สถานการณ์เริ่มเข้มข้นขึ้น เมื่อมีนักทายผลแข่งม้าคนหนึ่งโทรศัพท์เข้าไปแจ้งตำรวจว่าเขาได้ยินการสนทนาที่พูดพาดพิงถึงการฆาตกรรมที่หอพักนักศึกษา และปืนลูกซองกระบอกหนึ่งซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่ตำรวจเชื่อว่าใช้ยิงเหยื่อฆาตกรรมครั้งนั้น ตำรวจไปพบกับเจ้าของปืนลูกซองกระบอกนั้นอีกต่อหนึ่ง เจ้าของปืนบอกตำรวจว่าเขาให้เพื่อนคนหนึ่งยืมปืนไปก่อนจะมีเหตุฆาตกรรมครั้งนั้น เขาไม่ได้ถามว่าจะเอาไปใช้อะไร และหลังจากนั้นไม่นานเพื่อนคนนั้นก็นำปืนกลับมาคืนให้ "มันชำรุด" ปืนที่กลับมาในสภาพเสียหายแตกหักถูกยัดใส่มาในกระเป๋ากีฬาสีน้ำเงินเปื้อนเลือดเขรอะ พร้อมกับมีดพกเล่มหนึ่งและเสื้อผ้าสีทึบอีกบางชิ้น "ผมรู้สึกกลัวและสับสนมาก และรู้สึกว่าคงต้องมีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นแน่ ๆ" เขาอธิบายต่อถึงเหตุที่ตัดสินใจจะนำปืนและมีดพกเล่มนั้นไปทิ้งในทางน้ำ ส่วนเสื้อผ้าในกระเป๋าเขานำไปทิ้งถังขยะหลังซุปเปอร์มาร์เก็ดแห่งหนึ่ง "ตอนนั้นผมไม่ทราบเรื่องฆาตกรรมที่มหาวิทยาลัยไมอามี่" เขาให้การ "ผมเพียงแต่ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุอะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นเท่านั้น" ตำรวจพบปืนที่นำทิ้งไปในทางน้ำข้างถนนช่วงระหว่างถนนเชื่อรัฐหมายเลข 95 กับถนนนอร์ธเวสต์ 15 ในไมอามี่ เมื่อตำรวจไปหาปืนกระบอกนี้จนพบ ไม่มีรอยนิ้วมือติดอยู่เลย "มันจมอยู่ในน้ำและรูปร่างบิดเบี้ยวไปหมด" ต่อมาตำรวจก็ทราบคนที่ยืมปืน เขาคือไปคือลาแบรนท์ เดนนิส แฟนเก่าของทิมวานิก้า ลัมพ์กินส์
เดนนิสโด่งดังอยู่ในไมอามี่ในฐานะนักร้องเพลงแร็พของวงเดอะด๊อกส์และเคยได้รับความนิยมทั่งประเทศอยู่พักหนึ่ง เขาใช้ชื่อบนเวทีว่า แอนท์ ดี. วงเดอะด๊อกส์เคยออกอัลบั้มเพลงออกมาแล้ว 2 อัลบั้ม เคยติดอันดับ 100 เพลงของ BILLBORD แม๊กกาซีนช่วงปี 1990 แผ่นดิสก์ของเพลงวงนี้เคยขายดีอยู่ในประเทศแถบลาติน อเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป สถานีโทรทัศน์เคยแพร่ภาพเทปการแสดงของวงนี้ ทำให้บรรดาแฟนเพลงแร๊พนับร้อยนับพันคลั่งไคล้ในท่วงทำนองอันหนักหน่วงของเสียงเบสและลีลาการเค้นที่ส่อถึงการแสดงออกอย่างเร่าร้อนทางเพศ สไตล์เพลงของวงเน้นไปทางดุเดือด เข้มข้น ผู้หญิงจะถูกเปรียบเป็นสุนัขเพศเมียหรือเป็นเครื่องเล่นทางเพศเท่านั้น "พวกเขาเกือบจะดังระเบิดแล้วตอนนั้น" บริษัทผู้อัดแผ่นเสียงรายหนึ่งในไมอามี่กล่าว "เด็กพวกนี้สามารถสร้างชีวิตอันเหลือเชื่อขึ้นมาได้อยู่สักพักหนึ่ง สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการถีบตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดสักครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ทำไม่ได้ สมาชิกคนหนึ่งลาออกจากงาน หลังจากนั้นวงก็ตกต่ำลงเรื่อย ๆ" เดนนิสเล่นฟุตบอลอยู่กับทีมเอดิสัน-ไฮย์ของไมอามี่และเคยไปเล่นให้กับทีมดีไฟอันซ์ในรัฐโอไฮโอระยะหนึ่ง แต่เขาเริ่มมีผลงานทางการแสดงที่นี่ก่อนที่จะลาออกมายึดอาชีพทางดนตรีแร็พ เขาทำหน้าที่เป็นนักเต้นนำในการออกแสดงบนเวที เมื่อนักร้องนำของวงแยกออกไปเป็นศิลปินเดี่ยว เงินทองก็เริ่มหดหาย เดนนิสจึงตกจากสวรรค์หันมารับงานพิเศษในแผนกจัดเลี้ยงที่สโมสรของกอรัล กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์สปา ร่วมกับแม่ของมาร์ลิน บาร์นส์ ขณะเดียวกันก็ยังพยายามกลับสู่วงการเพลงให้ได้อีกครั้ง
เมื่อตำรวจนำตัวเขามาสอบปากคำ เดนนิสอ้างว่าในขณะเกิดเหตุเขาอยู่กับเพื่อน ๆ หลาย ๆ คน ซึ่งพวกเพื่อน ๆ ของเขารับรองว่าจริง เพื่อนฝูงและญาติมิตรของลัมพ์กินส์ให้การว่า เธอเคยมีความสัมพันธ์อย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆอยู่กับเดนนิสถึง 4 ปี เพิ่งจะมาเลิกกันเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่จะถูกทุบจนตายนี่เอง ทั้งสองมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง แต่ละครั้งอยู่ในขึ้นรุนแรงทั้งนั้น เพื่อนบ้านคนหนึ่งบอก คนใกล้ชิดหลายคนบอกว่าลัมพ์กินส์เคยถูกซ้อมจนตาเขียวมาอย่างน้อยครั้งหนึ่ง ส่วนญาติอีกคนหนึ่งก็บอกว่าเธอกำลังคิดจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเดนนิส ในข้อหาก่อความรุนแรงในครอบครัว ก่อนเกิดฆาตกรรม ลัมพ์กินส์เริ่มไปไหนมาไหนกับบาร์นส์ที่เคยควงกันมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น มัธยมปลาย เมื่อเธอตัดสินใจจะเลิกร้างกับเดนนิส เธอมาขอให้บาร์นส์ช่วยย้ายของออกจากบ้านของเดนนิส เข้าบ้านย่าของเธอให้ด้วย ตำรวจคิดว่าเหตุการณ์เหล่านี้น่าจะเกี่ยวพันกับการฆาตกรรมได้ แต่เดนนิสก็อ้างที่อยู่ได้แน่นอนตำรวจจึงต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเป็นทวีคูณเพื่อหักล้าง "พยาน" พวกนั้นให้ได้ และเมื่อเดนนิสถูกจับกุมตัว นักสืบได้ชี้ประเด็นมูลเหตุจูงใจในการฆ่าว่าเป็นเพราะความหึงหวง "ตำรวจไม่มีหลักฐาน" ฝ่ายมารดาของเดนนิสกล่าว "ลูกของดิฉันไม่ได้ทำ ฉันจะเข้าข้างเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับแม่คนอื่น ๆ เหมือนกัน ดิฉันไม่เชื่อว่าเขาเป็นคนทำ และไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด"
ทนายของเดนนิสคือ รอน กูราลนิคบอกว่าเดนนิสบริสุทธิ์ และกำลังจะปฏิเสธข้อกล่าวหาในการพิจารณาคดี เขาไม่ได้ทำ กูรานิคกล่าวและเปรียบเทียบกับคดี โอ.เจ. ซิมป์สันว่า "ความแตกต่างระหว่างคดีนี้กับคดีโอ.เจ. ก็คือซิมป์สันเป็นคนดังกว่าเดนนิสเท่านั้น ส่วนอื่น ๆ คล้ายกันมาก" "หลักฐานที่รัฐแสดงกับผมนั้น ยังเป็นปัญหาน่าสงสัยอยู่มาก และเป็นไปได้สูงที่ปมจะฟ้องกลับ" ทนายจำเลยชี้นิ้วไปที่เจ้าของปืนที่ใช้ในการฆาตกรรมแล้วกล่าวว่า "เขาควรจะอยู่ในบัญชีผู้ต้องสงสัยอันดับแรกเลย เพราะเป็นเจ้าของปืนและเอาปืนไปซ่อนไว้โดยไม่แจ้งตำรวจจนกระทั่งตำรวจติดต่อไปหา" หลังจากนั้นตำรวจได้ไปพาตัวโจเซฟ บรินสัน ลูกพี่ลูกน้องของลาแบรนท์เดนนิสมา และตั้งข้อหาข่มขู่พยานในคดีฆาตกรรม ทั้งยังถูกตั้งข้อหาละเมิดทัณฑ์บนจากการถูกจับกุมเมื่อปี ค.ศ.1994 ในข้อหาทำร้ายร่างกายหญิงมีครรภ์คนหนึ่ง ลิตเติ้ลเองก็พูดว่า "เเม้ว่ามาร์ลินจะไม่ใช่ไมค์ ไทสัน แต่ไม่มีทางที่คนเพียงคนเดียวจะล้มเขาได้ไม่มีทาง" ในการพิจารณาคดี ชายคนที่ให้ลาแบรนท์ เดนนิส ยืมปืนไปยอมรับว่าเขาซ่อนปืนที่ไม่มีทะเบียนกระบอกนั้นไว้ใต้ที่นอน แต่เขาบอกกับลูกขุนว่าเขาไม่รู้ไม่เห็นกับการฆาตกรรม เขาไม่ทราบว่าเดนนิสต้องการปืนไปทำไม เขาแค่ให้ยืมไปเฉย ๆ เพื่อนหญิงอีกคนหนึ่งของลาแบรนท์ เดนนิส ถูกเชิญตัวมาให้การในศาล เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่พยายามจะหักล้างหลักฐานที่อาจมัดตัวเดนนิสอัยการแถลงว่าเดนนิสใช้รถของเธอในคืนวันเกิดเหตุเมื่อตำรวจไปพบกับเธอ เธอกลับบอกว่ารถของเธอถูกขโมย และถูกเผาไปแล้ว ทั้งนี้เพื่อปกป้องเดนนิส ในการแถลงปิดคดี หลังจากดำเนินการมาเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ผู้ช่วยอัยการรัฐปลอร่า เซ็ฟได้กล่าวกับคณะลูกขุนว่ามีข้อพิสูจน์อย่างท่วมท้นว่าเดนนิสทุบเหยื่อทั้งสองคนจนเสียชีวิต เดนนิสเป็นคนขึ้หึงและเคยขู่จะฆ่าลัมพ์กินส์มาก่อนหน้านี้แล้วเธอกล่าว "เขาคอยติดตามเธอไปทุกหนทุกแห่ง คอยสอดแนมดูเธอ คอยสอด คอยส่อง และสะสมความโกรธไว้มากขึ้น ๆ มาเป็นเวลากว่า 2 ปี " เซ็ฟแถลง "ทุกท่านคงทราบว่าพยานหลักฐานสามารถชี้ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่ออาชญากรรมครั้งนี้" กูรานิคโต้แย้งว่า เดนนิสตกเป็นเหยื่อของการสืบสวนที่ไม่เป็นธรรม เพราะผู้กระทำผิดตัวจริงคือเจ้าของปืน แต่เมื่อถึงเวลาตัดสิน คณะลูกขุนใช้เวลากว่า 4 ชม. เล็กน้อยก่อนที่จะลงความเห็นว่าลาแบรนท์ เดนนิสมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย ในวันกำหนดฟังคำพิพากษา ทนายความของเดนนิสยังพยายามที่จะรักษาชีวิตลูกความของเขาไว้ โดยกล่าวว่า เดนนิสไม่ใช่ฆาตกรเลือดเย็นที่จะคิดคำนวณหรือไตร่ตรองไว้ก่อนล่วงหน้า เขาจึงควรถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีทัณฑ์บนเท่านั้น "นี่ไม่ใช่การฆาตกรรมเพื่อหวังผลตอบแทนอะไร" กูราลนิคกล่าว "เขาเพียงแต่ทำไปด้วยอารมณ์"
เมื่อคณะลุกขุนลงความเห็นให้พิพากษาลงโทษประหารชีวิตโดยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า เดนนิสถึงกับเป็นลมล้มพับ ทีแรกเขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่หลังจากที่ผู้ช่วยนายอำเภอใส่กุญแจมือและเริ่มนำเขาออกมาจากห้องพิจารณาคดี เขาจึงเริ่มเข่าอ่อนและล้มลงไปตรงแถวเก้าอี้ที่ว่างอยู่ ก่อนหน้าที่ผู้พิพากษาแมนนี้ เครสโป จะประกาศคำพิพากษาให้ประหารชีวิตนั้น
บิดามารดาของผู้ตายได้ขึ้นแถลงในศาลว่า "ฉันอยากให้แกต้องตายถึง 22 ครั้ง ให้สาสมกับความโหดร้ายทารุณที่มาร์ลินได้รับ" มารดาของมาร์ลินเป็นผู้กล่าว "มาร์ลินเป็นลูกผู้ชายมากกว่าแกมากนัก แม้แต่ในความตาย แกมันไอ้ขี้ขลาด ไอ้จอมปลิ้นปล้อนไอ้ฆาตกร และไอ้มหาโจร" "บางคนเขาอาจอภัยให้แกได้ แต่สำหรับฉันแล้วไม่มีวัน.." บิดาของลัมพ์กินส์เป็นฝ่ายพูดบ้าง "นายซาตานของแกมันทิ้งแกไปแล้ว แกจะต้องถูกเผาจนมอดไหม้" เดนนิสได้ฟังแล้วเกิดโทสะ ถลันออกจากที่นั่งจนผู้ช่วยนายอำเภอต้องรีบตะครุบตัวไว้ เขาจึงได้แต่ส่งเสียงตะโกนว่า "กูนี่แหละโว้ย..ชายแท้!" พร้อมกับเอามือทุบโต๊ะดังเปรี้ยง..."เราได้แต่จินตนาการว่า ความรู้สึกของลัมพ์กินส์ในขณะที่รู้ตัวว่าคงต้องจบชีวิตแน่นอนแล้วนั้น คงเต็มไปด้วยความกลัว ตื่นตระหนก และสิ้นหวังแต่ตัวเธอเองคงรู้สึกมากกว่านี้มากนัก" ผู้พิพากษาเครสโปกล่าว "ลาแบรนท์ เดนนิส เลือดเย็นเหลือเกินเขาวางแผนที่จะฆ่าเหยื่อทั้งสองโดยปราศจากความเกรงกลัวต่อกฎหมายหรือศีลธรรมใด ๆ ทั้งสิ้น จากกรรมที่เขาก่อไว้ เขาจึงไม่สมควรจะได้รับสิทธิ์ให้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป"
เขาจึงได้แต่ส่งเสียงตะโกนว่า "กูนี่แหละโว้ย..ชายแท้!" พร้อมกับเอามือทุบโต๊ะดังเปรี้ยง..."เราได้แต่จินตนาการว่า ความรู้สึกของลัมพ์กินส์ในขณะที่รู้ตัวว่าคงต้องจบชีวิตแน่นอนแล้วนั้น คงเต็มไปด้วยความกลัว ตื่นตระหนก และสิ้นหวังแต่ตัวเธอเองคงรู้สึกมากกว่านี้มากนัก" ผู้พิพากษาเครสโปกล่าว "ลาแบรนท์ เดนนิส เลือดเย็นเหลือเกินเขาวางแผนที่จะฆ่าเหยื่อทั้งสองโดยปราศจากความเกรงกลัวต่อกฎหมายหรือศีลธรรมใด ๆ ทั้งสิ้น จากกรรมที่เขาก่อไว้ เขาจึงไม่สมควรจะได้รับสิทธิ์ให้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป"
ข้อมูล - ภาพ : Cammy // Writer.Dek-D.com