Review : Revlon Colorstay Whipped รองพื้นราคาเบา แต่คุณภาพไม่เบา ยังไม่มีเวลาเปลี่ยน/ปรับหัวข้อกรุ๊ปบล็อกเลย ขอเขียนไปเรื่อยๆก่อนละกัน เผอิญสอยรองพื้นที่อยากลองมานานแต่ของเก่ายังไม่หมดซะทีเลยรอๆๆมาเรื่อยๆ จนกระทั่งล่าสุดไปลองปาด ปาดทับลงไปบนหน้าที่แต่งมาแล้วนี่แหละ อุ๊ย มันเนียนนะ เนียนเลย ไม่รอละน้า สอยเลยดีกว่า ได้เบอร์ 180 มาค่ะน่าจะขาวสุดละเห็นมีวางอยู่ 5 เบอร์ ราคา 550 บาทได้ลดอีก 10% ตามโปรฯของห้างเซ็นทรัลค่ะ เนื้อจะเป็นครีมค่อนไปทาง liquid นะเราว่า ใครเคยมีตัว water cream foundation ของ Lunasol แล้วจะพบว่ามันคล้ายกันมากเลย ปกปิดได้ดีและบางเบาด้วยค่ะ สี 180 นี้จะค่อนไปทางขาวเหลืองซึ่งเหมาะกับสีผิวเราพอดี ใช้ไปแล้วหน้าไม่เทาระหว่างวัน จากซ้ายไปขวานะคะ ผิวเปล่าๆ-ตามด้วยเบสและรองพื้น-ตบแป้งทับหน่อยเพื่อคุมมันระหว่างวัน ผลที่ได้โอเคเลยค่ะ ผ่านไปครึ่งวันหน้ามีมันบ้างเบาๆตามสภาพอากาศ ซับมันแผ่นเดียวเอาอยู่ต่อได้ถึงเย็น(เราเป็นคนผิวผสมนะคะ มันเฉพาะทีโซนข้างแก้มจะปกติค่ะ) สรุปเมื่อเทียบกับราคาแล้วเราว่าเป็นรองพื้นที่คุณภาพโอเคเลยค่ะ ตัวนี้เกลี่ยด้วยนิ้วมือจะเวิร์คสุุดสำหรับเรานะคะ (ปกติเราจะใช้แปรงในการทารองพื้น) ช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยเพราะไม่ต้องล้างแปรงหลังใช้ Finished look แถมทิปเล็กๆ ถ้าอยากปัดแก้มให้ดููแดงระเรื่อเป็นธรรมชาติ ให้ปัดเป็นแนวเส้นตรงจากข้างแก้มออกไปด้านข้างนะคะ ปัดเป็นเส้นตรงเลยไม่ต้องวนเป็นกลมๆ และไม่ต้องกินพื้นที่กว้างมาก จะได้ลุคใสๆน่ารักเป็นธรรมชาติค่ะ   Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2556     Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2556 16:36:52 น. Counter : 7268 Pageviews.   2 comment Share Tweet

Review : Lola Duo Lipstick in Strawberry Cream วีคที่ผ่านมาเดินผ่านเคาน์เตอร์ Lola ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว มีโปรฯที่ยั่วยวนใจมากคือ ซื้อ 3 ชิ้นได้ลด 20% เลยรวมกับเพื่อนซื้อกันจนได้โปรฯ เราได้ตัว Duo Lipstick สี Strawberry Cream มาดูกันค่ะ (คำบรรยายใต้ภาพจ้า) เคยใช้ตัว Two Tone ลิปสติกตัวเก่าแพ็คเกจเป็นสีแดง คราวนี้เปลี่ยนเป็นสีดำ ตัวปลอกลิปมีกระจกให้เหมือนเดิม สวยเก๋ตามสไตล์ Lola ด้านสีอ่อน (ไม่รู้เขาเรียกสี "cream" แล้วเรียกด้านสีเข้มเป็นสี "strawberry" หรือปล่าวแต่เราเรียกสีอ่อนกะเข้มละกัน เข้าใจง่ายดี) ออกสีชมพูพีช นมๆ ส่วนด้านสีเข้มเกือบจะเป็นชมพูช้อคกิ้งพิ๊งค์แต่ไม่ถึงขั้นนั้น สีออกสดๆแต่ก็หวานด้วย รูปนี้เราถ่ายด้วยแสงในห้องช่วงเย็นมากๆแล้ว สีอาจเพี้ยนนิดๆแต่ไม่มากนะคะ I say : จุดเด่นคือเนื้อลิปเบามากถึงมากที่สุดในความรู้สึกเรานะ คือทาแล้วลื่นไปกับปากเลย ดังนั้นคนที่ชอบทาแบบฝนลิป คือซ้ำไปซ้ำมาหลายๆรอบจะไม่ต้องกังวลกับเรื่องเป็นคราบค่ะ สีแน่น ชัดเจนมาก ทาแค่สองรอบก็กลบสีปากเดิมได้มิดเลย เนื้อลิปมีความชุ่มชื้น ได้ลุคครีมมี่กำลังดีค่ะ รูปบนซ้าย ขออนุญาตเครดิตรูปมาจาก google นะคะ จากซ้ายไปขวาและบนลงล่าง เริ่มจากลองสีอ่อนสีเดียว ตามมาด้วยสีเข้มสีเดียว และสุดท้ายทาสีอ่อนทั่วปากและลงสีเข้มบริเวณกึ่งกลางริมฝีปากล่าง ทุกรูปทาจากแท่งเลยและใช้นิ้วเกลี่ยๆเอาค่ะ ทาสีอ่อนสีเดียว ทาสีเข้มสีเดียว สองสีโลด เอาสีเข้มไว้ด้านในจ้า รูปสุดท้ายหลังผ่านไปราว 3-4 ชั่วโมง ทานข้าวไปหนึ่งมื้อโดยยังไม่เติม สีดร็อปลงเล็กน้อยแต่ยังสวยอยู่ ลองโทรสอบถามโปรโมชั่นก่อนได้นะคะ ไม่ทราบว่าหมดไปหรือยัง แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้าค่า   Create Date : 11 กรกฎาคม 2555     Last Update : 11 กรกฎาคม 2555 19:44:26 น. Counter : 3736 Pageviews.   6 comment Share Tweet

Review & Mini How to: Beautilicious La Vie En Rose Letter d'amour สำหรับบลัชออน La Vie En Rose Letter d’amour ตัวใหม่นี้ออกตามมาจาก La Vie En Rose Parisian Passion ตัวแรกซึ่งเป็นโทนสีพีช ตัวใหม่จะออกเป็นโทนชมพูน้ำตาลนะคะ ทั้งสองตัวเป็นบลัชออนแบบฝุ่นเม็ดสีปานกลาง ไม่จัดมาก วันนี้เลยจับมาทำ mini how to เล็กๆให้ดูพร้อมเทสสีไปด้วยทีเดียวเลย มาดูกันค่ะ (คำบรรยายใต้ภาพจ้า) เปรียบเทียบโทนสีให้ดูก่อนนะคะ ซ้ายเป็นตัวแรก Parisian Passion ขวาเป็นตัวใหม่ Letter d’amour คราวนี้จะลองเทสต์สีโดยจับมาทำ mini how to เล็กๆให้ดูกันเป็นโทนหวานๆอ่อนๆใช้ได้ทุกวันค่ะ แถวบนซ้ายไปขวา จากเปลือกตาเปล่าๆลง primer แล้วเราใช้แปรงแตะสีน้ำตาลลงเป็นเบสให้ทั่วเปลือกตาไม่ต้องกว้างมาก ส่วนแถวล่างใช้แปรงแตะสีชมพูอีกซีกนึงของตัวบลัชระบายทับและไล่ขึ้นมาด้านบน จากนั้นใช้กลิตเตอร์แบบผงของ canmake สีทองแตะๆทับสีที่เราระบายไว้ แล้วใช้กลิตเตอร์แบบครีมสีชมพูของ canmake เช่นกันแปะๆทับสีทองอีกทีเพื่อให้ติดทนยิ่งขึ้น กรีดอายไลเนอร์โดยเราใช้แบบเจลครีมสีน้ำตาลของ Maybelline เราใช้พู่กันวาดเป็นโครงเส้นตามขนาดทีเราต้องการก่อนแล้วค่อยระบายสีทับให้ทั่วค่ะ แล้วใช้อายไลเนอร์เนื้อดินสอเป็นแบบแท่งหมุนๆของ Beautilicious เขียน inner ด้านในขอบตาล่างโดยเขียนแค่ครึ่งนึงของความยาวขอบตาล่างแล้วค่อยๆเกลี่ยๆออกมาด้านนอกด้วยให้ฟุ้งยิ่งขึ้น ไม่เน้นคมนะคะ เพื่อความหวานของดวงตาในวันนี้ เราใช้ขนตาปลอมช่วยซึ่งถือโอกาสลองรุ่น Sweet Cat no.10 จาก Dolly Wink ซะเลยหลังจากซื้อมานานแล้วยังไม่ได้ใช้ซักที โดยเราตัดส่วนปลายขนตาออกให้พอดีกับความยาวของรูปตาเราและใช้ส่วนที่ตัดออกนั้นติดทับบริเวณหางตาอีกทีนึง (แอบเสียดายอะ ไม่ยอมทิ้ง 5555) ปัดมาสคาร่าที่ขนตาล่างเบาๆอย่าลืมแตะอายแชโดว์สีอ่อนๆตรงหัวตาล่างพร้อมใช้บลัชออนตัวนี้ปัดที่แก้มด้วยจะได้โทนสีทั้งหน้าออกมาเป็นโทนเดียวกันออกมาตามรูปค่ะ ต่อไปจะลองเทสต์สีบลัชในรูปแบบของบลัชออนล้วนๆ 2 รูปนี้เราเน้นปัดสีชมพูเยอะหน่อยเพื่อให้เข้ากับโทนสีของลิปสติกซึ่งเป็นสีชมพูหวานๆ อีกวันนึงเราใช้โทนน้ำตาลนุ่มๆอีกซีกนึงปัดทับให้เยอะขึ้น เพื่อให้ออกเป็นโทนชมพูน้ำตาลเพื่อให้เข้ากับเสื้อผ้าเครื่องประดับในวันนั้นๆ สำหรับคนที่อยากดูรีวิวสีของ La Vie En Rose ตัวก่อนหน้า ดูได้ที่นี่นะคะ คลิก จบแล้วค่า ฝากไว้เป็นไอเดียสำหรับสาวๆที่ชอบสะสมบลัชออน ลิปสติกแบบเรานะคะ บางทีบลัชอันนึงใช้น้านนานไม่พร่องซักที ก็เอามาประยุกต์ให้คุ้มค่าแต่งตาบ้างแต่งแก้มบ้าง ว่ากันไปตามไอเดียของแต่ละคน ไว้เจอกันใหม่ใน item ตัวหน้านะคะ วันนี้สวัสดีค่ะ   Create Date : 07 พฤษภาคม 2555     Last Update : 8 พฤษภาคม 2555 15:58:15 น. Counter : 3447 Pageviews.   3 comment Share Tweet

Review : YLS Rouge Volupte' No.30 กลับมาแวะรีวิวลิปสติกที่เพิ่งได้มาของ YSL ค่า คราวนี้สอยเบอร์30สี Faubourg Peach เป็นโทนสีเบจพีชตามสไตล์ที่ชอบ มาดูกันค่ะ I say : ความรู้สึกเมื่อทาบนปากนะคะ เนื้อสียังคงแน่นตามสไตล์กลบสีปากมิดในรอบแรกเลย อีกเรื่องที่รู้สึกว่าเขาพัฒนาขึ้นคือเรื่องกลิ่นค่ะ รอบนี้เราว่ากลิ่นไม่แรงเหมือนเคยคือมันไม่ได้หอมแต่ก็ไม่ได้เป็นเคมีชัดมากเหมือนรุ่นที่เคยซื้อปีสองปีก่อน ส่วนข้อด้อยคือถ้าไม่ใช้แปรงช่วยปาดมันจะเป็นคราบได้ง่าย ยิ่งถ้าทาลงบนริมฝีปากที่เป็นร่อง ไม่เรียบเนียนจริงๆ โอกาสเป็นคราบเป็นร่องสูง เราใช้แปรงช่วยก็ดีขึ้นค่ะ ลองดูพร้อมเมคอัพนะคะ (ขออภัยในความทรุดโทรมของผิวหน้าเนื่องจากนอนวันละ3-4ชั่วโมงติดกันมาเกือบอาทิตย์แล้ว) อันนี้จะออกสีส้มพีชมากกว่าเบอร์ 26 ที่มีอยู่ เลยแวะเอารูปเบอร์ 26 ที่เคยทำรีวิวไว้ปีกว่าๆมาเทียบให้ดูกันนะคะ 26 จะอมชมพูกว่า สรุปสำหรับเราถ้าพูดถึงลิปสีพีชนมๆสวยๆ YSL ยังคงเป็นแบรนด์แรกๆที่เรานึกถึงนะคะ เสียดายที่ยังคงหาซื้อยาก อันนี้ได้มาจากใน duty free สุวรรณภูมิค่ะ ไว้ทะยอยรีวิวมาให้ดูเรื่อยๆนะคะตามประสาคนชอบสะสมลิปสติก สวัสดีค่า   Create Date : 28 เมษายน 2555     Last Update : 28 เมษายน 2555 23:02:01 น. Counter : 13814 Pageviews.   2 comment Share Tweet

Review: Canmake Creamy Touch Rouge in Marshmallow Pink สอยลิปตัวใหม่ของ canmake มา1แท่ง ตามประสาคนชอบลิปสติก เอามาให้ดูกันค่า(คำบรรยายใต้รูปนะคะ) ชื่อเต็มๆ Canmake Creamy Touch Rouge #01 สี Marshmallow Pink ค่ะ เนื้อครีมแน่นดี ค่อนไปทางแมทเล็กน้อย เล็กน้อยเท่านั้นค่ะ เพราะไม่แห้งเท่าแต่ก็ไม่แวววาวเหมือนเนื้อเชียร์ ความรู้สึกเมื่อทาลงบนปากคือ สีแน่นปานกลาง ไม่แห้งตึงแต่ก้อไม่ได้ชุ่มชื้นมาก จะกลบสีปากเดิมมิดก็ต่อเมื่อทาไปซัก3-4รอบ แต่ไม่เป็นคราบนะคะ เอานิ้วเกลี่ยออกก็จะได้สีกำลังดีเลย เป็นชมพูหวานๆไม่อมพีชเท่าไหร่ค่อนมาทางชมพูมากกว่า ติดทนปานกลาง ปรับโหมดกล้องให้สว่างเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม สีลิปที่ได้ค่อนข้างเหมือนในแท่งเลยค่ะ ไม่เพี้ยน อยากบอกว่าเบอร์ 02 สี Misty Orange ก็น่ารักมาก เป็นส้มหวานๆ ไม่แน่อาจจะกลับไปสอยอีก ราคาไม่แพงนะคะ ไม่ถึง 400 บาท เทียบกับคุณภาพแล้วถือว่าเริดทีเดียวค่ะ   Create Date : 31 มกราคม 2555     Last Update : 31 มกราคม 2555 20:38:10 น. Counter : 5228 Pageviews.   4 comment Share Tweet

• หัวใจใส่ชุดนักเรียน
• ~บุลภรณ์~
• wannee2w
• หนีแม่มาอาร์ซีเอ
• พยาบาลเกเร
• KiRaRi
• feonalita
• CinnamonGal
• StubborN_Me
• SQ.bunniebelle
• january_tist
• กระต่ายลอยคอ
• ติศักดิ์
• iloveaday
• จำชื่อไม่ได้
• INDYINDARE.IC
• oh_gift99
• erk-erk
• แบแบ
• tuniez83
• Molly_Nanny
• akino
• Trapped inside a woman's body
• We Are FroM BeLGiUM
• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com