**Angie-life is short and wonderful**
 
ตกลงใจมาเป็นออแพร์

ก่อนอื่นเลยคุณต้องยอมรับความจริงที่ว่าทุกคนไม่ได้มองออแพร์ว่าสวยหรู เพราะจริงๆแล้วเราก็ไม่ได้สวยหรูมีทั้งด้านดีและด้านร้าย หลายคนทีเดียวที่ไม่สามารถอยู่ต่อให้ครบโครงการออแพร์และอีกหลายคนที่มีความสุขกับการเป็นออแพร์อย่างเต็มเปี่ยม หลายครั้งที่เราต้องทนให้คนอื่นถากถางทั้งที่ยังอยู่ในประเทศไทย ประมาณว่าไปเป็นขี้ข้าฝรั่งเหรอ ไปเป็นคนใช้ใช่ไหม จนถึงบางคำที่แรงกว่านั้น เมื่อคุณตัดสินใจบอกคนรอบข้างว่าคุณจะไปเป็นออแพร์เตรียมใจน่าจะเป็นประการแรกของการเป็นออแพร์เหมาะสำหรับใครบ้าง
ออแพร์คืออะไรเป็นคำถามยอดฮิตที่คนรอบข้างคุณต้องถามคุณก่อนแน่นอน เพราะทั้งพ่อแม่หลายๆครอบครัวไม่รู้ถึงโครงการนี้ รากศัพท์ Au Pair เป็นภาษาละติน มาจากคำว่า On Par หรือ Equal มีความหมายว่า เสมอภาค ซึ่งหมายถึงความเท่าเทียมกัน ของทั้งผู้เข้าร่วมโครงการ และครอบครัวชาวอเมริกัน ที่รับเป็นผู้อุปถัมภ์ในระหว่างที่อยู่ในอเมริกา
โครงการออแพร์ คือ โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ภายใต้กฎหมายสหรัฐอเมริกา วีซ่าประเภท J-1 ( Cultural Exchange Visitor) ที่เปิดโอกาสให้ เยาวชน(ส่วนมากผู้หญิง) ที่มีอายุระหว่าง 18-27 ปี จากนานาประเทศ ที่สนใจเรียนรู้ วัฒนธรรมเพื่อหาประสบการณ์ ในประเทศสหรัฐอเมริกา และมีความรักเด็ก ได้ทำงาน เรียน และท่องเที่ยว ที่อเมริกา โดยจะพักอาศัยอยู่กับ ครอบครัวอเมริกัน ในฐานะพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทน เป็นรายสัปดาห์
โครงการออแพร์ มีจุดประสงค์ เปิดโอกาสให้เยาวชนต่างชาติ ได้เดินทางเข้าประเทศอเมริกา เพื่อ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เรียนรู้ สังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิตและแนวคิดต่างๆ ของครอบครัวชาวอเมริกัน อย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 1 ปี อีกทั้งยังได้รับเงินทุนการศึกษา ในการพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษ หรือศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย / วิทยาลัย ในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ทั้งนี้ ออแพร์จะได้วันลาพักร้อนประจำปี 10 วัน และ เมื่อจบโครงการ ยังสามารถ เดินทางท่องเที่ยว ต่อในประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้อีก 1 เดือน
คุณสมบัติออแพร์ คุณสมบัติโดยทั่วไปมีดังนี้นะจ๊ะ
 เยาวชนหญิง(บางเอเจนซี่รับผู้ชายด้วย แต่ต้องทำใจสำหรับผู้ชายเพราะส่วนใหญ่แล้วโอสต์แฟมมิลี่มักจะต้องการผู้หญิงไปเลี้ยงลูก) ที่มีอายุระหว่าง 18 - 26 ปี ( โดยจะต้อง เดินทางไปอเมริกา ก่อนอายุ 27 ปี)
 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่หลาย ๆเอเจนซี่จะรับบุคคลที่จบปริญญาตรีขึ้นไป หรือ กำลังเรียนอยู่ในปีสุดท้าย
 ความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษอยู่ในเกณฑ์พอใช้ สื่อสารได้ และมีบุคลิกภาพดี
 สามารถขับรถยนต์ได้และมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ในประเทศไทยเสียก่อน แล้วค่อยไปทำใบขับขี่สากลได้สากล
 ต้องมีหนังสือรับรองการเลี้ยงเด็กอายุต่ำกว่า สองขวบ ไม่น้อยกว่า 200 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่ละเอเจนซี่ ต้องการประสบการณ์มากกว่า 200 ชั่วโมงทั้งนั้นค่ะ สูงถึงสี่ร้อยชั่วโมงด้วยซ้ำ (ผู้สมัครสามารถซื้อใบสมัครก่อน แล้วค่อยไปหาเก็บประสบการณ์เลี้ยงเด็กในภายหลังได้ค่ะ หรือเก็บชั่วโมงก่อนค่อยสมัครก็ไม่เสียหายอะไรค่ะ)
 ผ่านการตรวจร่างกาย (ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง)
 ผ่านการทดสอบด้านจิตวิทยา (มีการทดสอบที่แตกต่างกันไปในแต่ละที่ค่ะ)
 ผ่านการทดสอบข้อเขียน(ไม่ทุกเอเจนซี่ค่ะ) และสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ โดยเอเจนซี่
 ผ่านการตรวจสอบ ประวัติอาชญากรรม และได้รับหนังสือยืนยัน จากหน่วยงานตำรวจ (ทำภายหลังได้ ควรเริ่มทำหลังเตรียมตัวส่งเอกสารใบสมัคร)
 แน่นอนค่ะมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคุณควรจะมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์ มีความเป็นผู้ใหญ่ เชื่อมั่นในตัวเอง พร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมใหม่ อีกทั้งมีความน่าเชื่อถือ และคุณต้องอยู่กับเด็กทั้งวันหรือบางทีอาจจะไม่ทั้งวันคุณควรต้องรักเด็ก
 ไม่เคยเข้าร่วมโครงการ Au Pair ในอเมริกามาก่อน

ค่าใช้จ่ายของโครงการออแพร์
ค่าใช้จ่ายของแต่ละเอเจนซี่มี ราคา แตกต่างกันนะค่ะ
-รายละเอียดทั้งหมดควรติดต่อเอเจนซี่ ณ เวลานั้น เพราะค่าใช้จ่ายมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ค่าใช้จ่ายค่าหลัก ๆ โดยทั่วไป ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการต้องจ่าย
1. ค่าทดสอบก่อนซื้อใบสมัคร( เป็นเรื่องของการทดสอบภาษาอังกฤษ และ จิตวิทยา บางเอเจนซี่ไม่เสีย แต่บางเอเจนซี่เสีย ส่วนใหญ่ไม่แพง ราวๆ 200 บาท ในส่วนนี้ขึ้นอยู่ในช่วงโปรโมชั่นของแต่ละเอเจนซี่นั้นด้วย)
2. ค่าใบสมัคร( แต่ละเอเจนซี่ขายใบสมัครไม่เท่ากัน 3,500 -7,000 บาท )
3. ค่าเข้าร่วมโครงการออแพร์ จ่ายเมื่อผู้สมัครตกลงทำงานกับครอบครัว (แต่ละเอเจนซี่ ค่าแม็ทช์ ตัวนี้ไม่เท่ากัน ทั้งถูก ทั้งแพง มีหมด พิจารณากันเอาเองนะค่ะ)
4. ค่าธรรมเนียมขอวีซ่า อันนี้ออกเองไม่เกียวกับเอเจนซี่ จ่ายตอนยื่นคำร้องขอจองวันสัมภาษณ์ 400 บาทและค่าขอวีซ่า จำนวน 4,000 บาท ค่ะ

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะจ่ายมากจ่ายน้อยแล้วแต่บุคคล แล้วแต่เหตุปัจจัยด้วยค่ะ มีดังต่อไปนี้
1. ค่าเดินทางเข้าเอเจนซี่หรือเพื่อทำธุระต่างๆ อย่างน้อยก็ต้องมากกว่า 3 ครั้งแน่นอนค่ะ
2. ค่าดำเนินการเอกสารต่างๆ เช่นใบขับขี่รถยนต์ ใบขับขี่รถยนต์สากล ใบรับรองจบ หนังสือเดินทาง(passport) ใบทรานสคริปต์ ค่าแปลเอกสาร (ในกรณีไปจ้างเขา) รูปภาพ
3.ค่าใช้จ่ายระหว่างฝึก เลี้ยงเด็ก หรือฝึกฝนทักษะด้านอื่นที่จะช่วยเสริมการเป็นออแพร์

หลักฐานที่ใช้ในการสมัคร
หลักฐานที่ใช้ในการสมัคร แต่ละเอเจนซี่ มีรายละเอียดที่แตกต่างกันบ้าง แต่ก็ไม่พ้นสิ่งดังต่อไปนี้
1.รูปถ่ายสี หน้ายิ้ม (ฉากหลังสีอ่อน) 2 นิ้ว แต่ละเอเจนซี่จะแตกต่างกันออกไปนะค่ะ
2.บัตรประชาชน (ตัวจริงและสำเนา)
3.ทะเบียนบ้าน (ตัวจริงและสำเนา)
4.ใบรับรองผลการเรียน (Transcript) ฉบับภาษาอังกฤษ (ตัวจริงและสำเนา)

หลังจากที่ยื่นเอกสารสมบูรณ์ และ เอเจนซี่ที่เมืองไทย ส่งเอกสารของผู้สมัครไปอเมริกาแล้ว ระยะการติดต่อที่ผู้สมัครจะได้รับ จะเร็วช้าแค่ไหน อันนี้ขึ้นอยู่แต่ละเอเจนซี่ด้วย เพราะว่านี้เป็นหนึ่งในปัญหาที่ผู้สมัครต้องพิจารณา แต่โดยส่วนใหญ ่ไม่เกินหนึ่งเดือน หลังจากยื่นใบสมัครต้องได้รับการติดต่อ จากครอบครัวอเมริกันเข้ามาแล้ว ถ้าเดือนหนึ่งยังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ เลย ไม่ว่าจะทาง อีเมลล์ โทรศัพท์ ควรติดต่อเอเจนซี่ เพราะอาจมีความผิดพลาดได้ ที่พบมาก็มีทั้งความผิดจากเอเจนซี่ เช่นการทำไฟล์เราหาย เป็นต้น

ออแพร์มีสิทธ์เลือก ครอบครัวที่เหมาะสมเอง และครอบครัวเองก็มีสิทธิเลือกออแพร์เช่นกัน การเลือกขึ้นอยู่แต่ละคนว่าจะใช้เกณฑ์อะไรเลือก บางคนอาจจะ ใช้วัยเด็กที่จะดูแล รัฐที่จะอยู่ หรือ สวัสดิการที่แต่ละบ้านให้พิเศษ กับออแพร ์ทั้งหมดนี้ ออแพร์สามารถใช้เวลาให้นานกันเลยนะค่ะ ในการเลือกครอบครัวที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดกับเรา เพราะว่า เมื่อไปที่อเมริกาแล้ว หากคุณต้องการเปลี่ยนครอบครัว จะมีเวลาแค่สองอาทิตย์เท่านั้น
และถ้าหากคุณมากับเอเจนซี่ที่ไม่ค่อยจะมีครอบครัวให้ตอนเปลียนครอบครัวแล้วละก็ ยิ่งต้องทำใจว่า ต้องได้กลับเมืองไทยแน่นอน (ความสำคัญของเอเจนซีที่สุดคือช่วยเราหาครอบครัวที่เมกานี้ละค่ะ เอเจนซี่ดีแค่ไหน เราต้องดูที่ตรงนี้ เพราะคงไม่มีใครที่อยากกลับเมืองไทย ก่อนกลับหนด เพียงเพราะไม่มีโฮสให้ตอนเปลี่ยนครอบครัว และหากเป็นกรณีที่เราไม่ได้เป็นผู้ผิด)
ดังนั้น การเลือกครอบครัวด้วยความระมัดระวัง พร้อมทั้งสอบถามทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดจนแน่ใจ ไม่เหลืออะไรค้างคาใจเลย แล้วค่อยตอบตกลงทำงานด้วย แต่ต่อให้คุณเลือกโฮสต์ที่ดีมากๆแล้ว บางครั้งมันก็จบด้วยการรีแมทช์หรือการกลับ การตั้งความหวังไว้เป็นเรื่องที่ดีนะแต่การตั้งความหวังไว้สูงเกินไปอาจจะทำให้คุณหล่นลงมาอย่างเจ็บปวด บางครั้งเราต้องยอมแขวนใบปริญญาตรี ปริญญาโท ที่จบกันมาไว้บ้าง ปัญหาที่หลายๆคนอาจจะพบก็มีหลายรูปแบบบางครั้งอาจจะไม่ซ้ำกันเลย แต่จำไว้เสมอหน้าที่เรามาดูแลเด็ก และต้องทำใจไว้ว่ามีหลายคนที่มองว่าเราด้อยกว่า เพราะว่าเราเป็นแค่พี่เลี้ยงเด็ก คุณค่าของเรามีอยู่ในตัวเราแน่นอนค่ะ เลือกทางนี้พิจารณาตัวคุณเองแล้วว่าเหมาะกับออแพร์ไหม คุณไม่แค่มาเที่ยว มาเรียน แต่ประเด็นหลักก็คือ คุณมาทำงานด้วยและมากถึง 45 ชม. ต่อสัปดาห์และในบางครอบครัวอาจจะต้องมีการทำงานนอกเวลาที่กำหนดให้อีกด้วย




Create Date : 02 พฤษภาคม 2549
Last Update : 2 พฤษภาคม 2549 15:06:16 น. 5 comments
Counter : 608 Pageviews.  
 
 
 
 
Are you aupair now? I would like to be aupair.
 
 

โดย: Ant IP: 63.13.154.162 วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:5:25:06 น.  

 
 
 
Can i hire my sister to do aupair?
 
 

โดย: tik IP: 24.176.149.52 วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:29:51 น.  

 
 
 
กำลังจะได้เป็นอย่างเต็มตัวแล้วค่ะ อิๆๆ ก็หาข้อมูลมาเยอะก็เลยอยากเขียนแชร์กันบ้างจะทยอยขึ้นนะค่ะ
 
 

โดย: Angie (genie_a18 ) วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:00:13 น.  

 
 
 
ตามมาอ่านจ๊ะ
มาช้าไปหน่อย อิอิ
เพิ่งไปสัมภาษณ์มาค่ะ
 
 

โดย: someone like me วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:22:38 น.  

 
 
 
หวัดดีค่ะ แวะมาเยี่ยมบ้าน พี่ ๆ เพื่อน ๆ ออแพร์ด้วยกน ว่าง ๆ เข้าไปเยี่ยมบ้านหนูมิลบ้างนะค่ะ...ออแพร์ไทยอินดีซี
 
 

โดย: Dekpladib (Dekpladib ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:49:19 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

genie_a18
 
Location :
MA United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีทุกๆคนค่า ยังไงมีอะไรผิดพลาดก็แนะนำกันมานะค่า ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนบล็อกค่า
[Add genie_a18's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com