มองจีน เรียนจีน อ่านจีน เพลินจีน

"นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได" --- เดินทางสู่ความมืด



ผมเพิ่งได้อ่านรวมเรื่องสั้นเรื่อง "นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได" ของคุณ "จักรพันธุ์ กังวาฬ"จบเมื่อวานนี้ครับ

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือ 1ใน8ที่เข้ารอบสุดท้าย รางวัลซีไรต์ ปี 2548 ด้วยนะครับ ก่อนที่ "เจ้าหงิญ" ของพี่ต้อ บินหลาได้รับรางวัลไปในที่สุด

บอกได้เลยครับว่า แนวทางของเจ้าหงิญและ นักเดินทางฯ นั้น แตกต่างกันแบบสุดขั้วครับ

หากเจ้าหงิญคือการมองโลกในแง่ดี นักเดินทางฯ ก็จะขอมองโลกในแง่ร้ายสุดๆ

ชนิดที่ว่าอ่านแล้วโลกจะกลายเป็นสีดำทันทีเลยครับ

เรื่องสั้นของคุณจักรพันธุ์แต่ละเรื่องนับว่าสะท้อนความฟอนเฟะและความมืดบอดรวมถึงการหลงเข้าไปอยู่ในโลกของวัตถุนิยมเต็มรูปแบบ อ่านจบแต่ละเรื่องทีไรต้องตามด้วยเสียงถอนลมหายใจแบบหดหู่ก่อนที่จะละสายตามามองสิ่งรอบข้างด้วยสายตาที่ปลงตก

ครับ โลกที่เราอยู่ สังคมที่เราอยู่บางทีมันอาจจะไม่สวยงามอย่างที่เราคิดไว้เสมอไป

ทุกๆหย่อมหญ้า ทุกๆซอกหลืบของสังคมเราต่างก็เต็มไปด้วยความเลวร้ายที่เกินจะทานทน

อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วอย่าหวังจะเห็นต้นกล้าโผล่ขึ้นมาตามซอกอิฐซอกกำแพงเลยครับ มิหนำซ้ำอาจจะเจอสัตว์เลื้อยคลานน่ากลัวๆโผล่ออกมาซะด้วยซ้ำ

"นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได" เป็นหนังสืออีกเล่มที่อยากจะแนะนำให้หามาอ่านกันนะครับ อย่างน้อยหนังสือเล่มนี้อาจจะมาเบรคความคิดของผู้ที่มองโลกในแง่งามเสมอมาว่าโลกใบนี้ย่อมมีสิ่งที่ดีๆหลงเหลืออยู่

แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะทำให้มองโลกในแง่ร้ายนะครับหากแต่จะบอกว่าอยากให้มองโลกในแง่สายกลาง มองโลกในแบบที่มันควรจะเป็นน่าจะดีกว่าไหมครับ

คุณจักรพันธุ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักผ่านทางตัวอักษรนะครับ






 

Create Date : 06 สิงหาคม 2549    
Last Update : 27 มกราคม 2554 20:18:13 น.
Counter : 1101 Pageviews.  

ว่าด้วยเรื่องของการหกล้ม

วันนี้ผมเห็นคนหกล้มต่อหน้าต่อตาที่สยามครับ!

คือเรื่องมันมีอยู่ว่าผมเพิ่งดูหนังเรื่อง Match Point จบด้วยความรู้สึกโหวงๆ เลยกดโทรศัพท์ไปคุยกับเพื่อนคุยถึงความเหนือชั้นของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ (ใครยังไม่ได้ดูแนะนำให้ดูนะครับ หนังประเด็นดีมากๆๆ)

เข้าเรื่องต่อ ระหว่างที่ผมเดินคุยโทรศัพท์อยู่นั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินนำหน้าผมอยู่ก่อนแล้วและผมก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่หล่อนก็ทำให้ผมต้องสนใจจนได้

ช่วงวินาทีที่เธอยกรองเท้าส้นสูงเพื่อขึ้นฟุตบาทนั้น...เธอยกขึ้นไม่สุดครับ ส้นรองเท้าที่สูงเหมือนตึกไบหยกไปเกี่ยวกับฟุตบาทเข้าพอดี!

ถ้าทำออกมาเป็นภาพยนตร์ ภาพที่ได้คือ ภาพ Slow motion ของมือที่เหวี่ยงไปข้างหน้า ขาที่ทิ้งลงไปด้วยความเสียศูนย์ และตามด้วยเสียงร้องของเธอ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปกองกับฟุตบาท

แต่ในความเป็นจริงการล้มของเธอใช้เวลาเพียงแค่ 2 วินาทีเท่านั้นครับ

แน่นอนครับเมื่อเธอล้ม คนรอบข้างก็ต้องพุ่งจุดสนใจไปที่เธอเป็นจุดเดียว รวมทั้งผมด้วย

เธอลุกขึ้นมา ปัดแข้งปัดขา และเดินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในฐานะที่ผมยืนใกล้เธอมากที่สุด แต่ผมกลับละล้าละลังที่จะเข้าไปช่วยเหลือหล่อน...

อย่าหาว่าผมใจดำเลยนะครับคือ มันอึ้งไปน่ะครับและอีก
อย่างคุณเคยเป็นแบบผมหรือเปล่าครับ ว่าเวลาที่เราหกล้ม ไม่ว่าจะเป็นการสะดุด,ลื่นไถล,ตกส้นรองเท้า,ล้มน้อยๆ,ล้มแบบจับกบ,ล้มแบบหกคะเมนตีลังกา ฯลฯ เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบนี้เกิดขึ้นกับเราแล้ว เรามักจะอายและภาวนาว่า ขออย่าให้ใครอยู่แถวนั้นหรือมาเห็นเราเล้ยยยย และยิ่งถ้าหกล้มกลางฝูงคนอย่างช่วยไม่ได้ก็ภาวนาขอให้ผู้คนมองผมเป็นสายลมที่ผ่านเลยไป อย่าเลยครับ...อย่าเข้ามาถามผมเลยว่าเจ็บหรือเปล่า...ช่วยเดินผ่านไปเลยนะครับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ผมลุกและเดินเองได้แล้วครับ

การหกล้มนี่นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดไว้ล่วงหน้า และผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นกับตัวเอง คิดดูสิครับ ช่วงวินาทีที่เราล้ม...ก่อนที่เราจะล้มลงเรามีสติฉุกคิดได้ว่า...เฮ้ยยยย กูกำลังล้ม...และล้มลงไป ช่วงนั้นเป็นช่วงวินาทีที่ "วูบ" จริงๆ

เอาเถอะครับ...ผมได้ข้อคิดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า "คนเราควรมีสติในการเดินและระมัดระวังกับการเดินไว้ให้มั้น จดจ่ออยู่กับการเดินและไม่ลืมที่จะเก็บบรรยากาศริมทางระหว่างการเดินนะครับ"

เพราะถ้าไม่มีสติ ถ้าไม่หกล้มก็อาจจะเหยียบ "ขี้หมา" ได้นะครับ

เตือนเอาไว้ :-)





 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 27 มกราคม 2554 20:19:42 น.
Counter : 282 Pageviews.  

เดือนวาด พิมวนา - นักเขียนที่ผมชื่นชอบ



ผมชอบงานเขียนของเดือนวาด พิมวนา
อาจเป็นเพราะเธอเขียนด้วยสำนวนที่เรียบง่าย ไม่ฉูดฉาดหวือหวา ทว่าภายใต้ความเรียบง่ายนั้น เต็มไปด้วยพลังและอารมณ์

ผมอ่าน "หนังสือเล่มสอง" รวมเรื่องสั้นคัดสรรของคุณเดือนวาดในระยะเวลาเพียงวันครึ่ง หลังจากที่ผมอ่านจบ ผมได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่า ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาเรามีสภาวะจิตใจที่คล้ายคลึงกับตัวละครตัวไหนของเดือนวาดบ้าง

นั่นแหละครับ เป็นเพราะงานเขียนของเธอได้สะท้อนถึงปมสามัญของความเป็นมนุษย์

ปมที่เรามองข้ามไป
ปมที่เราไม่นึกมาก่อนว่าจะมีในตัวเราหรือมนุษย์ทุกผู้


เดือนวาด พิมวนา เป็นนักเขียนที่มองโลกในแง่ดีตามทัศนะของผม เรื่องสั้นแต่ละเรื่องที่เธอเรียงร้อยนั้นแม้ในช่วงแรกๆดูเหมือนว่าตัวละครแต่ละตัวจะมีชีวิตหรือตกอยู่ในสถานการณ์อันยากจะทานทน แต่ถึงที่สุดแล้วเดือนวาดจะจบเรื่องด้วยความหวังและการมองโลกในแง่ดีเสียเป็นส่วนใหญ่ บวกกับถ้อยคำและสำนวนอันเรียบง่ายทว่างดงามของเดือนวาด ยิ่งสร้างพลังใจและความหวังให้กับผู้อ่านอย่างล้นเหลือ

ท่ามกลางกระแสวรรณกรรมที่เต็มไปด้วยการเขียนในรูปแบบระบบถอดรื้อโครงสร้างทางภาษา,งานเขียนเรื่องสั้นเชิงทดลองด้วยรูปแบบและโครงสร้างการใช้ภาษาหวือหวาต้องตีความมากมายก่ายเกิน ยังมีที่ทางให้งานเขียนที่ง่ายและงดงามอย่างงานเขียนของเดือนวาด พิมวนา ให้เราๆได้อ่านกัน

นี่ไม่ใช่ blog ยกย่องเดือนวาด นะครับ
แต่เป็น blog ที่ชื่นชมและแสดงความชื่นชอบของผมที่มีต่อเจ้าของนามปากกาอย่างเดือนวาด พิมวนา

ชื่นชมและชื่นชอบจริงๆครับ :-)




 

Create Date : 12 เมษายน 2549    
Last Update : 27 มกราคม 2554 20:17:27 น.
Counter : 699 Pageviews.  

6 ปีที่ผมรู้จักเธอ -- Aimee Mann



ย้อนเวลากลับไปเมื่อ ปี 1999 หรือ พ.ศ.2542 เมื่อผมยังเป็นเด็กนักเรียนหัวเกรียนอยู่ที่หาดใหญ่ ผมได้รู้จักกับเธอผ่านทางคอลัมน์แนะนำ soundtrack หนังของคุณนพปฏล เขาได้แนะนำอัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Magnolia ซึ่งในทีแรกผมก็อ่านผ่านๆแต่สิ่งที่เตะตาผมก็คือ ใบปิดหนังนี่แหละที่ทำให้เด็กหาดใหญ่อย่างผมต้องตั้งหน้าตั้งตารอวีดิโอวางแผงอย่างใจจดใจจ่อ(ทำไงได้ หนังแบบนี้ที่หาดใหญ่ไม่เข้าโรงหรอกครับ)



รู้มาว่าเธอเป็นคนร้องเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ และหนังเรื่องนี้ก็ใช้เพลงของเธอเป็นแรงขับเคลื่อนให้หนังเดินเรื่องไป

งานออสการ์ประจำปี 1999 เธอออกมาดีดกีตาร์ร้องเพลง save me ซึ่งได้เข้าชิงในสาขาเพลงประกอบหนังยอดเยี่ยม ผมได้เห็นเธอครั้งแรกและอุทานออกมาในใจว่า "ผู้หญิงอะไร...โคตรเท่ห์!"

ไม่รอช้าผมเข้าร้านเทปและซื้ออัลบั้ม magnolia มาฟัง ฟังครั้งแรกไม่รู้เรื่องเลยหาเนื้อร้องมาอ่านเล่น โห เพิ่งรู้ว่าเธอแต่งเพลงเองทั้งนั้นเลย และเพลงที่เธอแต่งก็ไม่ใช่ธรรมดา คำแต่ละคำที่เธอสรรหามาใช้ ทำเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก ต้องเปิดดิกชันนารีหากันยกใหญ่ สนุกดี 555

ผมจึงชื่นชอบและติดตามผลงานของเธอนับแต่นั้น

เธอร้องเพลงเอง
เธอแต่งเพลงเอง
เธอเล่นดนตรีเอง


6-7 ปีแล้วที่ผมรู้จักกับเธอ
ผมอยากให้คุณรู้จักเธอบ้าง

เธอชื่อ "Aimee Mann"



ยินดีที่ได้รู้จักครับ :-)

ps. ว่างๆผมจะเอาเนื้อเพลงของเธอมาให้อ่านดูนะครับ แล้วจะรู้ว่าเพลงที่เธอแต่งและร้อง "ไม่ใช่เล่น" จริงๆ




 

Create Date : 28 มีนาคม 2549    
Last Update : 27 มกราคม 2554 20:21:01 น.
Counter : 306 Pageviews.  


ปาท่องโก๋เที่ยงวัน
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ตอนนี้สนใจเกี่ยวกับภาษาและวัฒนธรรมจีนครับ มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องภาษาจีนที่สงสัยหรืออยากแลกเปลี่ยน ก็ยินดีมากๆ ครับ :)
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปาท่องโก๋เที่ยงวัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.