“Down the drain”-hadashi no pikunikku

“Down the drain”-hadashi no pikunikku
ช่วงนี้ผมหาvcd หนังเก่าญี่ปุ่นเกาหลีที่ซื้อเก็บไว้สองสามปีที่แล้วมาดูอีกครั้ง
พอดี ไปหยิบได้เรื่องนี้ “hadashi no pikunikku” เป็นงานกำกับหนังเรื่องแรกของ
Yaguchi Shinobu ผู้กำกับหนัง “Waterboys” (ที่ไม่ใช่เด็กยกน้ำ แต่เป็นระบำชายใต้น้ำ!!) และ “swing girls”(ที่ไม่ใช่สวิงกิ้ง แต่เป็นกลุ่มนักเรียนสาวที่บังเอิญหลงใหลในการเล่นเพลงแจ๊สโดยไม่ได้ตั้งใจ!!) ที่เพิ่งเข้าฉายบ้านเราเมื่อไม่นานมานี้ครับ
ส่วนหนังที่ผมพูดถึง เป็นหนังในปี ๑๙๙๓ ก็ ๑๐ กว่าปีมาแล้วครับ
เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังเล่นๆครับ

ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะโยงให้เกี่ยวกับหุ้นอย่างไร
แต่ห้องอื่นก็ไม่เคยไปโพสต์ ก็จะว่าที่ห้องนี้แหละ
เดี๋ยวคงโยงให้เข้ากับหุ้นได้เอง อิอิ

“hadashi no pikunikku” ถ้าแปลตรงตัวก็หมายถึง การไปปิกนิกด้วยเท้าเปล่า (ไม่ได้ใบ้หุ้น picni น๊ะ!)
ภาษาอังกฤษใช้ “Down the drain” หมายถึงความสูญเปล่า สูญเสียโดยไม่ได้ผลตอบแทนกลับมา
ภาษาไทยในวีซีดีใช้ “ไปตามยถากรรม”
ผมชอบชื่อไทยนี้มากที่สุด เดี๋ยวท้ายๆจะโยงให้เกี่ยวกับหุ้นด้วยชื่อไทยนี้แหละ

หนังเสนอในโทน black comedy เล่าถึงชีวิตของเด็กสาวนักเรียน ม ปลายคนหนึ่งชื่อ จุนโกะ ที่พยายามแก้ปัญหาต่างๆที่เข้ามาในชีวิต ซึ่งยิ่งแก้ ก็ยิ่งผูกให้แน่นขึ้นไปอีก!!
ตลอดเรื่องเราจะไม่ถึงกับหัวเราะออกมาเลย
แต่สำหรับผมเอง ผมชอบนะ ขำๆ ว่า เออ คนเรามันโชคร้ายกันได้ขนาดนั้น!!
มันเป็นหนังที่ไม่สนุกสำหรับคนส่วนใหญ่
และมันไม่สนุกเท่า waterboys และ swing girls
แต่ผมชอบเรื่องนี้มากกว่าครับ

จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 15 ต.ค. 48 00:49:29 A:58.136.65.113 X: TicketID:080268 ]




Create Date : 15 ตุลาคม 2548
Last Update : 15 ตุลาคม 2548 20:33:29 น. 10 comments
Counter : 476 Pageviews.

 
ความคิดเห็นที่ 1

เปิดเรื่อง เราได้เห็นว่า จุนโกะไม่ใช่เด็กเรียนแน่ เพราะหนังเปิดที่โรงเรียนและเธอมาเรียนซ่อมกับกลุ่มเพื่อน ๔-๕ คน(คล้ายฉากเปิดเรื่องของ Swing girls แหละ) ชีวิตของเธอ คล้ายกับไม่มีจุดหมาย ปล่อยไปเรื่อย ไม่ได้สนใจจะทำอะไรมากมาย ก็แค่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆเปื่อยๆ

ความซวยครั้งที่ ๑ ของจุนโกะเริ่มต้นหลังจากเธอนั่งรถไฟกลับบ้าน หลังจากไปหาแฟนหนุ่มที่อพาร์ทเมนต์ของเขา(แน่นอนว่าทั้งคู่เคยมีอะไรกันแล้ว ซึ่งเขาถ่ายรูปตอนมีอะไรกันให้เธอเป็นของแถมด้วย-แต่เราไม่เห็นหรอก ไม่ต้องเสียดาย) โดยที่เธอถูกพนักงานรถไฟจับได้ว่าใช้ตั๋วเดือนของเพื่อนของเธอ
ดังนั้น จุนโกะจึงถูกเรียกไปที่ออฟฟิศ เพื่ออบรม ระหว่างที่พนักงานเผลอ จุนโกะก็รีบคว้า ตั๋วแล้ว วิ่งออกมาจากออฟฟิศ แต่ดันลืมปิดกระเป๋านักเรียน ทำให้หลักฐานอะไรของเธอมันหล่นลงมากองหมด(อะไรมันจะเซ่อขนาดนั้น) และพนักงานจึงโทรเรียกครูและแม่ของเธอมาอบรม
ซึ่งพอจุนโกะรู้ว่า ของของเธอหล่นไปตามทางหมด เธอจึงโทรกลับบ้าน น้องสาวบอกว่า แม่ของเธอออกมาจากบ้านแล้ว
จุนโกะซึ่งไม่อยากถูกแม่และครูด่า จึงนั่งรถไฟไปบ้านคุณยายที่เพิ่งเสียชีวิตซึ่งอยู่ต่างเมือง(ผมเข้าใจเอาเองว่าเพื่อหลบแม่ของเธอซักพัก) แต่พอไปถึงปรากฏว่าเธอเจอพ่อกับแม่ของเธอที่บ้านคุณยายนั่นแหละ เพราะพวกเขากำลังไปเอาอัฐิของคุณยายกลับบ้านพอดี เธอจึงต้องเดินทางกลับมาพร้อมกับพ่อแม่เธอด้วยรถเก๋ง
หนังดูเหมือนจะพูดความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกแบบผ่านๆว่า ไม่ได้ราบรื่นนัก ทั้งสามี-ภรรยาที่ดูห่างเหิน และพ่อชาวญี่ปุ่นที่ทำงานเป็นหลัก ภรรยาที่รู้สึกว่าการดูแลบ้านและลูกๆเป็นหน้าที่ หรือลูกๆที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับชีวิต ซึ่งมันเป็นภาพสะท้อนของสังคมญี่ปุ่นยุคนั้น ภายหลังความพยายามฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังยุค bubble economy ที่ทุกคนอยู่ในภาวะสุญญากาศของการดำเนินชีวิต คือไม่รู้ทิศทางที่แน่นอนในการดำเนินชีวิต ซึ่งสิ่งนี้ทำให้คนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นชนชาติที่มีระเบียบ แบบแผนในการดำเนินชีวิตเป็นอันมาก มีความเครียดสูง

ความซวยครั้งที่ ๒ เริ่มมาเยือนเมื่อรถที่พ่อของเธอขับมา เกิดชนเข้ากับมอเตอร์ไซค์ซึ่งขับมาโดยนักดนตรี ทั้งหมดเข้าโรงพยาบาล แม้จะไม่ได้เจ็บหนักมาก ยกเว้นพ่อของเธอที่กระดูกแขนหัก แต่แม่ของเธอก็ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และขอให้จุนโกะซึ่งไม่เป็นอะไรมาก นำอัฐิกลับมาบ้านแทน เพื่อให้น้องสาวของแม่เธอประกอบพิธีศพในวันงานซึ่งได้มีกำหนดการไว้แล้ว

ความซวยครั้งที่๓ ระหว่างเดินทางกลับบ้านโดยหอบอัฐิไปด้วย เธอเดินสะดุดทางเท้าล้มลง จนโกฏิใส่อัฐิแตกกระจายลงไปบนถนน ทันใดนั้น ก็มีรถกวาดถนน(โผล่มาพอดีจากไหนไม่รู้!!) แล่นผ่านมากวาดจนเถ้าอัฐิคุณยายเธอหายไปจนหมด!!

ความซวยครั้งที่ ๔ จุนโกะพบงานศพของใครก็ไม่รู้ เธอจึงเข้าไปในงานนั้น อยู่ช่วยงาน โดยมีแผนลึกๆในใจว่า เมื่อเผาศพแล้ว เธอจะขโมยอัฐิของใครก็ไม่รู้จักคนนั้นกลับไปแทนอัฐิของคุณยายของเธอ(คิดได้ไง!) ระหว่างทานอาหารในงาน จุนโกะเผลอทำคอนแทกเลนส์หล่นไปในจานและเธอหามันไม่เจอ(โชคดีที่เหลืออยู่ ๑ ข้าง! และเธอใส่มันต่อไป) จนช่วงดึก เธอเข้าไปช่วยงานในครัว และชุดของเธอติดไฟโดยไม่รู้ตัว เธอพยายามสลัดมันหลุดไป จนไฟไหม้งานพิธีเคารพศพจนหมด!!

ความซวยครั้งที่ ๕ ที่งานเผาศพ โอกาสของจุนโกะก็มาถึง(แปลกที่ไม่มีใครเอาผิดเธอเลย!) จุนโกะเดินเข้าไปคว้าหมับอัฐิได้ ๑ ชิ้น(ทั้งๆที่มันยังร้อน และแน่นอนเธอมือพอง!) แต่เธอถูกคว้าข้อมือไว้โดยโชโกะ หญิงสาวแสนเปรี้ยววัยยี่สิบกว่าๆ และขู่เธอว่าจะจับเธอส่งตำรวจ แต่ก็ไม่ และพาเธอมาที่บ้านหลังหนึ่ง เพื่อทำแผลที่มือเธอให้

ความซวยครั้งที่ ๖ โชโกะบอกให้เธอทำตัวตามสบายในบ้านหลังนั้น และเอาชุดให้จุนโกะเปลี่ยน ตัดผมให้เธอ บอกว่าไม่ต้องรีบกลับบ้าน เอาแว่นสายตาในบ้านนั้นให้เธอใส่แทนคอนแทกเลนส์ที่เหลืออยู่ข้างเดียว หลังจากนั้นไม่นาน ครอบครัวเจ้าของบ้านก็กลับมา โชโกะวิ่งออกทางประตูหลังไปแล้ว บ้านหลังนั้น ไม่ใช่ของโชโกะ-เธอเป็นพวกแอบเข้าบ้านคนอื่นไปอาศัยอยู่ในขณะที่เจ้าของบ้านไม่อยู่!! จุนโกะโดนเจ้าของบ้านจับตัวไว้ แล้วลากออกมาจะเอาไปส่งตำรวจ!! ส่วนโชโกะหนีลอยนวลไปเฉิบ!

จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 15 ต.ค. 48 00:50:25 A:58.136.65.113 X: TicketID:080268 ]


โดย: HolySix วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:20:34:16 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 2

ความซวยครั้งที่ ๗ ระหว่างลากตัวจุนโกะ(ที่สวมแว่นของตนเอง) เพื่อไปส่งตำรวจ ชายกลางคนเจ้าของบ้านปะหน้ากับพวกจิ๊กกี๋สองคน นั่งดูดบุหรี่ เขาตรงเข้าไปด่าพวกนั้นทันที(ท่าทางเป็นผู้รักษากฎอย่างเคร่งครัด) แต่ซวยที่พวกจิ๊กโก๋กลุ่มใหญ่เพิ่งตามมาสมทบ แล้วรุมอัด ส่วนจุนโกะ โดนเอาเงินไปหมด จนเธอกลับบ้านไม่ได้ เธอหมดอาลัยตายอยาก ฝนก็ตก จึงไปหลบฝนอยู่ในตู้เย็นเก่าที่เขาทิ้งแล้วข้างกองขยะ “สู้ต่อไปนะจุนโกะ สู้ต่อไปนะ” เธอบอกกับตัวเองในตู้เย็น

ความซวยครั้งที่ ๘ จุนโกะไม่รู้เลยว่า ตู้เย็นใบนั้น กำลังถูกนำไปทิ้งนอกเมือง! ตู้เย็นที่มีเธอบรรจุอยู่ ถูกทิ้งจากท้ายรถบรรทุกลงไปกองอยู่ข้างแม่น้ำ

ความซวยครั้งที่ ๙ จุนโกะพอหลุดออกมาจากตู้เย็นได้ ก็โซซัดโซเซ ไปจนเจอร้านราเม็ง เจ้าของคุณป้ากลางคนใจดีรีบโทรเรียกรถพยาบาลให้มารับเธอ ระหว่างนั้น ก็เอาราเม็งแสนอร่อยที่บังเอิญปนเปื้อนเชื้อโรคให้เธอกิน ปรากฏว่า เธอต้องรักษาอาการอาหารเป็นพิษที่โรงพยาบาลมากกว่าอาการเจ็บปวดทางกาย!!

ความซวยครั้งที่ ๑๐ โรงพยาบาลให้เธอโทรกลับบ้าน เพื่อติดต่อให้ที่บ้านมาจ่ายค่ารักษา เธอโทรไปไม่ติด เพราะเรื่องหลังจากเธอไม่ได้กลับบ้านคือ ที่บ้านของเธอถูกนักดนตรีขี่มอเตอร์ไซค์ฟ้องร้อง จนต้องยอมขายบ้านมาใช้หนี้ และแม่ของเธอย้ายกลับไปดูแลบ้านยายที่ไม่มีใครอยู่แล้ว ในขณะที่พ่อของเธอมือเจ็บจนถูกสั่งย้ายงานให้ไปทำงานที่อื่น แม่ของเธอไม่ยอมไปด้วย และแยกกันอยู่กับพ่อ ส่วนน้องสาวของจุนโกะซึ่งแค้นพี่สาว ว่าความผิดทั้งหมดเป็นของจุนโกะ เช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อนของจุนโกะต่างก็โทษจุนโกะกันหมดว่า ทำให้ครูหัวเสีย และไม่ยอมให้พวกเธอสอบผ่าน พวกเธอทั้งหมดจึงสอบตก และสาบานว่าจะแก้แค้นจุนโกะ!! น้องสาวของเธอจึงไปรวมตัวอยู่กับเพื่อนๆของจุนโกะเพื่อจ้องรอล้างแค้น เมื่อจุนโกะกลับมาบ้าน พลางใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

ความซวยครั้งที่ ๑๑ จุนโกะกลับมาบ้านจนได้ แต่ไม่เจอใคร จึงไปหาแฟน แล้วเจอแฟนของเธออาศัยอยู่กับสาวคนใหม่ จุนโกะจึงต้องจากมา และเจอกับกลุ่มเพื่อนและน้องสาวไล่ขับรถชนเธอเพื่อแก้แค้น แต่เพราะขับรถไม่คล่อง เธอจึงถูกแค่เฉี่ยวๆ แล้วกลิ้งไปนอนกองอยู่ข้างกองขยะอีกครั้ง

เหมือนจะดี
เธอเจอกับโชโกะนักแอบเข้าบ้านคนอื่นอีกครั้ง จากบทสนทนาครั้งใหม่ระหว่างเธอทั้งสองในบ้านหลังหนึ่ง(แน่นอนว่าไม่ใช่ของโชโกะ ฮ่าๆ) ทำให้เข้าใจว่า ความจริงแล้ว จุนโกะก็แค่ต้องการอยู่บ้านของตนเอง บ้านที่มีความสุข บ้านที่เป็นครอบครัว ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านั้น(ซึ่งนี่คือ สารหลักของเรื่องครับ)
ในที่สุดโชโกะก็เจอบ้านหลังหนึ่งซึ่งเจ้าของไปอยู่ต่างประเทศเป็นปี และเรียกให้จุนโกะมาอยู่ด้วยกัน
ในบ้านใหม่ โชโกะพูดกับจุนโกะไว้ตอนหนึ่งว่า
“แล้วเธอเห็นบ้าน ครอบครัวที่อบอุ่นที่เธอพูดถึงแถวนี้ไหม เรื่องพวกนั้นมันผ่านมาแล้ว ไม่มีใครสร้างไว้ให้อีกแล้ว มีแต่เธอเท่านั้น ที่จะต้องสร้างมันเอง และมันต้องเริ่มจากภายในของเธอนะ ไม่ใช่ภายนอกหรอก”

ความซวยครั้งสุดท้าย จุนโกะถูกโชโกะหลอกขายให้กับเจ้าของร้านกาแฟ เขาข่มขืนเธอในขณะที่เธอหมดสติ เมื่อลืมตาขึ้นได้ เธอคว้าซ่อมจิ้มก้นเขาจนเป็นแผลลึก เจ้าของร้านกาแฟร้องเรียก โชโกะให้เรียกรถพยาบาลให้ โชโกะไม่ยอมเรียก และวิ่งหนีไปอีกเช่นเคย ระหว่างที่วิ่งหนี เธอก็ถูกรถเพื่อนๆของจุนโกะ(มาจากไหน!?) ชนจนลอยไปด้วยความเร็วสูง ถูกลวดสลิงผ่าเป็นสองท่อน!! ต่อหน้าต่อตาจุนโกะซึ่งช็อคจนเบลอไม่ค่อยรับรู้อะไรอีก ไม่พูดอะไรอีก

ความสุขครั้งสุดท้าย
หลังจากนั้น แม่ของจุนโกะ ก็รับเธอกลับมาอยู่ด้วยกัน ไม่นานนักจุนโกะก็ตั้งครรภ์ ซึ่งทำให้ครอบครัวของจุนโกะเริ่มกลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้ง แม่คอยดูแลเธออย่างใกล้ชิด น้องสาวก็กลับมาอยู่ด้วย พ่อก็ย้ายกลับมาอยู่ด้วยกัน ทั้งหมดกลับมาอยู่เป็นครอบครัวที่มีความสุขอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่จุนโกะค้นหามาตั้งแต่ต้นเรื่อง
และภาพสุดท้าย จุนโกะขี่จักรยาน โดยมีลูกของเธอนั่งอยู่ข้างหน้าอย่างมีความสุข(มั๊ง!)

จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 15 ต.ค. 48 00:51:24 A:58.136.65.113 X: TicketID:080268 ]


โดย: HolySix วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:20:34:43 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 3

จากเรื่องนี้ ผมจะพยายามโยงมันให้เกี่ยวกับการลงทุนนะครับ (ไม่งั้นจะโพสต์ในสินธรทำไม ใช่ไหม?)

จริงๆแล้ว ในโลกของเรานี้ เรากำลังทำมันให้ยุ่งเหยิงกันไปเองหรือเปล่า?
เหมือนกับการเล่นหุ้น
เหมือนกับการแก้ปัญหาต่างๆของจุนโกะ
เหมือนกับการแก้ปัญหาความเครียด ความสุขของชีวิต

เราต้องการเล่นหุ้น เพราะเราอยากได้เงิน
เราอยากได้เงิน เพราะเราจะได้เอาไปใช้
เราเอาไปใช้ เพราะเราเชื่อว่าเราจะได้ความสุข

คำถามคือ คุณสามารถเล่นหุ้นให้ได้เงินมาซื้อความสุขจริงหรือไม่?
หรือคุณเล่นหุ้น แล้วเสียเงิน แถมได้โรคเครียดเป็นของแถม

เรากำลังทำให้มันยุ่งเหยิงเกินไปหรือเปล่า
เรากำลังทำให้มันสับสนเหมือนกับจุนโกะอยู่หรือเปล่า

ปอดของคุณคงจะบอกได้
ว่าจริงๆแล้วเล่นหุ้น เรามีเงินมากขึ้นจริงหรือเปล่า?
ถ้าไม่จริง มันก็เหมือนกับจุนโกะที่แก้ปัญหา
ยิ่งแก้ ก็ยิ่งยุ่งเหยิงขึ้น
เหมือนเล่นหุ้น
หุ้นยิ่งตก ก็ยิ่งซื้อถัวเฉลี่ย
คุณกำลังทำกันอยู่หรือเปล่า
และปอดของคุณกำไรหรือยัง ด้วยวิธีแก้แบบนี้
จริงๆแล้ว เรื่องมันง่าย
ทำที่ง่ายๆ คือทำวิธีการเดิมๆ ที่ได้กำไร
และเลิกวิธีการที่ขาดทุน
เอาปัจจัย ของเวลาออกไป ไม่ต้องสนเวลา อันนี้ เป็นกับดักครับ
เรามักจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้
เช่นเดียวกับจุนโกะที่ไม่สามารถบอกตนเองให้ยอมรับผิดตั้งแต่ต้นได้(อันที่จริงมันเริ่มมาจากแค่การใช้ตั๋วรถไฟของเพื่อนเท่านั้นเอง)
แม้ว่าจุนโกะเองจะไม่รู้ว่า อนาคตจะต้องเจออะไรบ้าง หลังจากแก้ปัญหาต่างๆ ณ วินาทีที่มันเกิด
แต่อย่างน้อย ณ วินาทีนั้น เรายังรู้ขอบเขตของความเสียหายได้อยู่ครับ
แต่ถ้าเป็นจุนโกะ เธอคงไม่ได้คาดคิดแน่ว่า จะต้องเจออะไรบ้าง หลังจากวิ่งหนีออกมาจากการอบรมของพนักงานรถไฟ!!

จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 15 ต.ค. 48 00:52:14 A:58.136.65.113 X: TicketID:080268 ]


โดย: HolySix วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:20:35:09 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 4

เหมือนกับเวลาที่เราซื้อหุ้น เราก็คาดหวังว่ามันจะขึ้น
พอมันไม่ขึ้นมันกลับลง เรากลับไม่ยอมรับความผิดจากการตัดสินใจนั้น ไม่stop loss และปล่อยให้มันผิดมากขึ้น ด้วยการถือ และซื้อเพิ่มลงไป
แต่ ณ จุดที่จุนโกะแก้ปัญหาหนึ่ง และ ณ จุดที่เราถือต่อ และซื้อเพิ่มลงไปนั้น เราจะไม่รู้อนาคตก็ตาม แต่การกระทำ ที่ฝืนต่อความรู้สึกกลับมักจะนำผลดีมากกว่าเสียในระยะยาวต่อปอด เพราะเรารู้ ขอบเขตของการสูญเสียได้ตั้งแต่ต้น
แม้ว่า ในบางครั้ง การแก้ปัญหาอย่างผูกแล้วผูกอีก
จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีในบั้นปลายก็ตาม(ก็ฟลุ๊คไง, ก็โชคดีไง, ก็มีแต่พระเจ้าที่รู้ไง, ก็กรรมเก่าไง)
อาจจะเหมือนกับจุนโกะที่ในท้ายที่สุดแล้ว ก็ happy ending
แต่ผมเชื่อว่า มันยากกว่าครับ ที่จะเจอสิ่งที่เราตามหา จากการถลำลึกลงไปในปัญหาเรื่อยๆ

ยกเว้นประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาของจุนโกะแล้ว
ก็ยังมีประเด็นที่เป็น สารหลักของเรื่อง
ที่ว่า จริงๆแล้วจุนโกะก็แค่ต้องการครอบครัวที่อบอุ่น
โชโกะบอกจุนโกะว่า เธอจะต้องสร้างมันเอง และมันเริ่มมาจากข้างใน

ความสุขก็เช่นกัน
จริงๆมันมาจากจิตใจของเรานั่นเอง
จิตของเราเท่านั้น ที่กำหนดรับรู้ว่านี่คือความสุข นี่คือความทุกข์
ใจของเราเท่านั้น ที่บอกว่า เรารวย หรือเราจน

เรามักจะนึกว่า เรากำหนดสถานการณ์ทั้งหมดได้
เพราะมนุษย์เป็นสัตว์มีเหตุผล
แต่ในความจริงที่เกิดขึ้น
มันมักจะมีบางสิ่งในกิจกรรมต่างๆเกิดขึ้นมา โดยที่เราหาสาเหตุไม่ได้เสมอๆ
ซึ่งมันอาจจะมีเหตุผลเชื่อมโยงอยู่จริง เพียงแต่เราไม่สามารถรับรู้ได้ในสภาวะนี้เท่านั้นเอง
และทั้งหมดมันอยู่นอกเหนือการรับรู้ของเรา
และก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องหาสาเหตุ เพราะหาไปก็ไม่มีทางเจอ
แต่สิ่งหนึ่งที่เราทำได้แน่นอน
คือ บังคับใจของตนเองให้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นครับ

จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 15 ต.ค. 48 00:53:13 A:58.136.65.113 X: TicketID:080268 ]


โดย: HolySix วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:20:35:39 น.  

 
ความคิดเห็นที่ 5

เหมือนกับจุนโกะ
การที่จุนโกะประสบชะตากรรมร้ายๆ ก็อาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ซึ่งทั้งจุนโกะ และเราไม่รู้(แต่คนเขียนบทรู้ หรืออาจจะไม่รู้ แค่เขียนแบบนี้ เพราะว่าชอบแบบนี้เท่านั้นเองก็ได้)
และในท้ายที่สุด จุนโกะก็มีความสุขในสิ่งที่ตนเองคาดหวังมาตั้งแต่ต้นจนได้(ทั้งๆที่สิ่งที่ตนเองคาดหวังนั้น คือความอบอุ่นในครอบครัว ที่เกิดขึ้นได้ เพราะเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดที่เธอได้พบ)

ในชีวิตจริงก็เหมือนกัน เราไม่มีทางรู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นแน่นอน
แต่เพื่อความไม่ประมาท เราก็ต้องตั้งสมมติฐานในการแก้ปัญหาให้ดีที่สุด ส่วนผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับอยู่ดี(คนที่ไม่สูบบุหรี่ อยู่กลางธรรมชาติ แล้วเป็นมะเร็งที่ปอดตั้งแต่ยังหนุ่มก็เกิดขึ้นได้ใช่หรือไม่?)

ในการเล่นหุ้น, ความสุข, ชีวิต ซึ่งความไม่แน่นอน คือสิ่งที่แน่นอนที่สุด
เราก็คงได้แต่ตั้งสมมติฐาน และจำกัดให้อยู่ในกรอบของปัญหาให้น้อยที่สุด ได้เท่านั้น
เราได้แต่กำหนด possibility แล้วดำเนินไปเป็นขั้นๆ ให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้เท่านั้น
ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
ก็คงได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรม

Hadashi no pikunikku

ไปปิ๊กนิคเท้าเปล่ากันมั๊ยครับ

จากคุณ : แมงเม่ามือใหม่ - [ 15 ต.ค. 48 00:53:54 A:58.136.65.113 X: TicketID:080268 ]


โดย: HolySix วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:20:36:10 น.  

 
//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3808141/I3808141.html


โดย: HolySix วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:20:36:38 น.  

 
เข้ามาอ่านค่ะ


โดย: iampum วันที่: 28 ตุลาคม 2548 เวลา:0:47:19 น.  

 
ไม่รู้เรื่องหุ้น .. แต่อ่านแล้วหนุกดีจ้ะ ^^


โดย: นู๋กุ๊ก... IP: 203.146.116.101 วันที่: 1 ธันวาคม 2548 เวลา:12:12:10 น.  

 
Photobucket - Video and Image Hosting


โดย: คุณหนูลมหวน (zardamon ) วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:12:53:52 น.  

 
Photobucket - Video and Image Hosting


โดย: คุณหนูลมหวน (zardamon ) วันที่: 23 มิถุนายน 2549 เวลา:15:06:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

HolySix
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add HolySix's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.