::::: เซียมซีใบที่ 33 :::::

เช้าวันหนึ่งในวันสบายพักผ่อน เพื่อนๆสมัยเรียนมัธยมที่ตอนนี้ก็ยังคบกันอยู่ โทรมาชวนไปนั่งรถเล่น กินลมชมวิวที่ชายหาดบางแสน ด้วยความที่เราก็หยุดงาน ธุระปะปังที่ไหนก็ไม่มี จึงตอบตกลงไปโดยง่ายดาย

10 โมงเช้าวีออสดำคันโก้ของเพื่อนสาว (สาวจริงๆนะ ไม่ใช่ เกย์ ตุ๊ด ทอม ดี้ ) บินตรงจากระยองมาเสยพวกเราถึงหน้าบ้าน ก่อนที่จะพาสหายทั้ง 5 ออกจาก กทม. สาเหตุที่ออกสาย ก็เพราะคิดว่าบางแสนอยู่ใกล้แค่นี้ จะรีบออกไปเร็วทำไมเล่า แต่ผิดคาด เส้นมอเตอร์เวย์ รถติดเป็นระยะๆ เนื่องจากพวกเราทำการบ้านได้ไม่ครบถ้วน ช่วงที่เราเดินทาง มันเป็นวันหยุดยาว ประชาชนย่อมแห่กันออกนอกเมืองกรุงอันแสนจะวุ่นวายไปพักผ่อนยังต่างจังหวัดกันอยู่แล้ว แต่พวกเราก็ไม่ถอดใจมุ่งหน้าต่อไป เพราะใจมัน Let go แล้วนี่นา

ไปถึงชายทะเลบางแสนแล้ว กิจกรรมก็ไม่มีอะไรมากมาย นั่งทานข้าวตามชายหาด เม้าท์กันตามประสาเพื่อนสนิท จิก กัด เพื่อนที่ไม่ได้มากันอย่างเต็มที่( ช่วยไม่ได้ ไม่อยากมาเอง อิอิ ) แต่ละคนโดนกันถ้วนหน้า สม!!!

เมื่ออิ่มได้ที่ หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน แต่หนังหน้าจะมาหย่อน หมองคล้ำไร้ราศีไม่ได้เด็ดขาดต้อง Fresh ตลอดเวลา พวกเราจึงนอนพักผ่อนใต้ร่มหลากสีริมชายหาดนั่นแหละ เมื่อเริ่มรู้สึกถึงความสดชื่น จะรอช้าอยู่ใย ไปเที่ยวกันต่อดีกว่า

ระหว่างที่ขับรถไปตามเส้นทางเขาสามมุข พวกเราก็เห็นป้ายบอกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ “ศาลาฤาษี” จึงแวะไปกราบไหว้บูชา และมีโอกาสโยนเหรียญลงสะดือองค์พระสังขจาย โดยเชื่อว่าถ้าโยนลงครั้งแรกเลยจะมีโชคลาภ แต่เจ้ากรรมครั้งแรกไม่ลง ดันลงครั้งที่ 2 ก็เลยอนุมานเข้าข้างตัวเองว่า โชคลาภนั้นจะลดลงมาอีกนิดนึง ( ฮา )

สักพักความคิดก็แล่นเข้ามา เลยอฐิษฐาน ถึงเรื่องของความรัก ว่าขอให้รักครั้งนี้ ยาวนานตามจังหวะของมัน ดังปาฏิหาริย์ว่า โยนเหรียญลงตั้งแต่ครั้งแรกเลย ( ดั่งใจมากๆ )

ที่ขาดไม่ได้นั่นคือการเสี่ยงเซียมซี ก่อนเสี่ยงก็อฐิษฐานทั้งเรื่องของหน้าที่การงาน ความรัก รวมถึงชีวิตของตัวเองและพ่อแม่ ว่าขอให้เจอแต่สิ่งที่ดีๆ อย่าได้มีอุปสรรค อันตรายใดๆอย่ามาแผ้วพาน

จากนั้น ไม้เซียมซีหมายเลข 33 ก็หล่นออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ ความว่า...

ศาลาฤาษี

เขาสามมุข ชลบุรี

เซียมซีใบที่ 33

จะมีลาภทรัพย์สินเงินทองบริบูรณ์ ทั้งยศฐาบรรดาศักดิ์

จะได้สัตว์ 4 เท้า 2 เท้า สรรพสิ่งสมประสงค์

นึกเงินได้เงิน นึกทองได้ทอง ป่วยเจ็บหายง่ายแล




พอได้ใบเซียมซีมา ก็งงสงสัยในคำทำนายเรื่องของเท้าสัตว์ 4 เท้าเนี่ยไม่ข้องใจ แต่ 2 ขาคืออะไรต้องรู้ให้ได้ ใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า เดินเจอลุงผู้ดูแลสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ก็ถามด้วยความสงสัย

“ลุงครับ สัตว์ 4 เท้า 2 เท้า นี่คืออะไรครับ 4 เท้าใช่สัตว์ทั่วไป แล้ว 2 เท้าคือคนใช่ไหมครับ”

“ใช่แล้ว สัตว์ 4 เท้าก็หมายความว่าเราจะได้มีโอกาสเลี้ยงสัตว์ อาจจะเป็นหมา หรือแมว ส่วนสัตว์ 2 เท้าก็หมายถึงคน ถ้าคนที่ยังไม่มีคู่ ก็จะเจอซะที (ว้าว) แต่ถ้ามีแล้วก็อาจจะได้ลูกหรือรักกันมากขึ้น”

โอ้ พระเจ้าจอร์จ อะไรช่างเหมาะเจาะอย่างนี้ สิ่งที่คิดไว้ได้อย่างใจหวัง รีบเก็บใบเซียมซีเข้ากระเป๋าทันที ในใจได้แต่ภาวนาขอให้เป็นจริงดังใบทำนายว่า แม้ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแต่ขอแค่สักครึ่งก็ยังดี ก่อนที่เดินยิ้มออกจาก”ศาลาฤาษี” ด้วยความสบายใจ...

เรื่องของคำทำนายโชคชะตา เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ถ้าบางครั้งมันทำให้เราสบายใจ ก็ควรจะเชื่อไม่ใช่เหรอ

แต่ถึงยังไง ถ้าคนเรามัวแต่เชื่อเรื่องของดวงชะตา แต่ไม่ทำความดี ไม่รู้จักการปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น รอคอยแต่โชคช่วย ชีวิตนี้ก็หาได้มีความสุขยั่งยืนยง...

ก่อนที่จะให้คนอื่นช่วย...เราต้องรู้จักช่วยตัวเองก่อน




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2550   
Last Update : 10 พฤษภาคม 2550 17:44:39 น.   
Counter : 7692 Pageviews.  


มองในมุมที่แตกต่าง...จาก"คำสอนของอากง"

เคยมีความเชื่อมาตลอดว่า คนเราทุกคนบนโลกใบนี้ ต่างมีความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกัน 60 ล้านคน ก็ 60 ล้านความคิด แม้กระทั่งฝาแฝดก็ยังคิดไม่เหมือนกัน อาจจะเหมือนบ้าง แต่โดยรวมทั้งหมดก็ยังมีส่วนต่างอยู่ดี ไม่มากก็น้อย


ของบางอย่างเป็นสิ่งของอย่างเดียวกัน แต่กลับมองไม่เหมือนกัน นั่นอาจเป็นเพราะต่างคนต่างยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองเห็น โดยไม่ได้หันไปมองในมุมที่แตกต่าง ในมุมมองของคนอื่น เราก็เลยคิดว่า ที่เราเห็นนั่นมันถูกแล้ว มันใช่แล้ว ในขณะที่อีกคน ก็เชื่อว่าที่ตัวเองเห็น ก็ถูกต้องในความคิดของตัวเองเช่นกัน


ซึ่งในความเป็นจริง คำตอบทุกคำตอบ ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด เพียงแค่เป็นการมองต่างมุมเท่านั้น เพราะในการสรุปขั้นตอนสุดท้าย ก็ต้องมีการระดมสมองกันอีกครั้ง ก่อนที่จะมีบทสรุปในแต่ละเรื่อง


ฉะนั้นแล้ว ในเมื่อเรามองแต่ในมุมของตัวเอง เห็นแค่สิ่งที่ตัวเองเห็น ทำไมเราไม่ลองหันไปมองในมุมของคนอื่นดูบ้าง เพราะนั่นอาจทำให้เราเห็นในสิ่งที่แตกต่างออกไป แล้วเราอาจจะฉุกคิดได้ว่า เออ มันจริงแฮะ เรามองในมุมของเราเห็นแบบนี้ มองในมุมของอีกคนก็เห็นอีกอย่างหนึ่ง ถ้าทุกคนคิดได้แบบนี้ ยอมเสียเวลาอีกสักนิด ลองหันไปดูในมุมของคนอื่นดูบ้าง ความขัดแย้งต่างๆ ก็คงจะไม่เกิดขึ้น


ที่ผ่านมา มีโอกาสได้อ่านเรื่องๆ หนึ่ง “คำสอนของอากง” พออ่านแล้ว ก็ทำให้เราคิดได้ว่า ในโลกใบนี้ ยังมีอีกหลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง ที่เรายังมองแค่ในมุมของเราเพียงแค่คนเดียว โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่า คนอื่นจะมองเห็นเป็นเช่นไร


หลังจากนั้นเป็นต้นมา เวลาจะมองอะไร จะตัดสินอะไร ก็เลยทำให้ติดนิสัย ต้องคิดในมุมที่แตกต่างกันมาตลอด ลองเอาใจเราไปใส่ใจคนอื่นดูบ้าง มันจะทำให้เราไม่ได้มองแค่ในมุมของตัวเองเพียงอย่างเดียว เลยเป็นผลพวงทำให้เห็นโลกได้กว้างมากขึ้น ได้รู้ว่าคนอื่นๆบนโลกใบนี้ ก็มีความคิดที่แตกต่างออกไปจากเรา เพียงแค่เราเปิดใจยอมรับ เท่านั้นความสุขก็จะเกิดขึ้น


ลองดูนะครับ ลองหัดมองในมุมที่ไม่ใช่ของตัวเอง แล้วคุณจะรู้ว่า ของอย่างเดียวกัน มันมีหลายมุมจริงๆ เหมือนคำสอนของอากงครับ ที่ว่า…

“จงอย่ามองสิ่งต่างๆ เพียงแค่ที่เห็น...แต่จงเข้าใจทุกสิ่งอย่างที่มันเป็น”

..............................................................................................................................


คำสอนของอากง

อากงแก่ๆ คนหนึ่ง รับหน้าที่เลี้ยงดูหลานที่กำลังอยู่ในวัยซนทั้งสี่ หลานทั้งสี่ก็เล่นกันบ้าง ตีกันบ้างตามประสาเด็ก แต่ครั้งหนึ่งรุนแรงจนถึงขนาดที่อากงต้องออกโรงห้ามปราม


เมื่ออารมณ์ทุกฝ่ายสงบลง อากงจึงเรียกหลานๆมาล้อมโต๊ะคุยกัน


อากงบอก “เอาล่ะหลานๆ หลับตานะ หลับตา”


พอหลานๆหลับตา อากงก็เดินกลับเข้าไปห้องเก็บของแล้วหยิบตะเกียงเก่าๆ ออกมาอีกอันหนึ่ง


อากงเปิดฝาครอบ จุดไฟ แล้วปิดฝาครอบ จากนั้นก็บอกหลานทั้งสี่ให้ลืมตา “บอกซิว่าโคมไฟสีอะไร”


เด็กทั้งสี่ลืมตาขึ้น เห็นเปลวไฟในตะเกียงสี ต่างแย่งกันตอบ


คนที่นั่งด้านหนึ่งบอกว่า สีแดง


อีกด้านหนึ่งบอก สีเขียว


อีกด้านหนึ่งบอก สีเหลือง


และอีกด้านหนึ่งเห็น สีน้ำเงิน


จากคำตอบเล็กๆ กลายเป็นเสียงถกเถียง และเริ่มทะเลาะกันอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้ง จนเกือบกลายเป็นกรณีพิพาท


อากงนิ่ง ปล่อยให้อารมณ์ราวกับพายุของหลานทั้งสี่เริ่มสงบลง


หลานคนหนึ่งจึงเอ่ยปากถามว่า “อากงของอย่างเดียวกัน ทำไมจึงมีตั้งหลายสี ?”


อากงยิ้มแล้วบอกว่า “อากงจะทำอะไรให้ดู”


อากงเดินไปที่โต๊ะหยิบฝาครอบตะเกียงออก แล้วหมุนฝาครอบนั้นให้หลานๆดู


ปรากฏว่าฝาครอบตะเกียงนั้น ทั้งสี่ด้าน มีสีที่แตกต่างกันไป สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน


อากงถามอีกว่า “คราวนี้บอกอากงซิว่า เห็นตะเกียงเป็นสีอะไร ?”


“สีของไฟ” หลานๆตอบเป็นเสียงเดียวกัน


“อากงขอถามอะไรสักสองข้อ เมื่อสักครู่นี้ใครตอบผิด ?”


หลานๆตอบโดยพร้อมเพรียงกัน “ไม่มีใครผิด”


อากงจึงกล่าวต่อไปว่า “เจ้าทั้งสี่นั่งอยู่ในที่เดียวกัน มองของอย่างเดียวกันในเวลาเดียวกัน ยังเห็นไม่เหมือนกัน นั่นก็เพราะคนทุกคนมองตะเกียง จากมุมมองของตัวเอง มองในสิ่งที่ตัวเองเห็น และก็เชื่อมั่นในสิ่งที่เห็น”


“แต่ถ้าเจ้าอยากรู้ว่า ทำไมคนอื่นจึงเห็นไม่เหมือนเรา แตกต่างกับเรา ก็จงเดินไปดูที่มุมของเขา แล้วเราก็จะรู้ จะเข้าใจว่า เขาเห็นอย่างไร เห็นและคิดได้อย่างที่เขาเห็น”


“ต่อไปในอนาคต เวลาที่พวกหลานๆ ต้องเข้าไปอยู่ในสังคม จะต้องพบคนต่างๆ มากมายที่มองสิ่งเดียวกัน แต่กลับเห็นไม่เหมือนกัน เพราะมีมุมมองที่แตกต่างกัน ก็อย่าไปโกรธเขา”


“เพราะนั่นเป็นเพียงแต่เป็นการมองต่างมุม ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด”


“และอย่าไปกลัวว่า ตัวเองจะผิดที่มองไม่เห็นเหมือนคนอื่น เพราะแต่ละคนก็จะมองเห็นสิ่งต่างๆ ด้วยขอบข่ายจากประสบการณ์ และจากสิ่งแวดล้อมของตนเอง”


“ถ้าเราอยากเข้าใจว่า ทำไมคนอื่นถึงคิดแบบนั้น เห็นแบบนั้น ก็จงเดินไปที่มุมของเขา เราก็จะรู้ว่าเขาคิดอะไร ทำให้เราเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้น และเมื่อเราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น จะทำให้คนอื่นยอมที่จะเดินมาและเข้าใจหลานเช่นกัน”


อากงถามต่อ “แล้วสิ่งที่เห็นครั้งแรกกับครั้งหลังเป็นของอย่างเดียวกันไหม”


หลานๆตอบ “อย่างเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน”


“อย่างไร ?” อากงถาม


หลานตอบว่า “ครั้งแรกเราเห็นแต่ฝาครอบตะเกียงแต่ครั้งหลังเราเห็นเปลวไฟที่อยู่ในตะเกียง”


อากงจึงกล่าวว่า “นี่เป็นการบอกว่า จงอย่ามองสิ่งต่างๆ เพียงแค่ที่เห็น...แต่จงเข้าใจทุกสิ่งอย่างที่มันเป็น”





 

Create Date : 14 เมษายน 2549   
Last Update : 14 เมษายน 2549 20:31:02 น.   
Counter : 4227 Pageviews.  


ต้นแคร์...คุณใส่ใจมันแค่ไหน

พอดีว่าเช้าวันนึง ได้รับ forward mail เรื่องนี้ ตอนแรกก็กะว่าจะไม่อ่าน แต่คิดไปคิดมา นอนเอาขาอ้อมมาก่ายหน้าผาก ก็เลยคิดว่าลองอ่านสักหน่อยก็น่าจะดี คงไม่เสียหายอะไร

พอได้อ่านแล้ว ก็อืมนะ มันคือเรื่องจริง คุณเคยคิดไหมว่า คนบางคนที่อยู่ใกล้ชิดกับเรามากเกินไป คุยกันแทบทุกวัน แต่เรากลับมองข้ามความห่วงใยที่คนคนนั้นมีให้เรา ไม่เคยเลย ไม่เคยคิดที่จะแคร์ ที่จะรักษาน้ำใจ เพียงเพราะอะไร?? ก็เพราะการอยู่ใกล้กันเกินไปนั่นเอง แต่ถ้าเราลองมองในมุมกลับสักนิด ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา แคร์กันให้มากขึ้น ใส่ใจกันให้มากขึ้น"ความรัก" ก็น่าจะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก

"ความรัก"ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงแค่รักกันแบบคนรัก แต่เหมารวมไปถึงการรักพ่อแม่ รักเพื่อน ฯลฯ
ลองแบ่งเวลาสักนาทีในแต่ละวันของชีิวิตคุณ มาใสใจ"แคร์"คนรอบข้างเหล่านั้นให้มากขึ้น รวมถึงต้องสม่ำเสมอด้วย อย่าให้"ต้นแคร์" มันไม่โต เพราะถ้าวันใดที่"ต้นแคร"ไม่โตแล้ว นั่นก็หมายถึงคุณได้ทำร้ายใครบางคนไปโดยไม่รู้ตัว ลองดูนะครับ ลองใส่ใจคนรอบข้าง ใส่ใจโดยไม่ต้องหวังการแทน แล้วคุณจะได้อะไรกลับคืนมาในรูปแบบที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน อัศจรรย์ใจอย่างแรง!!! ลองดูครับ...

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


เช้านี้ต้นแคร์ ของคุณออกดอกแล้วหรือยัง
เวลามีปัญหา เวลามีเรื่องกระทบกระทั่งกัน

เคยแคร์ความรู้สึกคนอื่นบ้างไหม?

เคยคิดถึงใจเขา - ใจเรา หรือไม่ ?

ช่างมันฉันไม่แคร์ หรือ เขาไม่มีค่าพอให้เราแคร์ !

แคร์ความรู้สึกคนอื่นไม่ใช่เรื่องอ่อนแอ แต่เป็นเรื่องอ่อนโยน

มิใช่เรื่องแข็งกระด้าง แต่เป็นเรื่องจิตใจที่แข็งแกร่ง

มิใช่เรื่องพ่ายแพ้ แต่เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่


เธอง้อฉันก่อนสิ ! ต่างคนต่างรอ สุดท้ายก็จะเป็นศิลามนุษย์

เมื่อแคร์ความรู้สึกคนอื่น เราจะเริ่มเป็นคนที่อ่อนโยน

เมื่อแคร์ความรู้สึกคนอื่น เราจะปรับตัวก่อน

เมื่อแคร์ความรู้สึกคนอื่น เราจะขอโทษเป็น

เมื่อแคร์ความรู้สึกคนอื่น เราจะยอมแพ้โดยง่ายดาย

เมื่อแคร์ความรู้สึกคนอื่น

สุดท้ายคนอื่นก็จะต้องกลับมาแคร์คุณ………


ต้นแคร์เมื่อปลูกแล้วอย่าให้โตเองโดยธรรมชาติ

แต่เจ้าของชีวิตต้องรดน้ำพรวนดินสม่ำเสมอ

ต้นแคร์ไม่มีในหัวใจของคนแข็งกระด้าง

แคร์คนอื่นเขาบ้าง ให้ความอาทรเป็นดั่งสายธารหลั่งไหลฉ่ำ่ำชื่น

แล้วเราจะเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ มีจิตใจดีงาม มีเสน่ห์

แล้วทุกวันนี้ล่ะ คุณดูแลต้นแคร์ของคุณดีแค่ไหน...




 

Create Date : 10 เมษายน 2549   
Last Update : 11 เมษายน 2549 23:30:07 น.   
Counter : 1118 Pageviews.  


1  2  

ตัวเรา
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




[Add ตัวเรา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com