Under the Blue Sky
Group Blog
 
All blogs
 
Switzerland 2010

Switzerland : Bernese Oberland
August 2010

สวิสเซอร์แลนด์ดินแดนในฝัน ซัมเมอร์ปีนี้ฝันเราก็กลายเป็นจริง

เราขับรถจากบ้านกันไปเองค่ะ เพราะประเทศทางยุโรปเป็นประเทศเล็ก ๆ ขับรถไปมาหากันได้สะดวกและไม่มีด่านตรวจคนเข้าเมือง แต่ถึงกระนั้นเราก็ต้องเตรียมเอกสารการเดินทางให้พร้อมอยู่เสมอ เพราะอาจจะโดนสุ่มตรวจตอนไหนก็ได้ ระยะทางจากบ้าน (Helmond, Netherlands) ผ่านประเทศเยอรมัน ถึงที่พักในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประมาณ 700 กิโลเมตร (ทางด่วน) ใช้เวลาขับรถจริง ๆ ประมาณ 7 ชั่วโมง แต่เราใช้เวลาเดินทางกันไปตั้ง 9 ชั่วโมง เพราะต้องหยุดพักทานอาหารกลางวัน และพักเพื่อให้คุณหนูสองคนได้ลงมายืดเส้นยืดสายกันด้วย บวกกับเกือบตลอดเส้นทางในเยอรมันมีการก่อสร้างขยายถนนเพิ่มเติมอีก ทางด่วนก็เลยไม่ด่วนซะอย่างงั้น แต่ตลอดการเดินทางก็ราบรื่นดี คุณหนูทั้งสองไม่โยเย ให้ความร่วมมือในการเดินทางเป็นดีมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นป๊ะป๋าและคุณแม่ก็ต้องมีการเตรียมแผนรับมือไว้ด้วย มีดีวิดีให้คุณหนูใหญ่ดูในรถแก้เบื่อ และของเล่นใหม่ ๆ ให้คุณหนูเล็กแก้เซ็ง รวมทั้งเสริฟขนมนมเนยเป็นระยะ ๆ ก็ทำให้การเดินทางของเราเหนื่อยน้อยลงไปได้เยอะ เราออกจากบ้านประมาณ 7 โมงเช้า และถึงที่พักประมาณ 4 โมงเย็น


Image Hosting by PictureTrail.com


ที่ที่เราจะไปพักและตะลอนเที่ยวนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ที่เรียกว่า Bernese Oberland ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ภูเขาสูง และแน่นอนยอดเขา Jungfrau (ยุงเฟรา-Top of Europe) ก็อยู่ในเขตนี้ด้วย ศูนย์กลางของเขตพื้นที่นี้จะอยู่ที่เมือง Interlaken ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ระหว่างทะเลสาปที่สวยงามสองแห่งคือ Thunersee และ Brienzersee (ภาษาเยอรมัน เรียก lake ว่า see) และยังเป็นเมืองศูนย์กลางการคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศด้วย

Image Hosting by PictureTrail.com


เราเลือกที่จะพักเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจาก Interlaken ในรัศมีประมาณ 5-10 กิโลเมตร เพราะชอบความสงบและเป็นธรรมชาติมากกว่าในเมือง เราพักที่เมือง Wilderswil 4 คืน และ Iseltwald 4 คืน ทั้งสองเมืองห่างกันไม่มาก แต่ก็คนละบรรยากาศกันค่ะ Wilderswil จะอยู่เข้าไปในหุบเขา เป็นประตูไปสู่เทือกเขาสูงและยุงฟราว แต่ Iseltwald จะอยู่ริมทะเลสาป Brienzersee แต่ถ้าได้มีโอกาสมาเข้ามาใน Bernese Oberland แล้ว ไม่ว่าจะพักที่เมืองไหนก็สวยงามและมีเสน่ห์ไปหมด

แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวกัน มาชมเมืองและโรงแรมที่เราพักกันก่อนดีกว่าค่ะ

Hotel Berghof Amaranth เมือง Wilderswil
เป็นโรงแรมเล็กๆ สามดาว แบ่งเป็นสองอาคาร อาคารแรกเป็นโรงแรมห้าชั้น อีกอาคารเป็นชาเล็ตสามชั้น ซึ่งเราได้พักอาคารนี้ห้องมุมชั้นสอง ห้องก็กว้างขวางมีที่เตียงให้คุณหนูใหญ่ และมีที่ให้คุณหนูเล็กคลานได้สบาย รวมทั้งมีระเบียงไว้ให้ชมวิวจิบกาแฟด้วย
Image Hosting by PictureTrail.com


บริเวณและวิวรอบ ๆ โรงแรม จากโรงแรมสามารถมองเห็นทะเลสาป Brienzersee อยู่ไกล ๆ ด้วย
มีสนามเด็กเล่นเล็ก ๆ สำหรับแขกตัวน้อย ๆ มีสระว่ายด้วยแต่ก็ไม่ได้เล่นเพราะออกไปตะลอน ๆ ข้างนอกทั้งวัน กลับมาเด็ก ๆ ก็หลับกัน ตื่นอีกทีก็ได้เวลาอาหารเย็น
Image Hosting by PictureTrail.com


Hotel Bellevue Iseltwald เมือง Iseltwald
เป็นโรงแรมเล็ก ๆ สามดาวอีกเช่นกัน ห้องเล็กกว่าโรงแรมแรกมาก ๆ ถ้ากางเตียงเสริมสำหรับเด็กแล้ว แถบจะไม่มีที่ให้คุณหนูคลานเลย (ไม่มีมุมให้ถ่ายภายในห้องด้วย) แต่สถานที่ตั้งและบรรยากาศสุดยอดให้ห้าดาวเลยค่ะ ตัวเมือง Iseltwald ก็น่ารัก ต้องเรียกว่าเป็นหมู่บ้านน่าจะเหมาะกว่า เพราะเป็นเมืองเล็กมาก ๆ อาหารเย็นของโรงแรมก็อร่อยมาก ๆ ทั้งเมนูเนื้อและปลา แต่ที่นี้จะขึ้นชื่อเรื่องปลาเพราะติดทะเลสาป
Image Hosting by PictureTrail.com


บริเวณรอบ ๆ โรงแรมและเมือง Iseltwald
Image Hosting by PictureTrail.com


ถ้าหันหน้าไปทางทะเลสาป Brienzersee แล้วเดินไปทางขวามือเรื่อย ๆ ก็จะเป็นเส้นทางเดินริมทะเลสาปไปยังเมืองถัดไปได้ บรรยากาศดีมาก ๆ มีจุดชมวิวและมีม้านั่งไว้ให้นั่งพักตลอดทาง
Image Hosting by PictureTrail.com


ทริปนี้เราใช้เวลา 8 คืน 9 วัน ตะลอนเที่ยวจริงๆ ก็ทั้งหมด 7 วัน ที่เหลือสองวันก็เป็นวันทางเดินไปกลับ



Jungfrau region

Image Hosting by PictureTrail.com


เริ่มตะลอนกันเลยดีกว่า

วันแรก ขับรถเที่ยวรอบทะเลสาป Thunersee
วันนี้อากาศไม่ค่อยดีหนัก เมฆหมอกลงหนา และฝนตกพร่ำ ๆ เราก็เลยเลือกที่จะขับรถชมเมืองและวิวทิวทัศน์ไปรอบ ๆ ทะเลสาป วันนี้เราจะไปทะเลสาป Thunersee กัน ถึงแม้อากาศและท้องฟ้าจะมัว ๆ แต่ก็มีความสวยงามไปอีกแบบ
(จากรูป Jungfrau region Thunersee จะอยู่ทางด้านขวา)

Image Hosting by PictureTrail.com


แวะชมปราสาทที่เมือง Spiez
Image Hosting by PictureTrail.com


แวะชมเมือง Thun ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่งในเขต Bernese Oberland แต่ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ ก็เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมามากนัก
Image Hosting by PictureTrail.com

**********************


วันที่สอง ขับรถเที่ยวรอบทะเลสาป Brienzersee
สภาพอากาศดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ดีพอที่พากันขึ้นเขาสูง ๆ เราก็เลยขอเที่ยวแบบชิว ๆ รอบ ๆ ทะเลสาปอีกแห่งคือ Brienzersee บางช่วงก็ขับรถขึ้นเขาเข้าป่าไปชมวิวมุมสูงของทะเลสาป บางช่วงก็ขับเลาะเรียบริมทะเลสาป วิวทิวทัศน์ข้างทางสวยงามมาก ๆ
(จากรูป Jungfrau region Brienzersee จะอยู่ทางด้านช้าย)
Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


ระหว่างทางขึ้นเขา เรายังได้เห็นเฮลิคอปเตอร์ ขนอุปกรณ์ก่อสร้างขึ้นมาบนเขาด้วย เพราะเป็นการขนส่งที่สะดวกที่สุด
และไม่ใช่แค่ขนของขึ้นมาเท่านั้น ยังทำหน้าที่เคลื่อนย้ายอุปกรณ์หนัก ๆ ต่าง ๆ แทนแครนด้วย ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นเชือกที่ผูกห้อยลงมาจาเฮลิคอปเตอร์ พยายามรอถ่ายรูปของที่ห้อยอยู่ในเชือก แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะมันอยู่ในระดับต่ำ
Image Hosting by PictureTrail.com


ทริปวันนี้จบลงที่ Interlaken ที่นี้จะเห็นนักท่องเที่ยวมากมายจากทุกมุมโลก มีทั้งทัวร์ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย จีน และประเทศทางตะวันตก (แต่ไม่ยักเจอทัวร์ไทยแฮะ) เรามานั่งพักที่สวนสาธารณะ Jungfraupark และดูคนที่เล่น Tandem Paragliding ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดฮิตกิจกรรมหนึ่งของที่นี่
Image Hosting by PictureTrail.com


จริง ๆ แล้วทั้งสองทะเลสาปสามารถนั่งเรือชมได้ด้วยค่ะ และบนเรือก็มีกิจกรรมไว้ให้เด็ก ๆ ด้วย แก้เบื่อ วิวทิวทัศน์ก็คงจะเป็นคนละบรรยากาศกับการขับรถรอบทะเลสาป แต่เราก็เลือกที่จะขับรถกันไป เพราะอากาศไม่ค่อยดี และขับรถไปกันเองก็สะดวกดีและจะหยุดพักที่ไหนหรือตอนไหนก็ได้



**********************


วันที่สาม Stechelberg - Gimmelwald - Murren
วันนี้อากาศแจ่มมาก ๆ อย่ากระนั้นเลย มาที่นี้ทั้งทีใคร ๆ ก็ต้องไปเหยียบ Top of Europe
แต่ช้าแต่...หยุดคิดสักนิด ถึงลูกทัวร์ตัวน้อยอีกสองนาง จะไหวไหม๊เนี่ย เพราะเท่าที่สืบถามข้อมูลมา ถ้าจะไปถึง Jungfrau ต้องใช้เวลากันทั้งวันทั้งไปและกลับ โอ้ว...แล้วมันก็แพ้งแพงนะคะ ทั้งค่ารถไฟและค่า Gondola หรือ เคเบิ้ล ที่ขึ้นไป ราคาสำหรับผู้ใหญ่ต่อคนเนี่ยเหยียบร้อยยูโรแหนะค่ะ แล้วถ้าไปได้แค่ครึ่งทาง สองนางนั่นเกิดไม่สบอารมณ์ขี้นมา มิต้องรีบดิ่ง Paragliding ลงมาหรือนี่
แต่อย่างที่บอกค่ะ ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหนของพื้นที่นี้ มันสวยงามไปหมดค่ะ ไม่ต้องกลัวผิดหวัง (จริง ๆ ก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน)

ว่าแล้วเราก็หันไปเลือกขึ้นเขาอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะสามารถมองเห็น Jungfrau (4158m) และยอดเขาสูงอีกสองลูก คือ Eiger (3970m) และ Monch (4107m) ซึ่งอยู่เรียงกัน เค้าว่าเปรียบเสมือนเป็นยอดมงกุฏสามยอด
ไม่ได้ไปเหยียบ เอ้ย...สัมผัสเธอ แต่ได้เห็นอยู่ไกล ๆ ก็ยังดี (จากรูป Jungfrau region เราจะไปทางขวากันค่ะ)

ขับรถจากที่พักไปยังเมือง Stechelberg แล้วขึ้น Gondola ไปยัง Gimmelwald (1400m) เดิน trekking ต่อไปยัง Murren (1634m) แล้วก็เดินกลับลงมาในเส้นทางเดิม
ในเส้นทางนี้ยังสามารถขึ้นไปถึง Schilthorn (2941m) ซึ่งเป็นที่ถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง Jame Bond 007 และยังเป็น Best view ที่จะชมมงกุฏทั้งสามยอดด้วย แต่เราก็ไม่ได้ไปหรอกค่ะ เพราะใช้เวลาทั้งวัน พอ ๆ กับไปทาง Jungfrau

ในการพาเด็กน้อยอย่างน้องญาณิณ (1 ขวบ) ขึ้นที่สูง ๆ แบบนี้ ก็ต้องเตรียมน้ำไว้ให้เค้าดูดเรื่อย ๆ เหมือนขึ้นเครื่องบิน เพื่อปรับระดับความกดดันอากาศ จะได้ไม่ปวดหู เพราะเค้ายังกลืนน้ำลายไม่เป็น ส่วนพี่ณิชาไม่มีปัญหาเพราะรู้เรื่องแล้ว แต่ก็ต้องเตรียมให้เธอด้วย (เพราะน้องได้ ชั้นก็ต้องมีมั่ง)
Image Hosting by PictureTrail.com


เมื่อไปถึงสถานีข้างบน Gimmelwald ก็ต้องทำเสียง...Wow…Wow…Wow พร้อมกับทำตาโต โอ้ว...มันสุดยอด..
และหนึ่งในสิ่งที่เราประทับใจในสวิสเซอร์แลนด์ก็คือ ไม่ว่าจะไปที่ไหน สูงแค่ไหน ก็จะมีสนามเด็กเล่นไว้ให้เด็ก ๆ เสมอ แสดงว่าเค้าให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ และสนับสนุนให้เด็ก ๆ สามารถท่องเที่ยวไปกับพ่อแม่ในทุก ๆ ที่
Image Hosting by PictureTrail.com


เราเดินชมหมู่บ้าน Gimmelwald อยู่สักพัก คุยกับชาวบ้านที่นี้ไปด้วย ส่วนใหญ่ก็จะทำเกษตรกรรม ก็ถามเค้าว่าอยู่กันยังไงสูง ๆ แบบนี้ เค้าว่าเด็ก ๆ ก็ต้องนั่งเคเบิ้ลลงไปเรียนที่โรงเรียนข้างล่าง การเดินทางก็ต้องใช้รถที่ผลิตมาเป็นพิเศษสำหรับขับบนภูเขา และใช้เฮลิคอปเตอร์ในการขนส่งอุปการณ์ก่อสร้างหนัก ๆ แต่เค้าก็มีความสุขกับชีวิตที่นี้ อากาศดีไม่มีมลพิษ คิดแล้วก็น่าอิจฉา

เส้นทางในสวิสเซอร์แลนด์นี้จะมีป้ายบอกทางตลอด ไม่ว่าในเมืองหรือนอกเมือง บอกทั้งทางสำหรับเดินและทางสำหรับจักรยานภูเขา รวมทั้งยังบอกระยะเวลาในการเดินไปยังจุดต่าง ๆ และความสูงจากระดับน้ำทะเล ณ จุดที่เรายืนอยู่ด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวแล้วไม่มีหลงทางเด็ดขาด
Image Hosting by PictureTrail.com


จากป้าย เราตัดสินใจเดินต่อขึ้นไปยัง Murren เพราะใช้เวลาเพียง 50 นาที ชิว ๆ เน๊าะ และเท่าที่คุยกับชาวบ้าน เค้าบอกว่าเป็นทางลาดยาง รถเข็นเด็กขึ้นไปได้สบาย ๆ ฮืม...ไม่ไปก็ไม่รู้ ไม่ไปก็ไม่ได้เห็น เอาว่ะ...ตามกันไปเลยค่ะ

และนี่คือภาพที่เราได้เห็นกันไปตลอดทาง เสียดายที่กล้องคู่ใจไม่สามารถเก็บความประทับใจมาได้ทั้งหมด ด้วยขีดจำกัดของเทคโนโลยี่ แต่ก็ยังดีที่ได้มีบางมุมเก็บกลับบ้านมาบ้าง ที่เหลือก็คงจะอยู่ในความทรงจำ
Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


เดินตามทางไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอเจ้าไม้สามขา เค้าเรียกว่า Three leg mounting ซึ่งเอาไว้กันหิมะถล่มตอนฤดูหนาว เค้าจะทำไว้ในบางช่วงบนภูเขาที่ไม่มีต้นไม้ขึ้น ก็จะใช้เจ้าสามขานี้แทน ตลอดเส้นทางจะมีป้ายอธิบายนักท่องเที่ยวปักไว้ด้วย เป็นการศึกษาธรรมชาติไปในตัว
Image Hosting by PictureTrail.com


ทิวท้ศน์ข้างทางที่เราเดินขึ้นมา ราวกับว่าเป็นเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ที่คุณจะสามารถชื่นชมไปได้ตลอดทาง (ซึ่งก็จริงๆนะแหละ) แต่กระนั้นในบางช่วงของเส้นทางก็มีหนามกุหลาบมาแอบหล่นไว้เป็นระยะ ๆ พร้อมกับบทพิสูจน์ของสุภาษิตไทยว่าด้วยเรื่อง “เข็นครกขึ้นภูเขา” แต่ของเราเป็น เข็นลูกขึ้นภูเขา ซึ่งมันหนักกว่าครกหลายเท่า คุณน้องเล็กญาณิณไม่ต้องพูดถึงเพราะเธอนั่งแท่นนอนแท่นไปตลอด สบายเธอไป ไม่บ่นสักคำ แต่คุณพี่ณิชานี่ซิ เห็นน้องนั่ง เธอก็จะนั่งบ้างไม่ยอมจะเดินเอาเสียเลย ต้องหลอกล่อกันไปตลอดทาง ให้เดินบ้าง นั่งบ้าง ไม่งั้นป๊ะป๋ากับแม่ตายแน่ๆ แต่ก็เห็นใจเธอนะ เพราะเธอก็ตัวแค่นี้จะให้เดินขึ้นเขา แม่ยังกลับลงมาขาเด้งเลย แต่ก็นะ...พ่อกับแม่อยากเที่ยว ก็ต้องหอบกันไป

และนี้คือเส้นทางเข็นลูกขึ้นภูเขาค่ะ เห็นจุดหมายปลายทางอยู่ไม่ไกล แต่ขามันจะไม่ไปเอาซะดื้อ ๆ เพราะทางมันคดเคี้ยวไปมา เลาะไปตามเขา แล้วก็ได้แต่เดินขึ้นไปเรื่อย ๆ มองกลับลงไปยังจุดเริ่มต้น โอ้ว...เราเดินขึ้นมาได้ยังไงว่ะเนี่ย..
Image Hosting by PictureTrail.com


จากป้ายต้นทางที่บอกว่าใช้เวลา 50 นาที แต่เราเดินกันไปเรื่อย ๆ หยุดพักเหนื่อยบ้าง หยุดถ่ายรูปบ้าง หยุดโอ๋และปลอบประโลมลูกไปบ้าง ใช้เวลากันไป ชั่วโมงครี่ง ก็ทำเวลาได้ไม่เลวแฮะ....
แต่สิ่งที่เราได้เห็น ก็ไม่ทำให้ผิดหวังและหายเหนื่อยไปได้เลยค่ะ
Image Hosting by PictureTrail.com


นั่งชื่นชมบรรยากาศพร้อมกับกินพิซซ่าบนเขาสูงที่ Murren อยู่ชั่วโมงกว่า ๆ ก็คิดมาได้ว่า จริง ๆ แล้วสามารถนั่ง gondola ขึ้นมาที่นี้ได้ด้วย แล้วขากลับค่อยเดินลงไปยัง Gimmelwald มันจะง่ายและหนื่อยน้อยกว่ามาก ๆ แต่นะ...คิดได้เมื่อสายไปแล้ว แต่ก็ภูมิใจที่ทำสำเร็จ ขากลับเราก็ยังไม่เข็ด แทนที่จะนั่ง gondola ลงไป ก็หาเรื่องเดินลงไปกันอีก เพราะคิดว่ายังเดินขึ้นมาได้ ขาลงจะสักแค่ไหนเชียว แล้วก็จริงๆ ค่ะ ขาลงนี่แป๊บเดียวถึง ลูกทัวร์ตัวน้อยทั้งสองไม่บ่นเลยเพราะหมดแรงหลับตลอดทาง

**********************


วันที่สี่ ตะลุยเมืองคนแคระที่ Hasliberg
จริง ๆ แล้วที่นี่ไม่ได้อยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวที่เราอยากไป เพราะไม่ได้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวสวิสฯ แต่เราได้รับคำแนะนำจากเจ้าของโรงแรมที่เห็นว่าเรามีเด็ก ๆ น่าจะสนุก ฟังดูแล้วก็น่าสนใจดีสำหรับพี่ณิชา แต่ก็ยังไม่ลืมถามถึงการเดินทางกับเด็กน้อยอีกคน เพราะเธอต้องนั่งรถเข็นไป เค้าก็บอกว่าไปได้นะ ก็เอาซิ...เมื่อวานเป็นสถานที่ที่ป๊ะป๋าเค้าอยากไป วันนี้ก็น่าจะเป็นวันของลูกบ้าง

เราต้องขับรถออกไปไกลหน่อยประมาณ 30 กม. เพราะไม่ได้อยู่ในเขต Jungfrau region เราขับรถไปที่เมือง Hasliberg
เพื่อนั่งเคเบิ้ลไปยังจุดหมายปลายทาง จากที่นี้สามารถเลือกเส้นทาง hiking หรือ trekking ได้หลายเส้นทาง ซึ่งก็ใช้ระยะเวลาแตกต่างกันไป เราเลือกนั่งเคเบิ้ลต่อขึ้นไปยัง Kaserstatt (1831 m) เพราะเป็นเส้นทางที่จะไปตะลุยเมืองคนแคระกัน
Image Hosting by PictureTrail.com


Zwergenweg : Kaserstatt – Balisalp – Bannwald – Lischen
(Zwergen = Dwarf = คนแคระ , weg = trial = เส้นทาง)

จากข้อมูลเส้นทางนี้มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร และใช้เวลาคร่าว ๆ ประมาณ 1.5 ชั่วโมง
พอซื้อตั๋วเคเบิ้ลเสร็จ ก็เพิ่งจะมาอ่านเจอในเอกสารแจกว่า เส้นทางไม่เหมาะสำหรับรถเข็ญเด็ก แป่วววววว.....
ค่าตั๋วก็แพง ป๊ะป๋ากับคุณแม่มองหน้ากันแป๊บนึง แล้วก็...ฮืม..เอาว่ะ..เมื่อวานยังไหว วันนี้จะสักแค่ไหนเชียว แฮะ ๆๆ...
Image Hosting by PictureTrail.com


ตลอดเส้นเทางเค้าจะทำเป็นฐานไว้เป็นระยะ ๆ ให้เด็ก ๆ ได้ผจญภัย น่าสนุกและตื่นเต้นมากสำหรับเด็ก ๆ และยังมีที่พักสำหรับตั้งแคมป์ จิบไวน์ ก่อไฟกินบาบีคิวด้วย แต่เราก็เตรียมแค่กาแฟ นม และแซนวิช ไปสำหรับอาหารกลางวัน แต่ตลอดเส้นทางไม่มีขยะเลยค่ะ ณ จุดแคมป์ปิ้งก็สะอาด คือทานเสร็จแล้วเค้าก็จะเก็บทำความสะอาดกันเรียบร้อย
Image Hosting by PictureTrail.com


จากที่ว่า เส้นทางจะสักแค่ไหนเชียว.....ก็สักประมาณนี้ที่เห็นในรูปแหละค่ะ ก้อนกรวดก้อนหินและรากไม้ตลอด มิหน่ำซั้า ยังขึ้น ๆ ลงๆ เขา เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกไม้เอาซะเลย
Image Hosting by PictureTrail.com


OMG…. แล้วคุณหนูใหญ่จะเหลือหรือค่ะ กระฟอดกระแฟดไม่ยอมจะเดิน แต่เราก็เอารถเข็นไปสองคันนะคะ แต่จะเข็นให้เค้านั่งตลอดมันก็ไม่ไหวอ่ะค่ะ ส่วนคุณคนน้องไม่ต้องพูดถึง เธอยิ้มแปร้ตลอดทางเพราะไม่เหน็ดไม่เหนื่อยกับใครเขา
(อันนี้ก็โทษลูกไม่ได้นะ เพราะพ่อกับแม่อยากไปกันเอง รับกรรมกันไป)

ช่วงบ่ายฝนเริ่มพรำลงมาและเด็ก ๆ เริ่มเหนื่อยกันแล้ว จากแผนที่ด้านบน พี่ณิชาได้แวะเล่นประมาณห้าจุด จุดสุดท้ายก่อนถึง Lischen เราไม่ได้แวะ ก็เดินตรงมาที่สถานนีเคเบิ้ล เพื่อลงมากลับที่พักกันเลย
ทริปวันนี้นี้ก็เป็นทริปที่สนุกอีกวันหนึ่ง ที่เราได้ฝ่าฝันอุปสรรคกันมาได้

**************************


วันที่ห้า Grindelwald – First – Bachalpsee
Grindelwald เป็นเมืองใหญ่และเมืองศูนย์กลางอีกเมืองหนึ่งที่นักท่องเที่ยวรู้จักกัน เพราะเป็นเหมือนตีนเขาที่จะขึ้นไปยัง Jungfrau และอีกหลาย ๆ เส้นทางที่สวยงาม
วันนี้เป็นวันของคุณแม่ค่ะ คุณแม่เลือกที่จะไปชมทะเลสาป Bachalpsee เพราะก่อนมาได้อ่านเจอมาว่า สวยนักสวยหนา พร้อมกับดูรูปแล้วก็งามจริง จึงอยากไปดูด้วยตาตนเอง แต่ยังไงก็ต้องนึกถึงความเป็นไปได้ของลูกทัวร์ทุกคน

เราขับรถจากที่พักไปยัง Grindelwald เพื่อจะนั่ง gondola ขึ้นไปยัง First (2168 m) และเดินเท้าต่อไปยัง ทะเลสาป Bachalpsee (2265 m) จากรูป Jungfrau region จะไปทางด้านซ้ายมือ

สอบถามเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว gondola เค้าบอกว่าทางไม่ได้ลาดยาง เป็นก้อนหินเล็กหินน้อย และชี้รูปให้ดูตัวอย่างทางเดิน ป๊ะป๋ากับคุณแม่ก็มองหน้ากันอีกแล้ว แล้วก็อย่างเคย อืม.....เมื่อวานหนักกว่านี้ยังผ่านมาได้หนินะ... ความอยากและความมุ่งมั่นไม่เคยปราณีใคร แล้วเราก็ซื้อตั๋วหอบลูกหอบเต้าขึ้น gondola กันไปค่ะ

วันนี้เรานั่ง gondola กันค่อนข้างนาน เพราะระยะทางไกลพอสมควร จาก Grindelwald ไปยัง First ต้องผ่าน 2 สถานี คือ Bort และ Grindel ที่ Bort จะมีสนามเด็กเล่นค่อนข้างใหญ่ไว้ให้เด็ก ๆ ด้วย ครอบครัวที่มากับเด็ก ๆ ก็มักจะลงกันที่สถานีนี้ แต่เราก็ไม่ได้ลง เพราะไม่ใช้จุดหมายปลายทางของเรา
Image Hosting by PictureTrail.com


นี่ค่ะ...หนทางที่วันนี้เราต้องฝ่าฝันไป จากป้ายใช้เวลา 50 นาที (เหมือนที่ Murren เลย) แต่เราก็ชมนกชมไม้ไปเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ใช้เวลากันไป ชั่วโมงครึ่ง คุณลูกทั้งสองก็ฟอร์มเดิมเหมือนสองทริปที่ผ่านมา ต้องโอ๋และหลอกล่อพี่ณิชากันไปตลอดทางค่ะ
แต่วันนี้มีเพื่อนร่วมทาง และร่วมชะตากรรมเหมือนกัน (คือมีเด็กน้อยไปด้วย) มากมาย ไม่เหงา บางช่วงที่ทางลำบากนักท่องเที่ยวก็ช่วยเหลือกัน บางคนเห็นว่าเราต้องเข็นเด็กทั้งสองคน ก็ช่วยยกช่วยเข็น น่ารักมาก ๆ ค่ะ เพราะทุกคนมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน
Image Hosting by PictureTrail.com


ทิวทัศน์และบรรยากาศข้างทาง ก็ทำให้เราหายเหนื่อย และมีกำลังใจเดินต่อไป
Image Hosting by PictureTrail.com


นอกจากเพื่อน ๆ นักท่องเที่ยวสองขาแล้ว ยังมีเพื่อน ๆ สี่ขาที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้างทางตลอด
เค้าน่าร๊ากกกกก..และเป็นมิตรมาก ๆ (แต่ก็มีสายตาเยาะเย้ย และยิ้มเยาะเล็กๆ ว่าขนขึ้นเขากันมาด้ายยย...ลูกเด็กเล็กแดง)
Image Hosting by PictureTrail.com


และก็ไม่ลืมที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ ริมทางมาฝาก ตลอดทางจะมีป้ายบอกชื่อสายพันธุ์ของดอกไม้ด้วยค่ะ
Image Hosting by PictureTrail.com


หลังจากที่เดินตุปัดตุเป๋กันมาแทบขาดใจ ก็เจอป้ายนี้เข้า
โอ้วววววว.....ดีใจสุดฤทธิ์ อีก 5 นาทีเอง เจ้าขาเอ๋ย......
ไม่สินะ..ไม่ช่าย...ของเรามันต้อง 10 นาที แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ดี..ใจจะขาดอยู่แล้ว เหนื่อยจริงๆ นะจะบอกให้
Image Hosting by PictureTrail.com


และนี่คือภาพที่คุณแม่อยากเห็นด้วยตา และดั้นด้นกันมาจนได้เห็นจริง คุ้มค่าไหม๊ค่ะ
(แฮะ ๆๆๆ เหมือนรูปในหนังสือเลยแหละ)
Image Hosting by PictureTrail.com


เรานั่งพักผ่อนทานอาหารกลางวันและซึมซับกับบรรยากาศและภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าอยู่ชั่วโมงกว่า ๆ ให้มันคุ้มกับความเหนื่อยยากจนหนำใจ แล้วก็พากันเดินกลับลงมาในเส้นทางเดิม ระหว่างทางกลับก็ยังคงเห็นผู้คนที่เดินสวนกับเราเพื่อไปยังทะเลสาปเรื่อย ๆ ตลอดทาง
Image Hosting by PictureTrail.com


และเราก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนคู่ใจที่พาเราขึ้นเขาลงห้วยและประคับประคองเราทุกคนไปให้ถึงที่หมายโดยปลอดภัย ไม่มีล้มลุกคลุกคลานเลยค่ะ
(รองเท้า hiking นี่จำเป็นมาก ๆ นะคะ ถ้าจะไปเที่ยวแบบนี้นะค่ะ เพราะมันจะ support เท้าและข้อเท้าได้ดี ทำให้ความอดทนในการเดินนานขึ้น แฮะๆๆ บางเส้นทางถึงกับให้คำแนะนำให้สวมร้องเท้าแบบนี้โดยเฉพาะ แต่ก็เห็นมีนักเที่ยวใส่เป็นร้องเท้ากีฬา หรือร้องเท้าผ้าใบไปก็มี ก็ดูทะมัดทเเมงดีเหมือนกัน ถ้าไม่ได้ไปบ่อยคงไม่เป็นไร เพราะราคาร้องเท้า hiking ก็ค่อนข้างสูง ที่มีอยู่ก็ซื้อตอนลดราคา ใช้คุ้มจริงๆ ค่ะ)
Image Hosting by PictureTrail.com


***************************


วันที่หก นั่งรถไฟหัวจักรไอน้ำจาก Brienz ไป Brienzer Rothorn
หลังจากพาเด็ก ๆ สมบุกสมบันกันมาสามวันเต็ม ๆ สองวันที่เหลือขอเป็นวันสบายๆ ก่อนกลับบ้านล่ะกันค่ะ
(เพราะเข่าแม่ก็เริ่มเดี้ยงแล้ว ต้องนวดเคาเตอร์เพนทุกคืน แถมยังลื่นตกบันไดที่โรงแรมให้ลูก ๆ ขำกันอีก สะบักสะบอมซะ)

วันนี้เราเปลี่ยนจากนั่ง gondola มานั่งรถไฟหัวจักรไอน้ำขึ้นเขากันค่ะ กิ๊บเก๋ไหม๊ค่ะ เค้าว่าเป็นรถไฟที่โบราณที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์ (ไม่รู้จริงหรือเปล่า) เราจะขึ้นเขาไปจุดชมวิวที่จะมองลงมาเห็นทะเลสาป Brienzersee เบื้องล่าง เค้าว่า(เค้าว่าอีกแล้ว) เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด

นี่ค่ะ โฉมหน้ารถไฟไอน้ำ ต้องมีการเติมน้ำที่สถานีกลางทางและรอสับรางกับอีกขบวนนึงด้วย
แต่เราก็แปลกใจอยู่อย่างนะคะ เพราะคิดว่าหัวจักรรถไฟ มันน่าจะอยู่ข้างหน้าที่คอยฉุดลากขบวนรถไฟไป แต่มันดันมาอยู่ข้างหลัง ใช้พลังไอน้ำดันไปข้างหน้าแทน (หรือมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก ใครรู้บ้านเนี่ย) เด็ก ๆ สนุกสนานดีค่ะ ขาขึ้นไปเรานั่งหน้าขบวน แต่ขากลับนั่งติด ๆ กับหัวจักรไอน้ำเวลารถไฟเป่าควัน ปู๊น ๆ เหม็นควันมาก ๆ ค่ะ ต้องคอยปิดจมูกให้น้องญาณิณ (แต่เธอก็ไม่ค่อยพอใจหรอกค่ะ รำคาญค่ะคุณแม่..รำคาญ)
Image Hosting by PictureTrail.com


วิวทิวทัศน์ จากข้างบนมองลงมาเห็นโรงแรมที่เราพักที่เมือง Iseltwald ด้วยค่ะ
Image Hosting by PictureTrail.com


ลูกทัวร์วันนี้นิสัยดีมาก ๆ พี่ณิชาไม่บ่นเลย เพราะแม่ไม่ได้พาเดินขึ้นเขา แฮะๆๆ วันนี้เธอขอเดินเองเลยค่ะ เอารถเข็นของน้องญาณิณไปคันเดียว
<Image Hosting by PictureTrail.com


ทริปวันนี้ไม่มีอะไรมาก สบาย ๆ จริงๆ ช่วงบ่ายกลับมาพักผ่อนที่โรงแรมและเดินเล่นริมทะเลสาป Brienzersee

วันที่เจ็ด Bern
วันนี้เป็นสุดท้ายของทริปเราแล้วค่ะ เราจะไป Bern เมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์กัน Bern จะอยู่ทางเหนือของ Bernese Oberland ห่างจากที่พักเราไปประมาณ 80 กิโลเมตร เจ้าของโรงแรมแนะนำว่านั่งรถไฟไปจะสะดวกที่สุด เพราะที่จอดรถในเมืองแพงมาก ๆ เราก็เชื่อเค้านะคะ แล้วก็คิดว่าน่าสนุกสำหรับเด็ก ๆ และก็สะดวกสบายมาก ๆ ค่ะ
เรานั่งรถบัสประจำทางจากหมู่บ้านที่เราพัก ไปยังสถานีรถไฟที่ Interlaken Ost เพื่อต่อไปยัง Bern การเชื่อมต่อการคมนาคมในสวิสเซอร์แลนด์ดีมาก ๆ ค่ะ ไม่ต้องเสียเวลารอเลย เรานั่งรถไฟไปประมาณ 50 นาที ก็ถึง Bern ค่ะ รถไฟจอดประมาณ 2 สถานีใหญ่ ๆ
อ๋อ...ลืมบอกไปว่าเราไม่เสียค่ารถบัสประจำทางด้วยนะคะ เพราะเรามี Visitor’s card ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขอได้จากโรงแรมที่พักได้เลยค่ะ ไม่เสียตังค์ เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องเสียค่าภาษีท่องเที่ยวให้ทางโรงแรมอยู่แล้ว นอกจากขึ้นรถฟรีแล้ว ยังใช้เป็นส่วนลดหรือเป็นบัตรเข้าชมสถานที่บางที่ได้ รวมทั้งส่วนลดค่าตั๋ว gondola ด้วย (แต่ลดแล้วก็ยังแพงค่ะ)

Bern จะมีทั้งส่วนที่เป็นย่านช๊อปปิ้งสมัยใหม่ และส่วนที่เป็นเมืองเก่าค่ะ เราไม่ได้ถ่ายรูปมามาก เพราะฝนตกพรำ ๆ เป็นระยะ และเริ่มอิ่มกับการถ่ายรูปแล้ว มาถึงวันนี้ก็ชักภาพไปแปดร้อยกว่าภาพ

ย่านเมืองใหม่
Image Hosting by PictureTrail.com


เมืองเก่า
Image Hosting by PictureTrail.com


สัญลักษณ์ของ Bern ก็คือ หมี ค่ะ ใครสนใจประวัติความเป็นมา ลองปรึกษาลุงกู๋ Google ดูนะคะ (เริ่มขี้เกียจค่ะ)
และนอกจากนาฬิกาสวิสฯ ที่มีชื่อเสียงแล้ว มีดสวิสฯก็มีชื่อเสียงด้วยเช่นกัน น้องวัวสีแดงยืนเป็นพรีเซอร์เตอร์อยู่หน้าร้านขายมีดค่ะ และที่พบบ่อย ๆ ในเกือบทุกเมืองก็คือกระดานหมากรุกที่พื้นอันใหญ่ ๆ นี่และค่ะ
Image Hosting by PictureTrail.com


เฮ้อ....จบแล้วค่ะ ทริปสวิสเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน....
ประทับใจมาก ๆ ค่ะ สนุกสนานและสะบักสะบอมไปพอ ๆ กัน

เก็บตกฝากท้าย ดอกไม้สวย ๆ ในรั้วบ้านที่เค้าปลูกไว้ และนางแบบต้วน้อย ๆ ค่ะ

Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


Image Hosting by PictureTrail.com


*************





Create Date : 17 สิงหาคม 2553
Last Update : 10 สิงหาคม 2554 4:36:10 น. 7 comments
Counter : 1624 Pageviews.

 
ตั้งใจรอฟังตอนหน้า อย่างจดจ่อนะครับ ขอบคุณมากครับ


โดย: herepin วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:23:32:48 น.  

 
ชอบคุณที่เข้ามาขมบล็อคและติดตามนะคะ
ไม่นึกว่าจะมีใครเข้ามาอ่านนะค่ะ


โดย: natteke IP: 213.46.221.12 วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:3:42:15 น.  

 
คุ้มค่ากับความเหนื่อยเลยนะคะ ขึ้นไปถึงแล้ววิวสวยมากๆเลย
ปล.ครอบครัวน่ารักดีค่ะ


โดย: apple.007 วันที่: 18 สิงหาคม 2553 เวลา:9:07:51 น.  

 

หลานทั้งสองเก่งมากค่ะ เป็นผู้ร่วม เดินทางที่แสนดี แต่ละแห่งสวยมาก
เอ? แล้วหลานทั้งสองจะจำความประทับใจได้ไหมเนี่ย


โดย: คุณตา และ คุณยาย IP: 112.142.193.247 วันที่: 19 สิงหาคม 2553 เวลา:21:27:10 น.  

 
วิวสวยมากค่ะ บรรยากาศก็ดีด้วยเช่นกัน ครอบครัวนี้สุดยอด จ๊ะเอ๋เองยังไม่เคยปีนเขาเลยนะคะเนี่ย ขอบคุณแม่นัฐค่ะ
jarutat Putkam...=.=


โดย: เอ๋จา (สาธิต 08) IP: 183.89.54.50 วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:19:40:32 น.  

 
เข้ามาดูภาพเพิ่มเติมจร้าาา ยิ่งดูยิ่งอยากไปอีกจังเลย

ขอบคุณครับผม


โดย: herepin วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:23:10:03 น.  

 
ดูแล้วเพลิน อยากไปเที่ยวจังเลย


โดย: น้าต๋อย IP: 58.8.251.210 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:20:23:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Natteke
Location :
Thailand- Netherlands

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





This blog is created by love :-)




Friends' blogs
[Add Natteke's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.