มองจีน เรียนจีน อ่านจีน เพลินจีน

สมสมรกับฝนห่าใหญ่ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด





ฝนเทกระหน่ำแบบมืดฟ้ามัวดินมาตั้งแต่บ่ายสองโมง และดูเหมือนว่ายังไม่มีทีท่าที่จะหยุด

สมสมรนั่งอยู่บนโซฟากำมะหยี่สีกรมท่า ที่สามีซื้อให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน

ความจริงแล้วเธอไม่ค่อยชอบโซฟาตัวนี้เท่าไหร่นักเพราะสีอันทึบทึมของมันทำให้เธอรู้สึกหม่นเศร้าไปตลอดทั้งวัน


ฝนเทกระหน่ำแบบมืดฟ้ามัวดินมาตั้งแต่บ่ายสองโมง และดูเหมือนว่ายังไม่มีทีท่าที่จะหยุด


สมสมรลุกจากโซฟากำมะหยี่สีกรมท่า เธอจัดชุดนอนลายลูกไม้กำมะหยี่สีแดงโอรส เดินไปที่ตู้เย็น

สมสมรเปิดตู้เย็น

ตู้เย็นว่างเปล่า

สมสมรไม่มีอะไรจะกิน


ฝนเทกระหน่ำแบบมืดฟ้ามัวดินมาตั้งแต่บ่ายสองโมง และดูเหมือนว่ายังไม่มีทีท่าที่จะหยุด


สมสมรว้าวุ่นใจ เพราะตั้งแต่เธอตื่นและุลุกขึ้นจากเตียงนอนไม้ ปูผ้าห่มกำหยี่สีชมพู ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลยสักอย่าง

เสียงท้องร้องส่งเสียงดังประชันแข่งต่อกับเสียงฝนที่กระทบลงบนกันสาดสีทองไร้รสนิยมหน้าบ้านอย่างหนักหน่วง


ฝนเทกระหน่ำแบบมืดฟ้ามัวดินมาตั้งแต่บ่ายสองโมง และดูเหมือนว่ายังไม่มีทีท่าที่จะหยุด


สมสมรตาลาย ความหิวทำให้เธอกายอ่อนล้า แทบยืนไม่อยู่ เดินต่อไปคงล้ม มันหมดแรงจะสู้...

สมสมรจึงประคองตัวเองและค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าขึ้นไปข้างบน

สภาพความหิวโหยของเธอตอนนี้พุ่งขึ้นถึงขีดสุด


ฝนเทกระหน่ำแบบมืดฟ้ามัวดินมาตั้งแต่บ่ายสองโมง และดูเหมือนว่ายังไม่มีทีท่าที่จะหยุด


สมสมรยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์ที่เธอพอจะนึกออก

สมสมรรอเสียงตอบรับจากปลายสายอย่างใจจดใจจ่อ

ชั่วหลายอึดใจ เธอได้ยินเสียงจากปลายสาย

ความอัดอั้นตันใจของสมสมรถูกปลดเปลื้องโดยฉับพลัน เป็นเสียงที่เปรียบได้กับน้ำทิพย์ชโลมใจสมสมรอย่างหาที่เปรียบมิได้

"ซื้อ บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง หน้าปากซอยมาให้หน่อยนะที่รัก"


สมสมรวางหูโทรศัพท์

ฝนเทกระหน่ำแบบมืดฟ้ามัวดินมาตั้งแต่บ่ายสองโมง และดูเหมือนว่ายังไม่มีทีท่าที่จะหยุด


สมสมรรอบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงจากสามีอย่างใจจดใจจ่อ และดูเหมือนว่ายังไม่มีทีท่าที่จะหยุด...รอ





 

Create Date : 29 มกราคม 2554    
Last Update : 29 มกราคม 2554 11:14:34 น.
Counter : 519 Pageviews.  

สมจิตรขาดทักษะการพูด


คุณครูวิกานดา สอนวิชาภาษาไทย บอกกับเด็กนักเรียนที่เธอสอนว่า

ทักษะของมนุษย์มีอยู่ 4 อย่างคือ ทักษะการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน

สมจิตร สาวน้อยผู้รักวิชาภาษาไทยจดคำพูดของคุณครูใส่ลงไปในสมุด
เธออยากเป็นคุณครูสอนวิชาภาษาไทยเก่งๆอย่างคุณครูวิกานดาบ้าง
เธอรักการอ่านหนังสือและการเขียนมาแต่ไหนแต่ไร

สมจิตรค่อนข้างมั่นใจว่า ทักษะการอ่าน และการเขียน ของเธอนั้น ไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

ส่วนทักษะการฟัง สมจิตรก็เป็นคนที่ชอบฟังคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ใครจะพูดอะไร
ไร้สาระแค่ไหน หรือมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไร เธอจะเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ

อ่านมาก เขียนมาก ฟังมาก ทำให้โอกาสที่ได้ฝึกทักษะการพูดย่อมน้อยเหมือนแสงหิ่งห้อยที่ท้าทายแสงหลอดไฟนีออน

ในสายตาของเพื่อนๆ สมจิตรมักจะเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง พูดเร็ว
ลำดับความคิดความสำคัญของเรื่องที่จะเล่าไม่ได้ซึ่งสมจิตรเองก็คิดอย่างนั้น
เหมือนกัน เพราะเวลาที่เธอออกมาพูดรายงานหน้าชั้น
เธอเองจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าเธอกำลังทำอะไร พูดอะไร หายใจอย่างไร

แต่สมจิตรอยากเป็นครูสอนภาษาไทย

เธอได้เข้าใจแล้วว่า ทักษะการพูดคือทักษะที่สำคัญที่สุด
เพราะมนุษย์ต้องสื่อสาร พูดคุย สั่งสอน
และอาศัยการพูดคุยเป็นสื่อกลางในชีวิตประจำวัน สมจิตรรู้สึกระทดระท้อใจ
เพราะว่าเธออาจจะเป็นครูสอนภาษาไทยที่ดีไม่ได้

สมจิตรนั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่า จะมีวิธีการใดที่จะทำให้เธอพูดจารู้เรื่อง
ลำดับเรื่องราวความสำคัญต่างๆ ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
พูดโดยไม่รู้สึกประหม่า หรือพูดสะกดให้ทุกคนหันมาฟัง

ไม่มีวิธีการใดนอกจาก การพูด พูดให้มากขึ้น สื่อสารให้มากขึ้น

หลังจากนั้นเป็นต้นมา สมจิตรก็หัดพูด เธอพูดไม่หยุด พูดไปตลอดทาง พูด พูด พูด พูดไปเรื่อยๆ เพื่อฝึกทักษะที่เธอยังอ่อนด้อยอยู่

หลังจากที่เธอพูดจากน้ำลายแห้ง เธอก็ได้รู้ว่า ถึงยังไงทักษะการพูดของเธอก็ยังอ่อนด้อยอยู่ดี

"คนเราไม่ได้เกิดมาเก่งทุกอย่าง
การเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องก็คงเป็นอีกสไตล์หนึ่งที่ไม่เหมือนใคร
ฝึกพูดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็จะเก่งเอง"
คุณครูวิกานดาบอกกับสมจิตรเมื่อเธอขอคำปรึกษา

"แต่ถ้าหนูพูดไม่รู้เรื่อง หนูก็จะไม่มีวันเป็นครูสอนภาษาไทยที่ดีได้น่ะสิคะ"
สมจิตรพูดกับคุณครูวิกานดา น้ำตาเธอรื้นเต็มหน่วยตา เธอพยายามเลี้ยงน้ำตาไม่ให้มันทะลักล้นอาบแก้ม

"เชื่อครูเถอะ แล้วนี่จะเป็นอีกเรื่องที่จะผ่านไป"

คุณครูวิกานดาพูดกับสมจิตรด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เป็นรอยยิ้มที่ดูเข้าใจโลกและความเป็นจริง
สมจิตรไม่เคยเห็นคุณครูวิกานดายิ้มแบบนี้มาก่อน
คุณครูวิกานดาลูบหัวเธอไปมาสองสามทีพอให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์
ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินจากไป

เมื่อสมจิตรคิดทบทวนคำตอบของคุณครูวิกานดา

เธอคิดว่าอาจจะต้องรอให้เธอโตกว่านี้อีกหน่อย ถึงจะเข้าใจสิ่งที่คุณครูวิกานดาตอบออกไปก็เป็นได้




 

Create Date : 29 มกราคม 2554    
Last Update : 29 มกราคม 2554 11:06:54 น.
Counter : 413 Pageviews.  


ปาท่องโก๋เที่ยงวัน
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ตอนนี้สนใจเกี่ยวกับภาษาและวัฒนธรรมจีนครับ มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องภาษาจีนที่สงสัยหรืออยากแลกเปลี่ยน ก็ยินดีมากๆ ครับ :)
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปาท่องโก๋เที่ยงวัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.