ท่องเที่ยวต่างประเทศ
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 25
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 24
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 23
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 22
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 21
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 20
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 19
ย่าติง แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย ตอนที่ 18
ย่าติง แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย ตอนที่ 17
ย่าติง แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย ตอนที่ 16
ย่าติง แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย ตอนที่ 15
ย่าติง แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย ตอนที่ 14
ย่าติง แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย ตอนที่ 13
ย่าติง แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย ตอนที่ 12
ย่าติง แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย ตอนที่ 11
ย่าติง แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย ตอนที่ 10
ย่าติง แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย ตอนที่ 9
ย่าติง แชงกรีล่า แห่งสุดท้าย ตอนที่ 8
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 7
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 6
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 5
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 4
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 3
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้ายตอนที่ 2
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 1
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย ตอนที่ 21
พวกเราพอเดินออกมาพ้นโค้งก็พบกับเต็นท์ผ้าใบขนาดโดยประมาณ 5 X 5 เมตร สีขาวหม่นๆ 8 - 9 เต็นท์ โดยเรียงรายเป็น 2 แถว อยู่ระหว่างเนินดินที่ขนาบข้าง 2 ข้าง อีกด้านหนึ่งเป็นภูเขาสูง รอบๆ มีตัวจามรี 3 4 ตัว เดินเตร็ดเตร่ ก้มๆ เงยๆ อยู่รอบๆ เต็นท์ที่พักของเราในค่ำคืนนี้ได้บรรยากาศของนักเดินทางมากๆ หลังจากที่ค่อยๆลากเท้าเข้าไปถึงเต็นท์ ก็ติดต่อเรื่องที่พักทันที เพราะอยากนอนมากๆ หลังจากที่ทรมานสังขารฝืนเอาหลังตั้งฉากกับพื้นโลกมานาน พอพวกเราแจ้งความประสงค์และจำนวนคนที่เข้าพักแล้ว หญิงสาวท้องถิ่นตัวสูงใหญ่คนหนึ่ง เธอก็พาเข้าไปในเต็นท์หนึ่งซึ่งอยู่ทางขวามือพวกเรา
ด้านในเต็นท์แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งสำหรับตั้งที่นอน ตรงกลางเป็นทางเดินพื้นเป็นดิน อุปกรณ์ที่ใช้ในการนอนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นที่นอน ผ้าห่ม วางอยู่ตรงหัวนอนเรียบร้อยแล้ว สำหรับเต็นท์ของพวกเรานั้นฝั่งหนึ่งเต็มไปด้วยหนุ่มสาวชาวอิสราเอล และญี่ปุ่น 4 คน อีกฝั่งหนึ่งว่างอยู่ซึ่งก็ต้องเป็นของพวกเราแน่นอน หลังจากที่รู้ตำแหน่งที่นอนเรียบร้อยแล้ว เธอก็ขอเก็บค่าที่พักเลยคนละ 50 หยวนเลย โหดมากทีเดียวสำหรับสภาพที่พักแบบนี้ เทียบไม่ได้เลยกับคนละ 15 หยวนที่เต้าเฉิงแต่ก็ต้องนอน พวกเราคงไม่เพี้ยนขนาดเดินออกไปหาที่นอนที่อื่นที่ถูกกว่านี้แน่ๆ จ่ายเงินเสร็จก็ขอหย่อนตูด เอนหลังกันสักพักก่อนละกัน
พี่เขาพอตูดมีที่วางปุ๊บก็กลัวหลังจะน้อยหน้าเลยเอนหลังซะเลย (ท่าทางจะแย่) ส่วนเรากับเพื่อนนั่งพักกันสักพักแล้วก็ลองทักทายเพื่อนร่วมเต็นท์ทั้ง 4 คน ตามประสาคนไทยอัธยาศัยดี ปรากฎว่าทั้ง 4 คนเป็นนักเดินทางตัวฉกาจเลยทีเดียวไปมาแล้วทั่วเอเซียอาคเนย์ และอีกหลายประเทศในเอเซีย ซึ่งทุกครั้งที่ไปจะเป็นการไปเที่ยวกันเองทั้งสิ้น (น่าอิจฉามากๆ) นั่งคุยกันสักพักเรากับเพื่อนก็สะกิดพี่เขาขอตัวออกมาทานข้าวเย็นกันก่อน โดยที่เราไม่ลืมหยิบบรรดาน้ำพริกทั้งหลายติดมือมาด้วย ออกจากเต็นท์มาเพื่อนเราขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน ซึ่งก็ตั้งอยู่ด้านหลังร้านอาหารนั่นเอง
ร้านอาหารของที่นี่ตั้งอยู่ตรงปลายของเต็นท์ทั้ง 2 แถวเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว เรากับพี่เขา 2 คนเดินเข้าไปจึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วที่นี่เป็นทั้งร้านอาหาร ที่พักพนักงาน ครัว และที่เก็บของ โดยพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นร้านอาหาร มีโต๊ะ เก้าอี้ วางอยู่หลายตัว และโทรทัศน์อีก 1 เครื่องวางอยู่มุมร้าน
ภายในร้านนอกจากพวกเรากับพนักงานแล้วไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ อีกเลย เหลือบมองนาฬิกาในร้านได้เวลา 6 โมงครึ่งพอดี แสดงว่าพวกเราเดินเข้ามาถึงที่นี่ประมาณ 6 โมงเย็นใช้เวลาเดินทั้งหมดประมาณ 5 - 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว เรากับพี่เลือกที่นั่งด้านหน้าใกล้กับประตูทางเข้า หลังจากได้ที่นั่งแล้วเพื่อนเราก็เข้ามาพอดี เลยเดินเข้าไปในครัวสั่งอาหารกัน ด้านในครัวมีพ่อครัว และพนักงานอีกหลายคนนั่งคุยกันอยู่ จากการสอบถามที่นี่มีอาหารให้เรากินแบบว่าหลากหลายเหนือความคาดหมายมากๆ เราเลยสั่งทั้งไข่เจียวที่ไม่ได้กินมานาน แกงจืด ผัดผัก แกล้มกับน้ำพริกที่เตรียมมา เรากับเพื่อนไม่มีปัญหาอะไรกินกันสบายอาการปวดหัวไม่สามารถทำอะไรเรา 2 คนได้เลย แต่พี่เขากินกับข้าวที่สั่งมาไม่ได้เลย ต้องเอาน้ำพริกคลุกกับข้าว (พี่เขาบอกว่ามันมีรสชาติที่คุ้นเคยมากกว่า) ระหว่างที่พวกเรากำลังเอร็ดอร่อยอยู่นั้น มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ทยอยเดินเข้ามากันบ้างแล้ว ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนทั้งนั้นเลย หลังจากท้องแน่นได้ที่แล้ว เดินเข้าไปในครัวจ่ายเงินค่าอาหารที่แพงกว่าปกติ (50 กว่าหยวน) ตามระยะทางและความลำบากในการขนวัสดุเข้ามา
ระหว่างที่เดินออกจากร้านอาหาร เราหันไปถามเพื่อนเราเรื่องห้องน้ำ แต่คำตอบที่ได้ฟังมาต้องเปลี่ยนใจทันที เพราะเพื่อนเราบอกว่าถ้ายังไม่หายปวดหัว หรือยังมีอาการคลื่นไส้อยู่ให้ไปเข้าส้วมรับรองหายทันที แค่เปิดผ้าที่ทำเป็นประตูขึ้นเท่านั้นแหละเพื่อนเราก็คายของเก่าออกมาทันทีเลย (ขนาดมาอยู่ที่จีนนี่ตั้งหลายเดือนแล้วนะยังรับไม่ได้เลย) เรากับเพื่อนเห็นว่าฟ้ายังไม่มืดเลยดิ้นรนตะเกียกตะกายขึ้นเนินข้างๆ ไปถ่ายรูปกัน ส่วนพี่เขาเข้าเต็นท์ไปนอนเลย บนเนินลมแรงมาก ทำให้เรานึกถึงเต็นท์ที่พักถ้าไม่มีเนินบังอยู่ 3 ด้านละก็คงล้มคว่ำไปแล้วแน่ๆ อยู่บนเนินสู้แรงลมได้สักพักเดียวก็เผ่นเข้าเต็นท์หลบลมดีกว่า
พวกเราเข้าเต็นท์มาพี่เขาเงียบไปแล้ว ส่วนเพื่อนร่วมเต็นท์คนอื่นๆ ยังนั่งคุยกันเบาๆ อยู่ เรากับเพื่อนเลยค่อยๆ ปูที่นอน กางผ้าห่ม เตรียมตัวนอนเก็บแรงกันบ้าง เพราะพรุ่งนี้ตั้งใจไว้ว่าจะไปดูทะเลสาป 2 แห่ง คือ ทะเลสาปห้าสี (五色海, wusehai) และทะเลสาปน้ำนม (牛奶海, niunaihai) ในละแวกใกล้ๆ ที่พักกัน
Create Date : 25 ธันวาคม 2550
Last Update : 25 ธันวาคม 2550 9:23:32 น.
0 comments
Counter : 687 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
liminghui
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ตาอ้วนชวนคุย
ชิงดวง
Webmaster - BlogGang
[Add liminghui's blog to your web]
Bloggang.com