เลี้ยงอะไร
ดูปัจจัยเรื่องตัวคนไปแล้ว ก็มาดูปัจจัยเรื่องตัวไม้กันบ้างครับ โดยจะแบ่งเป็นตาม Section ต่างๆ
1) Brachypetalum พวกฟอร์มกลมของบ้านเรา ได้แก่ ฝาหอย, เหลืองปราจีน (รวมทั้งเหลืองอุดร, เหลืองกาญจน์, เหลืองสิงขร), ขาวสตูล, เหลืองตรัง/พังงา/ชุมพร และช่องอ่างทอง ตลอดจน wenshanense ของประเทศจีน
- เลี้ยงง่าย ออกดอกได้สบายในอากาศร้อนของพื้นราบ แข็งแรง แต่บทจะเน่าก็เน่าง่าย
- เหมาะกับมือใหม่
2) Parvisepalum พวกฟอร์มกลมของจีนและเวียดนาม ได้แก่ armeniacum, delenatii, emersonii, hangianum, malipoense, micranthum, vietnamense
- ถ้าเป็นไม้ฟาร์มเลี้ยงง่ายกว่าไม้ป่ามาก
- emersonii, hangianum โตช้า ฟื้นตัวช้า
- ลูกผสมในกลุ่มนี้แม้จะเป็นลูกผสมกันเองในกลุ่ม เช่น (micranthum x vietnamense), (armeniacum x malipoense), (emersonii x malipoense), (malipoense x vietnamense) กลับเลี้ยงง่ายกว่าพันธุ์แท้มาก แข็งแรง ออกดอกจากหน่อที่แตกในกรุงเทพได้สบายๆ โดยไม่ต้องมีอีแวป (ในเงื่อนไขที่ว่า ต้นสมบูรณ์, ระบบรากสมบูรณ์เต็มที่, สภาพปลูกเลี้ยงไม่ extreme เกินกว่าเหตุ)
3) Paphiopedilum เช่น อินทนนท์, เหลืองเลย, กระบี่, ดอยตุง, ดอยตุงกาญจน์ (vejvarutianum), spicerianum, fairrieanum, helenae, barbigerum เป็นต้น
- ถ้าเป็นพวกที่ขึ้นกับพื้นดินหรือหน้าผาหิน โดยรวมๆ รองเท้านารีในกลุ่มนี้ถือว่าเลี้ยงง่าย แข็งแรง เลี้ยงในอากาศร้อนของกรุงเทพได้สบายๆ แม้ไม่มีอีแวป อาจเป็นเพราะถิ่นกำเนิดในธรรมชาติ ค่อนข้าง extreme ทำให้ปรับตัวทนทานกับสภาพอากาศได้ดี
- ตัวที่ยกเว้นคือ อินทนนท์ (villosum) และ อินทนนท์ใบกว้าง (the authentic gratrixianum) เพราะต้องการความชื้นในอากาศสูง และอากาศเย็น ประกอบกับใบที่ค่อนบางไม่หนาแข็งเหมือนชนิดอื่น ทำให้คายน้ำง่าย และการแตกรากใหม่ไม่ค่อยดีนักในอากาศร้อน ทำให้โทรมตายในที่สุด
- ต้นที่ออกดอกในกรุงเทพได้สบาย ออกจากหน่อใหม่ที่แตกในกรุงเทพ ได้แก่ กระบี่, ดอยตุง, ตุงกาญจน์ ,spicer, fairrieanum (แตกต่างกันไปตามผู้เลี้ยงแต่ละคน)
4) Coryopedilum พวกหูยาวที่ขึ้นกับพื้นหรือผาหินปูน เช่น rothschildianum, sanderianum, stonei, gigantifolium, supardii, glanduliferum
- ถ้าเป็นไม้ฟาร์ม ไม้ขวด โดยทั่วไปถือว่าเลี้ยงง่าย ข้อเสียคือ โตช้า, ต้นใหญ่โตกินที่ (ยกเว้น adductum)
5) Pardalopetalumพวกหูยาวที่ขึ้นบนต้นไม้ ได้แก่ เมืองกาญจน์, lowii, haynaldianum
- ถ้าเป็นไม้ฟาร์ม ไม้ขวด จัดว่าเลี้ยงง่าย และจะงามยิ่งขึ้นหากความชื้นในอากาศสูง
6) Barbatum กลุ่มคางกบ
- ดูเหมือนเลี้ยงง่าย แต่ก็เป็นไม้ปราบเซียนของคนที่บ้านไม่มีโรงเรือน หรืออากาศแห้ง เพราะส่วนใหญ่ขึ้นตามพื้นป่าซึ่งความชื้นสูงตลอดปี อ่อนแอต่อเพลี้ยแป้งและไรแดง
- ถ้าอากาศชื้นไม่พอ ดอกฝ่อเรียบ
7) Cocholpetalum พวกต่อดอก เช่น primulinum, glaucophyllum, liemianum
- โดยทั่วไปถือว่าเลี้ยงง่าย ยกเว้น victoria-mariae ที่ขึ้นสูงกว่าชนิดอื่นๆ (2000 ม.) ทำให้ไม่เหมาะกับอากาศร้อนและแห้งเท่าไรนัก
- โปรดระวังความสับสนของรองเท้านารีในกลุ่มนี้ ไม้ที่ขายในนาม primulinum แต่ต้นใหญ่โต ใบกว้างและค่อนข้างบาง ช่อดอกยาวมาก ดอกใหญ่ มันไม่ใช่ primulinum แท้
ลูกผสมข้ามกลุ่มโดยทั่วไปถือว่าเลี้ยงง่าย และปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า สามารถออกดอกในพื้นราบได้โดยไม่จำเป็นต้องมีโรงอีแวป (แต่ถ้ามีอีแวป หรือสภาพโรงเรือนที่เหมาะสม ก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้วครับ)
รองเท้านารีทุกชนิด สิ่งสำคัญที่สุดคือความสมบูรณ์ของระบบราก ถ้าระบบรากไม่สมบูรณ์ ใส่ปุ๋ยหรืออัดฮอร์โมนยังไง ต้นก็มีแต่ทรงกับทรุด รองเท้าที่ใบใหม่มีขนาดเล็กลงกว่าใบเก่าอย่างเห็นได้ชัด ใบใหม่สีซีดจางหรือเปลี่ยนเป็นเหลือง (ชัดเจนมากในกลุ่มคางกบ) ใบบางนิ่มลง ใบเก่าซีดเหลืองและอัตราการทิ้งใบสูงกว่าอัตราการแตกใบใหม่ทดแทน ไม้แตกหน่อใหม่เล็กๆ ยุ่บยั่บไปหมดแต่หน่อไม่โต ทั้งหมดนี้ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าระบบรากเสีย โปรดเปลี่ยนเครื่องปลูกใหม่ และจัดการเรื่องการรดน้ำใหม่ให้เหมาะสม (เดิมอาจแฉะไป ขยันเกินเหตุ) ความชื้นในอากาศสูงคือปัจจัยภายนอกที่สำคัญ อุณหภูมิหน้าร้อนในพื้นราบอาจจะร้อน แต่ถ้าลมพัดถ่ายเทดี ความชื้นในอากาศสูงก็ยังบรรเทาปัญหาไปได้เยอะครับ
Create Date : 17 มีนาคม 2551 |
| |
|
Last Update : 17 มีนาคม 2551 17:17:57 น. |
| |
Counter : 973 Pageviews. |
| |
 |
|