FirstOrchid "ถึงอย่างไรวันนี้ ก็ดีกว่าเมื่อวาน"
Group Blog
 
All Blogs
 

วิธีผสมเกสรกล้วยไม้รองเท้านารี แบบบ้านๆ

กล้วยไม้รองเท้านารีนี่ มีความสวยงาม และก็ลึกลับพอควรนะครับ
ดอกเขาโดดเด่น เป็นสง่า ลักษณะก็แปลกตาดี บางท่านยังเข้าใจว่าเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงไปซะอีก ในธรรมชาติก็ดูลึกลับ เอามาปลูกเลี้ยงที่บ้านก็ยังลึกลับ โดยเฉพาะเวลาที่เราอยากจะผสมเกสรเขา เอ..... ทำไงหว่า แล้วเกสรตัวผู้ ตัวเมีย อยู่ไหนว่า

ที่จริงก็ีแนะนำกันไว้หลายเว็บฯ นะครับ แต่ผมตอนยังไม่เข้าใจ ดูแล้ว บางทีมันไม่ชัด ก็เลยลองทำแบบที่น่าจะชัดเจน คือ เด็ดดอกรองเท้านารีออกมาดูมันซะเลย

อันดับแรกนะครับ เราต้องเลือกคู่ผสมที่เหมาะสมกันก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้ ผมขอเว้นไว้ให้อยู่ในการพิจารณาของแต่ละท่านเอง มีข้อคิดจากคุณหนุ่ยนิดนึง ตรงที่ว่า คู่ผสมควรเลือกที่เป็นทีเด็ดจริงๆ เพราะมันใช้เวลานานมากๆ กว่าจะติดฝักใช้เวลา 6 เดือน เอาไปเพาะที่แล็ป กว่าจะได้ไม้ขวดรออีก 1 - 2 ปี เอามาปลูกอีก 2-3 ปี กว่าจะได้ดูดอก รวมๆ เวลาร่วม 5 ปี นับจากเพาะเมล็ด กว่าจะเห็นผลงาน จึงควรเลือกต้นที่เป็นพระเอก นางเอก หรือมีจุดเด่นที่น่าสนใจหน่อย

แต่ที่ผมอยากแนะนำคือ ต้นที่จะถือฝักต้องสมบูรณ์จริงๆ ไม้ดอกแรกก็ใช้ได้ แต่ต้องสมบูรณ์มากๆ ไม่งั้นจะทำให้ต้นชะงักไปได้ เพราะต้องถือฝักนานประมาณ 6 เดือนเชียวนะครับ

มาดูกันเลยดีกว่า นี่ครับดอกรองเท้านารี สายพันธุ์เหลืองปราจีน ที่เ้ห็นกระเป๋าเอียงๆ นี่ ผมบิออกครับ สาเหตุก็เพราะว่า เส้าเกสรตัวเมีย มันคว่ำอยู่ด้านใน ถ้าไม่เอากระเป๋าออก จะทำการผสมเกสรไม่ได้ (ธรรมชาติทำได้ ผมว่าเป็นเพราะน้ำฝนมันไปละลายเกสรตัวผู้ ตอนน้ำขังในกระเป๋า มาผสม)


เมื่อเราเด็ดกระเป๋าออกแล้ว ก็จะเป็นเส้าเกสรตัวเมีย หรือเรียกอีกอย่างว่า โลห์เกกร ตรวที่ปลายไม้จิ้มฟันชี้ครับ


ให้ดูชัดๆ นะครับ โลห์ หรือเส้าเกสรตัวเมีย ส่วนที่จะเอาเกสรตัวผู้ไปป้ายไว้ จะอยู่ด้านหลัง ลักษณะเป็นร่องสามเหลี่ยมแบบนี้ครับ (รูปนี้คว่ำหน้านะครับ จะได้เห็นชัดๆ)


สำหรับเกสรตัวผู้ จะหาง่ายหน่อย ดอกหนึ่งจะมี 2 เม็ด อยู่ตรงนี้ครับ


เราสามารถใช้ม้จิ้มฟันที่สะอาด ๆ มาเขี่ยออกมาได้ไม่ยากนัก เพราะมีลักษณะเป็นครีมเหนียวๆ บาวทีเอาไม้จิ้มฟันแตะออกมาได้เลย เอาออกมาแล้วจะมีลักษณะเป็นแบบนี้ครับ


ส่วนใหญ่ผมจะบี้เอาแต่ครีมสีเหลืองๆ มาใช้งาน หรือถ้าจะเก็บก็เอาใส่หลอดกาแฟ ลนไฟปิดหัวปิดท้าย เก็บใส่ตู้เย็นไว้ใช้ได้นานครับ (วันหลังจะแนะนำอีกทีครับ) ลักษณะเกสรตัวผู้ที่เป็นครีม เป็นแบบนี้ครับ มันจะเหนียวๆ


เราเอาส่วนที่เหนียวๆ นี้แหละครับ ไปป้ายไว้ที่ด้านหลังโลห์เกสรตัวเมีย ที่เห็นเป็นร่องสามเหลี่ยมนั่นแหละ ขั้นตอนนี้ออกจะยากซักนิด เพราะในสภาพจริงที่ดอกติดอยู่กับต้น มันจะทำได้ลำบากหน่อย ต้องกะๆ เอา (แล้วนี่เป็นสาเหตุที่เราต้องเด็ดกระเป๋ามันออกก่อน)


อีกมุมมองหนึ่ง ที่เราป้ายเกสรตัวผู้ไปที่เกสรตัวเมียแล้ว เป็นแบบนี้ครับ


หากเราทำไม่ผิดพลาดแล้ว ดอกเขาจะเหี่ยวเร็วกวาปกติ รังไข่ หรือฝักเขาจะอวบอ้วน และมีสีเขียวเข้มขึ้น แต่หากไม่ติด ฝักจะฝ่อ เหลือง และหลุดไปในที่สุดแบบนี้ครับ


จากนั้นก็ต้องเขียนชื่อคู่ผสม วันเดือนปีที่ผสม ติดไว้ และรอเวลาส่งแล็ปที่รับเพาะกล้วยไม้ ซึ่งอายุฝักขึ้นกับสายพันธุ์ และความชำนาญของแต่ละแล็ปที่เราส่งฝักไปเพาะ ซึ่งน่าจะสอบถามกันได้ครับ

จบละครับ การผสมรองเท้านารีแบบบ้านๆ คงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2552    
Last Update : 14 ธันวาคม 2552 21:28:26 น.
Counter : 5197 Pageviews.  

@@ ชีวิตย่อมมีหนทาง @@ การอยู่รอดของกล้วยไม้รองเท้านารี

หลายๆ คนรู้สึกว่า การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้รองเท้านารี เป็นเรื่องยาก ดูแลยาก ออกดอกยาก แต่... ตายง่าย แถมตอนซื้อก็ราคาค่อนข้างแพงกว่ากล้วยไม้ทั่วๆ ไป บางต้น ปลูกๆ ไป อ้าว... เน่ายุบไปดื้อๆ หรือไม่ก็เน่าแห้งไปซะเฉยๆ งั้น

คราวก่อนผมแนะนำว่า ถ้่ากล้วยไม้รองเท้านารีเราเริ่มมีอาการเ่น่าที่ใบ ยังพอรักษาได้ด้วยปูนแดง แต่ถ้าเน่าที่ยอดนี่ หมดหวัง

ยังครับ ยังไม่หมดหวัง แล้วก็แทบไม่ต้องทำอะไรมาก แค่อย่าพึ่งโยนทิ้งไปเท่านั้นเองครับ บางต้นที่เน่าแห้งแทบหมดหวังแบบนี้


ผมก็แค่แยก(ที่จริงตอนเริ่มเห็นก็แยกไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้เอาไปทิ้ง)ออกมาต่างหาก กันไม่ให้เชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรีย กระจายไปต้นอื่นๆ แล้วก็ให้น้ำบ้างเล็กน้อย แต่ใช้วิธีหยอดที่เครื่องปลูกครับ ถ้าไม้ต้นนี้ของเรา มันยังไม่เน่าลงไปถึงส่วนที่เป็นต้น หรือรากแล้ว บางครั้ง มันก็แตกหน่อใหม่ออกมาครับ แบบต้นนี้


ขนาดไม้ที่พึ่งแยกมาจากขวด บางทีเน่าแห้งไป วันดีคืนดี ก็แตกหน่อใหม่มาซะงั้น แบบต้นนี้ครับ


รองเท้านารีหลายๆ ต้น บางทีก็หยุดการเติบโต ไม่แทงใบใหม่แล้ว แบบนี้ไม่นาน จะแทงหน่อใหม่ครับ บางทีได้หน่อใหม่หลายหน่อเลย เช่นต้นนี้


เหลืองตรังต้นนี้ก็เช่นกัน หยุดแทงใบใหม่ แต่ไม่นานก็แทงหน่อใหม่มาแทนที่ครับ


ครับ ชีวิตย่อมมีหนทาง สตีเว่น สปีลเบิร์ก ว่าไว้ในเรื่องจูราสสิก พาร์ค
กล้วยไม้รองเท้านารีก็เช่นกัน ย่อมมีหนทางการดำรงชีวิตอยู่ ขอเราเข้าใจให้มากขึ้นอีกนิดครับ




 

Create Date : 05 ธันวาคม 2552    
Last Update : 5 ธันวาคม 2552 14:22:11 น.
Counter : 1962 Pageviews.  

ปูนแดงกับกล้วยไม้ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ปูนแดงที่คุณย่า คุณยาย ใช้ป้ายกับใบพลูกินกับหมากนั่นแหละครับ
แม้เราจะไม่ได้กินหมากกันแล้ว แต่กับนักปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ ไม่ว่ามือใหม่ หรือมือเก่า ล้วนต้องมีไว้กันสักกระปุกหนึ่งละครับ ราคาก็แสงถูก ผมซื้อมา 10 บาท ใช้ไป 2-3 ปี แล้วยังหมดไปไม่ถึงครึ่ง ส่วนใหญ่จะทำแห้งจนต้องทิ้งซะมากกว่าใช้หมดครับ
ปูนแดงเราผสมน้ำให้เป็นครีมแบบนี้ครับ


ปูนแดงมีส่วนช่วยในการยับยั้งการเิกิดเชื้อรา ซึ่งทำให้กล้วยไม้ของเราเน่าครับ คงเป็นเพราะปูน มีสภาพเป็นด่างจนเชื่อราไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ทำให้อาการเน่าหยุดไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าปูนแดงจะช่วยได้ทุกครั้ง อย่างรองเท้านารีต้นนี้มีอาการเน่าที่ใบล่าง (ถ้าเน่าที่ยอด ก็หมดหวังครับ) แบบภาพนี้ครับ


เราก็เอาปูนแดงที่ผสมน้ำให้ข้นๆ หน่อยหยอดลงไปตรงที่เน่าแบบนี้


จากนั้นก็นำไปวางแยกไว้ต่างหาก งดน้ำราว 2-3 วัน แล้วค่อยรดน้ำแบบพอให้เครื่องปลูกชื้นๆ อย่าให้ใบเปียก ลองดูต้นที่ผมทำไว้แล้วก็รอดมาได้นะครับ
ต้นนี้ใบเน่าเป็นจุดแล้วเริ่มลามขยายใหญ่ขึ้น ผมเห็นก็เอาปูนแดงมาทารอยที่เน่า อาการเน่าก็หยุดแบบนี้ครับ



บางต้นที่เน่ามากหน่อย ก็จำเป็นต้องตัดส่วนที่เน่าทิ้ง แล้วเอาปูนทารอยที่ตัด แผลก็จะแห้ง รอดมาได้ครับ


ต้นนี้เป็นเหลืองตรังเกาะพร้าว เห็นว่างามๆ อย่างนี้


อดีตเคยผ่านการรักษาแบบนี้มาแล้ว จะเห็นว่าอาการเน่าหยุดได้แทบทันที แม้ใบนั้นๆ จะไม่สวย แต่ก็ยังใช้ในการเจริญเติบโต สร้างอาหารให้พืชได้ และพอใบใหม่ออกมา หรือหน่อใหม่ออกมา ก็งดงามได้ครับ


สำหรับต้นที่ไม่รอดก็มีนะครับ แบบนี้ เรียบร้อยไปแล้ว


ในกรณีที่เราแบ่งลำกล้วยไม้ไปปลูกใหม่ อย่างแคททลียาที่ตัดลำมาใหม่ ก็ต้องทาปูนที่รอยตัด และปลายรากที่ตกแต่งไว้แบบนี้ครับ


ปูนแดงนั้นมีคุณประโยชน์ต่อกล้วยไม้มากมาย ราคาถูก ปลอดภัย ใช้ง่าย ทุกๆ ท่านที่ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ ถ้ายังไม่มี รีบหามาไว้คนละกระปุกนะครับ เวลาเห็นกล้วยไม้ที่เรารัก เริ่มมีอาการเน่า ใช้วิธีนี้ ผมว่า กว่า 80% รอดครับ




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2552 21:23:51 น.
Counter : 6457 Pageviews.  

สัญญาณการออกดอกของกล้วยไม้รองเท้านารี

กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี หรือ Paphiopedilum ในประเทศไทยเรา มีหลากหลายสายพันธุ์ ที่นิยมปลูกเลี้ยงกัน ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทดอกกลม เช่น เหลืองตรัง เหลืองปราจีน ขาวสตูล และล่าสุด ก็คือ ขาวพังงา ซึ่งว่ากันว่า เป็นรองเท้านารีที่ดอกเล็กที่สุดในโลก และพบได้เพียงแห่งเดียวที่จังหวัดพังงา (แต่ทำไมต้นที่ดอกสวยๆ ไปอยู่ที่ไต้หวันก็ไม่รู้อ่ะครับ)

หลายๆ ท่าน ที่ได้ปลูกเลี้ยงเอาไว้คงพบว่า ส่วนใหญ่ก็ออกดอกได้ดี อาจเป็นเพราะเป็นไม้ประจำถิ่นของประเทศเราเอง วันนี้ผมจะเอาสัญญาณที่แสดงว่า รองเท้านารีเรากำลังตั้งท้อง เตรียมแทงช่อดอก เพื่อที่เราจะได้ไม่ไปเปลี่ยนกระถาง ซึ่งมีโอาสที่จะทำให้กล้วยไม้รองเท้านารีของเรา อาจชะงัก ช่อดอกไม่ยืด หรือทำให้ดอกฝ่อไปได้ หรือกรณีไปซื้อรองเท้านารีที่ต้นพร้อมให้ดอก ก็จะได้มีโอกาสเลือกต้นที่กำลังจะแทงช่อดอกแล้ว (คนขายบางคนก็ไม่รู้วิธีดูนะครับ)

รองเท้านารี เวลาเขาจะแทงช่อดอก จะีมีสัญญาณอย่างหนึ่ง คล้ายๆ กับเวลาที่แคททลียาจะออกดอก เขาจะแทงซองนำมาก่อน และเนื่องจากรองเท้านารี เป็นกล้วยไม้ประเภทเติบโตทางยอด หรือที่เรียกกันว่า Monopodial ซึ่งทำให้เราต้องคอยลุ้นไปเรื่อยๆ

แต่เมื่อไหร่ที่เราเห็นเขาแทงใบใหม่ และมีลักษณะที่มีขนอ่อนๆ บริเวณสันใบ นั่นคือสัญลักษณ์ของการเตรียมแทงช่อดอกแล้วละครับ ตามภาพนี้ (อาจไม่ชัดนัก)


และวันหนึ่งเขาก็จะแทงช่อดอกยืดออกมาให้เราได้ชม แบบนี้ครับ


แต่ถ้าใบใหม่ที่แทงออกมา เป็นแบบนี้ ส่วนใหญ่จะยังไม่แทงช่อดอกครับ


เป็นข้อสังเกตุได้อย่างหนึ่ง แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป บางทีเห็นว่าน่าจะแทงช่อดอกแน่ๆ ก็ไม่มี และก็อาจเป็นการเติบโตแบบสุดต้นแล้ว ไม่มีใบใหม่ออกมาอีก แต่จะแตกหน่อใหม่ออกมาแทน (รองเท้านารีเวลาออกดอก หรือเริ่มแทงช่อดอก จะเริ่มแตกหน่อใหม่ครับ)

ก็ขอให้ทุกๆ ท่านสนุกสนานกับการปลูกกล้วยไม้ต้นโปรดนะครับ เรียนรู้เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ กันไป ผมเองก็ได้รับคำแนะนำการดูแบบนี้มาจากเซียนรองเท้านารีท่านหนึ่ง ก็เลยเอามาบอกต่อครับ




 

Create Date : 31 ตุลาคม 2552    
Last Update : 31 ตุลาคม 2552 21:10:38 น.
Counter : 2252 Pageviews.  

สีของดอกกล้วยไม้กับแสงแดด

เมื่อเราปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นต้นอะไรก็ตามแต่ เราคงมองหาพื้นที่ หรือจุดที่ได้รับแสงแดดเป็นอันดับแรก แต่กับต้นกล้วยไม้ บางทีเราก็กังวลว่า ต้องอยู่ตรงไหนหว่า ถึงจะได้แสงพอดีๆ จะวาง หรือจะแขวนไว้ตรงแดดตรงๆ ก็คงผิดธรรมเนียม ก็เขาว่ากันว่า กล้วยไม้ต้องอยู่ใต้ร่มเงานิดหน่อยนี่นา ก็แล้วแค่ไหนล่ะ ที่จะพอดีกับที่กล้วยไม้ต้องการ



ท่านศาสตราจารย์ระพี สาคริก เคยเล่าไว้ในหนังสือของท่านเล่มหนึ่ง (ขออภัยที่จำชื่อหนังสือไม่ได้) ท่านเล่าว่าสมัยเป็นเด็ก เคยตามบิดาท่านไปตรวจราชการ ไปทางเกวียน และที่สำคัญ ต้องเดินทางเข้าไปในป่า ที่ท่านตั้งใจอย่างหนึ่ง ก็คือ การไปเสาะแสวงหากล้วยไม้ ตอนนั้น ท่านยังไม่มีความรู้เรื่องกล้วยไม้แต่อย่างใด ท่านก็เที่ยวมองหาตามใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่ง พบว่าไม่พบ คือแทบไม่เจอเลย... ทำไมล่ะ

กล้วยไม้ก็ต้องการแสงแดดครับ ท่านเล่าว่า การที่ท่านเที่ยวมองหาแต่ตามร่มไม้ใหญ่นั้น นั่น ไม่ใช่ที่อยู่ของกล้วยไม้ เพราะมันมีแสงน้อยเกินไป แต่ต้องเป็นตามป่าโปร่ง ที่มีแสงแดดส่องถึง จึงจะพบเห็นกล้วยไม้ป่าได้มากขึ้น

ผมเองก็ไม่ใช่คนที่จะมีโอกาสได้ไปเดินป่ากับใครเขา จึงไม่มีโอกาสได้สังเกตุแบบท่าน ก็เลยทดลองเอากล้วยไม้ที่บ้านมาลองดู เป็นกล้วยไม้ตระกูลแคททรียาพันธุ์แท้ ต้นหนึ่งปลูกแบบโดดแดดเต็มวัน (หมายถึงพรางแสงประมาณ 40%) อีกต้นหนึ่งปลูกใต้ร่มไม้ใหญ่ แทบไม่โดนแดดเลย พอดีทั้งสองต้นแทงดอกมาพร้อมๆ กัน ก็เลยได้ข้อสังเกตุว่า ต้นที่ได้รับแดดเต็มวันนั้น นอกจากจะงามกว่า ออกดอกบ่อยกว่าแล้ว ที่สำคัญ สีของดอกต้นที่โดนแดดนนั้น เข้มกว่าต้นที่ไม่โดนแดดครับ

ภาพแรกเป็นต้นที่ปลูกใต้ร่มไม้ใหญ่ แทบไม่โดนแดดเลย


ภาพที่สองนี้ เป็นต้นที่ได้รับแสงเต็มๆ วันครับ


ภาพทั้งสองถ่ายในเวลาเดียวกัน แม้จะแขวนอยู่คนละมุมบ้าน ทำให้สภาพแสงตอนถ่ายภาพแตกต่างกัน แต่จากสายตาผม สีของต้นที่ปลูกแบบได้รับแดดเต็มวันนั้น สีเข้ม สดใส กว่าครับ ประมาณได้ดังภาพที่ผมนำมาแสดง แม้จะไม่สามารถสื่อได้เหมือนจริงเต็มที่

ดังนี้แล้ว ท่านที่ชื่นชอบการปลูกกล้วยไม้ ต้องศึกษาทำความเข้าใจแต่ละสายพันธุ์ที่ปลูกนะครับว่า เขาชอบแสงมาก หรือน้อย เพราะไม่ใช่กล้วยไม้ทุกสายพันธุ์จะชอบเหมือนๆ กัน บางสายพันธุ์เจอแดดเต็มๆ แบบไม่มีการพรางแสง เช่น ตระกูลหวาย เขาก็อยู่ได้ ออกดอกได้สวยงาม แต่บางสายพันธุ์ อย่างเช่นตระกูลช้าง หากโดนแดดเต็มๆ ทั้งวัน มีโอกาสใบไหม้ตายเอาได้นะครับ




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2552    
Last Update : 28 ตุลาคม 2552 23:27:27 น.
Counter : 2321 Pageviews.  

1  2  

sailub99
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add sailub99's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.