แรกสิ แต่ทำไมยังต้องเป็นผู้เพ่งฌานและเป็นผู้มีฌานเป็นปรกติล่ะ เจริญในธรรมทุกๆ ท่าน ธรรมภูต |
ในความฝันของใครสักคน
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() หน้าแรก Blog ธรรมภูต - พระภัทรสิทธิ์ Group Blog All Blog
|
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |