Group Blog
 
All Blogs
 

มุสลิมไทย2

ประท้วงหน้าสถานทูตเดนมาร์ก

กลุ่มมุสลิมรักสันติ ประท้วงหน้าสถานทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลเดนมาร์กขอโทษชาวมุสลิมทั่วโลก หลังสื่อเดนมาร์กลงภาพการ์ตูนล้อศาสดา

วันนี้ (6 ก.พ.) ที่บริเวณหน้าสถานทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย ซอยอรรถการประสิทธิ์ ถนนสาทรใต้ กทม. กลุ่มมุสลิมรักสันติกว่า 400 คน พากันเดินจากสวนลุมพินีไปยังสถานทูตเดนมาร์ก เพื่อประณามการกระทำของสื่อมวลชนในประเทศเดนมาร์ก ที่เผยแพร่ภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดาโมฮัมหมัด ของศาสนาอิสลาม โดยระบุว่าการกระทำของสื่อเดนมาร์กถือเป็นการทำผิดกฎศาสนาอิสลามอย่างรุนแรง จำเป็นต้องออกมาปกป้อง ซึ่งการประท้วงจะทำอย่างสงบไม่ใช้ความรุนแรง ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้ชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศรวมตัวต่อต้านการใช้สินค้าทุกชนิดจากประเทศเดนมาร์ก และประณามผ่านสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมยังออกแถลงการณ์ต่อชาวเดนมาร์กถึงพฤติกรรมนิ่งเฉยของรัฐบาล และประชาชนเดนมาร์ก ที่ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการยุติการละเมิด และยอมรับในความผิด พร้อมทั้งขอโทษชาวโลกที่เป็นกลุ่มมุสลิมอย่างเป็นรูปธรรม โดยกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวหน้าสถานทูตไปจนถึงเวลา 13.00 น. อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้เวลาในการประท้วง 3 ชั่วโมง จากนั้นจึงเดินเท้าไปที่สวนลุมพินีฯเพื่อทำการละหมาด ก่อนแยกย้ายกันกลับ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 6 กุมภาพันธ์ 2549





 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2549 21:29:15 น.
Counter : 289 Pageviews.  

โลกมุสลิม3

สันนิบาตมุสลิมโลกเรียกร้องเอกภาพในหมู่มุสลิม

สำนักข่าวอิสลามระหว่างประเทศ หรือ ไอ.ไอ.เอ็น.เอ. รายงานว่า เนื่องในโอกาสขึ้นสู่ฮิจญเราะอ์ศักราช 1427 เมื่อวันอังคาร

รอบิเฏาะฮฺ อัลอฺาละมิ้ลอิสลามี หรือสันนิบาตมุสลิมโลก ได้มีสาร ถึงประชาชาติมุสลิมทั่วโลก เรียกร้องให้สร้างความเป็นเอกภาพทั้ง ในระหว่างมุสลิมด้วยกัน และกับรัฐบาลของแต่ละประเทศ

สารดังกล่าวเรียกร้องมุสลิมให้ปฏิบัติตนตามหลักการอิส-ลามในทุกย่างก้าวของชีวิต นอกจากนี้ ด็อกเตอร์อับดุลลอฮฺ อับดุลมัวะหฺซิน อัตตุรฺกี เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก ยังชี้ให้เห็นความจำเป็นในการปฏิบัติตามคำสั่งของท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลฯ และดำ-เนินชีวิตประจำวันตามแบบฉบับของท่าน อันจะเป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและสังคม โดยมุสลิมต้องศึกษาชีวประวัติของท่าน และ บทเรียนต่างๆที่ได้จากการฮิจญเราะฮ์ คือการอพยพของท่าน ซึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงการเสียสละด้วยความอดทนเพื่ออุทิศตนต่ออิส-ลามและประชาชาติมุสลิ

แปลโดยสถานีโทรทัศน์ไทยมุสลิมเน็ตเวิร์ค เครือข่าย “เอเอสทีวี ฟรีทีวีผ่านดาวเทียม”



สำนักข่าว : ประชาชาติอิสลามออนไลน์
//www.pinonlines.com/




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2549 1:22:32 น.
Counter : 375 Pageviews.  

โลกมุสลิม2

โลกใหม่แห่งการประกวดนางสาวงามที่แท้จริง "Miss Morality"

เมื่อพูดถึงการประกวดนางงาม สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ หรือสิ่งที่เราทุกคนต้องได้พบได้เห็นในการประกวดนางงาม คือ การนุ่งบิกินี้ หรือการนุ่งน้อยห่มน้อย เพื่อเรียกร้องคะแนนความสนใจจากคณะกรรมตัดสิน แต่สำหรับผู้ชนะเลิศการประกวดนางสาวงาม Mis Muslimah ที่เมือง Tatarstan ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งของรัสเซีย ที่อยู่ในยุโรปตะวันออก

ในทางตรงกันข้าม การประกวดนางงามในครั้งนี้จะให้ความสำคัญ ในเรื่องของความเฉลียวฉลาด, การแต่งกายที่ปกปิดเรือนร่างที่ถูกต้องตามหลักการอิสลาม, การมีความรู้ในเรื่องศาสนาอิสลาม, การมีความสามารถในการท่องจำ คำภีร์อัลกุรอานและฮาดีษ และมีความสามารถในเรื่องของการทำอาหารและตัดเย็บเสื้อผ้า มีผู้เข้าประกวดทั้งหมด 56 คน ซึ่งมีอายุอยู่ในระหว่าง 15-19 ปี ซึ่งผู้ที่ชนะเลิศในครั้งนี้คือ นางสาว Dilar Sadiqova อายุ 17 ปี

นักเรียน มัธยมคนหนึ่งได้กล่าวว่า "ดิฉัน ตกลงเข้าประกวดในครั้งนี้เพราะต้องการแสดงให้สังคมทั่วไปได้เห็นถึงบทบาทแห่งความเป็นสตรีในอิสลาม ทั้งในเรื่องความสามารถ มารยาท และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นกุลสตรีในอิสลาม ซึ่งก็จะทำให้ผู้ที่มิใช่อิสลามได้รู้และเข้าใจอิสลามที่แท้จริงในเรื่องของบทบาทสตรี"

และที่น่าสนอย่างหนึ่งก็คือ การประกวดในครั้งนี้ มีเฉพาะสตรีเท่านั้นที่อนุญาติให้เข้าชมได้ กรรมการผู้ตัดสินทั้งหมดก็เป็นสตรี ซึ่งมีหัวหน้ากรรมการติดสิน คือ นาง Saida Abukofa ซึ่งนางได้กล่าวว่าถึงวัตถุประสงค์ในการจัดการประกวดในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการเรียกร้องให้เด็กสาวมุสลิมได้หันมาสู่อิสลามและได้เข้าใจถึงหลักการอิสลามที่แท้จริง โดยเฉพาะในเรื่องการปกปิดเอาเราะฮ์

ที่มา //www.muslimthai.com/




 

Create Date : 25 มกราคม 2549    
Last Update : 25 มกราคม 2549 16:23:49 น.
Counter : 402 Pageviews.  

เพื่อนบ้านมุสลิม

มาเลย์แก้กฎหมายครอบครัวยิ่งกดขี่ผู้หญิง

ประชาไท- 10 ม.ค. 2549 ไซดะห์ อับดุล เราะห์มาน แม่บ้านชาวสลังงอ กลายเป็นหญิงคนแรกที่ลุกขึ้นมาร้องเรียนเรียกร้องสิทธิที่ไม่เท่าเทียมในพระราชบัญญัติกฎหมายครอบครัวของมาเลเซียมาตรา 108 (รัฐยะโฮร์) ที่ให้อำนาจผู้ชายจัดการทรัพย์สินของอดีตภรรยาได้

ซันเดย์ เมล์ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ขอมาเลเซียรายงานเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมาว่า ไซดะห์ อับดุล เราะห์มาน กับกลุ่ม Sister in Islam (SIS) ได้ออกโรงร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมของกฎหมายครอบครัวอิสลาม มาตรา 108 ของรัฐยะโฮร์ที่อนุญาตให้สามีที่หย่าขาดจากภรรยาไปแล้วยังสามารถเข้าไปจัดการกับทรัพย์สินของภรรยาได้


ที่มาของกรณีดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเริ่มตั้งแต่ เมื่อเดือนตุลาคม 2004 อดีตสามีของไซด๊ะห์ ดาโต๊ ไซเอ็ด อัสมี ออตมาน ได้ยื่นขอจัดการดูแลบัญชีทรัพย์สินของเธอที่ฝากไว้กับบริษัท Permodal Nasional Berhad รวมทั้งได้ขอระงับการใช้งานบัญชีเงินฝาก Tabung Haji (Pilgrim Fund Board) ของเธอไปด้วย และศาลก็อนุญาตให้เข้าได้รับสิทธิดังกล่าวด้วย และใน เดือนต่อมาเขาก็หย่าขาดกับเธอ

กฎหมายในรัฐยะโฮร์ ที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2003 ในมาตรา 108 นั้นความจริงแล้วขัดต่อหลักซาริอ๊ะห์ ( กฎหมายอิสลาม) ซึ่งระบุว่า สามีไม่มีสิทธิในทรัพย์สินของภรรยา ทว่า เมื่อไม่นานนี้มีการผ่านกฎหมายของเขตสหพันธ์ ( Federal Territeries) มาตรา 107A ซึ่งมีหน้าตาเหมือนอัดสำเนากฎหมายมาตรา 108 ของรัฐยะโฮร์อย่างไม่ผิดเพี้ยน ที่ค่อนข้างจะเป็นที่แน่นอนว่าทั้งประเทศมาเลเซียจะต้องรับเอากฎหมายนี้มาใช้เนื่องจากว่ารูปแบบของกฎหมายใน Federal Territories นั้นถูกวางไว้ว่าจะให้เป็นแบบอย่างของกฎหมายทั้งหมดเพื่อนำประเทศไปสู่การใช้กฎหมายครอบครัวอิสลามที่มีมาตรฐานเดียวกัน

พระราชบัญญัติที่เพิ่งจะผ่านวิปรัฐสภาไปนั้น ถูกร้องเรียนโดยองค์กรสตรีมุสลิมเป็นอย่างมากว่าเป็นละเมิดสิทธิสตรีและขัดต่อหลักซาริอ๊ะห์ ทางคณะรัฐบาลจึงได้มากล่าวเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ว่า หากมีถ้อยคำใดในกฎหมายนี้เป็นการเลือกปฎิบัติก็ให้แก้ไขได้ทันทีหลังจากที่กฎหมายผ่านสภาไปแล้ว


การผ่านกฎหมายฉบับดังกล่าวของสภานั้นมีขึ้นแม้ว่าจะมีการออกมาโต้แย้งและคัดค้านมาเป็นเวลาหลายปีโดย องค์กรมุสลิมสตรี SIS โดยได้แก้ไขมาตรา 107A ที่อนุญาตให้สามีเข้าไปมีส่วนครอบครองทรัพย์สินของภรรยาได้


ณ ขณะนี้มีเพียงรัฐเคดาห์และตรังกานูเท่านั้นที่ยังไม่รับรองกฎหมายครอบครัวฉบับดังกล่าว

“ ถ้าไม่มีการดำเนินการใดๆที่จะหยุดยั้งการรับรองกฎหมายครอบครัวอิสลามฉบับแก้ไข ในFederal Territories และ ระงับการนำใช้สำหรับรัฐที่รับรองไปแล้ว จะกลายเป็นว่ากฎหมายครอบครัวอิสลามในมาเลเซียจะมีมาตรฐานเดียวกันคือเป็นกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม” ไซนะห์ อันวาร์ ผู้อำนวยการบริหาร SIS กล่าว

ขณะนี้ได้มีกลุ่มผู้หญิงกลุ่มอื่นๆไดข้าร่วมกับ SIS เพื่อคัดค้านการผ่านและการนำใช้กฎหมายฉบับแก้ไขดังกล่าว

ทั้งนี้ นอกจากการยินยอมให้สามีเป็นผู้จัดการกับทรัพย์สินของภรรยาแล้ว ในเรื่องของการหย่าที่เคยตกไปในสมัยรัฐบาลมหาเธร์ โมฮัมหมัด เรื่องให้ผู้ชายหย่าผู้หญิงผ่านทาง SMS นั้นก็ได้ผ่านสภาในครั้งนี้ด้วย รวมทั้งการให้สามีสามารถมีภรรยาคนที่2, 3, และ4 ได้โดยไม่ต้องแสดงหลักฐานทางการเงินว่าพร้อมที่จะเลี้ยงดูได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนขัดกับหลักซาริอ๊ะห์ทั้งสิ้น


ส่วนในกรณีของไซด๊ะห์นั้น ปัจจุบันไม่มีรายได้จากงานประจำใดๆจึงปรารถนาที่จะต่อสู้เพื่อให้เธอได้รับสิทธิในการดูแลบัญชีของเธอเองรวมทั้งเพื่อส่วนแบ่งในสินสมรสจากอดีตสามี

เธอเล่าว่า อดีตสามีของเธอนั้น เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จพอสมควรที่สามารถทำราบได้ประมาณเดือนละ 30,000 ริงกิต ( ประมาณ 300,000 บาท) เมื่อเดือน พฤศจิกายนปี 1985 เธอได้ลาออกจากงานที่ทำอยู่กับบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อมาแต่งงานกับไซอิด อัสมี และมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวแ ดูแลบ้านและดูแลลูกๆในเวลาต่อมา “ เนื่องจากเขาต้องการให้ฉันเป็นคนดูแลครอบครัว”

ต่อจากนั้นด้วยงานของเขาไซอิดนั้นต้องเดินทางไปทั่วประประเทศในระยะเวลาที่ควรจะต้องสร้างครอบครัวและจะกลับมาบ้านเป็นครั้งคราวเพื่อพักผ่อนเท่านั้น


ในปี 1991 ไซอิดได้นำภรรยาและลูก 3 คน มาอยู่ที่ กัวลาลัมเปอร์เพื่อรอรับตำแหน่งใหม่กับนายจ้างคนปัจจุบันของเขา และได้ทิ้งบ้านที่บ้านที่แต่งงานกันที่สลังงอในเดือนมีนาคม ปี 2004 หลังจากที่คิดว่าไม่สามรถจะปรองดองกันได้อีก ซึ่งทำให้ไซด๊ะห์ขอหย่าอีกเป็นครั้งที่ 3 ในการแต่งงานกัน ในการขอหย่าในครั้งนี้เธอได้เห็นแล้วว่าไม่มีทางใดทีจะดีไปกว่าการยุติชีวิตสมรสอีกแล้ว


แต่แล้วในเดือนตุลาคม ปี 2004 นั้นเองที่ไซด๊ะห์ได้รับหนังสือแจ้งเตือนว่า บัญชีธนาคารของเธอถูกระงับการใช้งาน “ไซอิด อัสมียังได้ตัดค่าใช้จ่ายในการดูแลลูกๆด้วยถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว” ไซด๊ะห์กล่าว และกล่าวต่อว่าเธอยังคงจะต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าทนายอีก และยอมรับว่า “ไม่ง่ายเลยที่ต้องต่อสู้กับ “ดาโต๊ะ”ผู้มีเส้นสายใหญ่โตคนนี้”

ในเรื่องของเส้นสายของไซอิด อัสมี นี้ ไซด๊ะห์ยกตัวอย่างในเรื่องของวันที่ต้องให้การในการในศาลอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ว่าทำได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน หรือ บางกรณีศาลก็ยอมให้ทำได้ในวันเดียวกันนั้นเลย

“เขายื่นขอยับยั้งบัญชีของลูกสาวของเรา 2 บัญชีซึ่งหนึ่งในนั้นคือบัญชีเพื่อการศึกษา ในวันที่ 27 ตุลาคม 2004 และก็มีการตัดสินให้กระทำได้ในวันเดียวกันนั้นเอง....นอกจากนั้นผู้พิพากษาที่ลงนามเป็นพยานในคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรกับคนที่นั่งบัลลังก์ฟังคำให้การยังเป็นคนๆเดียวกันด้วย” ไซดะห์ กล่าว

ในขณะเดียวกันในกรณีของไซด๊ะที่ร้องเรียนเพื่อจัดการกับบัญชีส่วนตัวของเธอนั้น ลงประทับรับฟ้องเพื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2004 และได้ไปให้การไต่สวนในวันที่ 24 ธันวาคม 2004

“ต่อจากนั้นก็ถูกเลื่อนออกไปอีก 5 เดือนต่อมา” เธอกล่าวว่าศาลกล่าวว่าเนื่องจากไซอิด อัสมียังไม่ได้ลงนามในคำให้การเขา จนกระทั่งวันนี้เธอเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถได้รับสิทธิในการจัดการบัญชีของเธอคืนมาหรือไม่ เพราะตอนนี้เงินทองเธอก็ร่อยหรอลงทุกทีแล้ว

--------------------------------------------------------------------------------
โดย : ประชาไท
วันที่ : 11/1/2549




 

Create Date : 21 มกราคม 2549    
Last Update : 21 มกราคม 2549 15:48:49 น.
Counter : 432 Pageviews.  

มุสลิมไทย

จุฬาราชมนตรีตั้งคณะทำงานประสานอิสลาม 36 จังหวัดช่วยน้ำท่วมใต้

คณะทำงานรวมใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยจังหวัดภาคใต้ นำโดยนายอาหะหมัด ขามเทศทอง คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายปกรณ์ ปารียากร เลขาธิการมูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงเชิญชวนให้ประชาชนร่วมใจบริจาค เงิน สิ่งของ และอาหารแห้ง ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน โดยนายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ จุฬาราชมนตรี มีความเป็นห่วง จึงตั้งคณะทำงานฯ ขึ้นช่วยเหลือ โดยขอความร่วมมือไปยังประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั้ง 36 จังหวัด เพื่อประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้พร้อมเพรียงกัน และจะมีการจัดรายการเพื่อรับบริจาคทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ในวันที่ 28 หรือ 29 ธันวาคมนี้ เวลา 22.30 น. และในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทยจะมีการระดมการรับบริจาคผู้ที่มาละหมาดวันศุกร์ด้วย

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจช่วยเหลือสามารถบริจาคได้ที่ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามเฉลิมพระเกียรติ คลอง 9 สำนักจุฬาราชมนตรี โทร. 0 2949 4288 สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร โทร. 0 2949 4259 หรือที่มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ถนนรามคำแหง ซอย 2 สวนหลวง กรุงเทพฯ โทร. 0 2314 5638

โดย - ผู้จัดการออนไลน์ 22/12/48




 

Create Date : 23 ธันวาคม 2548    
Last Update : 23 ธันวาคม 2548 0:43:02 น.
Counter : 404 Pageviews.  

1  2  3  

kheedes
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add kheedes's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.